เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 30, 2024, 11:53:49 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 24 25 26 [27] 28 29 30 ... 366
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: THE DOUBLE GUN & RIFLE CONNOISSEUR  (อ่าน 1179689 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #390 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2006, 11:16:36 PM »

เพราะผู้ช่วย เลยไม่มีทีว่างเล่า ทำเองก็เป็นแต่เล่าเรื่องดีกว่า
บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #391 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 10:31:08 AM »

พี่FABBRIวันนี้ไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟังหรือครับ ไม่อย่างนั้นผมจะไปอ่านTHE BEST GUNSต่อ Grin อ้อผมอ่านพบในหนังสือเค้าบอกว่าไม้ที่ดีที่สุดที่ใช้ทำพานท้ายต้องของฝรั่งเศษครับแล้วต้องเป็นราก(ตอ)ที่อายุประมาณ50-60ปี แต่เค้าบอกว่าลายไม้ที่สวยที่สุดก็คือพานท้ายปืนที่อันตรายที่สุดด้วยครับ ไม่ทราบว่าพี่มีความคิดเห็นยังไงครับ Huh
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #392 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 11:26:00 AM »

                  มาว่าเรื่องไม้ต่อ หลังจากทำปืนจนเสร็จแล้วก็เริ่มทำสีไม้
    ถ้าเป็นพานท้ายเก่าก็ให้ขัดผิวออก ไม่ว่าจะเคลือบอะไรไว้ก็แล้วแต่ ขัดให้ถึงเนื้อไม้จนสะอาดเหมือนทำใหม่
       ทีนี้ทั้งเก่า และใหม่ก็ทำเหมือนกัน คือ ใช้กระดาษทรายหรือฝอยขัดหม้อ ขนาด หยาบประมาณ เบอร์ 100 ไปจน ละเอียดสุด อาจจะ เบอร์ 800หรือ 1200 จนไม้เรียบเนียน สะอาด ก็น่าจะทาน้ำมันหรือเคลือบชักเงาได้   ยังยังครับ ลองเอาผ้าชุบน้ำ แล้วลูบให้ทั่วไม้ ทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อไม้แห้งก็จะพบว่าที่พานท้ายมีเสี้ยนเกิดขึ้นมา เพราะเมื่อเศษไม้เล็กๆโดยน้ำ ก็จะงอตัวขึ้นมา เราก็ต้องขัดใหม่ โดยเริ่มขัดย้อนลอยเสี้ยนขึ้นไป เมื่อเรียบแล้วก็ ลูบด้วยน้ำอีก ทำเช่นนี้จนแน่ใจว่าหมดลอยเสี้ยน จริงๆแล้ว  จึงนำไปเคลือบได้ ถ้าไม้นั้นเป็นสีขาวซีดๆ  เวลาเอาน้ำลูบก็ให้ใสสีย้อมไม้ผสมลงไปด้วย  ก็จะได้สีไม้ที่เราต้องการ
        การเคลือบให้ไม้ทนทานและดูสวยเท่าที่รู้และที่นิยมกันก็
  1.  เคลือบแล็คเกอร์ชักเงา หรือด้าน  พวกนี้จะสวยเงางาม แต่ไม่ค่อย ทนน้ำทนแดด บางครั้งเก็บไว้ในซองปืนนานๆจะเหนียวติดซอง หรือเก็บไว้ในตู้ที่อากาศถ่ายเทไม่สดวก ก็จะเป็นยางเหนียวๆติดมือ  บางทีโดนน้ำก็จะเป็นฝ้า  วิธีทำต้องถามช่างเฟอรนิเจอร์
  2.  แบบโบราณมากๆ ก็ เอาน้ำมัน ลินซิด (น้ำมันจากเมล็ดฝ้าย)  น้ำมันตังอิ้ว (น้ำมันจากไม้ยืนต้นในจีน) และน้ำมันสน เป็นตัวทำให้น้ำมันสองชนิดเข้ากันได้ดี  เมื่ออุ่นให้น้ำมันเข้ากันดีแล้ว ก็นำมาทาบนไม้ โดยใช้แค่ปลายนิ้วแตะน้ำมันเล็กน้อยทาไปด้วยกดไปด้วยจนทั่วบางๆ แล้วทิ้งไว้จนแห้ง ก็นำมาขัดน้ำมันส่วนที่ไม่ซึมเข้าไปในเนื้อไม้ทิ้งไป แล้วก็ทาน้ำมันใหม่ ครั้งแรกๆ น้ำมันจะซึมเข้าไปในเนื้อไม้เร็วมาก แต่หลายครั้งเข้าก็จะแห้งช้าลงเรี่อยๆ เพราะเนื้อไม้อิ่มตัวไม่ยอมรับน้ำมันอีก ขณะที่เราทาน้ำมันไม่ใช่ทาเฉยๆ ต้องออกแรงกดให้น้ำมันฝังตัวลงไปด้วย ท้ายๆก็ต้องใช้ผ้าช่วยขัดดังภาพคำตอบที่372 สุดท้ายก็ใช้ขี้ผึ้งขัดให้เงา และ อุดรูเสี้ยนไม้ที่ตกค้างอยูให้เต็ม เป็นอันจบ การทำแบบนี้ดีคือ จะไม่มีปัญหากับน้ำและแดด ไม่เหนียวติดมือ และซ่อมแซมง่าย
 3 แบบนี้กำลังนิยมกันมาก วิธีทำเหมือนกับแบบที่ 2 แต่น้ำมันใช้แบบสำเร็จรูป ของอเมริกา ชื่อ TURE OIL จะเป็นทั้งน้ำมันรักษาเนื้อไม้และชักเงาในตัว แต่ควรระวังเวลาทาต้องใช้น้อยมาก พานท้ายหนึ่งอันใช้ทาครั้งละไม่กี่หยดเท่านั้น ถ้าใจร้อนทามากๆแล้วมันจะไม่แห้งเลย เมื่อทาไปหลายๆชั้นก็ดูเหมือนทาแล็คเกอร์ และเงางาม ยิ่งถูกเหงื่อแล้วขัดก็จะเงามากขึ้น ขัดด้วยมือเปล่า ยิงไปก็ลูบไป
   เมื่อเรียบร้อยแล้วก็นำไปเช็คเกอร์ ลายกันลื่น หยาบหรือละเอียดก็แล้วแต่ ถ้าไม้ที่ดี จะทำได้ละเอียดมาก ถ้าไม้ไม่ดีแล้ว ต้องทำลายหยาบๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 05, 2009, 03:14:02 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #393 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 11:29:16 AM »

[เค้าบอกว่าไม้ที่ดีที่สุดที่ใช้ทำพานท้ายต้องของฝรั่งเศษครับแล้วต้องเป็นราก(ตอ)ที่อายุประมาณ50-60ปี แต่เค้าบอกว่าลายไม้ที่สวยที่สุดก็คือพานท้ายปืนที่อันตรายที่สุดด้วยครับ ไม่ทราบว่าพี่มีความคิดเห็นยังไงครับ Huh
อ้างถึง
ใช่ ณ ตอนนี้ ไม้ที่ดีกว่านั้นหาไม่ได้แล้ว และ ก็ต้อง ตอไม้อย่างที่ว่า จะได้ลายสวยงาม
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #394 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 04:20:04 PM »

เค้าบอกว่าลายไม้ที่สวยที่สุดก็คือพานท้ายปืนที่อันตรายที่สุดด้วยครับ ไม่ทราบว่าพี่มีความคิดเห็นยังไงครับ Huh

อันตรายยังไงครับ
บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #395 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 08:57:16 PM »

หมายถึงความแข็งแรงของเนื้อไม้น่ะครับพี่เพราะไม่สนิทแน่นเป็นเนื้อเดียวกันครับ
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #396 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 09:11:30 PM »

เอาว่าต่อเรื่อง การใช้ ต่อดีหรือไม่ หรือจะเอาเรื่องอื่นๆ กรุณาให้ความเห็นด้วยครับท่านทั้งหลายที่เข้ามาอ่าน แต่ไม่มีคำถาม และ ความเห็น
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #397 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 09:13:19 PM »

หมายถึงความแข็งแรงของเนื้อไม้น่ะครับพี่เพราะไม่สนิทแน่นเป็นเนื้อเดียวกันครับ
ต้องดู VCD ของ ENNIO จึงเข้าใจ
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #398 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 09:18:58 PM »

ผมอยากฟังชีวประวัติของ Ennio Matterelli

ถ้าไม่สะดวก ก็ประวัติของ Holland & Holland     Purdey    หรือ โรงงานปืนในอิตาลี แล้วแต่พี่จะสะดวก 
บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #399 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 09:26:47 PM »

เอาว่าต่อเรื่อง การใช้ ต่อดีหรือไม่ หรือจะเอาเรื่องอื่นๆ กรุณาให้ความเห็นด้วยครับท่านทั้งหลายที่เข้ามาอ่าน แต่ไม่มีคำถาม และ ความเห็น
พูดจริงๆบางทีเรื่องปืนแฝดนี่ก็ไม่รู้จะถามอะไรครับพี่ ไม่ใช่ว่ารู้หมดทุกอย่างนะครับ ที่ไม่ได้ถามเพราะว่าไม่รู้จักมันมากกว่าก็เลยไม่รู้จะถามตรงไหนดี ก็ปืนเห็นมันกระบอกเล็กๆชิ้นส่วนก็ไม่น่าจะซักกี่ชิ้นทำไมขั้นตอนการทำมันยุ่งยากเหลืดเกินแล้วก็แพงขนาดนั้น พอผมมาเริ่มๆสนใจผมถึงได้รู้ว่ามันแพงเพราะอะไรมันไม่ใช่ของที่ทำได้หมูๆแบบที่คิดแต่ก่อนเลย
 เอาเป็นว่าคุยเรื่องอะไรก็ได้ครับแต่ตอนนี้มีสองเรื่องครับที่อยากทราบคือเรื่องการแกะลายถึงเทคนิค กับอีกอันก็เรื่องปืนแฝดไรเฟิลที่พี่ลูกซองสั้นเคยบอกไว้
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #400 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2006, 09:44:23 PM »

ประวัติ ENNIO มีเล่าหน้าที่10-12 จำไม่ได้แล้ว  ส่วนH&H กับ  puredy มันยาวไปหาอ่านเองก็แล้วกัน
บันทึกการเข้า
Choltit
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 143
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16292



« ตอบ #401 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2006, 09:04:02 AM »

2. แบบโบราณมากๆ ก็ เอาน้ำมัน ลินซิด (น้ำมันจากเมล็ดฝ้าย) น้ำมันตังอิ้ว (น้ำมันจากไม้ยืนต้นในจีน) และน้ำมันสน

ฝรั่งรู้จักน้ำมันตังอิ้วด้วยเหรอครับ ?
บันทึกการเข้า

Iamshootinghere
Sr. Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 552


« ตอบ #402 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2006, 01:25:30 PM »

2. แบบโบราณมากๆ ก็ เอาน้ำมัน ลินซิด (น้ำมันจากเมล็ดฝ้าย) น้ำมันตังอิ้ว (น้ำมันจากไม้ยืนต้นในจีน) และน้ำมันสน

ฝรั่งรู้จักน้ำมันตังอิ้วด้วยเหรอครับ ?

 Grin Grin Grin

ผมก็ไม่รู้จัก
บันทึกการเข้า

"You not the only one who makes mistakes, but they're the only thing that you can truly call you own"
Billy Joel
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #403 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2006, 07:06:35 PM »


ฝรั่งรู้จักน้ำมันตังอิ้วด้วยเหรอครับ ?
อ้างถึง
ลืมไปแล้วว่ามันเรียกอะไร มันอธิบายก็ไม่เข้าใจ  เลยขอตัวอย่างเอากลับมาถามช่างไม้ เชี่ยงไฮ้ เขาก็บอกว่านี่น้ำมันตั้งอิ้ว และ วิธีลงน้ำมัน ก็เข้าใจว่าเอาไปจากจีน
  นึกออกแล้วเขาเรียก TUNG OIL คนไทย เรียก น้ำมันมะเยา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 26, 2006, 07:38:42 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #404 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2006, 08:40:32 PM »

เกือบเสียเชิงเลยถ้าตอบไม่ได้
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 24 25 26 [27] 28 29 30 ... 366
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.053 วินาที กับ 24 คำสั่ง