รูปสุดท้ายของ Beretta DT 10 Trident แล้วครับ (ขออภัยที่ตลอดทุกรูป ผมไม่ได้เรียกคำ Trident ต่อท้าย)
ชุดลั่นไกของ DT 10 รมดำธรรมดา ดำสนิท ดำหมดเลย ไม่มีลายขัด Jewelled ซะแล้ว ท่านทั้งหลาย อย่าไปตำหนิ Beretta ที่ลดค่าแรงงานลงนะครับ ความงามอาจจะลดลงไปบ้าง แต่ชุดลั่นไกของ DT 10 ก็ทำงานเหมือนกันกับชุดลั่นไกของ ASE Gold นั่นแหละครับ ผมพบข้อมูลว่า ทั้งสองกระบอกสามารถใช้ชุดลั่นไกแทนกันได้เลย
อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง เอ ไม่ใช่ เขียนให้อ่านซิ Beretta ผลิตปืนตระกูลถอดชุดลั่นไกได้ออกมา โดยตั้งว่า ปืนของตนต้องเป็นเลิศ เลือกสรรแต่วัสดุชั้นเลิศ บรรจงตกแต่ง ขัดเกลาด้วยมือช่าง บรรจุหัวใจด้วยความรัก ความเชื่อมั่น และพยายามมอบสิ่งซึ่งตนเองศรัทธาที่สุด ให้กับนักนิยมปืนลูกซองแฝด นักยิงปืนลูกซองทั่วโลก ผู้ที่เคยสัมผัสผลงานของ Beretta น่าจะสามารถรับรู้ถึงรสนิยมของชาวอิตาเลี่ยนได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกของการได้จับถือปืนลูกซองแฝดของ Beretta มันไม่ใช่แค่การสัมผัสไม้และโลหะเท่านั้น แต่ท่านกำลังสัมผัสผลงานที่มีตำนานมายาวนาน
Beretta มีอายุเกิน 475 ปี ไปตั้งหลายปีแล้ว ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว ถ้าไม่มีผลงานอันเป็นเลิศ ถ้าไม่มีการตลาดที่ถูกต้อง คงมีอายุมาไม่ถึงวันนี้หรอกครับ
กลับมาปิดเรื่องปืนตระกูลถอดชุดลั่นไกกันดีกว่า Beretta เริ่มจากรุ่นที่ขาว สวย หมวย ที่สุด คือรุ่น ASE 90 แล้วแก้ไขปัญหาสองสามอย่างด้วยรุ่น ASE Gold สาวผิวพม่า grey stone และลงท้ายก็ออกรุ่นที่ต้นทุนและราคาขาย อีกทั้งความรู้สึกของการยิง สามสิ่งมาพบกันได้โดยสมดุลที่สุด ในรุ่น DT 10 สาวผู้นิยมผิวสีจากการอาบแดด DT 10 เป็นรุ่นที่ดีที่สุดครับ ยิงดี ทนทาน ราคาไม่สูงไปกว่าปืนจากโรงงานคู่แข่ง แฮะ ๆ ASE Gold หนะ เหนือกว่าปืนของคู่แข่งตลอดกาลครับ แต่ราคาแพงกว่ากันตั้ง 50 % เลยขายไม่ค่อยออก
มีบางคนบอกว่า Beretta เริ่มโครงการปืนแบบถอดชุดลั่นไกได้มาตั้งแต่ปี 1990 ไม่เคยได้กำไรจากการขายปืนตระกูลนี้เลย เพราะต้นทุนสูง ใช้แรงงานและฝีมือช่างแบบเดียวกับการทำปืน side lock ที่ราคาแพง แต่ต้องมาขายราคาแข่งกับปืนจากโรงงานอื่นๆซึ่งใช้วัสดุธรรมดา จะลดราคาลงมาขายแข่งกันก็ไม่ไหว จนมาถึงยุคที่เครื่องจักรเข้ามาทำงานละเอียดๆแทนคนได้มากขึ้นนี่แหละครับ และรุ่น DT 10 ก็กำเนิดมาเพื่อตอบคำถามนักยิงปืนเป้าบินทั่วโลกครับ ว่า Beretta ก็มีปืนดี ที่ราคาไม่แพงกว่าแล้วนะครับ