เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 01, 2024, 01:41:26 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 49 50 51 [52] 53 54 55 ... 366
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: THE DOUBLE GUN & RIFLE CONNOISSEUR  (อ่าน 1176199 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 432 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #765 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 03:51:32 PM »

มีคำถามหลายข้อ ขอถามคุณFABRI จะตอบรวมๆกันไปก็ได้นะคะ

*   ปืนลูกซองที่มี 2 ไก นั้น กลไกแต่ละชุดแยกการทำงานเป็นอิสระจากกันเด็ดขาดหรือไม่ หากชุดลั่นไกชุดหนึ่งเสีย อีกชุดจะลั่นไกอีกลำกล้องหรือไม่

*    การรมดำปืน ที่ว่าเอาไปต้มไปแช่ในน้ำยาเคมีต่างๆนั้น  ปืนของจิ๊บข้างในทั้ง 2 ลำกล้องเป็นมันๆวาวๆ คงจะเรียกว่า chrome (ไม่รู้ผิดไม๊ )  จะกระทบกระเทือนหรือทำให้ผิวมันๆวาวๆในลำกล้องไม๊คะ

*    ดูยังไงว่าลำกล้องใดมีโช๊คแบบใด  ดูด้วยตาจิ๊บเอง  ลำกล้องบนหนากว่าลำกล้องล่าง  เคยยิง ...ป่า กำลังบินด้วยไกหลัง 1นัดเป็นลำกล้องบน ร่วงเลยค่ะ  เดินวัดระยะดูได้ประมาณ 80 เมตร  ลำกล้องบนถีบแรงกว่าลำกล้องล่าง

เพิ่งมาอ่านนะคะ ไม่ทราบถามซ้ำกับคนอื่นรึเปล่า ขออภัย และขอบคุณล่วงหน้าค่ะ 
ข้อ 1 ถ้าเป็น สองไก ถ้าเสียข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งยังจะใช้ได้  ถ้าไกเดี่ยวต้องดูว่าเสียที่จุดใด
     2  ไม่มีปัญหากับ hard chrome
     3  ใช้เครื่องมือวัด แต่ ส่วนมากที่โคนลำกล้อง ใต้กระโจมมือ จะมีเครื่องหมายบอก เป็น 0 หรือ ดาว ถ้าน้อย ก็แคบ ถ้ามากก็กว้าง  หรือ เขียนเป็นอักษรเลย  ลองดูหน้าเก่าๆ จะมีเล่าไว้ ถ้า ยิงได้ไกล ขนาดนั้น ก็ super guns แล้ว ที่เคยเห็น ก็ต้อง 3 นิ้วแมกนั่ม กับ มาลินลูกเลื่อน 36 นิ้ว ยอมรับครับ ไม่เคยยิง พวกปีกบินหรือสี่ล้อเล็ก ไกลขนาดนั้น


  ข้อความที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผิดพลาดประการใดก็ขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว
  ขอเล่านิดหน่อยเผื่อท่านที่ไม่เคยไปสนามเป้าบิน หรือ อบรมยิงเป้าบิน เขามีweb นะใครสนใจก็เข้าไปดู
     กีฬายิงเป้าบินถือกำเหนิดมาแต่สมัย กรีกโบราณ โดยการโยนผลไม้ไปในอากาศ แล้วใช้ธนูยิง  ต่อมาเมื่อมีปืน ก็เอานกพิลาปใส่ไว้ใต้ หมวก เมื่อพร้อมก็กระตุกให้หมวกเปิด นกก็จะบินแล้งยิง ต่อมาก็ทำเป็นกล่อง 5 ใบ ใส่นก ไว้ พอคนยิงเรียก ก็เปิด ให้นกบินไป  มีลูกเล่นคือ เด็ดขนปีก ขนหาง ออกบางเส้น นกจะได้บินไม่ตรงทาง เมื่อประมาณ 30ปีก่อน ยังเห็นมีแข่งพนัน ที่อิตาลี่  บางที่ก็ขีดวงกลม มีคนซ่อนนกไว้ข้างหลัง คนยิงก็อยู่ในวงกลม เมื่อพร้อม เขาจะโยนนกไปบนอากาศ แล้วให้คนยิงนก กติกาคือต้องยิงนกให้ตกในวงกลม คนยิงก็ชนะ ถ้าออกนอกวงกลม คนยิงก็แพ้ มีการพนันกันหนักมาก ระหว่างคนโยนกับคนยิง ใครถือหางข้างไหนก็ลงขันกัน ในปัจจุบันยังมีการพนันนี้ใน อเมริกาใต้ และยังมีการผลิตปืนชนิดนี้ อยู่ ที่เขาเรียก Pigeon gun ต่อมาเขาก็ใช้เครืองดีดเป้าแทนเพราะมีการต่อต้านจากพวกรักสัตว์ เมื่อแรกๆ ใช้ลูกแก้วใส่ขนนก แล้วโยนไปในอากาศ ต่อมาก็มีกฏกติกามากขึ้น จนในปัจจุบัน แช้มเปี้ยน คนแรก มื่อปี 1872         ขอส่งก่อนนะครับเดี๋ยวเล่าใหม่กลัวกดผิดเลยลบหมด

--------------------------------------------------------------------------------
เมื่อหลายปีก่อน มีการยิงแข่งเป้าบิน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พร้อมกัน ยิง200นัด มีมือปืนหญิงจากจีน ยิงสกีต ได้เต็มชนะผู้ชาย เขาเลยไม่ให้ผู้หญิงยิงอีกเลย ปัจจุบัน ให้ยิงแล้ว แต่แยกประเภท ท่านลูกซองสั้น เล่าหน่อย รวมทั้ง web เป้าบินด้วย
      เอามาเล่าต่อ
  สกีต สนามจะมีบ้านเล็กบ้านใหญ่ ไม่ใช่ ต้องบ้านสูงบ้านต่ำ บ้านสูง 3.05 เมตร บ้านต่ำ 1.07 เมตร   อยู่ห่างกันประมาณ35เมตร เมื่อดีดเป้าออกไปจะตัดกันที่ 19.2 เมตร จากบ้านทั้งสองหลัง มีแท่นยิง 8 แท่น  แท่นที่ 1กับ 7 จะอยู่ที่ใต้บ้าน สูงและต่ำ แท่น 8 จะอยู่กลึ่งกลางบ้านทั้งสอง ส่วนที่เหลือจะเป็นรูปครึ่งวงกลม ถ้าไม่เข้าใจก็ไปดูในweb เป้าบินก็แล้วกัน
 แทป นั้น จะมีแท่นยิง5แท่น  ห่างไป 15 เมตร ข้างหน้า จะมีเครื่องดีดเป้า 3 เครื่อง ดีดเป้า ครั้งละ 1 เป้า ไปทางซ้าย ขวา หรือ ตรง แล้วแต่โปรแกมที่ตั้งไว้  สำหรับ 1 แท่นยิง มี5แท่นก็มี 15 เครื่อง ทีนี้ สกีต จะดีดเป้าจากซ้ายไปขวา หรือ จากขวาไปซ้าย ในระนาบเดียวกัน การยิงแต่ละแท่น ระยะไม่เกิน 20-25 เมตร สำหรับคนยิงช้าที่สุด   แต่ แทป นั้นเป้าดีดออกไป จากตัวคนยิง เริ่มที่ระยะ 15เมตร ไปทางใดทางหนึ่งในสามทาง แถมบินขึ้นฟ้าอีกต่างหาก กว่าจะเห็นนก กว่าจะล็อกเป้า กว่าจะยิง กระสุนจะถึงเป้า ก็เข้าไป กว่า 25 เมตร แล้วสำหรับคนที่ยิงเร็วที่สุด 
    ฟังให้ดี นี่เป็นคำถาม ทำไมปืน สกีต จึงต่าง กับปืน แทป ทำไม่ คนยิงแทป มากกว่า สกีต (เมืองนอกนะคราบบบ)
  ปืนสกีต ยิงระยะใกล้ โชค จะกว้างมาก จนจะเหมือนเราดูหนังกาตูนที่ปืน จะมีลำกล้องบานเป็นปากแตร เพื่อที่จะให้มีม่านกระสุน บานเต็มที่ คือ รัศมีวงกลม 30 นิ้วที่ระยะ 20 เมตร  เมื่อ เอากระดาษแผ่นใหญ่ๆ มาขึงระยะ 20เมตร แล้วเอาปืน สกีต ยิงไป  ที่กระดาษ  แล้วทำวงกลม 30นิ้ว ตรงจุดหนาแน่นที่สุด เมื่อนับเม็ดกระสุน ก็จะได้ ประมาณ 65-70% ของเม็ดกระสุนที่ยิงออกไป แต่ ปืน แทป ต้องยืดระยะออกไป เป็น 30 เมตรเพราะโชค็ แคบกว่า
  และ สกีตยิงในระนาบเดียวกัน เพราะ เป้าบินออกมา ระบานเดียวไม่มีสูงต่ำผิดจากแนวทางที่ตั้งไว้ ทั้ง25เป้า  ลำกล้องปืน ทั้งบนและล่างจะอยู่ในแนวขนานกัน เมื่อยิงไปในจุดเดียวกัน ม่านกระสุนจะ ทับกัน   ลำกล้องสกีต จะยาวไม่เกิน70 ซม หรือ สั้นกว่า  พานท้ายจะตำ ประมาณ 40มม จากแนวลำกล้อง ที่ ส่วนหน้า และ 60 มม ที่ส่วนท้าย  ตรงส่วนบน ท้ายพานท้าย จะมน เพื่อให้ประทันได้เร็ว ไม่ติด เสื้อ ขณะยกประทับ เพราะ สกีตจะห้ามประทับไว้ก่อน และ จะเป็น หนังหุ้มยาง หรือ บาเกไล้ ถ้า เป็น ยางก็เป็นยางตัน เรียบและลื่น การยิง สกีต จะต้องสู้กับ สมาธิ  ความหนักแน่นของใจ  ร่างกายที่สมบูรณ์  ว่องไว และ ประสาทหน่อยๆ คือจุ้จี้  เมื่อไรที่อดนอน ทะเลาะกับแฟน กับ ภรรยา กับลูก กับ เพื่อน หมั่นไส้คนยิงก่อนหรือยิงหลัง ยิงไปก็มีแต่พังกับพัง หาว่าเด็กสนามปล่อยนกไม่ดี บ้าง นกบินไม่ตรงทางบ้าง ทั้งๆที่ชุดที่แล้วยิงดี  หนวกหูบ้าง ที่รู้เพราะเคยยิงมาก่อน จนเพื่อน ชาวอิตาลี่มาพบ เลยบอกว่ายูชักจะประสาทแดกแล้วเลิกดีกว่า ไอจะทำปืนแทปให้ หรือ เอาปืนที่ไอ เคยยิงได้เหรียญทอง โอลิมปิก แทป ก็ได้ จึงได้เลิก ยิง สกีต ที่หัวหมากแต่บัดนั้น ไปยิง แทปแทน
   ปืน สกีต ที่นิยมของนักกีฬาไทย  และ ทุกคน ไฝ่ฝันหา ก็ Beretta 682 ทำไมนะหรือ ก็ เพราะ แช้ม สนาม หัวหมากใช้ไง เลยใช้ กัน ปืนรุ่นอื่นใช้ไม่เป็นเดี๋ยวตามรอยรุ่นใหญ่ไม่ทัน  Beretta 682 ดี อย่างไร ที่ดี ที่สุด ก็คือ ราคา กับ  คุณภาพ ใกล้เคียงกันมาก  Dt10 คุณภาพ กับราคา ต่างกัน แพงเกิน ที่ร้านปืนเมืองไทยนะ   682  น้ำหนักเบาที่เหมาะกับนักกีฬาตัวเล็กๆ ของเรา แต่ แต่ พึงระวัง เมื่อไรที่ไปแต่งไกให้เบาแล้วไซ้ สักวันหนึ่ง จะยิงทีละ สองนัด ก็ต้องรื้อกันน่าดูกว่าจะซ่อมได้ คงใช้เวลาสัก 3 ชม แต่ขณะแข่งเขาให้เวลา 10 นาทีเท่านั้น (เป็นข้อตกลงลับๆ ของรร ปืน ที่เปลี่ยนอะไหล่ได้ง่ายๆ) ในการซ่อม พูดง่ายๆ เมื่อ ปืนพังขณะแข่งขัน ก็เก็บของกลับบ้านได้ หมดสิทธ์ซ่อมให้ทันเวลา หรือเปลี่ยนปืนใหม่ ก็ทำไม่ได้ เพราะ ปิด เทปวุ่นวายไปหมด ยืมปืนคนอื่น มา ปิดเทปไม่เหมือนกัน คนละสีอีก ต่างหาก ประสาทกลับ ยิงพังกับพัง เพราะเทป
 
 ต่อไป จะเล่า ความประสาท เอ้ย เล่าถึงปืน แทป   

เอ้ามาว่า ปืน Trap กัน
  อัน การ ยิง Trap นั้น ก็จำลองมาจากการยิงนกพิลาป ขอเล่าย้อนหลังเล็กน้อย  เมื่อก่อนนี้ เขาเอานกพิลาปใส่ใน หมวก แล้วต่อมาใส่ในกล่องสี่เหลี่ยม ห่างจากแท่นยิง 15 เมตร เมื่อเรียกนก เขาจะกดปุ่ม สปริงภายในกล่องจะดีดออกทุกทาง นกก็จะบินออกไปไร้ทิศทาง ก็บินไปทางตรงข้าม มือปืน แต่ควบคุมทิศไม่ดีนัก เพราะถูกเด็ด ขนปีก และขนหาง บางเส้น เพื่อไร้ทิศทาง การยิงชนิดนี้เพิ่งเลิกไปไม่เกิน 20 ปีที่อิตาลี่ เคยไปนั่งดู ตอนนี้เขาใช้เครื่อง ดังที่เล่าแล้ว เป้าจะออกมาจากใต้พื้น ที่ห่างออกไป 15 เมตร จากเครื่องใดเครื่องหนึ่ง ใน 3 เครื่อง  เมื่อเราเรียกเป้า  เป้าก็จะออกมาทันใด ไม่ต้อง ทะเลาะ หรือหงุดหงิด ปล่อยช้าเร็ว กับคนปล่อย เพราะ มีไมโครโฟน เรียก แล้ว คอม จะปล่อยเอง จะไปทะเลาะ กับคอม ก็ไม่ได้ ลำเอียง ก็ไม่ได้ กวนบาทาก็ไม่ได้ เป้าก็จะเหินขึ้นฟ้า เหมือนเครื่องบิน อเมริกา หนี ไร้ทิศทาง เครื่องบิน ญี่ปุ่น ในหนัง อ่าวเพิน  คำถาม คำถาม  ปืนที่ใช้เหมือนกับปืน Skeet  และ คนยิงประสาท ไหม
   เขาจะตอบแล้วนะครับ โอ้โห ฟังนะครับ 
   ตอบอะไรดีว่ะ  ปืนอะไรก็ได้ที่ยิงถูก ยูยิงไม่ถูกสักที่ ไอ จะ สร้างกระสุนติดเรด้าให้ หลับตายิงเลย กระสุนจะไปหาเป้าเอง ลูกซองนี่นะ ใช่ แต่รอหน่อย ตอนนี้ไอ 75 ปีแล้ว อีกสัก 10 ปีคงได้ใช้ คำพูดของ มัลตาลาลี่ คนออกแบบ MX8 บอก กับ เรา
  ปืน Trap นั้น จะแตกต่างจาก ปืน Skeet คือ ลำกล้อง จะ ยาว 75-80 ซม ( 29.5 - 32 นิ้ว) มีคนบ้าๆ ใช่ 72-74 ซม อย่าเอาตามอย่าง ไร้สาระ  โชค ลำกล้องล่าง (ต้องยิงลำกล้องล่างก่อน) จะเป็น อิมปรูพโมดิฟาย  ลำกล้อง บนจะเป็น ฟูล  พานท้าย ส่วนหน้าจะต่ำกว่าแนวลำกล้อง 35-32 มม ส่วนหลัง จะต่ำ 45-42 มม ส้นพานท้าย จะตรง มีลายสากเพื่อประทับแล้วจะได้ไม่ดิ้น เพราะ สามารถประทับปืนไว้ก่อนยิงได้
   ปืน Trap การเข้าคู่ของลำกล้องเลยไม่เหมือน Skeet  ลำกล้องล่างจะวางให้ยิงสูง ลำกล้องบน จะยิงแนวระนาบ เพราะ นกจะบินสูง แล้ว ระนาบ แล้วตก นัดแรกต้องทำปืนให้ยิงสูงดักนกไว้ โดยที่คนยิงไม่ต้องยิงเผื่อ เพียงแต่ดูนกตามแนวลำกล้องให้ตรงแนวนก แต่ต้องไล่ตามนกด้วยนะครับ ไม่ใช่หยุดเฉยๆ  เท่านั้น ปืนจะเผื่อ ให้เอง  ม่านกระสุนจะมีจุดตัด ระหว่างลำกล้องล่างกับ บน X ที่ระยะประมาณ 30 เมตร แต่ ถ้า เอาปืน Field  skeet หรือ Sporting มายิง คนยิง จะต้อง ยิง ข้ามหัวนก เพราะปืนไม่ได้ทำเผื่อมาให้ บางที่เราเห็นลำกล้องอยู่ใต้นก แต่ ม่านกระสุนไปอยู่เหนือนก นี่คือข้อแตกต่างอย่างมาก กับปืนทั่วไป ไม่ใช่แค่พานท้าย กับ โชค เท่านั้น ส่วนการ ไล่นก  วาดผ่านนก ยิงดักหน้านก ให้ไปถามเด็กสนาม จะอธิบายได้ดี มีของจริงประกอบ
  Rib สำคัญฉะไหน  มีเรียบ Flat  มี   step   มี Histep อยู่ที่นิสัยคนยิง ชอบแบบไหน จะ อธิบายอย่างไรดี เอาอย่างนี้ พวกท่าน คงยิง ปืนติดกล้อง กันมาแล้ว ถ้า กล้องใช้ขาเตี้ย จุดตัด กากะบาด กับกระสุนก็จะยาว  ถ้าขาสูง จุดตัดก็จะแคบ โอกาสผิดจะมีมาก กว่า  ลูกซองก็เช่นกัน ลิบเตี้ยจุดหมุนลำกล้องก็จะมีรัศมีแคบๆ  ถ้าลิบ สูงรัศมี ก็จะกว้าง ยิงก็ผิดง่าย และ ผิดห่าง ประทับปืนบิดเล็กน้อย ก็ไปห่างมากที่ นก ลิบเตี้ย ประทับปืนบิดเล็กน้อยก็จะผิดไม่มากที่นก เหมือน เอาท่อเห็ลกกลมๆ  กันไม้กระดานหน้ากว้าง กลมๆย่อมดีกว่า  และนิสัยการยิงของคนใช้ลิบ สูงต่ำก็ไม่เหมือนกัน
   ลิบเตี้ย พวก อิตาลี่ชอบมาก เพราะ เป็น อันธพาลที่นอบน้อมถ่อมตน ประทับปืนต้องค้อมตัวไปข้างหน้า ดูเหมือนกอดปืน ก้มหน้าก้มตา วางแนว แต่ดุร้าย น่าเกรงขาม เรียกแล้วยิงเลย เร็วมาก
   ลิบสูง เล็กน้อย พวกผู้ดีอังกฤษ ชอบมาก เพราะ ชอบผูกเนคไท้ เลยก้มหน้าไมได้มาก เนคไท้ค้ำคออยู่ ยิงก็ช้าเป็นพวกมีระเบียบ ยกปืนให้ถึงนก แล้ววาดผ่าน แล้วเหนี่ยวไกยิง ยิงนกกลางทุ่งยังใส่เสื้อ เบรเซอร์ ผูกเนคไท้
  ลิบสูงมาก จะเป็นพวก อวดศักดาข้าแน่ที่สุด อเมริกันชน  อันธพาลครองโลก ก้มหัวให้ใครไม่เป็น เวลายิงปืน ยืนตัวตรง คอตรง เพราะต้องเข้าร.ร. ยิงปืนก่อน เขาเรียกอะไรนะ ออ้ NRA ชื่อก็บอกแล้วเป็นไรเฟิล ก็ยิงไรเฟิลมา ก่อน แถมพานท้ายมอนติคาโร่ด้วย เลยต้องทำลิบสูงให้เข้ากับหน้า ที่ไม่ยอมก้ม ยิงช้ามาก วาดปืนเรียกร้องความสนใจ จนนกจะตกแล้วค่อยยิง

  ประสาทของพวก Trap คือ Skeet นั้นจะยืนรวมกลุ่มกัน แล้วยิงที่ละคน Trap นั้น ยืนที่ใครที่มัน ห่างๆกัน ประมาณ 3 เมตร ก็ยังมีคนหงุดหงิด หาว่า คนข้างๆยืนดุกดิก เกาหัว แคะขี้ฟัน ยิงแล้วดีดปลอกใส่ คนข้างๆ ถอดแว่น เช็ดแว่น เลยพวก Trap ต้องกลายเป็นม้าลากรถ คือเอา กระดาษมาติด ข้างแว่นตา บังตาไว้ จะได้ไม่เห็นคนข้างๆ ดูตรงไปข้างหน้า ไม่วอกแวก เหมือนม้าลากรถ
   พานท้ายร.ง.ทำผิดสูงต่ำแค่ 1 มม ก็มีปัญหาทางประสาทแล้ว บางท่านสั่งปืนเขียนรายละเอียด จนยิบ นอนฝันหวาน 4 เดือน พรุ่งนี้จะได้ปืนมาแล้ว ขออนุญาติเมียไปนอนกับปืนอีกห้อง จะได้ไม่ขัดตาเมีย จะนอนกอดทั้งคืนเลยไม่นอนละ  คืนนี้จะยิงให้หลายรอบข้าวใหม่ปลามัน เขียนผิด ไม่ใช่ ต้องรุ่งนี้เช้าจะไปสนามยิงให้สมใจ พอเปิดกระเป๋า ดูรายละเอียดที่ส่งมากับปืน พานท้ายสูง ต่ำ ยาว ไป 1 มม เท่านั้นละ หมดอารมณย์ เลย ไวอาก้า ก็ช่วยไม่ฟื้น ยังไม่ทันลองยิงเลยว่าใช้ได้หรือไม่ บอกขายเดี๋ยวนั้นเลย ทั้งๆที่รอ 4 เดือน นี่ก็ปราสาท ถาม ลูกซองสั้นซิ ตั้งแต่นั้น เลยสั้น ไม่ยาวสักที
  ต่อไปจะเล่าว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าปืน เป้าบินเก่าที่เราจะซื้อ มีปัญหาหรือเปล่า มีอะไรเสียบ้าง   

บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #766 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 03:59:42 PM »

รบกวนถามพี่ๆที่ใช้ปืนลูกซองยิงเป้าบินหน่อยนะครับ  คือผมอยากทราบว่ากระสุนลูกซองที่ใช้ยิงแข่ง ทั้งแบบ skeet,trap หรือแบบอื่นๆที่นอกเหนือจากนี้  ไนกระสุนหนึ่งนัดมีเม็ดตะกั่วอยู่กี่เม็ดครับ   ตัวผมเองมีแต่ลูกซองห้านัดกับลูกซองเดี่ยวกระสุนที่ผมรู้จักก็จะเป็นแบบตะกั่วเก้าเม็ด,ลูกโดด,และก็ลูกร้อย โดยแบบลูกร้อยนี้จะใช้ยิงเล่นในทุ่งนาหลังบ้านบ่อยที่สุดเพราะตะกั่วเม็ดเล็กไปใด้ไม่ใกล  รบกวนพี่ๆเท่านี้ก่อนนะครับอาจจะดูว่าเป็นคำถามแบบเด็กๆแต่ผมไม่รู้จริงๆครับและจะถามไครในระแวกบ้านผมก็ไม่มีใครรู้จักเกมยิงเป้าบินเลย
กระสุนที่ใช้ยิงแข่งขันทั้ง skeet และ  trap  ที่ใช้ยิงที่หัวหมาก เป็นกระสุนสำหรับแข่งตามกติกาโอลิมปิค บรรจุเม็ดลูกปรายหนัก 24 กรัม หรือ ใกล้เคียงกับ 7/8 ออนซ์    ลูก trap เบอร์ 7 1/2  จะมีลูกปรายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.4 มิล อยู่ประมาณ 302 เม็ด   ลูก  skeet เบอร์ 9  จะมีลูกปรายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.2 มิล อยู่ประมาณ 512 เม็ด


 ก่อนที่จะไปเรื่อง ซื้อปืนเก่า ขอเล่าเพิ่มเติม เรื่อง พานท้ายต่อเล็ก น้อย
  ดังที่เล่าแล้วว่า ศูนย์ ปืนลูกซองอยู่ที่พานท้าย สูงต่ำ ปรับที่ สันพานท้าย  แล้ว ซ้าย ขวา ละ อยู่ที่ไหนกัน?
ซ้าย ขวา ต้องปรับที่ cast แล้ว cast อยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่พานท้ายบิดเอียง เข้าหาตัวผู้ยิง แล้วทำไม ต้อง เอียง ไม่ทำตรงๆเหมือน พานท้าย ไรเฟิล ไม่ได้หรือ  เอาละ นะ จะ ตอบให้
   คนเรา มี คอ กับ หัว (ขออภัยท่าน ประธาน) ตั้งอยู่ตรงกลางของไหล่ ทั้งสองข้าง เวลาจะยิงปืน มือซ้าย ก็จับที่กระโจมมือ (ขออภัย ท่านที่ถนัดมือซ้าย ) มือขวา จับที่คอปืน แล้วประทับยิง คงไม่มีใคร เอา ส้นพานท้ายมายันตรงกลางหน้าอกเพื่อจะให้ตรงกับหัวและตา ถ้ามีก็คงจะทะเลาะกับแฟนมา แล้วอยากอกหัก เราก็ต้องยันที่บ่า (ทีนี้ร่องบ่าเราไม่ตรงมันจะเอียง เข้าหาตัว) ที่ห่างจาก คอและหน้า มากน้อยแล้วแต่ ไหล่ใครกว้างมากน้อย เมื่อเรา ก้มหน้าให้โหนกแก้มไปกดกับพานท้าย เพื่อให้ตาตรงกันแนวหลังถนน (ตามภาษาชาวบ้าน) ถ้าเป็นพานท้ายแบบ ตรงๆ ลำกล้องปืนก็จะบิดจากแนวตั้งเล็กน้อย ลำกล้องบนจะเอียงไปอยู่ที่ 11 น ลำกล้องล่าง ไป ที่ 5 น แทนที่จะเป็น 12กับ6น ถ้าจะให้ตรงก็ต้องบิดส้นพานท้ายไป แทน ลำกล้องปืนก็จะตรง ส่วนมาก ร.ง. จะทำมาให้ ส้นบน มาทาง 11 น ประมาณ 4มม และส้นล่าง มาทาง 5น ประมาณ 8มม ถ้ายิงแล้ว ม่านกระสุน ไปซ้าย ขวา ก็ปรับที่จุดนี้ นี่คือ การปรับพานท้ายซ้ายขวา ถ้าจะมีคำถามต่อมาว่า แล้ว ผม จะรู้ได้อย่างไร ว่าปืนผมมี cast หรือเปล่า ก็ให้เอาพานท้าย วางกับพื้นโดยหงายปืน แล้วยกลำกล้องขึ้นมาดู จะเห็นพานท้ายไม่ตรง มีการบิดเล็กน้อย
  อีกจุดที่ต้อง ดู และ ต้องรู้ คือ Pich มันอยู่ตรงไหน มันอยู่นี่ครับท่าน เอาปืนตั้งกับพื้น ให้ส้นพานท้ายแนบกับพื้น แล้วดันให้หลังถนน {rib} ชิดกับกำแพง รับรองได้ยังไงก็ไม่ชิด มันจะติดโครงปืน หรือที่เรียกว่ากระโหลก ถ้าจะให้หลังถนนชิดกำแพง ส้นพานท้ายส่วนล่างก็จะเผอย สูงจากพื้น จุด pich นั้นอยู่ที่ กึ่งกลางลำกล้อง ห่างจากกำแพงเท่าไร นั่นคือ Pich เมื่อเราดูปืนด้านข้าง จะเห็นว่าปืนไม่ตรง มันจะงอ เพระ ใต้ไหปลาร้า จะนูนขึ้มา ซอกจักกะแร้จะพลุบลงไป  เวลาประทับปืน ส่วนบน จะแนบกับใต้ไหปลาร้า ส่วนล่างจะอยู่ ขอบจักกะแร้ บางกระบอกจะเห็นแต่กะโหลกไม่เห็นลำกล้อง บางกระบอกเห็นลำกล้องโด่เลยไม่เห็นกะโหลก  เวลาอยากตัดพานท้ายพึงระวังด้วย
 
เรื่องพานท้ายปืนลูกซองจะมีคำศัพท์เฉพาะเยอะพอสมควร เช่น Drop at comp,Drop at heel ,Pitch,Cast off ,Cast in,ฯลฯ บางคำท่านลุง Fabbri ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว..แต่ถ้ายังนึกภาพไม่ออกขอแนะนำให้หาหนังสือปืนลูกซองมาอ่านเพิ่มเติม หน้า 194-211 อธิบายไว้มากพอสมควร จะได้ไม่เสียเวลาของท่านลุงที่ต้องย้อนมาอธิบายอีกรอบ  ส่วนรายละเอียดลึกๆต้องยกให้ท่านลุง FABBRI บรรเลงต่อ จะได้ไม่ขาดตอน..

ต้องขอบคุณ o\u boy  และ  mosino ที่ตั้งข้อสังเกตุมา ที่เล่าไปนั้น ปืนมันนั่งอยู่ในใจ ก็เลยนึกว่าใครๆก็ต้องรู้ ถ้าท่านที่อ่าน มีปืนยาวอยู่ข้างตัว ก็ลองหยิบๆจับๆไปด้วยก็ดี แต่ ท่าน Steel อย่านะครับ เดี๋ยวคนเห็น ลองประทับปืนอยู่ ในห้องทำงาน คนมาติดต่อซื้อของ เขานึกว่ามีคนมาปล้นเหล็กจะยุ่งกับใหญ่
  ก่อนที่จะซื้อหาปืนเก่า ลองสั่งปืนใหม่ดูก่อน จาก อิตาลี่ ดีไหม เอาว่า ที่ Perazzi ก็แล้วกัน  ว่ามันปวดหัวแค่ไหน ก่อนอื่นท่านต้องเตรียมคำตอบไว้ ประมาณ 30 คำตอบให้กับร.ง.ตั้งแต่จุดบนปลายลำกล้องปืน ที่เขาเรียกกันว่าศูนย์ หน้า จะเอาเล็กใหญ่แค่ไหน สีอะไร จนถึงแผ่นรองส้นพานท้ายจะเป็นไม้ล้วน ยาง แผ่นเรียบ หรือ สาก มีรูพรุน หรือตัน หนัง หรือ บาเกไล้  แล้วก็สั่ง เจ้อ้อย BM เอา ขนาด 36  22  36 นิ้ว สูง 168 ซม ผิวขาว ตาแขก ผม สรวยยาวปะบ่า นะ  นั่งรอ นอนรอ 4 เดือน เจ้ก็ส่ง มา ขนาด 28 48 38 นิ้ว บ้าง หรือสูง 155  - 175 ซม บ้าง ผิวดำ ผมหยิกบ้าง เราก็ต้องทำใจ  สั่งปืน หรือสั่งอะไรหว่า แล้วก็ต้องก้มหน้าก้มตา ใช้ไป หรือ รีบ ๆยัดเยียด ขายต่อ ไปเลย ก่อนสั่ง ต้องทำใจมากๆ เพราะ สั่งไปแล้ว ได้ปืนมา ครบตามแบบที่เราสั่ง ได้ สัก 80 % ก็ดีใจสุดๆแล้ว Perazzi ยังไม่เคยทำให้เราได้ ถึง 95% ตามที่สั่งไป ส่วนมากจะผิดที่ รายละเอียด ขนาด ของพานท้าย { Stock Measurements} ตัวปืนจะไม่ผิด
    พวกนัก ยิง Trap จึงต้อง มีคุณ หนูหลาย ๆคน อุ้ย ผิด ต้องมี พานท้ายหลายๆอัน (จุดนี้ ประสาทกว่า พวกยิง Skeet) เพราะ ร.ง. ทำผิดต้องสั่งใหม่บ้าง ซึ่งสั่งไม่ง่ายเลย น้ำหนักตัว ผอมลงแก้มตอบ หรือ อ้วนขึ้นหน้าอูม ยิงเร็วขึ้น หรือช้าลง เคยใส่แว่นสายตายิง พอไปทำเรสิกมา อันเก่าใช้ไม่ได้ ต้องสั่งใหม่อีก พวกนี้ เลยต้องมี หลายอัน
   จะเห็นว่า พวก Skeet จะมีปัญหากัน ก้วนที่ยิงด้วยกัน คนปล่อยเป้า เครื่องดีดเป้าดีดไม่ตรง  เสียงหนวกหู  ทั้งๆที ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ทุก อาทิตย์
     พวก Trap จะมีปัญหา กับ พานท้าย เท่านั้น
   ส่วนเรื่องหงุดหงิดกับแฟน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สมาธิไม่ดี นั้น เป็นทั้ง Skeet และ Trap
   วันนี้เลย ไม่ได้เล่า เรื่อง ซื้อปืนเก่า  ต้อง ขออภัยด้วย     ท่าน Mosino เรียก แค่ พี่  น้า หรือ อา ก็พอ ครับ อย่าให้ถึง ลุง เลย กระดาก เดี๋ยวนิ้วมันสั่นพิมพ์ไม่ได้
   




บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #767 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 04:13:22 PM »

ท่านมีปัญหานี้ไหม ทำน้ำมันปืนหยดลงพื้นเช็ดเท่าไรก็ไม่หมด แถมคู่ชีวิต บ่นไม่รู้จบ หรือ เอาเทปกาวหรือโฟมสองหน้าที่เก่า  ออกจากปืนแล้วยังเหนียวหนึบหนับ จะทำอย่างไรให้หมดโดยเร็ว
   โปรดติดตามตอนต่อไป
เมื่อท่านมีปัญหา เรี่องเทปกาว ทั้งพระราม (หน้าเดียว)หรือ ทศกัณย์ (ไม่ค่อยบันเทิง  หลายหน้า) แกะออกมาแล้วเมันยัง เหนียว อยู่รวมถึง น้ำมันที่หยด ลงพื้นนั้น แก้ ง่าย ๆ และที่ท่านหลายก็คงใช้กันมาก่อน โดยเฉพาะ พวกที่ชอบ ใช้บริการ ที่ ชูวิทย์  ก็ก็ คือ แป้งไง เพียงแต่เอาแป้งโรย สะดือ เอ้ยไม่ใช่ เอาแป้งโรงที่ต้องการ แล้วเอามือลูบแรงที่กาวเหนียวอยู่ ก็จะหลุดเป็นขี้ไคล ออกหมด ถ้าเป็นน้ำมัน มันก็จะดูด อย่าเข้าใจผิด มันจะดูดซับ แล้วเราก็ สบาย ปัดออกมาเป็นเศษ ผง นะ หายห่วง ยิ่งกว่า ห้าห่วงอีก
     แต่ถ้า แผ่น กาว มันยังติดอยู่ หรือ อัดกาว ตราช้างตราไดโนเสา ไว้ จะทำอย่างไร ขูดก็ลำบาก มีดแซะ ก็จะเป็นรอย มีวิธีครับ ใช้ได้แม้นกระทั่งรูป ถ่ายกิ๋ก ที่ติดข้างฝาห้อง ติดรูปกิ๋กไว้เต็มผนัง ด้วยกาวสองหน้า บังเอิญแฟนตัวจริงมาโดยไม่นัดหมาย จะแกะออก รูปก็จะเสียยับ  จะกระชากเดี๋ยวขาดอีก แฟนไปแล้ว กิ๋กมาไม่เห็นก็จะมีเรื่อง นี่เลย ครับน้ำมันไฟแซ็ก Ronson ฉีดลงไปเลย เดี๋ยวเดียว ก็หลุด หมด รูปถ่ายยังไม่มีปัญหา แล้วปืนจะเป็นอะไร ถ้าไม่เชื่อ ลองรูปแฟนก่อน เพราะหาง่ายกว่ารูปกิ๋ก Ronson เป็นน้ำมันที่ดี กาวหลุดหมด แต่ น้ำมันจะระเหย ไปหมดเช่นกัน  โดยไม่ทำอันตรายใดๆ แก่สีเคลือบไม้ เหล็ก กระดาษรูปถ่าย ดีกว่า ทินเนอร์ หรือ กอฮอ เพราะ ทำอันตรายแก่สีเคลือนไม้
    ถ้าท่านไม่มีอะไรถามแล้ว ก็จะขอหยุดพัก  ชั่วคราว เพื่อให้ท่านอื่นๆ เล่าบ้าง ขอขอบคุณครับที่ท่านอ่านกรุณาอ่านมาถึงจุดนี้
 
คำศัพท์เกี่ยวกับพานท้ายปืนลูกซอง ตามที่คุณอา FABBRI แนะนำให้ค้นมาเพิ่มเติม ผิดถูกประการใด ขอคำแนะนำจากคุณอาและผู้รู้ทุกท่านครับ..
Drop at heel (ดร็อป แอท ฮีล) คือ อัตราการลาดหรือลดต่ำลงของสันพานท้ายด้านล่าง โดยวัดจากแนวแกนสมมุติของลำกล้องไปยังส่วนบนของส้นพานท้าย ซึ่งจะต้องสัมพันธ์กับกระดูกโหนกแก้มของผู้ยิง เมื่อตวัดพานท้ายขึ้นประทับบ่าใบหน้าจะกดแนบกับสันพานท้าย โดยที่แนวลำกล้องจะเข้ามาอยู่ในแนวสายตาอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องดัดฝืน
Drop at comb (ดร็อป แอท คอมบ์) คือ อัตราการลดต่ำลงของสันพานท้ายด้านบน ซึ่งจะต้องต่ำกว่าระดับแนวสายตาเพื่อไม่ให้บดบังหรือรบกวนสายตาในขณะเล็งยิงด้วยความรวดเร็ว
Pitch (พิทซ์) คือ อัตราการงุ้มต่ำของปลายลำกล้องจากแนวโครงปืนหรือรีซีพเวอร์กับส้นพานท้าย ปืนที่มีค่าพิทซ์สูงจัดเป็นปืนคออ่อน ส่วนปืนที่มีค่าพิทซ์ต่ำจัดเป็นปืนคอแข็ง
พิทซ์สูง = คออ่อน = เล็งง่าย ไม่ต้องกดแนบใบหน้ากับพานท้ายมากนัก ข้อเสีย ถืบหนัก...
พิทซ์ต่ำ = คอแข็ง = เล็งยากกว่าแบบคออ่อน ต้องกดแนบใบหน้ากับพานท้ายมาก นิยมใช้ออกแบบกับปืนลำกล้องยาว เพื่อลดการสั่นพริ้วของลำกล้อง  ข้อดี ถืบเบา..
Cast off/Cast in (แคส ออฟ / แคส อิน)  เรียกง่ายๆว่า พานท้ายเบี่ยงขวา  การออกแบบพานท้ายที่ดีจะต้องมีการเบี่ยงพานท้ายเล็กน้อยเพื่อให้แนวลำกล้องมาอยู่ในแนวสายตาผู้ยิง...
Cast on (แคส ออน) พานท้ายเบี่ยงซ้าย  เป็นการออกแบบพานท้ายเบี่ยงซ้าย สำหรับคนถนัดซ้าย เล็งด้วยตาซ้าย...
 ภาพประกอบยังไม่มี ต้องขออภัย เดี๋ยวลงให้ทีหลังครับ..

บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #768 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 04:22:59 PM »

--------------------------------------------------------------------------------
ผมมั่นใจจากที่ติดตามอ่านในที่นี้ว่า ท่านทั้งหลายที่อุตส่าห์ตอบกระทู้ให้ต้องมีความรอบรู้ละเอียดลึกซื้งในเรื่องเหล่านี้อย่างแน่แท้ ผมอ่านไป searchไป ตามเว็บอินเตอร์เนท รวมทั้งได้อ่านหนังสือมาหลายเล่ม ทราบว่า * พรานอาชีพ * ชั้นนำของโลกมักถือ * ไรเฟิลแฝด * ประจำมือเวลาออกล่า คำถามคือ -

- ไรเฟิลแฝด ยิงได้แค่ 2 นัด ทำไม ? ? ? พรานอาชีพชั้นนำจึงเลือกใช้
- ไรเฟิลแฝด มีคุณสมบัติ ดี เด่นอย่างไร ?
- ไรเฟิลแฝด เป็นปืนที่ไม่มีวางขายในตลาดบ้านเรา ผมยังไม่เคยเห็น ยังไม่ทราบว่าใครมีไว้ในครอบครอง หรือ ทางราชการไม่อนุญาต



อ้างถึง
คำถามที่ 1 ที่พรานอาชีพเลือกใช้  กระสุนมีขนาดใหญ่ และ แรงปะทะ มาก กว่า แบบลูกเลื่อน ในสมัยก่อน
                            2 ยิงได้เร็ว ใน สองนัด  บางครัง  กระสุนด้าน ปืนเสียไปข้างหนึ่ง ยังมีอีกข้างหนึ่ง ใช้ได้  ขณะรอนแรมอยู่ในป่า ก็ ซ่อมแซมได้ง่าย ดูแลทำความสอาด ภายในได้ง่ายในบางแบบ เช่น Side Lock
                            3 ไรเฟิลแฝด มีใช้ในบ้านเรามา เกือบ 100 ปีแล้ว ส่วนมากจะเป็นพวกเจ้านายที่ไปเรียน แถบยุโรป แล้วนำกลับมาใช้ล่าสัตว์ และ ปัจจุบันยังมีวางขายกันอยู่ แต่ขนาดไม่ สู้จะใหญ่นัก เพราะ คนออกกฎหมายกลัวจะเอาไปยิงรถถัง ลองดูหน้า ซื้อ ขายเก่าๆ มะมีให้เห็น
       พรานอาชีพ ก็มีความเห็นแตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบใช้ไรเฟิล ลูกเลื่อนขนาดเล็ก เช่น การามาโจ้ เบล ใช้ปืน ขนาด 6.5x53.5 Daudetean ใกล้เคียง กับ ขนาด 6.5X54 มัลลิคเคอร์ ชะนาวเออร์ ( ไม่ใช่ สไตเออร์ มัลลิคเคอร์ ในปัจจุบัน ) ปืนนี้ น้อย  อินทนนย์ ให้ ตาเกิ้น ใช้ในเรื่อง ล่องไพร นาย เบล คนนี้ยิงช้างไป มาก กว่า 6000 (ครับ หกพัน ไม่ผิด )เชือก ช้างอย่างเดียว อย่างอื่นยังไม่คิด
       ส่วน J.A. Hunter ยิงทั้งแรด และ ช้าง และสัตว์ อื่น กว่า 20000 ครับ สองหมื่น ทำให้สัตว์ เกือบสูนพันธ์ ในประเทศเคนย่า บางครั้งแกยิงแรด ล้างตระกูลเลย คือหมดไปจากพืนที่ในแผนที่ และนายคนนี้ เคย พาเจ้าฟ้าหญิง อลิซเบธ (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า ) ไป ท่อง SAFARI แล้วเข้า พัก ในที่พัก บนต้นไม้( ปัจจุบันทำเป็นโรงแรมให้คนทั่วไปพัก) ขาขึ้นเป็น เจ้าฟ้าหญิง ขาลง เป็น ราชินี อังกฤษ นายพรานคนนี้ จะไม่ยอมล่าช้างหรือแรด ด้วยปืนแฝดที่มีขนาดต่ำกว่า .450 NE เด็ดขาด
  เลยตัดสินไม่ได้ ว่า ปืน แฝด หรือ ลูกเลื่อน กระสุนเล็ก หรือ ใหญ่ น่าจะอยู่ที่ความ พอใจ และชำนาญ มากกว่า
 วนไปวนมาก็หนีไม่พ้นเรื่อง ล่าสัตว์
อ่านหนังสือก่อน ขนาด คนสองคนกอดกันกลม ในช่องทางเดินแค่ทางเดินแคบๆ ควายผ่านได้ตัวเดียว หลบซ้าย ขวาก็ไม่ได้  ควายขนาด 2ตัน วิ่งเข้ามาระยะ แค่ 5เมตร พรานคุ้มกันจะทำอย่างไร คำตอบ คำตอบๆๆๆ ก็เอาปืนไรเฟิลแฝด.500 Nito ยัดเข้าไประหว่างคนกอดกัน แล้ว เหนี่ยวไกยิงทั้งสองลำกล้อง ทีละนัดนะครับโปรดเข้าใจ แรดตายห่างจากคนทั้งสอง แค่ 1 เมตร เท่านั้น ไม่เชื่อว่า ลูกเลื่อนทำได้
บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #769 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 04:27:18 PM »

ไม่มีคนถาม ถามเองก็ได้ ทำไม ปืน ไรเฟิลแฝดที่พรานตัวจริงเสียงจริง จึงใช้แต่ กระสุนที่ มีริม เอาภาษาไทยก็แล้วกัน มีขอบจานท้าย และ พวกพรานนั่งห้องปรับอากาศ จึงชอบกระสุนที่ ไม่มีจานท้าย แถมคุยอีกต่างหาก  ใครรู้บ้าง ตอบที่ มีรางวัล ลมๆแล้งๆ


ผมเดาว่า Outdoor hunter เลือกใช้ปืนไรเฟิลแฝดที่ใช้กระสุนแบบมีขอบก็เพราะ Ejector เป็นแบบธรรมดาเหมือนกับปืนลูกซองแฝดทั่วไป ไม่มีชิ้นส่วนบอบบางอะไรให้สงสัยว่าจะหลุดหายไหม ในยามคับขัน

ส่วน Air condition hunter คือพวกที่ชอบปืนไรเฟิลแฝด แต่อยากยิงเล่นมากกว่าจะไปยิงสัตว์จริง และมักจะมีขนาดกระสุนในใจไว้แล้ว ได้แก่ กระสุนขนาด  .30/06  .308  .375 H&H  .416 Rigby ปืนไรเฟิลแฝดที่ใช้กระสุนแบบไม่มีขอบจานท้าย จะมี Ejector แบบมีเดื่อยอัดสปริงติดอยู่ที่ Ejector เอาไว้เกาะขอบจานท้าย ตอนดีดปลอกกระสุน ซึ่งเดือยที่ว่านี้เล็กและบอบบางมาก จนน่าสงสัยว่าจะหลุดหายได้ และปืนก็จะไม่ดีดปลอกจ้า
บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #770 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 04:39:09 PM »

รวบรวมมาสำหรับบางท่านที่พึ่งเข้ามาอ่านได้ไม่นาน จะได้ไม่เสียเวลาอ่านตั้งแต่หน้า1-50 แต่ถ้าจะต้องการดูรูปประกอบด้วยคงต้องไล่อ่านทั้งหมด ตรับ

ตัวผมเองก็ถือว่าได้เป็นการทบทวนข้อมูลเก่าๆก่อนจะตั้งคำถามต่อครับ
บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #771 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 05:02:20 PM »

เรียนถามครับ
     ปืนแข่งอย่างPERAZZI MX8 หรือ BERETTA 682 
              -ถ้าต้องการสั่งปืนให้ได้ขนาดพอดีตัวผู้ใช้ ในเมืองไทยจะสั่งได้ไหม ต้องไปสั่งแบบgun tour หรือเปล่าครับ
              -ถ้าสั่งได้จะไปสั่งได้ที่ไหนร้านไหนครับ ใช้เวลาสั่ง-ได้ปืนนานขนาดไหนครับ
              -ถ้าสั่งได้ราคาตกอยู่ประมาณเท่าไรครับ
              -ถ้าสั่งไม่ได้ เอาปืนแบบทำเสร็จแล้วมาใช้แบบฝืนๆตัวเองจะตกอยู่ประมาณเท่าไรครับ
              -ถ้าต้องการแกะลายเพิ่มนิดๆหน่อยๆ ลายแบบโหลๆนะครับต้องเพิ่มเงินอีกเท่าไรครับ

ขอทราบโดยคร่าวๆก็ได้ครับ จะได้ทราบว่าต้องเก็บตังส์กี่ปี
บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #772 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 05:28:55 PM »

ผมเข้ามาบอร์ด เจอคุณ kat กำลังยำใหญ่บทความ อ่านเป็นสลัดจานใหญ่ ทานกับ steak เนื้อสันนอกล้วนๆ ย่างแบบ medium rare แล้วโรยเกลือป่นมาให้ นี่ดีว่ามีรูปติดมา 4 รูป เป็นน้ำจิ้มแจ๋วนะ ไม่งั้นแห้งแย่เลย ผมเลยนั่งอ่านของเก่าเพลินไปด้วย 

นึกอะไรได้อีกเยอะเลย  ต้องย้อนมาถามคำถามพี่ Fabbri อีกชุดใหญ่

อยากให้พี่ Fabbri เล่าให้ฟังเรื่องโรงงานปืนแฝด ไล่ไปที่ละแห่งเลยนะ เอาอังกฤษก่อนเลยนะครับ ผมยิงคำถามก่อนเลยนะ  เอา Holland & Holland ก่อนเลย  โรงงานดังดี ปืนก็สวยสุดๆ พี่เล่าให้ฟังเรื่อง Showroom ,  Try gun  เคยได้ยินพี่พูดแยกปืน H & H ออกเป็นรุ่นก่อนสงครามกับหลังสงคราม มันต่างกันอย่างไรครับ ของใหม่น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ แล้วพี่พอจะประเมิณราคาบวกคุณค่าของ H & H ว่ามันสมราคา หรือ สมศักดิ์ศรีไหมครับ
บันทึกการเข้า
o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #773 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 08:37:43 PM »

คุณKatจัดรูปเล่มใหม่เป็นระเบียบเรียบร้อยทีเดียวนะครับขอบคุณมากครับ หลงรัก
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #774 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 09:18:29 PM »

   ก่อนอื่น ต้อง ขอขอบคุณ ท่าน KAT ที่กรุณา รวบรวม ข้อมูล ทั้งหมด ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง รวม ถึง  O\U boy  Steel Mosino และ ที่ ลืม ไม่ได้เด็ดขาด  นอกจาก อยากรู้แล้ว ยัง แบ่ง ปันให้ท่านทั้งหลายได้รู้ อีก เพราะ ท่าน ทั้งถาม ทั้งตอบ และ หาซื้อจนได้ ก็ ท่าน ลูกซองสั้นไง ใครจะลืมได้
  ส่วน คำถาม ที่ ว่า เมื่อก่อน มีแต่เนื้อ ต่อ มาก็เติมเส้น แล้วก็น้ำ เพราะ ว่า ไม่ใช่พิมพ์ไม่เป็น แต่ ได้แต่ส่ง Sms ก็เลย ส่งแค่นั้น แล้วกลัวว่าจะปล่อยไก่ บังเอิญ ไก่ เป็นหวัดนกอีกต่างหาก ไม่ต้องปล่อยก็ตายอยู่ดี ไหนๆจะตายก็ให้มันฝังดินไปเลย ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว มีคนรู้มาก ดี กว่าไม่มีคนรู้เลย
  การตอบนั้นแล้วแต่เหตุการณ์ ว่าดื่มไปกี่แก้วแล้ว อีกอย่างที่ขอเตือน เหล้ามีไว้ให้  ดื่ม ไม่ได้มีไว้ให้ กิน 
  เอา เข้าเรื่อง ที่ท่าน Kat ถามมา ตอบไม่ได้สักคำถาม เพราะ ไม่รู้จะ สั่งจากใคร เพราะ ตัวแทน Beratta ในเมืองไทย ยังไม่รู้เลยว่า ปืนลูกซอง คืออะไร ที่มี ลูกซอง (ยิงเป้าบิน) เข้ามา ขายนั้น ส่วนมากเป็นร้านที่สังจากร้านขายปืน ไม่ได้สั่งจากโรงงาน หรือ สั่งเอง  ส่วน Perazzi นั้น แล้วแต่ ลมพัดลมเพล ของ ตัวแทนอีกต่างหาก ถ้า ถูกใจอะไรอย่างไรก็ได้ ถ้าผิดหู อะไรก็ไม่ได้
  ราคานั้น ต้องขึ้น อยู่กับอัตราแลกเปลียน เงินขณะนั้น จะรู้ว่า ราคาเท่าไรก็เมื่อตอนจ่ายเงิน แล้วเอาปืนไป จ่ายเงินมา มีบางท่านจะสั่ง Perazzi ถามมาราคาเท่าไร  กว่า ห้าปีแล้ว ยังไม่ได้ปืนเลย เพราะ ถามอยู่นั่นว่าราคาเท่าไร
  เรื่องราคานั้น จึงตอบไม่ได้  อันตราย ๆๆๆๆ เคยดูหนัง LOST  IN SPACE  ไหมที่ หุ่นยนต์ มันชอบพูด
  ที่ท่าน ลูกซองสั้น ถามนั้น ก็ตอบไปแล้ว
 ส่วน ก่อนสงคราม กับ หลัง สงครามนั้น ก็ ก่อนสงคราม ทุกอย่างเฟื่อฟู เหมือนยุค ท่าน ชาติชาย ฟองสบู่ ผลิดอะไรออกมาแพงแค่ไหน ก็โนพรอมแพรม ทุกอย่างทำด้วยมือ ปราณีต บรรจง สรรหาแต่ของดีๆ ทั้งของ ทั้งช่าง และเวลา โดยกำลังซื้อมี พอหลัง สงคราม ก็ IMF ไง ดีแค่ไหน ถูกแค่ไหนก็ขายไม่ออก ก็เค้าเป๋ เจ็งไปตามๆ H&H ก็ไม่ต่าง มาไม่นานมานี้ น้ำหอมมาซื้อไป ก็มีการ แก้ไขปรับปรุง สวยแต่รูป จูบไม่หอมซะแล้ว ผ่าตัดทุกอย่าง ยกเว้นกล่องเสียง แหบเป็นไก่หวัดนกเลย เพราะ เอาอะไหล่มาจาก สเปญ แล้วให้ช่างมือใหม่ๆ ประกอบ ลดต้นทุนทุกอย่าง แต่ไม่ลด ราคายี่ห้อ ดีหน่อยที่ การประกอบยังคงเรียบร้อย ไม่มีที่ติ สมราคา สวยจริงๆ แต่ ถ้าจะให้ซื้อคง ขอของเก่า ดี กว่า 
 
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #775 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 09:46:38 PM »

สงครามที่พี่ว่า หมายถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 ใช่รึเปล่าครับ  ผมเรียนประวัติศาตร์อ่อนมากครับ ความรู้เรื่องสงครามโลก คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว ตอนสงครามจบ อังกฤษแพ้สงครามเหรอครับ โรงงานปืนดังๆในอังกฤษจึงได้พากันเจ๊งหมด ผมไม่เคยสะดุดหูว่าอังกฤษเคยแพ้สงครามเลย น่าจะชนะมาตลอดนะ จึงได้มีอาณานิคมอยู่ทั่วโลก

เวลาพี่พูดตัดตอนเอาช่วงสงครามโลก ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า ที่อิตาลี เมือง Brescia กับ Gardone สองเมืองใหญ่ที่มีโรงงานผลิตปืนมากมายหลายแห่ง ถูกฝูงบินทิ้งระเบิดซะราบคาบ แล้วที่อังกฤษ โรงงานปืนถูกทิ้งระเบิดด้วยรึเปล่าครับ  แล้วที่เบลเยี่ยมหละพี่ โรงงาน FN ก็โดนทิ้งระเบิดด้วยรึเปล่า
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #776 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 09:56:38 PM »

 มีอีกเรื่อง ท่านที่ได้รับ VCD ถ้าได้ดู ถ้าไม่ได้ดูก็แล้วไป
หนังแต่ละเรื่องนั้น ก็จะบอกได้ว่า สมัยเมื่อเกือบ ร้อยปีที่แล้ว ใช้ปืนแก็ป ยิงเสือ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ยิงตายเหมือนกัน และคนไทยอยู่ อย่างพอเพียง มานานมากแล้ว และ คนป่าก็มี ความคิดความอ่าน ที่จะอยู่ให้ รอดได้ ไม่ต้องอาศัยใคร เพียงแต่มีความสามัคคี กันเท่านั้น ป่าไม้เมื่อก่อนนี้สวยงามมาก
  ต่อมาสมัยท่าน รูสเวล นั้น ก็ร้อยปีอีกเช่นกัน เรายังใช้ปืนแก็ป เขาใช้ ไรเฟิลแฝดแล้ว ไปล่าสัตว์  ไม่ได้ซื้อเองอีก มีนักธุรกิจ รวบรวมเงิน สั่งทำให้ ท่านไปล่าสัตว์  จนเมื่อไม่นาน หลานอันดับที่ 5 อายุ แค่ 15 เอาปืน ปู่ทวดพ่อข้า ไปเดินตามรอย วัดรอยเท้า ปืนกระบอกนั้น ยังใช้ได้ดีไม่ผิดหวัง ก็ H&H .465 NE  แล้วเราจะเห็นชัดๆ ว่า ที่ทุกท่านกลัวปืนถีบนั้น ไม่มีปํญหาเลย กระสุนหน้าตัดขนาด เกือน ครึ่งนิ้ว ยาว 3 นิ้ว เวลายิงเป้า มันถีบ บรรลัยจัก แต่ เวลา เข้าด้าย  เข้าเข็ม แล้ว ไม่เห็น มีแรงถีบอะไร ยิงสบายๆ ไม่ถีบเลย นิ่งมาก
  ส่วนอีก แผ่น จะได้เห็น ความสวยงามของปืนลูกซอง ไม่ใช่ปืนนะครับ แต่เป็น การยิงปืนลูกซอง ที่สวยงาม ต้องมีศิลปะ ในการใช้ การยิง ต้องเป็นไปตามผู้ยิง การเครื่อนไหวที่ ถูกต้อง สวยงามมาก อธิบายไม่ถูก  ต้องดูเอง ถ้าท่านมีแล้วไม่ดู หรือ ไมมี ก็ ต้องแสดงความเสียใจด้วย
บันทึกการเข้า
FABBRI
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #777 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2006, 10:00:59 PM »

จะให้เล่าโรงงานปืนทั้งโลกหรือย่างไร เอาแค่ที่เคยไป มาดีกว่า สมัยสงคราม โลกครั้งที่ สอง หน่วย ข่าวกรองดีมากแล้ว จุดที่ต้องทำลายก่อนก็โรงงานปืน ทุกแห่งโดนกันทั้วหน้า
บันทึกการเข้า
KB20
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 841
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2854


« ตอบ #778 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 02:27:55 AM »

              เข้ามาซะดึกเลยผมคืนนี้  หลายๆท่านเลยพักผ่อนกันหมดแล้ว  Smiley   มีเรื่องจะมาถามอีกนิดหน่อยครับ  คือปืนลูกซองแฝดน่ะมีอุปกรณ์ลดแรงรีคอย รึเปล่าครับหรือว่ามีแต่ไส่ใว้ในพานท้ายแทนที่จะเอามาติดตรงปลายลำกล้องให้เกะกะสายตา  คือที่ผมถามมานี้เพราะสงสัยมากโดยดูในรูปที่เอามาลงใว้ในเวปแล้วเวลายิงแข่งต้องยิงกันหลายนัดมากแล้วอย่างนี้คนยิงไม่แย่เหรอครับเพราะโดนรีคอยซ้ำๆที่เก่าหลายหนไหล่ไม่แย่หมดเหรอครับ    ผมเคยยิงลูซองห้านัดของเบเนลี่ โนว่า ยิงติดต่อกันแค่สิบห้านัดตอนขับรถกลับบ้านเจ็บไหล่และเจ็บที่แก้มข้างขวาหมดเลย  ผมจับปืนแน่นแต่คงจะเอาหน้าแนนพานท้ายมากไปเลยทำให้เจ็บแก้ม   กับปืนของผมเองเป็น win 1300  จับปืนเหมือนเดิมยิงติดต่อกันเจ็บที่ไหล่อย่างเดียว   ผมเลยสงสัยว่านักกีฬาเขายิงกันยังงัยเป็นร้อยๆนัด  ผมแค่ยิงไม่ถึงยี่สิบนัดก็แย่แล้วครับก็เลยมองว่าปืนเขาน่าจะแต่งมาดีมากๆ   ผมมีแต่ปืนใช้งานทั่วๆไปครับ    Smiley
บันทึกการเข้า
โซ้ยตี๋
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 59
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2733



« ตอบ #779 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2006, 07:47:40 AM »

จะว่าช่วยตอบก็ไม่เชิงนะครับ
ตอนแรกๆที่ผมยิงลูกซอง ผมก็รู้สึกว่ามันถีบแรงครับ
ยิงลูก เอสจีไป 8-9 นัด ไหล่แดงเลย แต่ก็ชอบครับ
พอวันหลังๆ ยิงอีกกลับไม่เจ็บแฮะ คราวนี้ยิงเป็นกล่องก็ไม่เจ็บ
หลังๆมาอีก ยิงแฝดซ้อนบราวนิ่งกับกระสุนเป้าบิน รู้สึกราวกับยิงลูกกรด ตกใจ
วันหน้าไปมีตติ้งหลังเขาครูดำกันซิครับ ลองยิงลูกซองหลายๆแบบ แล้วจะทึ่ง หลงรัก
ผมว่า ปืนลูกซองที่มันแลดูเหมือนกันเนี่ย จริงๆแล้วมันไม่เหมือนกันหรอกครับ
มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกแยะ
 Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 49 50 51 [52] 53 54 55 ... 366
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.14 วินาที กับ 24 คำสั่ง