เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 01, 2024, 01:20:15 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 28 29 30 [31] 32 33 34 ... 366
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: THE DOUBLE GUN & RIFLE CONNOISSEUR  (อ่าน 1172299 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 85 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #450 เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2006, 12:43:47 PM »

นางงามแต่ละคนสวยมากครับพี่
บันทึกการเข้า
Iamshootinghere
Sr. Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 552


« ตอบ #451 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 08:08:00 AM »

ไปลองยิงของท่านโชกุนมาแล้วครับ เป็น SxS ที่นิ่มมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 04, 2006, 07:38:23 AM โดย Iamshootinghere » บันทึกการเข้า

"You not the only one who makes mistakes, but they're the only thing that you can truly call you own"
Billy Joel
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #452 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 07:49:14 PM »

เรื่อง side lock ท่านลูกซองสั้น บรรเลงทั้งรูปและ ภาพ แล้วก็คงไม่ต้องเล่าอะไรมากนัก เพียงแต่ว่า Side lock ชุดนกและ เซีย อยู่ที่ฝาประกบข้าง เท่านั้น เพื่อที่จะถอดทำความสะอาดได้สดวก ( Box lock ของ  westley richards ที่ออกแบบ ปี 1897 ก็ถอดได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ) กลไกจึงต้องทำด้วยความปราณีต  ส่วน สปริงนกสัป จะเป็น แหนบ ภายหลังมีขดสปริง จึงได้ออกแบบ Box lock (เป็นความเห็นส่วนตัว) แหนบ สปริงก็มีทั้งด้านหน้า และด้านหลัง บางแบบเช่น Purdey ยังเป็นตัวช่วยให้เปิดลำกล้องเองด้วย คือ เพียงแค่บิดหางปลา ลำกล้องก็จะเปิดเอง และ ที่แพงเพราะ นอกจากต้องทำปราณีตกว่ามากแล้ว  รวมถึงพานท้ายที่อยู่ในโครงปืน อีกอย่างที่แพง ปืนSide Lock จะใช้ลำกล้องแบบ  Chopper lump  คือ ตั้งแต่ โคนลำกล้อง ถึงปลาย รวมถึง ชุด Lock ลำกล้องกับโครงปืน จะเป็น เหล็ก ชิ้นเดียว ส่วนmonoblockมักจะใช้กับปืน Box Lock ที่ราคาถูกกว่า ชุด Lock ลำกล้องกับโครงปืน และ รังเพลิง จะเป็นท่อนเดียว มากัดเซาะให้ได้ตามต้องการ แล้วนำลำกล้องมาสรวม ขันเกลียวเข้าไป แล้วทำเป็นลายตรงรอยต่อ มี โรงงานปืนใน อเมริกา ทำแฝดไรเฟิล ได้ถูกมากอย่างไม่น่าเชื่อ ราคา .470 Rigby ไม่เกิน $2000 ที่ทำได้เพราะ เขาซื้อ ปืน ลูกซองแฝดของ Spain มาถอดลำกล้องออกจาก Monoblock แล้วเอา ลำกล้อง .470 ใส่เข้าไปแทน แต่ ๆ แต่ ๆ ใช้ไม่นานก็จะคอน(หลวม) เคยพบที่ อัฟริกา ใช้ยิงไม่ถึง 50 นัดก็หลวมแล้ว ส่วนมาก พวก พรานคุ้มกันชอบใช้ เพราะ ราคาถูก ยิงไม่มากนัก ไม่ต้องแม่น เพราะ ยิงไม่เกิน 20 เมตร  แบบที่คนนิยมมากที่สุด คงจะเป็น แบบที่มี  9 Pin ก็คือ H&H 
  อีกสักครู่จะเล่า ถึงปืน Skeet & Trap ที่รับปากไว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:48:20 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
jib
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 27


« ตอบ #453 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 09:29:49 PM »

มีคำถามหลายข้อ ขอถามคุณFABRI จะตอบรวมๆกันไปก็ได้นะคะ

*   ปืนลูกซองที่มี 2 ไก นั้น กลไกแต่ละชุดแยกการทำงานเป็นอิสระจากกันเด็ดขาดหรือไม่ หากชุดลั่นไกชุดหนึ่งเสีย อีกชุดจะลั่นไกอีกลำกล้องหรือไม่

*    การรมดำปืน ที่ว่าเอาไปต้มไปแช่ในน้ำยาเคมีต่างๆนั้น  ปืนของจิ๊บข้างในทั้ง 2 ลำกล้องเป็นมันๆวาวๆ คงจะเรียกว่า chrome (ไม่รู้ผิดไม๊ )  จะกระทบกระเทือนหรือทำให้ผิวมันๆวาวๆในลำกล้องไม๊คะ

*    ดูยังไงว่าลำกล้องใดมีโช๊คแบบใด  ดูด้วยตาจิ๊บเอง  ลำกล้องบนหนากว่าลำกล้องล่าง  เคยยิง ...ป่า กำลังบินด้วยไกหลัง 1นัดเป็นลำกล้องบน ร่วงเลยค่ะ  เดินวัดระยะดูได้ประมาณ 80 เมตร  ลำกล้องบนถีบแรงกว่าลำกล้องล่าง

เพิ่งมาอ่านนะคะ ไม่ทราบถามซ้ำกับคนอื่นรึเปล่า ขออภัย และขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #454 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 10:00:03 PM »

ข้อ 1 ถ้าเป็น สองไก ถ้าเสียข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งยังจะใช้ได้  ถ้าไกเดี่ยวต้องดูว่าเสียที่จุดใด
     2  ไม่มีปัญหากับ hard chrome
     3  ใช้เครื่องมือวัด แต่ ส่วนมากที่โคนลำกล้อง ใต้กระโจมมือ จะมีเครื่องหมายบอก เป็น 0 หรือ ดาว ถ้าน้อย ก็แคบ ถ้ามากก็กว้าง  หรือ เขียนเป็นอักษรเลย  ลองดูหน้าเก่าๆ จะมีเล่าไว้ ถ้า ยิงได้ไกล ขนาดนั้น ก็ super guns แล้ว ที่เคยเห็น ก็ต้อง 3 นิ้วแมกนั่ม กับ มาลินลูกเลื่อน 36 นิ้ว ยอมรับครับ ไม่เคยยิง พวกปีกบินหรือสี่ล้อเล็ก ไกลขนาดนั้น
บันทึกการเข้า
jib
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 27


« ตอบ #455 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 10:13:16 PM »

ขอบคุณค่ะคุณFABRi   Wink 
จิ๊บเดินวัดดู 80 ก้าว ขาจิ๊บอ่ะค่ะ ไม่รุถึง 80 เมตรรึเปล่า...อิอิ  :Smiley

รมดำนี่ถ้าเอากระดาษทิชชูถูๆๆๆจนน้ำมันบนลำกล้องปืนแห้งหายไปแล้ว เราเอา สีกระป๋อง สีดำด้านพ่นเอาจะเป็นไรไม๊คะ  ถ้าสีด้านๆคงไม่สะท้อนแสงนะคะ   ตกใจ
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #456 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 10:21:24 PM »

เป็นครับ 1 สีไม่ติด เช็ดอย่างไรนำมันก็ไม่หมด ต้องใช้น้ำยาล้างน้ำมัน สีจึงพ่นติด
             2 เมื่อสีติดแล้ว เกิดความชื้น ภายใน ปืนก็เป็นสนิม ถ้าไม่พ่นสี ยังมองเห็น เมื่อพ่นสีแล้วไม่เห็น จะเห็นอีกทีก็ขึ้นอืดแล้ว คือ เป็นสนิมขุมจนมันพอง ทั้งป่องทางสีและกินลึกลงไปในเหล็ก
บันทึกการเข้า
jib
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 27


« ตอบ #457 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 10:33:19 PM »

อูยยย...น่ากลัวจังค่ะ   Shocked  ไม่เอาแล้ว   ไม่ซนแล้ว   เอาไว้อย่างนี้ยังดีกว่า ขยันเช็ดน้ำมันบ่อยๆ แม้ตอนนี้ลำกล้องจะไม่ค่อยสวย ก็ยังดี เพราะตัวจิ๊บเองอยู่ต่างจังหวัด แบบชนบทอ่ะค่ะ ไปไหนมาไหนจะเอาปืนเข้าเมืองก็ลำบาก เดี๋ยวมีปัญหาจุกจิกวุ่นวายแบบที่เค้าโดนๆกันนั่นนะค่ะ

ขอขอบคุณ คุณFABBRI อีกครั้งค่ะที่กรุณาให้คำแนะนำ    หลงรัก
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #458 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2006, 10:40:02 PM »

ขอบคุณครับ ที่ตั้งคำถาม เล่าคนเดียวบางทีก็เบื่อ ยินดีตอบครับ
บันทึกการเข้า
KB20
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 841
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2854


« ตอบ #459 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2006, 05:21:32 AM »

              ไม่ใด้เข้ามาอ่านซะหลายอาทิตย์  เข้ามาอีกทีใด้อ่านรวดเดียวยี่สิบกว่าหน้า  โอ้โหพี่ FABBRI ลงแข่งเป้าบินเมื่อปี 18 ตอนนั้นผมอายุขวบเดียวเองครับ    ผมยังติดตามผลงานในเวปนี้ของพี่ต่อไปครับใด้ความรู้มาก  แต่ผมยังไม่มีคำถามที่จะถามพี่นะครับยังต้องอ่านหาความรู้เพิ่มอีกมาก
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #460 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2006, 07:19:01 PM »

ตอบท่าน kb20 เมื่อปี 18 ผมแค่ไปเดินเล่ารอบๆสนาม รอเพื่อนเท่านั้น เรื่องอะไรเสียเวลา เสียกระสุน มายิงกระเบื้อง ยิงนกสนุกกว่า สมัยนั้นยิงนกไม่ถูกจับครับ เป็นราชาเลย นั่งหัวเรือมีที่นั่งอย่างดี มีคนถ่อ ข้าวเขียวมีรวงออ่นๆ ลมพัดออ่นตอนเช้า แดดไม่ร้อน อากาศเย็น น้ำในนาใส ปลาแหวกว่าย บรรยากาศสดชื่น สวยมาก ไม่ไกล แค่ทุ่งรังสิต  ธรรมศาสตร์ นี่เอง เพราะมีใบอนุญาต ให้ล่าสัตว์ ของกรมป่าไม้ จนมีผู้ใหญ่ในสนามดุเอา ว่าชอบยิงนก  ก็เลยมายิงเป้าครึ่งหนึ่ง ยิงนกครึ่งหนึ่ง เมื่อ ราวๆปี 2523 จากนั้นก็ลดยิงนกมายิงเป้า 100% ในปัจจุบับ ก็ลด ยิงเป้าไปครึ่งหนึ่ง ยิง คุณ นก คุณ กระต่าย ครึ่งหนึ่ง เอ้าเล่าเพลิน ไม่ใช่ ทำงานหนักขึ้นนะ ยุค IMF ก็ต้องตามกระแส
         ข้อความที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผิดพลาดประการใดก็ขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว
  ขอเล่านิดหน่อยเผื่อท่านที่ไม่เคยไปสนามเป้าบิน หรือ อบรมยิงเป้าบิน เขามีweb นะใครสนใจก็เข้าไปดู
     กีฬายิงเป้าบินถือกำเหนิดมาแต่สมัย กรีกโบราณ โดยการโยนผลไม้ไปในอากาศ แล้วใช้ธนูยิง  ต่อมาเมื่อมีปืน ก็เอานกพิลาปใส่ไว้ใต้ หมวก เมื่อพร้อมก็กระตุกให้หมวกเปิด นกก็จะบินแล้งยิง ต่อมาก็ทำเป็นกล่อง 5 ใบ ใส่นก ไว้ พอคนยิงเรียก ก็เปิด ให้นกบินไป  มีลูกเล่นคือ เด็ดขนปีก ขนหาง ออกบางเส้น นกจะได้บินไม่ตรงทาง เมื่อประมาณ 30ปีก่อน ยังเห็นมีแข่งพนัน ที่อิตาลี่  บางที่ก็ขีดวงกลม มีคนซ่อนนกไว้ข้างหลัง คนยิงก็อยู่ในวงกลม เมื่อพร้อม เขาจะโยนนกไปบนอากาศ แล้วให้คนยิงนก กติกาคือต้องยิงนกให้ตกในวงกลม คนยิงก็ชนะ ถ้าออกนอกวงกลม คนยิงก็แพ้ มีการพนันกันหนักมาก ระหว่างคนโยนกับคนยิง ใครถือหางข้างไหนก็ลงขันกัน ในปัจจุบันยังมีการพนันนี้ใน อเมริกาใต้ และยังมีการผลิตปืนชนิดนี้ อยู่ ที่เขาเรียก Pigeon gun ต่อมาเขาก็ใช้เครืองดีดเป้าแทนเพราะมีการต่อต้านจากพวกรักสัตว์ เมื่อแรกๆ ใช้ลูกแก้วใส่ขนนก แล้วโยนไปในอากาศ ต่อมาก็มีกฏกติกามากขึ้น จนในปัจจุบัน แช้มเปี้ยน คนแรก มื่อปี 1872         ขอส่งก่อนนะครับเดี๋ยวเล่าใหม่กลัวกดผิดเลยลบหมด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 07, 2009, 12:49:01 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า
SEK
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #461 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2006, 08:10:18 PM »

ตอบท่าน kb20 เมื่อปี 18 ผมแค่ไปเดินเล่ารอบๆสนาม รอเพื่อนเท่านั้น เรื่องอะไรเสียเวลา เสียกระสุน มายิงกระเบื้อง ยิงนกสนุกกว่า สมัยนั้นยิงนกไม่ถูกจับครับ เป็นราชาเลย นั่งหัวเรือมีที่นั่งอย่างดี มีคนถ่อ ข้าวเขียวมีรวงออ่นๆ ลมพัดออ่นตอนเช้า แดดไม่ร้อน อากาศเย็น น้ำในนาใส ปลาแหวกว่าย บรรยากาศสดชื่น สวยมาก ไม่ไกล แค่ทุ่งรังสิต ธรรมศาสตร์ นี่เอง เพราะมีใบอนุญาต ให้ล่าสัตว์ ของกรมป่าไม้ จนมีผู้ใหญ่ในสนามดุเอา ว่าชอบยิงนก ก็เลยมายิงเป้าครึ่งหนึ่ง ยิงนกครึ่งหนึ่ง เมื่อ ราวๆปี 2523 จากนั้นก็ลดยิงนกมายิงเป้า 100% ในปัจจุบับ ก็ลด ยิงเป้าไปครึ่งหนึ่ง ยิง คุณ นก คุณ กระต่าย ครึ่งหนึ่ง เอ้าเล่าเพลิน ไม่ใช่ ทำงานหนักขึ้นนะ ยุค IMF ก็ต้องตามกระแส
 ข้อความที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผิดพลาดประการใดก็ขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว
 ขอเล่านิดหน่อยเผื่อท่านที่ไม่เคยไปสนามเป้าบิน หรือ อบรมยิงเป้าบิน เขามีweb นะใครสนใจก็เข้าไปดู
 กีฬายิงเป้าบินถือกำเหนิดมาแต่สมัย กรีกโบราณ โดยการโยนผลไม้ไปในอากาศ แล้วใช้ธนูยิง ต่อมาเมื่อมีปืน ก็เอานกพิลาปใส่ไว้ใต้ หมวก เมื่อพร้อมก็กระตุกให้หมวกเปิด นกก็จะบินแล้งยิง ต่อมาก็ทำเป็นกล่อง 5 ใบ ใส่นก ไว้ พอคนยิงเรียก ก็เปิด ให้นกบินไป มีลูกเล่นคือ เด็ดขนปีก ขนหาง ออกบางเส้น นกจะได้บินไม่ตรงทาง เมื่อประมาณ 30ปีก่อน ยังเห็นมีแข่งพนัน ที่อิตาลี่ บางที่ก็ขีดวงกลม มีคนซ่อนนกไว้ข้างหลัง คนยิงก็อยู่ในวงกลม เมื่อพร้อม เขาจะโยนนกไปบนอากาศ แล้วให้คนยิงนก กติกาคือต้องยิงนกให้ตกในวงกลม คนยิงก็ชนะ ถ้าออกนอกวงกลม คนยิงก็แพ้ มีการพนันกันหนักมาก ระหว่างคนโยนกับคนยิง ใครถือหางข้างไหนก็ลงขันกัน ในปัจจุบันยังมีการพนันนี้ใน อเมริกาใต้ และยังมีการผลิตปืนชนิดนี้ อยู่ ที่เขาเรียก Pigeon gun ต่อมาเขาก็ใช้เครืองดีดเป้าแทนเพราะมีการต่อต้านจากพวกรักสัตว์ เมื่อแรกๆ ใช้ลูกแก้วใส่ขนนก แล้วโยนไปในอากาศ ต่อมาก็มีกฏกติกามากขึ้น จนในปัจจุบัน แช้มเปี้ยน คนแรก มื่อปี 1872 ขอส่งก่อนนะครับเดี๋ยวเล่าใหม่กลัวกดผิดเลยลบหมด

...ขอเชฟไว้ก่อนกลัวลบ-แก้ไข จะเอาไปให้ซ้อดู...อิอิ
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #462 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2006, 08:14:53 PM »

ไม่มีปัญหา ซ้อ ชื่อ คุณ หนู
บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #463 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2006, 08:17:57 PM »

พี่FABBRIอยากไปนั่งเรือยิงไก่ย้อนอดีตมั้ยครับ Grin ผมเองก็ไปบ่อยครับแต่ในป่าเขื่อนศรีฯ แต่ตอนนี้พี่ๆคงไม่ทำบาปแล้วมั้งครับ ผมเองก็กะว่าจะเลิกยิงนกยิงไก่แล้วละครับสงสารมันเหมือนกัน เดี่ยวจะไปลองยิงเป้าบินดูก่อนครับถ้าสนุกเป็นที่ถูกใจก็จะไม่ล่าสัตว์ทั้งปวงแล้วครับ
บันทึกการเข้า
SEK
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #464 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2006, 08:18:04 PM »

ไม่มีปัญหา ซ้อ ชื่อ คุณ หนู
.....55555...เล่าเรื่องปืนต่อดีกว่าครับพี่....
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 28 29 30 [31] 32 33 34 ... 366
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 23 คำสั่ง