เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 01, 2024, 01:39:41 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 26 27 28 [29] 30 31 32 ... 366
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: THE DOUBLE GUN & RIFLE CONNOISSEUR  (อ่าน 1175876 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 402 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #420 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2006, 08:47:57 PM »

แล้วระบบ บลิทซ์ ล๊อค ละครับ..





ไม่เข้าใจครับ อาจารย์ ไม่ได้เล่าไว้ หมายถึง ระบบลั่นไก หรือ ระบบ ลอ็ค ลำกล้อง ระบบ ล็อค ลำกล้องมี หลายระบบมาก  ขอความกรุณา ขยายความอีกนิด ว่าเป็นแบบใด เปิดตำราไม่ทันเหมือนกันอย่าว่าอย่างโน้อย่างนี้เลย
  น่าจะเป็น ระบบ Lock Barrels มากกว่า ที่เราเห็นปืน เยอรมันมีปีกที่ยื่น ออกมาจาก โคนรังเพลิงแล้วมีรู สองรูนั้น เพื่อให้ สลักร้อยเข้าไป นะครับ ต้องขอขอบคุณที่มีคำถามเข้ามา ด้วยความยินดี ขอบคุณอีกครั้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:42:47 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #421 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2006, 09:31:20 PM »

ขอนอกเรื่อง นิดๆ เรื่อง หัวข้อ  ปืนในฝันของผม โดยท่าน ชลทิศ ว่าปืนของ บ. เบียร สั่งเข้ามาราคา 5 ล้าน นั้น เป็น Browning นั้น เป็น คำตอบที่ ผิดครับ คำตอบที่ถูกต้องคือ คำตอบที่ถูกต้องคือๆๆ Purdey ครับ
  ในหัวข้อ เป้าบิน ของท่าo โชกุน คนที่ยิงนั้น เป็น เซลแมนขายปืนครับ บุคคลพวกนี้ จะมี ความสามารถพิเศษ ที่คนทั่วไปไม่มี แต่ยิงในแบบที่เขาต้องการเท่านั้น แบบสากลทั่วไป ถ้าทำได้คง ได้เหรียญ ทอง โอลิมปิค หลายครั้ง  มีอีกคน ที่น่าสนใจ ชื่อ TOM FLy  เมื่อ หลายสิบปีก่อน แกใช้ ปืน เรมิงตัน รุ่น ไนล่อน 66 ขนาด .22 LRตัวปืนทำด้วยไนล่อน ลำกล้อง เป็นเหล็ก ชิ้นส่วนบางชิ้นเป็นเหล็ก แต่ส่วนมาก เป็นไนล่อน เป็นปืน โอโต้ บรรจุ กระสุน เป็นหลอด ทางตูด( ขออภัยใช้คำไม่สุภาพ) พานท้าย เมื่อ ปี 2518 ราคา 1800บาท แพงกว่า CZ เล็กน้อย  ยิง ก้อนไม้ สี่เหลี่ยม ขนาด 4x4 นิ้ว โดยมีผู้ช่วยโยนขึ้นไปในอากาศ แล้วเขายิง ไปทั้งหมด 100000นัด ไม้ 100000ก้อน พิมพ์ไม่ยิดครับ หนึ่งแสน นัด  ยิงหลายวัน จนวันท้ายๆ มี ออก ทีวี สดด้วย เขายิงผิดไปไม่ถึง 10 นัด หรือกว่า ไม่มาก จำไม่ได้แล้ว เพราะ อ่านตั้งแต่ปี 2518 คนนี้เป็น เซลแมนขายปืน เรมิงตัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:43:14 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #422 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2006, 09:33:54 PM »

ผมรีบไปครับเดี่ยวกลับมาคุยด้วยต่อครับทุกท่าน
บันทึกการเข้า
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #423 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2006, 10:04:16 PM »

แล้วระบบ บลิทซ์ ล๊อค ละครับ..
ไม่เข้าใจครับ อาจารย์ ไม่ได้เล่าไว้ หมายถึง ระบบลั่นไก หรือ ระบบ ลอ็ค ลำกล้อง ระบบ ล็อค ลำกล้องมี หลายระบบมาก  ขอความกรุณา ขยายความอีกนิด ว่าเป็นแบบใด เปิดตำราไม่ทันเหมือนกันอย่าว่าอย่างโน้อย่างนี้เลย
 น่าจะเป็น ระบบ Lock Barrels มากกว่า ที่เราเห็นปืน เยอรมันมีปีกที่ยื่น ออกมาจาก โคนรังเพลิงแล้วมีรู สองรูนั้น เพื่อให้ สลักร้อยเข้าไป นะครับ ต้องขอขอบคุณที่มีคำถามเข้ามา ด้วยความยินดี ขอบคุณอีกครั้ง
เป็นระบบลั่นไกครับ พัฒนาโดย Rottweil Blitz เห็นว่าพัฒนามาจากระบบลั่นไกของ แอนสัน แอนดีเล่ย์  ผมอ่านในหนังสือปืนลูกซอง ของ วิทยา สุขสมโสตร รายละเอียดไม่มาก ผมเลยอยากให้ท่าน FABBRI ช่วยอธิบายเพิ่มเติม..
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #424 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2006, 10:24:33 PM »

น่าจะเป็น rottweil paragon ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย ไม่ได้อ่าน เล่มนั้นด้วยครับ ก็เหมือน กับ ชุดลั่นไก ของ Perazzi  กับ Beretta ที่เลียนแบบแล้วเรียกชื่อให้แปลกออกไป แต่ระบบ ก็เหมือนเดิม คือ นกใต้เข็ม นกแทนที่จะเป็น นกสัปลงไปเหมือนฆ้อน กลับเป็นแท่งตรงๆ คนออกแบบให้เหตุผล ขณะยิงหลังจากเหนี่ยวไกแล้วนกตีลงไป ทำให้ปืนสั่น ชุดลั่นไกนี้ นกจะเลื่อนไปตรงๆ  ปืนก็จะนิ่งกับที่ นายคนออกแบบนี้ คิดมากไป แถมอีกนิด ปืนนี้ออกแบบล่าสุด ทันสมัยที่สุด และแพงเกินจนคนไม่ใช้  ที่แน่กว่านั้นอีก คือ eJector ไม่ต้องใช้สปริง ใช้ แก้สครับ ที่ปลาย รังเพิลง ต่อ กับลำกล้อง มี รูให้แกสออก เรา สามารถ เปิด ให้ปลอกดีด หรือ ปิด ไม่ให้ดีด ได้ด้วย และคนออกแบบก็คนเดียวกับ ออกแบบ MX8 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:43:47 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #425 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 10:06:55 AM »

เรื่องระบบของปืนแฝดนี่ถ้าจะพูดกันก็คงยาวมากเลยครับพี่เพราะแต่ละโรงงานก็พัฒนาระบบแตกต่างกันออกไปมากมาย หนังสือปืนลูกซองของคุณ วิทยา สุขสมโสตร เล่มนั้นผมก็มีครับก็นับว่าเป็นหนังสือที่ดีครับพี่ FABBRI แต่ผมเองกับไม่ค่อยสนใจเรื่องระบบในตัวปืนมากนัก(นี่ถือเป็นข้อเสียอย่างใหญ่) แต่ผมกับให้ความสนใจในเรื่องของ ART OF ENGRAVING มาเป็นอันดับหนึ่งครับ ปืนแฝดพวกนี้ความแพงหลักๆขึ้นอยู่กับการแกะลายและไม้เป็นหลัก ผมขอยกตัวอย่างปืนของ PERAZZI รุ่น Grand American Special
ปืนระบบเดียวกันแต่ลายที่แกะและไม้มีความระเอียดต่างๆกันราคาก็ต่างกันมากครับ
Standard $5250
SC3 $6500
SCO $8000
Gold $10000
Gold With Sideplates $15000
Extra $17000
Extra Gold $23000
เพราะการซื้อปืนพวกนี้หมายถึงเราซื้องานศิลปะราคาจึงแพงมากครับ
 ผมยังน้องใหม่เรื่องปืนครับคงยังต้องศึกษาหาความรู้กันอีกนานครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน อย่างที่หลายๆท่านบอกไว้ครับว่าหาความรู้ให้ดีๆก่อนแล้วค่อยไปหาซื้อปืน ของผมระหว่างหาความรู้ก็หาเงินไปพร้อมๆกันด้วยครับ พอมีความรู้แล้วก็คงมีเงินพอซื้อปืนพอดีเช่นกัน หัวเราะร่าน้ำตาริน
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:44:13 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #426 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 01:11:52 PM »

ผมเองก็มีหนังสือปืนลูกซอง ฉบับดังกล่าวครับ ซื้อเก็บเอาไว้นานแล้ว เพิ่งจะได้อ่านก็หลังจากที่เห็นกล่าวถึง ระบบ Blitz lock นี่แหละ ในเล่มหน้า 71 มีการกล่าวว่า Perazzi MX 8 เป็นปืนระบบ Blitz lock เพราะสามารถถอดชุดลั่นไกออกมาได้โดยสะดวก

ผมเองต้องขอยอมรับว่าศึกษามาไม่ทั่วถึง แต่ว่า โรงงาน Perazzi เรียกปืนของตัวเองเป็นระบบ Box lock ครับ แต่เพิ่มเติมว่า Detachable trigger group

จะผิดหรือจะถูก ยังไงผมต้องขออภัยไว้ก่อนครับ ผมเรียกตามที่โรงงานผู้ผลิตเรียกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:44:35 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #427 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 02:22:01 PM »

ผมถูกพี่ Fabbri ตามกลับมาทำการบ้านครับ หลงดีใจว่าพี่ท่านพิมพ์เก่งขึ้นมากเลย และผมก็ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยแล้ว แฮะ ๆ ยังหลบไม่พ้นครับ เอาว่า ขอแก้ตัวเป็นส่งรูปมาดูกันพลางๆก่อนนะครับ

เรื่องรูป Perazzi ที่พี่ Fabbri กล่าวถึง ดูรูปในเวป ไม่ค่อยชัดเลย ผมเลยดึงรูปปืนอื่นมาแทน คงจะยอมรับกันได้นะครับ


การแกะลายปืนที่ดีๆ แบบโบราณ เราก็คนโบราณ นั้น มี 4 วิธี แต่ปัจจุบับมีทั้ง กรดกัด เลเซอร์ยิง ป้ำตามแบบแล้ว ให้เด็กหัดแกะตามรอย พวกนี้เราจะพบว่า เป็นปืนโหลที่กี่กระบอกลายก็จะเหมือนกันหมด ถ้าลายที่ทำด้วยมือล้วนๆแล้วถึงแม้นจะเป็นลายเดียวกัน ที่ลอกจากแบบพิมพ์มา ช่างแกะก็คนเดียวกัน ก็จะไม่มีทางหมือน เพราะ อารมณ์ ขณะแกะไม่เหมือนกัน เหมือนเราเขียนหนังสือจะให้เหมือนกันทุกตัวนั้นยากมาก
 แบบที่ 1 ก็คือ Scriber engraving [punta e martello ] คือเมื่อเราวาดลายแล้ว ช่างก็จะเอา เหล็กสกัด แต่เล็กๆนะครับ แล้วเอาฆ้อนเล็กและยาว ตอกสกัดเอาเหล็กส่วนที่ไม่ต้องการออกไป เพื่อให้เกิดลายนูนขึ้นมา ส่วนมากจะเป็นปืนทั่วไปที่มีแกะลาย เช่น Perazzi ลายที่ 124 136 137 เป็นต้น




 แบบที่ 2 ก็คือ Graver engraving [bulino] คนไทยมักจะรู้จักกันว่าแลลาย คือใช้ เหล็กแลลายที่เราเห็นเขารับจ้างแกะชื่อป้ายหน้าอก หรือช่างแลลายกรอบพระ ลายพวกนี้จะเป็นเส้นบางๆ ไม่ลึก แต่เป็น สามมิติ มักจะเป็นพวกรูปสัตว์ หรือรูปคน Perazzi ลายที่834 835 836


 แบบที่ 3 ก็คือ Chasing [cesellatura] ก็คือการ ตอกลาย โดยการตอก คล้ายกับแบบที่ 1 แต่แบบที่ 1 ขุดเอาเนื้อโลหะออกไป แต่แบบนี้ ใช้ตอกให้โลหะยุบตัวลงไป ในส่วนที่ไม่ต้องการ แล้วโลหะที่ต้องการจะนูนขึ้นมา เหมือนที่ทางเชียงใหม่ ทำพวกเงินหรือดีบุก แต่ปืนนี่เป็นเหล็กและ พื้นที่ไม่กว้าง แถมลายละเอียดมีมาก เป็นการทำที่ยากมากและใช้เทคนิคมาก คนที่ทำได้สวยมีไม่กี่คน ในอิตาลี่


 แบบที่ 4 ก็คือ Inlaying [rimesso] ก็คือการ คร่ำทอง เป็นการฝังทองลงไปในเหล็ก ที่เราเห็นว่ามีแผ่นทองรูปต่างๆบนปืนนั้นไม่ใช่เอาแผ่นทองแปะลงไป ถ้าทำเช่นนั้นยิงไม่กี่ที่ก็หลุดหมด วิธีทำก็คิอส่วนที่เราจะฝังทองลงไป ให้เอาสิ่วตอกลงไปตรงๆ จากนั้นก็ตอกไปทางซ้าย และ ทางขวา ก็จะเกิดรูปสามเหลี่ยมหงาย (ภาษาช่างเรียกเทเปอร์หรือเปล่า ) ในเนื้อเหล็ก ( ถ้านึกไม่ออกก็นั่นเลย ศูนย์ ปืนcolt .45 1911 ตอกศูนย์หลังออก ก็จะเกิดร่องรูป สามเหลี่ยมบนโครงสะไล้ด นั่นแหละใช่เลย ) จากนั้นก็เอาลวดทอง ขนาดเส้นผมวางบน ยอดสามเหลี่ยมแล้วก็เอาฆ้อนตอกเบาๆเนื้อทอง ก็จะลงไปอุดในช่องว่างนั้น ส่วนฐานจะใหญ่กว่าส่วนยอด ทองเลยไม่หลุดออกมา ส่วนจะให้เกิดสี ก็ผสมทอง ให้เป็นสีต่างๆ เช่นสีเขียว ก็เอาทองผสมเงิน ถ้าสีแดงก็เอาทองผสมทองแดง เป็นต้น ดูรูป Perazzi 85 86 87
 การแกะลายก็มีอยู่เท่านี้





บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #428 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 02:51:55 PM »

ผมค้างเรื่องภาษาไทย(ปืน) ซึ่งผมเคยบอกว่าจะหาหลักฐานมายืนยัน เชิญทอดทัศนา

Rib  =   หลังถนน

Extractor =  ออโตเมติก อีเจ็คเต้อร์  (ขอดีดปลอกอัตโนมัติ)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 29, 2006, 09:14:16 PM โดย ลูกซองสั้น » บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #429 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 03:07:12 PM »

Lever =  หางเหยี่ยว




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 29, 2006, 09:06:47 PM โดย ลูกซองสั้น » บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #430 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 03:17:22 PM »

ต่อไปแถมภาพจากสมาคมยิงเป้าบินครับ ปี 2518 ใครเป็นใครดูกันเอาเอง ภาพสมัยคุณอายังหนุ่มมากกกก




บันทึกการเข้า
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #431 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 04:09:18 PM »

ต้องเรียกคุณลุง FABBRI แล้วหละ..ท่านที่กำลังยิงเป้าใช่ไหมครับ?
ตอนนั้น ผมอายุแค่ สี่ขวบ..
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #432 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 07:53:03 PM »

ก่อนอื่นต้องขอบคุณ ท่านลูกซองสั้น ที่กรุณาลงรูป ปืนแกะลายแบบต่างๆ และ รูป สมาคม เป้าบินเก่าๆ 3-4ท่านในนั้น เสียชีวิตไปแล้วหลายปี
  ส่วนเรื่องหางเหยี่ยว มีอีกจุดหนึ่งที่เขาเรียกกัน ก็ตรงที่ก้านเปิด แผ่น Side lock ต้องหมุนหางเหยี่ยวนี้เพื่อคลาย สกรู เปิดแผ่นข้างๆ
   ส่วนท่าน mosino ต้องขอขอบคุณอย่างมากที่ช่วยถาม เรื่อง Blitz Lock เป็นLock ที่ลืมกันไปหมดแล้ว ปัจจุบัน เขาใช้ Box Lock แบบ Removable trigger  interchangeable trigger  Detachable trigger
  Blitz เป็นภาษา เยอรมัน แปลว่า สายฟ้า จู่โจมรวดเร็ว ในทางทหาร การที่เขาออกแบบมาให้ถอดชุดลั่นไกได้รวดเร็วจึงใช้คำนี้ บางที่มันก็เร็วเกินไป จนหลุดเองขณะที่ไม่ตั้งใจ เช่น ASE 90 จึงต้องออกแบบใหม่เป็น ASE GOLD  DT 10
  Blitz  Merkel System ใช้ครั้งแรก กับปืน Merkel O\U เพราะออกแบบโดย เมอรเคิล แต่ทำไม่นานก็เลิก รายละเอียดมีน้อยมากเท่าที่หาได้ ไม่กี่บรรทัดเท่านั้น จากหนังสือ  Austrian & German guns and rifles หน้า 53
  ต่อมาทางอิตาลี่เอาไปปรับปรุงแก้ไข จนปืนแข่งต้องใช้ ระบบนี้ ยังตามหา คนออกแบบ MX8 และ Paragon ไม่พบ จะได้ถามรายละเอียด และ ต่อว่าทำไมไม่เล่าให้ฟัง (หรือเล่าแล้วเราลืมเอง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:45:38 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #433 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2006, 09:32:33 PM »


 ส่วนเรื่องหางเหยี่ยว มีอีกจุดหนึ่งที่เขาเรียกกัน ก็ตรงที่ก้านเปิด แผ่น Side lock ต้องหมุนหางเหยี่ยวนี้เพื่อคลาย สกรู เปิดแผ่นข้างๆ

ผมไม่เคยรู้เลยครับ ว่าตรงก้านหมุนเปิด side plate คนไทยเรียกว่า หางเหยี่ยว

บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #434 เมื่อ: มิถุนายน 30, 2006, 12:01:47 PM »

อ่านจากรูปที่พี่ลูกซองสั้นนำมาลงนั้นแสดงว่าพี่(คุณอาดีกว่ามั้ยครับ)FABBRIนี่เป็นรุ่นบุกเบิกสนามเลยหรือครับนี่ ตอนปี18ผมอายุ3ขวบเองครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 26 27 28 [29] 30 31 32 ... 366
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 24 คำสั่ง