เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 01, 2024, 01:20:29 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 214 215 216 [217] 218 219 220 ... 366
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: THE DOUBLE GUN & RIFLE CONNOISSEUR  (อ่าน 1172343 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 113 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
*****

คะแนน 249
ออฟไลน์

กระทู้: 885



« ตอบ #3240 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 09:44:05 PM »

                                                   อ้าวเร่เข้ามา เร่เข้ามา

   
     


      ฉึ่งๆๆโป๊งๆๆฉึ่ง  ตีฉิ่งกำลังจะเริ่มแล้ว  สองมือล้วงกระเป๋า สอง ขา ก้าวเข้ามา ถ้า กลัวคนรู้ ก็ใส่แว่น ใส่หมวก ตามสะดวก           

        เรียน ท่าน พ่อบ้าน ผู้คุ้มกฎ แล ระเบียบ RO ทุกท่าน
       บทความ ที่ ข้าพเจ้าจะ เล่า ต่อไปนี้  ถ้าไม่เหมาะ ไม่ควรด้วยประการใดก็แล้วแต่  ที่ อาจนำมาซึ่งความแตกแยก ทางความคิด หรือ มีปัญหากับ หมู่บ้าน ที่รักของเรา แล้ว ไซร้ ก็ขอให้ท่านรีบดำเนินการ ลบได้ ตลอดเวลา     
   ข้าพเจ้า จะลง ในกระทู้ ( 3240    )     ที่นี้  โดยการ ใช้วิธี แก้ไข แล้ว ลงเพิ่มไป เรื่อยๆ ท่านที่เข้ามาอ่านก็ไม่ต้อง วิ่งตามหา ท่าน RO ที่ จะเข้ามา ลบ ก็กดทีเดียว ไม่ต้องวิ่งไล่จับ  ง่ายดี
       เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่อง การใช้ปืน แล ตาม หาสัตว์ ที่ท่านจะล่า  ซึ่งไม่จำเป็นที่ท่านจะล่าด้วย ปืนแต่อย่างเดียว ท่านสามารถ นำไปประยุค ใช้  สำหรับการ ล่า ด้วยกล้อง ถ่ายภาพก็ได้ ซึ่ง ข้าพเจ้า ก็ได้ นำไปใช้  แล้ว ได้ผลดี
        บังเอิญ ข้าพเจ้า มิใช่ คน มือถือปืน ปากถือ ศีล หรือ พวกมือถือ ใบลาน 84,000 พระธรรมขันธ์ แต่ ปากยังคงคาบปืน  ก็เลย ล่าทั้งสองวิธี   แต่ แต่ ไม่เคยล่า โดย ผิดกฎหมาย นะคราบ เมื่อ เมืองไทย หยุดการ อนุญาต ให้ล่า สัตว์ ก็ไปหา จากประเทศอื่นๆ ที่ เขาอนุญาต ให้ล่า โดยถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงไม่มีปัญหากับ พวก NGO  และ ตามกฎของพวก ไซเตส หรือ ไล่เปตร ทุกประการ
      เรื่องที่จะเล่านี้ มัน เขียน มาตั้งแต่ยังไม่มีกฎหมาย การล่าสัตว์ แม้แต่ นักอนุรักษ์ เช่น หมอบุญส่ง และ อ. แถลงไข ก็ยังล่าอยู่  ผมต้องการ ให้ท่านที่ ยังชอบสนุก กับการล่า ศึกษาไว้ เป็น ความรู้ และ เป็นข้อเตือนใจเท่านั้น ว่าไม่ใช่เข้าป่า แล้ว คิดที่จะต้อง ยิงยิงแล ยิงแต่สัตว์อย่างเดียว มีเรื่องราว ความรู้มากมายในป่า ที่ สอนคนให้เป็นคน สอน เพื่อนให้เป็นเพื่อน สอนคนที่จะเป็นสามี และภรรยา กันในภายหลัง ให้เข้าใจกัน ก่อนที่จะร่วมหัวจมท้าย ต้องร่วมมือกันจึงอยู่รอดได้  และ สอน ให้รู้ว่า สหายรักในเมือง ศิวิไลซ์ แต่กลับต้อง เป็น ศตรู กันในป่า และ ไม่อาจมองหน้ากันได้อีกต่อไป   
      นอกจาก เรื่อง การล่าแล้วยังมีเรื่อง ป่า แล ปืน แล อื่นๆ  ที่ให้ความรู้มากมาย พอดี ช่วงนี้ กระทู้ ใน พันธุ์ทิพย์ เกี่ยวกับ PPU ที่กำลังมาแรง เข้าไปดูแค่ ซองพก ปืนสั้น ของ คุณหญิง ดาริน ที่ จะให้ ดารา มิสเบลโล แสดง (ท่าน มุ้ย คงเปลี่ยนใจแล้ว)   เห็นแล้วก็เหนื่อย  คุณหญิงเข้าป่าเมืองไทย ด้วยชุดนี้ เข็มขัด + ซอง + กระสุน + ปืน ก็ประมาณ 5 กก กระติกน้ำ + มีด + กระสุน .300 Wea ก็อีก 3 กก รวมแล้ว 8 กก ยังไม่ได้ ชั่ง เป้ กับ ปืน .300 Wea คงเดินไม่ถึง 500 เมตร ก็คงต้อง ถอดทุกอย่างหมด เหลือแต่ ยกทรงกับ บีกินนี่ ให้ แงซาย แบกไป แน่นอน มีบางท่าน เป็น สาวก PPU ก็ ลองบอกเล่าเก้าสิบ ส่งข่าว ให้ ท่านที่ เกี่ยวข้อง กับ การทำตัวอักษร ให้โลดแล่น เป็นตัวตน ในจอ ผ้า เข้ามาอ่านบ้างก็ได้นะครับ 
    ท่านที่จะมาให้ความรู้ นี้ จะเป็นใครอื่น ไปไม่ได้  ถ้าไม่ ใช่ ท่านที่ เป็น ทั้ง อาจารย์  และ เพื่อน ที่ กระผม เคารพ รัก ยิ่ง  ถึงแม้ ทั้ง คุณวุฒิ  และ วัยวุฒิ ของท่าน  จะสูงส่ง  กว่า ข้าพเจ้ามากนัก ท่านก็ ไม่ เคยถือตัวเลย สำหรับ ข้าพเจ้า ที่จะขอความรู้จากท่าน  แม้ท่านได้เสียชีวิต ไปนานมากแล้ว แต่ วิชาความรู้ที่ท่านให้มา ไม่เคยจากไปเลย จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ ก็ ท่าน วิจิตต์ ศิริเธียร ไง ครับท่านผู้อ่าน
   


                                                                   จงอ่าน

                                               
                                      รอดตายเพราะศูนย์กล้อง

                                                               
                                      เวรกรรมมีจริง


   “เฮ้ย-จิตโว้ย”
   ข้าพเจ้าเงยหน้าจากแค็ตตาล็อกปืน มองตรงไปยังประตูข้างหน้าตามเสียง ชายหนุ่มซึ่งเดินส่ายพุงตรงเข้ามาคือ คุณอาคมเพื่อนสนิทคนหนึ่งของข้าพเจ้า
   “ทำอะไรอยู่วะ” เขากล่าวต่อ
   “กำลังดูแค็ตตาล็อกปืนอยู่  อั๊วอยากได้ .44 แม็กนั่มสักกระบอกหนึ่ง เห็น .44 แม็กนั่มของ “ลูเกอร์” มันเข้าท่าดี”

                 9638


9640



   “อย่างนั้นเชียวรึ ? จะไปเล่นมันทำไมขนาด .44 ลูกก็หายาก เล่น .357 แม็กนั่มดีกว่า เหลือใช้ถมไป” เขากล่าว
   ข้าพเจ้าจึงย้อนขึ้นว่า “อั๊วเล่นเพื่อการศึกษาและเขียนตำรานี่หว่า !  เดี๋ยวคนอ่านเขาถามมาก็จะอธิบายให้เขาฟังไม่ถูก .357 อั๊วเคยยิงแล้ว ขนาด .44 ยังไม่เคยสักที มันคงแปลกพิลึก”
   “ถ้าลื้อจะเอาอย่างนั้นก็จะไปเล่นของลูเกอร์ทำไม ? มันเป็นปืนซิงเกิลแอคชั่น ทำไมไม่เอาของสมิทเขาล่ะ?”
   “ของสมิทมันหนักเงินโว้ย !  แล้วอีกอย่างหนึ่ง อ้ายปืน .44 แม็กนั่มมันไม่จำเป็นต้องใช้ยิงแบบดับเบิลเลย กดตูมเข้าไปปลายลำกล้องก็กระดกสูงขึ้นไปพะเรอแล้ว อย่างนี้จะยิงดับเบิลยังไงไหว”
   “ไอ้ลื้อมันพิสดารเสมอ อย่างไปเล่นเลยวะอ้าย .44 น่ะ .357 ยังมีโอกาสยิงได้ดีกว่าตั้งเยอะแยะ ใช้ลูก .38 ยิงก็ยังได้ ลื้อมีใบอนุญาตแล้วรึ? “
   “ยัง ขอก็ยากซะด้วย” ข้าพเจ้าตอบ
   “ให้มีใบอนุญาตเสียก่อนแล้วจึงคิดดีกว่า ปวดสมองเปล่าๆ เมืองเรามันยาก ถ้าอั๊วเป็นหัวหน้ากองทะเบียนได้ซักวันจะเซ็นแจกคนละกระบอกเลย เงินทองไม่ใช่ของเรา ใครมีเงินก็ไปซื้อเอาเองก็หมดเรื่อง ไม่รู้ว่ากองทะเบียนจะหวงไปทำไม? ไม่ได้ออกเงินให้เขาซื้อซักแดง ยังหวงอยู่ได้”
   “มีธุระอะไรวะ?  วันนี้จึงมาถึงที่นี่ไ ข้าพเจ้าถาม
   “ก็จะมาชวนเข้าป่าน่ะซี เอาวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์นี้แหละ วันเสาร์กับวันจันทร์มันเป็นวันหยุด หมู่นี้ไม่ค่อยมีงานไม่ใช่รึ ? เสียเวลาวันศุกร์ซักวันคงไม่เป็นไร นึกว่าพักผ่อนสมองซักที”
   “ใครไปบ้าง ? “ ข้าพเจ้าถาม
   “เช่นเดิม แต่ชวลิตมันไม่ไปมันไม่ว่าง ก็คงมีนายเลิศ นาย คอง นาย นัส นั่นแหละ ไปไหม ? วันศุกร์ลื้อก็ว่างไม่ใช่รึ ?”
   “อือ เข้าทีดีเหมือนกัน ไม่ได้ไปนานแล้ว เอ้า-ไปก็ไป” ข้าพเจ้าตกลงใจ
   “ลื้อจะเอาอะไรไปวะ .375 หรือ .30-06 อั๊วเอา .30-06 เรมิงตันไป อ้ายคองเอา .30-06 ซีแซด นายเลิศเขาอา .375 อ้ายนัสเอางูเห่าฟ้า (เราหมายถึงปืนลูกแฝดของเขา) เช่นเดิม”
   ข้าพเจ้าจึงบอกว่า “เอาเฟเธอร์เวธ (.30-06 ) ติดกล้องไปดีกว่า หน้านี้หน้าแล้ง เข้ายิงใกล้ๆไม่ค่อยได้”

                 9647


9648


9651


9654


9657



                     เราออกเดินทางกันในเช้าวันศุกร์ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ อาศัยรถจิ๊ปของคุณเลิศเป็นพาหนะใช้ในการล่องไพร คุณเลิศผู้เป็นเจ้าของรถผู้ซึ่งชอบป่ามากกว่าภรรยาเป็นผู้ขับเอง มุ่งหน้าเข้าป่ากาญจน์เช่นเคย มีความมุ่งหมายว่าจะใช้รถวิ่งฉายไฟล่ากันในบริเวณ “ทุ่งสลักพระ” ในคืนนั้น
   รถวิ่งไปตามสบาย พวกเราไม่รีบร้อนในการเดินทาง ตั้งใจว่าจะไปรับประทานอาหารกลางวันกันในเมือง แล้วเลยไปรับนายบกพรานผู้นำทางที่ทุ่ง “นางหลอก” และข้ามเขา “ผาลาด” ตัดตรงไป
   ลมเย็นและกลิ่นไอจากท้องไร่ทุ่งนานอกเมือง ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกชุ่มชื่นเบิกบานและโปร่งใจ ช่วยให้ลืมความยุ่งยากในธุรการงานอย่างหมดสิ้น ข้าพเจ้ารู้สึกตัวเบาและสบายคล้ายๆ กับว่าสามารถเปลื้องปลดความสกปรกของศิวิไลและข้อยุ่งใจทั้งหลายให้หลุดลอยตามลมท้ายรถไปห่างไกลจากตัว ยิ่งห่างจากพระนครเท่าไร จิตใจก็ยิ่งสบายมากขึ้นเป็นลำดับ
   วิถีชีวิตของคนเราไม่สามารถบังคับได้ให้คล้ายกับวิถีของกระสุนปืน แต่ละคนต่างผิดแผกแยกไปไม่เหมือนกัน และต่างก็พิสดาร
   ข้าพเจ้าเบื่อการล่าสัตว์ แต่กลับรักปืนเพิ่มขึ้นอีกมากมาย จากการวิจัยในตนเองก็ได้พบว่า ความชอบป่า เขา ลำเนาไม้อันเป็นส่วนลึกของดวงใจทำให้มีความยินดีในปืน
   การเข้าป่าของข้าพเจ้าคือการเข้าหาความสุขอย่างสงบ ซึ่งมิค่อยมีผู้ใดจะเข้าใจ แม้แต่ภรรยาที่รักและบุตรทั้งหลายของข้าพเจ้าเอง การใช้ชีวิตในป่าเป็นความสุขส่วนตัวซึ่งผู้อื่นทั้งหมดในครอบครัวมิสามารถจะรวมเข้าร่วมได้ มันเป็นความสุขอย่างแท้จริงเกิดขึ้นในดวงใจ ทั้งๆ ที่ร่างกายภายนอกกำลังถูกทรมารจนผิวกายดำด้านด้วยแสงแดดและสายลม

                                           การเตรียมใจ
   
        การเข้าป่า การล่องไพร มิใช่เริ่มต้นด้วยการเตรียมปืน เตรียมกระสุน เตรียม กล้องถ่ายภาพ หรือ เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการเดินป่า เพื่อการใช้ชีวิตอยู่ในป่า
   การเตรียมการขึ้นต้นเพื่อการล่องไพร ซึ่งนับได้ว่าสำคัญที่สุด คือการเตรียมใจของตนเองให้พร้อมเพรียง ทุกๆครั้งก่อนจะล่องไพรก็ควรเตรียมใจของเราเสียก่อนเป็นประการแรก
   ดีใจจนเกินไป ทำให้เราเตรียมตัวเตรียมของเอาไปเสียจนมากมาย กลายเป็นสร้างความลำบากในการขนย้าย ซึ่งพวกเราทั้งหลายนิยมเรียกผู้มีจิตใจอย่างนี้ว่า “พรานแต่งตัว”
   เมื่อจิตใจไม่ยินดีก็อย่าคิดทำการล่องไพร การกู้หนี้ยืมเงินเพื่อมาใช้จ่ายย่อมเป็นผลร้ายในภายหลัง ความไม่ยินดีทำให้กำลังใจเสื่อม ทำให้ประสาททุกส่วนไม่ตื่นตัว ทำให้เกิดการสะเพร่า เลินเล่อ หลงลืม ทำให้ขาดความละเอียดถี่ถ้วน ทำให้เกิดข้อบกพร่องทุกๆ อย่างซึ่งนำไปสู่ทางอันตราย
   มนต์ไพรนั้นขลัง ฉมัง แปลกและประหลาด เพื่อนซึ่งเคยรักกันมากมากก่อนการล่องไพร เมื่อได้ร่วมใช้ชีวิตในป่าด้วยกันกลับมาแล้ว อาจจะกลายเป็นเกลียดกันจนเข้ากระดูกดำ ไม่อยากเห็นหน้าคบค้าสมาคมกันต่อไปอีกเลยก็ได้
   หลายครั้งที่เพียงเพิ่งรู้จักกัน และก็เพียงเพื่อใช้ชีวิตในการเที่ยวป่าด้วยกัน ภายหลังกลับมาปรากฏว่า กลายเป็นเพื่อนแท้ชอบอยู่ใกล้ชิดไปไหนๆ ด้วยกัน และสามารถตายแทนกันได้
   ก่อนสมรส ทั้งคู่ที่จะวิวาห์ควรใช้ชีวิตท่องป่าเดินไพรด้วยกันเสียให้หลายๆวันก่อนแต่งงาน ก่อนที่จะสายจนกลับตัวไม่ทัน เพื่อว่าชีวิตหลังการวิวาห์จะได้ราบรื่น
   ในขณะอยู่ในป่า นอนภายใต้ผ้าในผืนเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกันหลายๆ วัน ความเป็นอยู่ในชีวิตและอุปนิสัยใจคอของผู้ใดเป็นอย่างไร จะปรากฏออกให้เห็นได้อย่างเด่นชัด
   ผู้ที่จะเป็นเจ้าบ่าวจะได้เห็นความงาม ความหมดจด ความน่ารัก น่าพิสมัยของผู้ที่จะมาเป็นคู่วิวาห์ของตนได้แท้จริงว่าเป็นอย่างไร ? ในเมื่อใบหน้าและเรือนร่างนั้นเพิ่งตื่นนอนขึ้นมาใหม่ๆ ยังมิได้ตกแต่งหรือแปรงฟัน
   ท่านผู้จะเป็นเจ้าสาวก็เช่นกัน จะเห็นพ่อยอดชายที่ตนใฝ่ฝันว่ามีนิสัยใจคออย่างแท้จริงเป็นอย่างไร จะเห็นแก่ตัวหรือไม่ เวลาเผชิญอันตรายจะร่วมเป็นร่วมตายสมที่จะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากอย่างแท้จริงเพียงไร สังเกตดูซิว่าท่านที่จะเป็นเจ้าบ่าวมีนิสัยนอนกรนครอกๆหรือเปล่า?
   การศึกษาวิชาจิตวิทยาซึ่งนักศึกษาทั้งหลายกำลังค้นคว้าร่ำเรียนกันจะไม่เป็นผลสำเร็จสมบูรณ์ ถ้าไม่ได้ใช้ชีวิตในการล่องไพรให้ชำนาญร่วมกับบุคคลต่างๆ หลายคณะหลายๆ หน ต่างคนต่างก็มีปัญหาทางใจ มีอุปนิสัยแท้จริงผิดกัน ท่านจะเห็นได้อย่างแจ้งชัดในขณะร่วมล่องไพรไปด้วย
   โดยทั่วไปเรายอมรับว่า ผู้เชี่ยวชาญในการอ่านจิตใจของคนออกอย่างชำนาญที่สุด ก็ได้แก่นายพรานผู้นำทางนั่นเอง เขาใช้ชีวิตของเขาที่ผ่านมาแล้วร่วมกับบุคคลต่างๆ หลายคนๆ แล้วก็หลายๆ ครั้งกับชนทุกชั้นทุกวัย
   ก่อนที่ท่านผู้ใดจะดำริการล่องไพร ควรเตรียมใจไว้ต้อนรับกับเหตุการณ์ต่างๆ ให้พร้อมเพรียง


                                                                    การเตรียมกาย   

       หลังจากการเตรียมใจ การเตรียมการขั้นต่อไปก็ได้แก่การเตรียมกาย การเตรียมกายต้องใช้เวลานาน นานกว่าการเตรียมการอย่างอื่นใด นอกจากการรักษาสุขภาพของร่างกายและสายตาให้ดีไว้ การปลุกประสาททั้งหลายทุกส่วนให้ตื่นตัว ให้มีความคล่องแคล่วว่องไวในการจับปืน  จับกล้อง ในการเล็งและการเหนี่ยวไกยิง หรือ กด ชัตเตอร์ ก็เป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะละเว้นเสียมิได้
   ก่อนเข้าป่า อย่างน้อยใน 3 สัปดาห์ ทุกท่านควรนำปืนที่จะใช้ออกมาจับโยนไป จับโยนมา ฝึกหัดประทับบ่า ฝึกหัดเล็ง และหัดเหนี่ยวไกเสียใหม่ตรงหน้ากระจกเงา เพื่อเป็นการฝึกให้ร่างกายคุ้นเคยกับปืนมากยิ่งขึ้น หรือ นำกล้อง และ เลนส์ ออกมาทำความสะอาด และ ทบทวน คู่มือ การใช้งาน เพื่อการใช้ในป่าจะได้เป็นไปอย่างว่องไว อันนับได้ว่าเป็นผลดีของท่านเอง
   ผู้เคยผ่านชีวิตในป่ามาแล้วแต่ได้ละทิ้งไปนานๆ อย่าได้มีความเชื่อมั่นไว้ใจตนเองเป็นอันขาด ควรนั่งทบทวนเหตุการณ์ของการเข้าป่าครั้งก่อน ควรรื้อฟื้นความจำเก่าๆ ให้สดชื่นขึ้นมาใหม่ จนคล้ายกับว่าการเที่ยวป่าครั้งนั้นเพิ่งผ่านไปหยกๆ เมื่อวันวาน พยายามนำภาพเหตุการณ์ซึ่งยังจำได้ในการล่องไพรครั้งก่อน เตรียมรอไว้เพื่อติดต่อกับภาพชุดใหม่ที่จะได้พบเห็นการกระทำดังนี้จะช่วยให้ท่านได้รื้อฟื้นศิลปะและเล่ห์เหลี่ยมอันเลิศเก่าๆ ซึ่งเกือบลางลืมไปให้คืนใหม่คงเดิม
   ผู้ซึ่งยังมิเคยและเพียงเพิ่งจะเข้าป่าครั้งแรก ควรรีบปรึกษาผู้ชำนาญและพรานรุ่นมือเก่า และหาตำรับตำราเกี่ยวแก่ศิลปะในการล่าสัตว์ทั่วไป อ่านและศึกษาให้เข้าใจจนดีเสียก่อน เพื่อการล่าสัตว์ หรือ ถ่ายภาพ และการเที่ยวป่าที่ลงทุนไปจะได้สัมฤทธิ์ผลดังมุ่งมาดคาดหมายไว้


                    9660


9663


9666


   ศิลปของการล่าสัตว์ซึ่งข้าพเจ้าได้ใช้ตลอดมา ซึ่งจะกล่าวเป็นเพียงสังเขปต่อไปคงจะช่วยให้ท่านนำไปทำประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย
   ศิลปของข้าพเจ้าเองอาจจะแปลกและไม่เหมือนของท่านผู้ใดก็ตาม แต่ข้าพเจ้าได้ใช้เห็นผลมาแล้ว ดังนั้นจึงหวังว่าท่านคงจะนำไปใช้ได้ผลเช่นกัน
ทางสัตว์
   เมื่อท่านเข้าไปในป่า จะเห็นทางเดินหลายสายคล้ายกับทางสัญจรไปมาของมนุษย์มีอยู่ทั่วไป บางแห่งก็มีน้อย บางแห่งก็มาก เหล่านี้มิใช่อื่นใด ทางทั้งหลายที่เห็นเป็นทางเดินของสัตว์ป่าทั่วไปนั่นเอง
   ทางต่างๆ จำแนกออกเป็นประเภทได้ดังนี้
1.   ทางอพยพ
2.   ทางใหญ่
3.   ทางหาอาหาร
4.   ทางเข้านอน
5.   ทางฉุกเฉิน
ทางอพยพ
   มีหลายสายแต่ไม่มากนัก หมายถึงทางใหญ่ที่เชื่อมต่อจากป่าหนึ่งไปยังอีกป่าแห่งหนึ่ง หรือจากป่าหนึ่งไปยังป่าต่างๆ ข้างเคียงกัน ทางดังกล่าว สัตว์ทั้งหลายใช้เดินไปมาในการเปลี่ยนป่า ย้ายที่อยู่ และย้ายที่หากิน
ทางใหญ่
   มีหน้าที่เช่นเดียวกันกับถนนสายต่างๆ ในตัวเมือง ทางนี้เป็นทางร่วมสายใหญ่ มีหลายสายแต่ไม่มากนัก เป็นทางร่วมทั่วไปซึ่งสัตว์ต่างๆ ใช้ติดต่อซึ่งกันและกันในขณะอยู่ในป่านั้นๆ ทางนี้สัตว์ใช้เป็นทางในการเดินเที่ยว และติดต่อกันในฤดูผสมพันธุ์ และในธุรการงานต่างๆ ของสัตว์ บนทางเหล่านี้จะมีสัตว์ต่างๆ นานาชนิดเดินไปมามากเสมอ โดยทั่วไปแล้วสัตว์ไม่ชอบการมุดมุ่นอยู่ในป่า การเดินทางของสัตว์ไปไหนมาไหนอาศัยเส้นทางเสมอ บางครั้งสัตว์ตกใจกระโดดออกนอกทางลอดมุดแหวกเข้าป่าหนีไป แต่ก็ประเดี่ยวเดียวเท่านั้น มันจะวิ่งออกจากป่ารกเข้าหาเส้นทางเสมอ การวิ่งหรือเดินตามทางนั้นมันสามารถหนีไปได้ว่องไวกว่าการแหวกป่าหนี
ทางหาอาหาร
   ทางแบบนี้มีหลายสาย แยกออกจากทางใหญ่ มุ่งตรงไปยังโป่งหนองน้ำ ทุ่งหญ้า และตรงไปยังต้นไม้ต่างๆ ซึ่งสัตว์ใช้เป็นอาหาร ทางประเภทนี้บางสายก็อยู่ในที่แจ้ง บางสายก็อยู่ในที่รก ทางซึ่งอยู่ในที่แจ้ง หมายถึงทางสายนั้นสัตว์ใช้เดินกันมาก มากกว่าทางสายซึ่งผ่านในที่รก
ทางเข้านอน
   นี่นับได้ว่าเป็นทางส่วนตัวของสัตว์ ต่างก็ใช้แยกเข้าสู่ที่นอนของตน ที่นอนของสัตว์ตัวหนึ่งมีทางเข้าหลายสายไม่ใช่มีแต่ทางเดียว และสัตว์ตัวหนึ่งก็มีที่นอนหลายแห่งด้วย
ทางฉุกเฉิน
   ในระหว่างทางทั้งหลายซึ่งตรงเข้าไปและออกจากที่นอนนี้ มีทางสายหนึ่งซึ่งเป็นทางลัดตัดตรง ออกจากที่นอนมุ่งเข้าสู่ป่าชัฏ ป่าหนาทึบๆ จุดมุ่งหมายของทางนี้สัตว์ใช้เป็นทางวิ่งหนีหลบภัย โดยเฉพาะในขณะกำลังนอนอยู่และรู้ตัวว่า เสือหรือศัตรูซึ่งเป็นสัตว์ด้วยกันเอง หรือพรานกำลังย่างก้าวเข้ามา ทางนี้เป็นทางสำคัญซึ่งช่วยให้ผู้ล่าสามารถได้สัตว์โดยจัดพรานอีกผู้หนึ่งไปนั่งซุ่มหรือนั่งยอดไม้คอยสกัดไว้ในขณะที่ตนเองค่อยๆ คืบเข้าไปจู่โจมทางที่นอน พึงจำไว้ให้ได้ทีเดียวว่า  ที่หลบภัยของสัตว์ส่วนมากเป็นป่าทึบ ซึ่งมักมีหนามหนา มีไม้ขวางทางทำให้เกิดเสียงดังง่าย และในหุบเขาทึบๆ ที่ซึ่งหลบภัยในขณะปราศจากพายุของสัตว์มิได้อยู่บนเขา เมื่อสัตว์หลบภัยหนีไปจะตามได้ในที่บริเวณป่าทึบ หุบเขาทึบนี้เป็นหลักธรรมดาซึ่งใช้ปฏิบัติกันทั่วไป แต่ก็มีหลายครั้งที่สัตว์ถูกยิงสาหัส แล้วกลับขึ้นไปตายบนเขา ธรรมชาติย่อมมีข้อแม้เสมอ


                                                  ต่อที่ ตอบ #3241
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2008, 01:10:52 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า

หลงรัก  สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ  งอน
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
*****

คะแนน 249
ออฟไลน์

กระทู้: 885



« ตอบ #3241 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 09:44:30 PM »

                              ต่อจาก ตอบ # 3240

                                              อานุภาพของลม


   พรานทุกผู้เข้าใจความสำคัญของลมดี เพราะเสียง กลิ่น และลมทั้ง 3 นี้เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดในการล่าสัตว์ หรือ ถ่ายภาพ แต่พรานชั้นดี น้อยคนจะเข้าใจได้ถ่องแท้ใน “อานุภาพของลม”
   อานุภาพของลมมีมหันต์ ลมคล้ายๆ กับเทพเจ้าผู้หนึ่งบัญญัติเวลาและระเบียบให้สัตว์ปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน ลมบัญญัติให้สัตว์ออกหากินวันละ 2 ครั้ง

   ลมซึ่งสำคัญแก่ชีวิตและความเป็นอยู่ของสัตว์มี 3 ชนิด
1.   ลมประจำฤดู
2.   ลมประจำวัน
3.   ลมพายุ
     ลมประจำฤดู มีความสำคัญ มีอิทธิพลเหนือกว่าลมประจำวัน อานุภาพของมันสามารถหักล้างลมประจำวันได้โดยสิ้นเชิง ลมพายุมีอานุภาพยิ่งใหญ่ที่สุด สัตว์กลัวลมพายุมากที่สุด อานุภาพแห่งลมพายุสามารถใช้สังหารลมประจำฤดูและลมประจำวันเมื่อใดเวลาใดก็ได้อย่างเด็ดขาด
ลมประจำฤดู
   ทุกท่านเข้าใจลมนี้ได้ดีในการเขียนวิชาภูมิศาสตร์ ลมประจำฤดูเป็นผู้สร้างความแห้งแล้ง ลมประจำฤดูเป็นเทพผู้ประทานความชุ่มชื้น และความอุดมสมบูรณ์ให้กับป่า ลมประจำฤดูเป็นผู้บังคับให้สัตว์เกิดปัญหาของการอพยพย้ายที่ทำกินใหม่ด้วยความอดอยาก
   ลมประจำฤดูผันแปรและเปลี่ยนทางเดินได้ตามฤดูกาลฉันท์ใดก็เช่นกัน สายลมในป่าเปลี่ยนทิศทางของการวิ่งได้เมื่อฤดูกาลได้เปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงของสายลมในบริเวณป่าขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสายลมประจำฤดู แต่กระแสลมหรือสายการวิ่งของลมในบริเวณป่าไม่เป็นไปในแนวทางอันเดียวกันกับทางเดินของลมประจำฤดู เพราะสายลมที่ผ่านเข้าไปในป่าต้องปะทะกับต้นไม้และภูเขาทำให้ทางเดินของลมเปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุนี้นักล่าสัตว์พึงจำไว้ว่าในบริเวณป่าเดียวกันนั้น ทางลมทุกๆ แห่งทุกสถานที่หน่วยย่อมไม่เหมือนกัน การย้ายค่ายที่พักมันหมายถึงการย้ายทางลมด้วย การแกะรอยตามจึงมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจทางเดินของลมเสมอทุกๆ ระยะ
ลมประจำวัน
   ลมนี้มีความสำคัญที่สุดในการสร้างระเบียบแบบแผนให้สัตว์ปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน สัตว์ป่าออกหากินวันละสองเวลา ก็เนื่องจากลมนี้ อานุภาพของลมนี้โดยแท้ที่บังคับให้สัตว์หากินวันละ 2 ครั้ง แต่อานุภาพของลมนี้กลับถูกหักล้างโดยอานุภาพของดวงจันทร์ซึ่งจะได้กล่าวในตอนหลังต่อไป
   ลมประจำวันเปลี่ยนทางเดินวันละ 2 ครั้ง คือพัดมาแล้วก็พัดกลับไป เมื่อลมพัดเข้ามาตรงหน้าเรา สัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ตรงหน้าเราออกไปหากินตามทางข้างหน้าเราไกลออกไปอีก ส่วนสัตว์ซึ่งมีที่อยู่ทางด้านหลังเราจะมาหากินตรงบริเวณที่เราพักอยู่
   เมื่อลมพัดกลับจากด้านหลังเราแล้วผ่านไปข้างหน้า สัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ข้างหน้าเราจะออกหากินตรงมาทางเรา ส่วนสัตว์ทางหลังจะออกหากินไกลออกไปอีก
   การเปลี่ยนกระแสพัดกลับไปกลับมาของลมประจำวันอาศัยทฤษฏีเดียวกันกับลมบกและลมทะเล นั่นก็เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของพื้นดินเป็นสำคัญ
   ในบริเวณป่าที่มีภูเขาในตอนเช้า ตั้งแต่พระอาทิตย์เริ่มขึ้นไปประมาณ 1 หรือ 2 ชั่วโมงลมจะสงบ จากนี้ต่อไปลมจะค่อยทวีความแรงพัดตรงไปยังภูเขาจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ในระยะดังกล่าวก็หมายความว่า ลมพัดจากที่ราบลุ่มขึ้นไปสู่ยอดเขา เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้วลมจะสงบในราว 1 หรือ 2 ชั่วโมงเช่นกัน แล้วจากนั้นก็เริ่มทวีความแรงพัดจากยอดเขาลงสู่ที่ลุ่ม
   ในบริเวณป่าซึ่งไม่มีภูเขาก็ให้ยึดถือบึงใหญ่หรือหนองน้ำใหญ่เป็นสำคัญ ในตอนกลางวัน ตั้งแต่เช้าถึงเย็นลมพัดจากน้ำเข้าไปสู่ในบริเวณป่า และจากตอนค่ำถึงเช้ามือกระแสลมพัดจากป่าเข้าหาบึง
   บางวันท่านอาจสังเกตทางลมไม่ได้ ว่าจะพัดจากไหนไปไหน ให้กระทำดังนี้คือ หากิ่งไม้ใบไม้สดใส่ไปในกองไฟเพื่อให้เกิดควัน แล้วสังเกตดูควันที่เกิดขึ้นเป็นสำคัญ ถ้าควันรวมกลุ่มลอยเกาะต่ำบนพื้นดินก็แสดงว่าลมพัดจากที่สูงหรือยอดเขาลงสู่ที่ลุ่ม ถ้าควันพุ่งสูงขึ้นไปก็หมายความว่า ลมพัดจากที่ต่ำขึ้นสู่ที่สูง


         นิสัยของสัตว์ป่าทั่วไป


   การหากินของสัตว์ขึ้นอยู่กับกระแสลมเป็นสำคัญ สัตว์ป่าส่วนมากแทบทุกตัวเลยทีเดียวออกหากินย้อนกระแสลม ทวนลมหาอาหาร ในขณะลมพัดออกจากที่ลุ่มขึ้นสู่เขา สัตว์ป่าทั้งหลายก็ออกจากที่นอนย้อนทางลมลงไป อาศัยจมูกเป็นเครื่องมือดักสูดกลิ่นเพื่อระวังภัย สัตว์ระวังตัวโดยการตรวจกลิ่นจากลมเสมอทุกๆ ระยะในขณะเดินทาง
   โดยตามธรรมดามันก็ออกเดินตามทางส่วนตัวแล้วเข้าทางใหญ่ไปแยกต่อลงทางเข้าแหล่งอาหาร การหากินของมันจะดำเนินเรื่อยไปจนพอดีกับลมเปลี่ยนทางเดิน คือพัดกลับจากเขาลงสู่ที่ลุ่มแล้วจึงกลับเข้าที่นอน ดังนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดว่า สัตว์ออกจากที่นอนเมื่อลมพัดเข้ามายังที่นอนของมัน และกลับเข้าสู่ที่นอนในเมื่อลมพัดออกจากที่นอนของมัน
   ในระหว่างกลางวันเมื่อลมเปลี่ยนทางแล้ว การเดินหาสัตว์โดยมุ่งหน้าไปสู่เขาหรือเข้าสู่ป่าลึก จึงจะมีหวังพบสัตว์ได้น้อย เพราะกลิ่นของผู้ล่าลอยล่วงหน้าออกไปถึงจมูกมันก่อน นอกจากท่านรู้ ที่อยู่ ที่กิน ที่นอนของมัน และรู้ทางลมทุกระยะได้ดีแล้ว จึงจะมีหวังเดินอ้อมไกลๆ เลือกทางเข้าไปทางใต้ลม
   ขณะเมื่อมันล้มตัวลงนอน ส่วนมากสัตว์มักหันหน้าออกไปทางทิศที่มันเดินเข้ามาเสมอ มันคอยเฝ้าและใช้ความระมัดระวังส่วนใหญ่อยู่ทางนั้น เพื่อป้องกันสัตว์อื่นหรือใครแกะรอยตามมันมา
   ดังกล่าวนี้ ท่านจะเห็นได้ชัดว่า การแกะรอยก็คือการเดินตามหลังมันอย่างระมัดระวังเป็นดีที่สุด มันมัวแต่ตรวจกลิ่นซึ่งมากับลมทางด้านหน้าของมันแต่ทางเดียวเท่านั้น นี่จึงเป็นอันว่าปัญหาของกลิ่นตัวของผู้แกะรอยจึงหมดไป จิตใจของผู้ล่าเพียงแต่ระวังการเดินไม่ให้เกิดเสียงดังขึ้นแต่อย่างเดียว
   เมื่อท่านเดินแกะรอยตามมันเรื่อยๆ มาจนกระทั่งพบว่า มันแยกทางเดินออกจากทางใหญ่มุ่งเข้าสู่ป่าข้างทางแล้ว ตรงทางแยกนี้ท่านจงเตรียมตัวให้จงดี เตรียมปืน เตรียม กล้องให้พร้อมและปลุกประสาทให้ตื่นตัวไว้ สัตว์ที่ท่านตามมากำลังนอนรอท่านอยู่ใกล้ๆ ในบริเวณนั้น เพื่อให้ท่านเห็น  แน่นอนที่สุด แน่นอนทีเดียวถ้าทางลมไม่เปลี่ยนแปลง จงจำไว้อย่าเดินเลยทางแยกที่กล่าวนี้ไปเป็นอันขาด เพราะลมพัดมาจากทางข้างหน้าโน้น และถ้าท่านเลยทางแยกไป ลมก็จะหอบกลิ่นตัวของท่านเข้าทางแยกไปให้มันรู้
   สิ่งซึ่งควรจำไว้อันสำคัญก็ได้แก่ สัตว์บางประเภทและก็สัตว์หลายๆ ตัวทั่วไปสามารถกลับเข้าสู่ที่นอน หรือหาที่พักนอนใหม่ได้ก่อนที่ลมจะเปลี่ยนทาง ดังนั้นในขณะลมสงบท่านต้องเดินให้เงียบที่สุด จะทำให้เกิดเสียงอันใดแม้แต่เล็กน้อยก็ไม่ได้ เพราะในขณะลมสงบย่อมปราศจากเสียงของกิ่งไม้หรือใบไม้ไหวใดๆ ทั้งสิ้น และเป็นที่รู้กันในระหว่างสัตว์ป่าทั่วไปว่า มันไม่เดินทางไปไหนกันในขณะลมสงบ ดังนั้นเสียงที่เกิดขึ้นในขณะลมสงบนี้ก็จะมีแต่ผู้เดียวเท่านั้น คือท่านนั่นเอง ไม่ใช่ใคร!
ลมพายุ
   ในเวลาก่อนจะเกิดพายุ สัตว์ป่าทุกตัวทราบได้ดี เพราะมันว่องไวในการแปรปรวนต่อความกดดันของอากาศ มันจะหยุดหากินทันทีแล้ววิ่งเข้าหาที่กำบังลม
   ขณะเวลาพายุแรง สัตว์จะไม่หลบอยู่ในที่ลุ่มหรือตามซอกเขาและหุบเขา เพราะที่เหล่านี้เป็นทางเดินของลมแรงทั้งนั้นมันจะพยายามขึ้นไปสู่ที่สูงตรงบริเวณใกล้ยอดเขาด้านที่ต้านลมอยู่นั้น
   สายลมที่พัดแรงพุ่งไปชนเขา แล้วก็จะกระเด็นสะท้อนกลับการสะท้อนกลับนี้ทำให้แรงลมกลับมาต้านหักล้างชนกับลมที่พัดตามมาทีหลัง แล้วม้วนตัวขึ้นข้ามยอดเขาไปใหม่ ในบริเวณที่เกิดปฏิกิริยาดังกล่าวนี้เป็นบริเวณที่มีกระแสลมแรงน้อยที่สุดและสงบมากที่สุดกว่าในบริเวณใดที่อยู่ในทางลม สัตว์ป่ารู้จักที่ตรงนี้ดี มันทั้งหลายจะหลบไปรวมกันอยู่ตรงที่นั้น
   ทางด้านหลังเขาท้ายลม ตรงเกือบถึงยอดก็เช่นเดียวกันตรงนั้นมีสัตว์มากที่สุดในขณะลมแรง เพราะลมที่ม้วนข้ามเขาหรือพัดผ่านยอดเขาจะวิ่งผ่านเลยตรงนี้ไปแล้วจึงม้วนตัวกลับลงมาอีก แต่ก็เลยบริเวณใกล้ยอดเขาตรงนี้เสียแล้ว
   ทางตอนท้ายเทือกเขา ซึ่งตั้งแนวยาวตามทางลมก็เช่นเดียว ตรงใกล้ยอดก็เป็นบริเวณที่ดีที่สุดดุจกัน สัตว์ใหญ่ๆ ทั้งหลายชอบอยู่ตรงนั้นในขณะลมพายุพัดแรง
   แน่นอนที่สุด ถ้าท่านอยากได้สัตว์ก็ควรจะไปล่าตรงที่ๆ กล่าวไว้เหล่านี้ในขณะมีลมพายุ มีหวังได้เป็นอย่างมาก หวังได้ถึง 90% ทีเดียว
   ในขณะฝนยังพรำๆ ภายหลังเพิ่งหมดพายุใหม่ๆ ท่านจงออกล่าทันทีเป็นตอนโชคดีที่สุด ถึงแม้ว่ายังไม่ถึงเวลาหาอาหารของมัน ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันก็ตาม เพราะมันทั้งหลายต่างก็หิวด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากต้องอดอาหารในขณะหลบพายุและฝน
   สัตว์ป่าทั่วไปเท่าที่ได้พบมา ถึงแม้จะหิวโหยอย่างไรท่านก็พึงจำไว้ว่า ตัวแมียดุร้ายกว่าและกล้ากว่าตัวผู้ ตัวผู้ก่อนจะทำอันตรายก็มักจะส่งเสียงร้องขู่คำรามออกมาเป็นสัญญาณก่อน แต่สัตว์ตัวเมียมักเข้าถึงตัวทำร้ายเลยอย่างเงียบเชียบ


                                                                     อิทธิพลของดวงจันทร์

   อานุภาพของดวงจันทร์มีความสำคัญต่อจิตใจของมนุษย์เช่นไร ก็มีอานุภาพสำคัญต่อสัตว์ฉันท์นั้น และก็ดูเหมือนว่าอิทธิพลของดวงจันทร์สำคัญต่อสัตว์มากทีเดียว  ดวงจันทร์เปลี่ยนเวลาของการหากินของสัตว์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง
   ในระยะเวลาข้างแรมในคราวท้องฟ้าปราศจากจันทร์ เวลาหากินของสัตว์มี 2 ครั้ง คือเช้า-เย็น เป็นประจำ
   เมื่อถึงคราวข้างขึ้นมีพระจันทร์ สัตว์ทั้งหลายจะใช้เวลาตลอดระยะตอนกลางวันเพื่อการนอน หลบในที่อยู่อาศัยแต่อย่างเดียว และเตรียมตัวพร้อมไว้ รอการมาของแสงจันทร์เพื่อออกหากินตลอดคืน แล้วจะรีบกลับเข้าเพื่อพักนอนตอนก่อนจะรุ่งอรุณ
   ที่กล่าวนี้จะเห็นได้ว่า การล่าสัตว์ด้วยการขัดห้าง นั่งโป่งทั่วไปในตอนข้างขึ้นจึงมีโอกาสดีกว่าในตอนข้างแรม ในตอนข้างขึ้นมีพระจันทร์ สัตว์ออกเดินเพ่นพล่านหากินทั่วไปตลอดคืน ส่วนในยามข้างแรมเดือนมืด การนั่งห้าง นั่งโป่ง มีโอกาสมากแต่เพียงตอนเย็นและตอนเช้าเท่านั้น ในคืนข้างแรมจึงต้องรีบไปเริ่มนั่งห้างตั้งแต่บ่าย 2 โมงจึงจะสมควรและพอเหมาะพอดีกับการยิงในตอนเย็น มิฉะนั้นท่านจะช้าเกินไป
   การแกะรอยออกล่าในเวลากลางวันในระยะข้างขึ้น มีหวังน้อยกว่าการแกะรอยในตอนกลางวันของระยะเวลาข้างแรม เพราะในตอนรุ่งเช้าสัตว์หากินในตอนกลางคืนตลอดแต่เวลาเดียว ดังนั้นกลางวันจึงนอนหิวและตื่นตัวอยู่เสมอ การแกะรอยที่ดีที่สุดในขณะนี้มีข้อจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ล่าจะต้องรู้จักที่อยู่ที่นอนของสัตว์อย่างแท้จริงจึงจะมีหวัง การเดินแกะรอยแบบเดาสุ่มจึงมีหวังน้อยมาก เพราะสัตว์ระวังตัวอยู่ทุกขณะ ที่ล่าได้โดยการแกะรอยเดาสุ่มในระยะนี้เป็นการ “ฟลุ้ค” เท่านั้น
   ในตอนกลางวันในระยะข้างขึ้น การล่าที่ดีที่สุดคือการ “ไล่ราว” โดยใช้คนหลายคนไล่ต้อนตามพุ่มไม้ เพื่อให้สัตว์ตกใจวิ่งออกมาให้ยิง ในการล่าแบบ “ไล่ราว” ผู้ล่าต้องระวังการยิงผิดพลาดไปถูกผู้ไล่ให้จงหนัก และถ้าผู้ล่ามีหลายคนด้วยแล้วจงระวังการยิงกระสุนใส่กันเองให้มากที่สุด การล่าสัตว์แบบไล่ราวถือเป็นศิลปประการหนึ่งในการล่าสัตว์ แต่ก็จัดได้ว่าเป็นศิลปชั้นต่ำของการล่าสัตว์ทั่วไป
   ถ้าท่านอยากทดลองเดินกลางวันแกะรอยในระยะนี้นอกจากทางลมแล้ว ท่านต้องใช้ความพยายามเดินให้เบามากที่สุด ในระหว่างระยะนี้สัตว์ทั่วไปย่อมรู้ได้อย่างดีว่า พวกมันจะไม่ออกหากินกันในตอนกลางวัน เสียงดังเนื่องจากกิ่งไม้หักและอื่นๆ ในขณะท่านเดินจะบอกให้มันทราบได้อย่างชัดว่ามันกำลังถูกล่าอย่างแน่นอน การหักของกิ่งไม้ตามธรรมชาติเป็นการหักจากที่สูงลงมา ระยะเวลาส่งเสียงในการหักยาวนาน แตกต่างกับการหักดัง “เพาะ” บนพื้นดินโดยสิ้นเชิง
   รถที่พวกเรานั่งมาจอดหยุดหน้าปั๊มน้ำมันชายเมือง เราจัดการเติมน้ำมันใหม่จนเต็ม และเพิ่มใส่เผื่อไว้ในถังสำรองเป็นอะไหล่เพื่อใช้ในป่า และวิ่งกลับออกมาอีก 2 ถัง ต่างคนต่างลงจากรถเปลี่ยนอิริยาบถ บ้างก็สูบบุหรี่ยืนดูอยู่ห่างๆ ส่วนมากมักไปหาทางแบ่งเบาบรรทุกข์ตามแต่กรณี คุณเลิศเจ้าของรถเป็นผู้จัดการดูแลรับหน้าที่ตรวจตราและเติมน้ำมันเอง ต่อเมื่อเรียบร้อยเราก็เดินทางเข้าไปรับประทานอาหารในเมืองและออกเดินทางต่อไป
   ในการเข้าป่าของคณะข้าพเจ้ามิได้คำนึงถึงว่าจะได้สัตว์หรือไม่ จะได้หรือไม่ได้ก็ไม่แปลก การเที่ยวป่าของเราเป็นการท่องเที่ยวกันด้วยจิตใจชอบความเป็นไพรของป่า พวกเราไม่ต้องการเห็นการตายของสัตว์โดยเปล่าประโยชน์ ถูกแล้วพวกเราต้องการยิงปืน และเราก็ได้ยิงกันชุ่มใจจริงๆ การยิงของพวกเราทั้งหมดเป็นการศึกษา มีหลายครั้งที่เราโต้เถียงกันถึงเหตุผลว่า ทำไมกระสุนนัดนั้นจึงพลาดไปถึงจุดนั้น มีหลายครั้งที่เราผลัดกันยิงปืนกระบอกเดียวติดกันจนครบ 45นัด จนลำกล้องร้อนเป็นไอลอยขึ้นมาจนใช้มือจับไม่ได้ เป้าของเราคือกระดาษ ตามจอมปลวก และกิ่งไม้ เราได้ยิงกันอย่างสบายๆ นี่คือความพอใจที่พวกเราได้รับจากการยิงปืน

              การเตรียมตัว

   การเตรียมตัวเพื่อการเข้าป่าของข้าพเจ้า มิได้คำนึงถึงระยะเวลาที่จะใช้ในการเดินทางแต่เพียงอย่างเดียว เพราะทราบดีว่า การเดินทางไม่สามารถจะกำหนดเวลาได้แน่นอนเสมอไป อาจมีอุปสรรคและกว่าจะกลับได้ก็อาจเป็นเวลานานหลายๆ วันเกินกำหนดตามความมุ่งหมายดังแผนการที่ได้วางไว้
   ในการล่องไพรทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะกำหนดกันไว้เพียง 2-3 วัน ก็ตาม แต่ทางที่ดีควรเตรียมตัวไว้เผื่อการใช้ชีวิตในป่า ประมาณ 7 วัน ถึง 10 วัน ในการล่องไพรคราวนี้ข้าพเจ้าได้เตรียมไว้เพื่ออยู่ในป่าเป็นเวลา 7 วัน
   เครื่องแต่งตัวของข้าพเจ้าเป็นแบบธรรมดาไม่มีพิธีรีตองอย่างไร ข้าพเจ้าชอบใช้กางเกงขายาวและเสื้อแขนสั้นในตอนกลางวันในฤดูร้อน และใช้เสื้อแขนยาวในตอนกลางคืนและในฤดูหนาว เย็บขึ้นด้วยผ้า “เวสท์ปอยท์” สีขี้ม้า สีกากี และผ้า “ยีนส์” สีน้ำเงิน และสีแดง
   นอกจากสีขาวแล้ว เสื้อผ้าเพื่อใช้ในการเดินป่าจะเป็นสีอะไรก็ได้ สัตว์ป่าทุกชนิดนอกจากสัตว์จำพวกลิง ตาบอดสีทั้งนั้น สีเหลืองซึ่งทำให้ควายชาวบ้านตื่นเป็นสีที่ดีที่สุดสำหรับการสวมใช้ในป่า เพื่อป้องกันอันตรายในการเข้าใจผิดยิงกันเอง สีแดงก็ใช้ได้แต่ไม่ดีเท่าสีเหลือง มนุษย์ทั่วไปตาบอดสีในด้านสีเหลืองน้อยกว่าสีใดๆ ทั้งหมด
   รองเท้าที่ข้าพเจ้าชอบที่สุดคือรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ จาการทดลองของข้าพเจ้าก็ได้พบว่ารองเท้า “คอมแบ็ท” ที่ทหารใช้เป็นรองเท้าที่เหมาะแก่การเดินป่าที่ดีที่สุดกว่ารองเท้าใดๆ แต่ผู้ใช้ต้องฝึกหัดสวมใส่ให้เคยชินทุกวันเสียก่อน จึงจะใช้เดินได้อย่างชำนาญ วิธีใช้รองเท้าคอยาวแบบทหารม้า “ท็อปบู๊ท” เพื่อการเดินป่าให้สบายก็ควรใช้น้ำเทลงไปเสียก่อนแล้ว จึงใส่เท้าลงไปทั้งๆ ในขณะมีน้ำ
   ถุงเท้าต้องเอาไปหลายๆคู่ โดยคิดใช้ในการเดินป่าในอัตราคู่ละ 1 วัน แล้วเปลี่ยนซักเลย เผื่อไว้วันใดที่ท่านจะเดินนานๆตลอดวัน ควรเตรียมถุงเท้าใส่กระเป๋าติดสำรองไว้อีกหนึ่งคู่ ในขณะที่ท่านกำลังเดิน รู้สึกว่าเหงื่อเท้าออกและผิวเท้าเริ่มรู้สึกกระด้างเมื่อสัมผัสกับถุงเท้าควรรีบเปลี่ยนถุงใหม่ทันที
   สำหรับข้าพเจ้า กระเป๋าสะพายหลังของทหาร ซึ่งเราเรียกกันว่า “เป้” เป็นสิ่งสำคัญในการแยกพวกออกไปจากค่ายเพื่อการนั่งโป่งนั่งห้าง ภายในเป้นอกจากจะมียารักษาไข้บางอย่างเล็กน้อย ข้าพเจ้าใช้ใส่เสื้อกันหนาว มีดเดินป่า ปืนสั้น กระสุนปืน ไฟฉาย ผ้าพลาสติกอย่างบาง 3 หลา เพื่อกันฝน และสกูรไรครบชุด (ข้าพเจ้าบรรจุปืนสั้น 2 กระบอกขนาด .22 ไว้ในเป้ ขนาด .44 แม็กนั่มไว้ที่เอว)
   เข็มขัดที่ข้าพเจ้าชอบ คือเข็มขัดใส่กระสุนแบบทหาร เพราะมีหลายกระเป๋า เหมาะกับการใส่ลูกปืน ใส่ไม้ขีดไฟ ใส่ไฟแช็ก และอื่นๆได้หลายอย่าง เนื่องจากกระสุนของเรามิได้ใช้แม็กกาซีนแบบของทหาร ข้าพเจ้าจึงใช้ยางรัดกระสุนให้รวมกันแน่นเสียก่อน แล้วจึงใส่ไปในซองเพื่อป้องกันมิให้กระสุนกระทบกันส่งเสียงดังออกมาในขณะเดิน ที่กล่าวนี้มิใช่ข้าพเจ้าจะขักชวนให้ท่านใช้เข็มขัด แต่ต้องการให้ท่านประหยัดให้ถูกต้องตามนโยบายของรัฐบาล เพราะเข็มพัดแบบนี้เพียงเส้นเดียวใช้บรรจุได้หลายอย่าง จึงนับได้ว่าเป็นการประหยัดอย่างหนึ่งเช่นกัน
   กระติกน้ำ สำหรับข้าพเจ้าไม่สำคัญ เพราะข้าพเจ้าใช้กระบอกไม้ไผ่เสียเคยชิน แต่ท่านซึ่งยังไม่คุ้นกับน้ำในป่าควรมีไปโดยเฉพาะ ในฤดูแล้งน้ำในป่าบางแห่งเป็นพิษ เนื่องจากใบไม้ต่างๆตกลงไปหลายๆอย่างทำให้น้ำนั้นเหมือนยาหม้อขนานหนึ่งทีเดียว
   หมวกที่ใช้เป็นหมวกผ้าเบาๆเท่าไหร่ยิ่งดี หมวกกระดาษ หมวกอลูมิเนียมและหมวกเหล็กไม่ดี เพราะมันส่งเสียงดังเวลาลอดมุดต้นไม้ในขณะแกะรอย
   สิ่งสำคัญอันสุดท้ายก็คือ อย่าลืมแม่โขงเป็นอันขาด สิ่งนี้เป็นสิ่งซึ่งข้าพเจ้าขาดไม่ค่อยจะได้ สำหรับละลายกับพริกไทยใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง และให้พรานไว้ติดสินบนจ้าวป่าจ้าวเขาตามที่เขานับถือ นี้เป็นธรรมเนียมทั่วไป มิใช่มนุษย์จะรู้จักกินสินบนเทวดาเองก็ “คอร์รัปชั่น” ด้วยเช่นกัน

                   การเตรียมปืน   

           การเตรียมปืนเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งควรจะกระทำก่อนสิ่งอื่นใดในการเตรียมตัว การเตรียมปืน ก่อนอื่นก็ควรหยิบปืนทาบตรวจดูความเป็นไปของปืนที่จะใช้ให้ถ่องแท้แน่ชัด ดูการปฏิบัติงานของเครื่องกลไกทุกชิ้นทั้งหมดให้เรียบร้อย ดูลำกล้อง ตรวจดูการการปฏิบัติงาน ทดลองศูนย์ใหม่ให้แน่ใจ แล้วจัดการเช็คชำระปืนใหม่ให้สะอาดเกลี้ยงเกลา ปราศจากจาระบีเหนียวๆหรือน้ำมันข้น ในระหว่างอยู่ในป่าอย่าใช้น้ำมันหยอดเครื่องชนิดข้นหรือจาระบีเป็นอันขาด ควรใช้น้ำมันใสตลอดกาล เมื่อท่านเช็ดปืนสะอาดแล้ว ใช้น้ำมันใสหยอดเครื่องกลไกต่างๆและชโลมลำกล้องไว้ แล้วนำใส่ซองเพื่อการเดินทาง
   ปืนขนาด .30-06 ของข้าพเจ้าเป็นปืนโมเดล 70 ของโรงงานวินเชสเตอร์แบบ “ซูเปอร์เกรด” น้ำหนักเบา ซึ่งในขณะนี้ทางโรงงานได้ยกเลิกไม่ผลิตอีกต่อไป ปืนแบบนี้มิใช่ปืนขนาด .30-06 ที่ดีที่สุดในระหว่างปืนทั้งหลาย แต่สำหรับฐานะการเงินอย่างข้าพเจ้าก็นับได้ว่าดีที่สุดแล้ว เท่าที่กำลังทรัพย์จะอนุโลมให้

                                                                    ดูรายละเอียด ที่ ตอบ#3245

            ปืนแบบนี้ ในทัศนะของข้าพเจ้า เห็นว่าไม่เหมาะแก่ผู้เริ่มใช้ปืนไรเฟิลใหม่ๆ มิใช่ข้าพเจ้าจะอวดตัวว่าเป็นมือเก่าคุยเขื่องข่มท่าน ปืนแบบนี้น้ำหนักเบากว่ามาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปในการผลิตปืน และก็มีลำกล้องยาว 22 นิ้ว ซึ่งต่างกับปืนมาตรฐานที่นิยมให้มีลำกล้องยาว 24 นิ้ว ปืนจึงมีแรงสะท้อนถอยหลังมาก และการสะท้อนของลำกล้องขึ้นบนก็สูงเช่นกัน
   ข้าพเจ้าชอบใช้ปืนเบาเพราะข้าพเจ้าชอบเดิน การยิงของข้าพเจ้าต้องการเพียงนัดเดียวแน่ๆเท่านั้น ดังนั้นข้าพเจ้าจึงใช้ท่ายืนยิงซึ่งไม่ต้องอาศัยการพาดปืนเลย-น้อยที่สุด ข้าพเจ้าใช้ถุงมือหนังเป็นประจำ เพื่อให้สามารถใช้หลังมือพาดพิงต้นไม้ กิ่งไม้ได้ทันใด ทันท่วงที ถึงแม้ต้นไม้นั้นๆจะมีหนามก็ตาม 


    ปืนกระบอกนี้ยิงกระสุนน้ำหนัก 180 เกรน แม่นยำที่สุด แม่นยำกว่ากระสุนหนัก 150 เกรน หรือกระสุนหนัก 220 เกรน ด้วยกระสุนหังแข็ง 180 เกรนของโรงงานวินเชสเตอร์ ข้าพเจ้าสามารถยิงในท่านั่งยิงวางพาดปืน และใช้ศูนย์กล้องซึ่งมีกำลังขยาย 4 เท่าแบบศูนย์กากบาท ที่ใช้อยู่ได้กลุ่มกระสุนเล็กขนาด 1 ¾ บนเป้ากระดาษที่ระยะ 100 หลา แต่ถ้าใช้กระสุน 220 เกรน ของโรงงานเรมิงตันซึ่งข้าพเจ้ากำลังใช้อยู่ กลุ่มกระสุนจะกว้างขึ้นเป็น 2 นิ้วถึง 3 ½ นิ้วโดยการยิงนัดแรกในขณะลำกล้องเย็น
   กระสุนที่ข้าพเจ้าชอบในการล่าสัตว์ คือกระสุนหนัก 220 เกรน (Express, Mushroom, Core-Lokt) ของโรงงานเรมิงตันเป็นประจำ
   ถึงแม้ว่าปืนขนาด .30-06 จะเป็นปืนเพียงชั้นวัวแดง จากการใช้ไปนานๆข้าพเจ้าได้พบว่า สามารถใช้กระสุนหนัก 220 เกรนดังกล่าว และกระสุนหัวเงินขนาด 220 เกรนของโรงงานวินเชสเตอร์ล่ากระทิงอยู่ด้วยเพียงนัดเดียว โดยการยิงที่ก้านคอ และที่ซอกคอข้างหน้าเข้าไปตัดหัวใจ ในการล่าช้างถึงแม้จะยังไม่เคย ก็กล้ารับรองได้ว่าใช้กระสุนหัวแข็งยิงที่สมองนัดเดียว เป็นการยุติได้ดีแน่นอน ส่วนในการล่าเก้งและกวางข้าพเจ้าก็ได้พบบ้างว่า กระสุน 220 เกรนหัวอ่อนของโรงงานวินเชสเตอร์ดีที่สุด และในการล่าหมูป่ากระสุนหัวรูดีที่สุด
   ปืนไรเฟิลขนาด .30-06  ไม่เหมาะแก่การล่าสัตว์ดุร้ายในระยะใกล้ๆ ถึงแม้จิตใจของผู้ล่าจะแข็งแกร่งพอก็ตามแต่รู้สึกว่าค่อนข้างจะเป็นการเสี่ยงมิใช่น้อย
   ข้าพเจ้าชอบปืนขนาดนี้ เพื่อการล่องป่าโปร่งในฤดูแล้งมากกว่าปืนใดๆใช้กระสุน 220 เกรนของโรงงานเรมิตันดังกล่าว ตั้งเป้าที่ระยะ 200 หลา เพื่อการเล็งตรงตลอดด้วยศูนย์กล้องจะมีกระสุนสูงตรงจุดกึ่งกลางประมาณ 3.9 นิ้ว ในขณะอากาศอบอุ่นในฤดูร้อนตอน 4 โมงเช้า
   ในการทดสอบปืนกระบอกนี้ ข้าพเจ้าได้พบว่า กระสุนขนาด 220 เกรนที่ข้าพเจ้าใช้ ต้องยิงห่างจากเป้าหมายตั้งแต่ 60 หลาขึ้นไปจึงจะได้อำนาจทะลุทะลวงลึกๆ ในการยิงที่ระยะต่ำกว่านี้ข้าพเจ้าพบว่ามีอานุภาพทะลุทะลวงน้อย ตามการสันนิษฐานของข้าพเจ้าก็คิดว่า ในระยะต่ำกว่า 60 หลา กระสุนที่ใช้ยังไม่สามารถตั้งตัวหรือทรงตัวได้ดีในอากาศ เพราะกระสุนเพิ่งพ้นจากลำกล้องออกมาใหม่ๆ


                                                อ่านต่อที่ ตอบ # 3242
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2007, 06:29:25 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า

หลงรัก  สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ  งอน
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
*****

คะแนน 249
ออฟไลน์

กระทู้: 885



« ตอบ #3242 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 09:45:24 PM »

                                         

                                                   ต่อจาก ตอบ # 3241

                                                      การเตรียมกระสุน


   กระสุนซึ่งจะใช้ในการล่าสัตว์อย่างแท้ๆของข้าพเจ้าตลอดระยะเวลา 10 วันไม่เคยเกิน 5 นัด อย่างมากที่เคยยิงกระทิงไม่เคยเกิน 3 นัด เท่าที่ได้ใช้ผ่านมา เมื่อเราได้กระทิงกันแล้วพวกเราก็เลิกยิงสัตว์กันอีกต่อไป นั่งกินนอนกิน คุยกัน เดินและนอนเล่นสรวลเสเฮฮากันตลอดไป ใครที่ชอบป่ามากหน่อยก็สะพายปืนเที่ยวเดินเล่นเรื่อยๆไปอย่างตามสบาย อยากยิงปืนเวลาใดก็ตั้งเป้าแข่งขันกัน กระสุนปืนที่ข้าพเจ้าใช้ก็เป็นแบบเดียวจึงเป็นการง่ายในปัญหาเรื่องกระสุน
   แต่การเข้าป่าทุกครั้ง ข้าพเจ้าถือความปลอดภัยเป็นใหญ่ นอกจากระวังอันตรายจากสัตว์แล้ว ก็ยังต้องคำนึงถึงการจู่โจมของผู้ร้ายด้วย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะใช้กระสุนน้อย ทุกๆครั้งข้าพเจ้าเข้าป่าไม่เคยมีกระสุนคงคลังเพิ่มติดไปด้วย ต่ำกว่า 50 นัดเลย
   การเดินป่าประจำวันของข้าพเจ้ามีกระสุนติดตัวไปอย่างน้อย 20 นัดบรรจุเต็มในปืน 5 นัด (ปืน .30-06 ของโรงงานวินเชสเตอร์แบบ 70 จุในแม็กกาซีนได้ 5 นัด บรรจุคาลำกล้องได้อีกหนึ่งนัดรวมเป็น 6 นัด) และนำติตตัวใส่กระเป๋าไว้อีก 15 นัด เมื่อยิงแล้วแม้แต่เพียงนัดเดียว ข้าพเจ้าชอบบรรจุเพิ่มให้เต็ม 5 นัดครบไว้เสมอ เพื่อความปลอดภัย
   เมื่อออกจากค่ายพัก ภายหลังที่ตรวจความเรียบร้อยของปืนด้วยตนเองแล้ว ข้าพเจ้าชอบถือปืนหรือไม่เช่นนั้นก็สะพายติดตัวไว้เสมอไม่ยอมห่างไกล และไม่ให้ใครผู้อื่นใดจับแตะต้องเลยเป็นอันขาดในระหว่างนั้น (นี่นับเป็นมารยาทอันสำคัญ อย่าแตะต้องหรือขอดูปืนของผู้อื่นใดในระยะระหว่างร่วมเดินทาง)
   เมื่อเดินสวนทางกับผู้ใด เมื่อนั้นข้าพเจ้าระวังมากที่สุด ยิ่งเมื่อผ่านคล้อยหลังไปแล้วยิ่งเพิ่มความระวังมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยของข้าพเจ้าเอง
   การเดินล่าสัตว์ทั้งกลางคือและกลางวัน ถ้าเป็ปป่าที่ข้าพเจ้าชำนาญ ข้าพเจ้าชอบเดินคนเดียวมากที่สุด ถ้ามิใช่ป่าที่ชำนาญการเดิน 2 คนกับพรานนำทางที่ไว้ใจมีหวังยิงได้มากที่สุด
   การฉายไฟค้นสัตว์ในขณะเดินในกลางคืน ถ้าไม่ชำนาญควรให้พรานฉายค้นให้ แต่ข้าพเจ้าพบว่า ถ้าข้าพเจ้าฉายค้นเองเมื่อพบสัตว์ข้าพเจ้าเห็นได้ชัดกว่าในขณะที่พรานส่อง เมื่อพบตาสัตว์รีบเบนไฟออกทันที แต่ไม่ดับไฟหันไปฉายทางอื่น กวาดไปกวาดมาไกลๆแล้วใช้เวลาเตรียมปืนไว้อย่างรวดเร็ว อย่าได้ใช้ไฟจับจี้ตรงตามันไว้เป็นอันขาด เพราะนานเข้าสัตว์สามารถปรับม่านตาให้ประสาทแข็งกล้าสู้ไฟได้รู้สึกตัว การฉายไฟควรวาดจากบนลงล่าง
   เวลาบ่าย 2 โมงเราก็มาถึงทุ่ง “นางหลอก” ตรงตามแผนการที่กำหนดไว้ คุณเลิศเลี้ยวรถเข้าไปในหมู่บ้าน พบภรรยาของพรานและหลานชายยืนคอยรับอยู่ก่อนแล้ว ภรรยาของนายบกบอกว่า “พี่ไม่อยู่ไปดูนา รอประเดี๋ยวให้หลานชายไปตาม”
   ข้าพเจ้าบอกว่า “ดี-เร็วๆหน่อย”
   เราพักรถไว้ใต้ต้นไม้ แล้วช่วยกันถอดผ้าใบประทุนออกหาไม้ไผ่มา 2 อันผูกรัดมัดเข้ากับขาประทุนตอนบนทั้งสอง และกรอบกระจกหน้ารถจนแน่นหนามั่นคง ราวไม้ทั้งคู่นี้ใช้เป็นที่วางพาดปืนของเราได้อย่างดีในขณะยิงสัตว์บนรถยนต์
   ในขณะนั้น คุณเลิศจัดการหุงข้าวทำกับข้าว คุณเลิศมีนิสัยชอบการหุงหาอาหารเอง มิชอบให้ผู้อื่นใดจัดการปรุงอาหารเลย และฝีมือในการปรุงอาหารของแกก็ดีจริงๆทีเดียว สามารถเย้ยท่านสุภาพสตรีหลายคนในสมัยนี้ให้ได้อายทีเดียว
   ก่อนอาหารเสร็จ นายบกมาจัดการเอาแม่โขงเส้นไหว้จ้าวป่าตามพิธี ตามธรรมเนียม ลูกช้างคนแรกของจ้าวพ่อคือข้าพเจ้าเอง อุตส่าห์อดรอมานานแล้วตลอดทาง
   เรารับประทานอาหารกันใหม่อีกครั้ง เวลาบ่าย 3 โมงเสร็จแล้วก็เก็บภาชนะไว้บนรถออกเดินทางต่อ ข้ามห้วย “ลำตะเพิน” มุ่งไปขึ้นเขาผาลาดให้ทันก่อนค่ำ
   ปืนซึ่งใช้ล่าสัตว์ทั่วไปในประเทศไทย ที่เหมาะที่สุดในทัศนะของข้าพเจ้าก็คือปืนขนาด .300 แม็กนั่มของฮอลแลนด์ แอนด์ ฮอลแลนด์ ซึ่งมีขนาดลำกล้อง .30 นิ้วเช่นกัน แต่มีวิถีราบมากกว่าแบบ .30-06 ปืนนี้มีแรงสะท้อนถอยหลังพอดีที่พวกเราจะใช้ยิงกันได้อย่างสบาย มีวิถีราบเพิ่มการยิงไกลและเพื่อการยิงเป้าหมายเคลื่อนที่ดีกว่าแบบ .30-06 แต่น่าเสียดายที่กระสุนปืนหายากเหลือเกิน การใช้ปืนในประเทศไทยปัญหาง่ายยากของการหากระสุนมาใช้กับปืนเป็นสิ่งสำคัญ

                       9671



   ถูกแล้ว บางครั้งสัตว์อาจหลบซ่อนบังต้นไม้และพุ่มไม้ ซึ่งในสถานณ์การเช่นนั้นเหมาะแก่การใช้ปืนขนาดใหญ่ แต่มิใช่ว่าเราจะพบสัตว์ฉลาดเช่นนี้เหมือนกันทุกตัวไป
   มีหลายครั้งที่ข้าพเจ้าเองพบสัตว์ซึ่งแกะรอยตามไปยืนบังต้นไม้หรือบังพุ่มไม้อยู่จนหมดปัญญาที่จะยิง เพราะปืนเล็กเกินไปไม่มีกำลัง ข้าพเจ้ารู้สึกพอใจและขำในใจ ความเฉลียวฉลาดของมันสมแล้วที่มันทำเช่นนั้น เพราะนี่คือสัญชาตญาณแห่งการระวังภัยของร่างที่มีวิญญาณทั้งปวง
   มีสัตว์ป่าหลายตัวที่กระทำแบบนี้ ที่ข้าพเจ้าพบในระยะ 50 หลา และก็ดูคล้ายกับว่ามันกำลังหลอกล่อ ลองดีกับข้าพเจ้าดูประหนึ่งว่ามันกำลังท้าทายว่า “ใครจะแน่กว่าใคร” มันหรือข้าพเจ้าจะแน่กว่ากัน เราต่างคุมเชิงกันนิ่งไม่ไหวติงนานเท่านาน และก็มีหลายครั้งเช่นกันที่ข้าพเจ้าเปลี่ยนทางเข้าหาที่หมายใหม่ ตรวจดูทางลมก็ดีแล้ว แต่เมื่อก้าวออกไปมันก็หนีไปได้ทุกที
   ข้าพเจ้าไม่เสียใจที่ไม่ได้ยิงมัน ข้าพเจ้าแพ้มันอย่าง 100 % ข้าพเจ้ายอมแพ้อย่างหน้าชื่นตาบาน ข้าพเจ้าให้เกียรติแก่มันและรู้สึกชอบใจในความฉลาดของมันที่สุด สมแล้วที่มันควรฉลาดเช่นนั้น เพื่อจะได้อยู่ประดับป่าให้ครื้นเครงต่อไป
   พรานเฒ่าแห่งขุนเขา “ราวเทียน” จังหวัดชัยนาท ผู้เป็นหัวหน้าคุมคนงานตัดไม้ให้ข้าพเจ้า พอทราบเข้าแกก็หัวเราะแล้วกล่าวมีใจความว่า
   ข้าพเจ้าเองยังห่างไกลกับการเป็นพราน และในชีวิตก็จะไม่มีหวังที่จะเป็นพรานที่ดีได้ พวกสัตว์ต่างๆทั้งหลายที่ยิงได้มาก็เป็นการ “ฟลุ้ค” เท่านั้น มันถึงที่ตายของมันจึงมาให้ข้าพเจ้ายิง ! แก่หัวเราะต่อไปอย่างผู้ใหญ่กำลังเห็นเด็กซุกซนแล้วกล่าวเสริมต่อไปว่า
   “การเดินเข้าหาสัตว์ในขณะเข้าด้ายเข้าเข็มไม่ใช่ของง่าย เดินค่อยๆเกินไปมันก็รู้ตัว เดินแรงเกินไปมันก็รู้ตัว ต้องหัดกันอีกนาน สอนกันก็ไม่ได้ มันแล้วแต่ความชำนาญของใครของใคร บางคนเดินเข้าหากระทิงเก่ง แต่เดินเข้าหากวางไม่ได้ท่าเลย การเดินเข้าหามันต้องดูมันให้แน่ก่อนว่าเป็นสัตว์อะไร แล้วจึงเดินให้ดังให้มีจังหวะและกิริยาอย่างพวกมัน จึงจะได้พ่อหลานชาย ทางที่ดีที่สุดสำหรับคนในเมืองอย่างนี้ก็อาศัยนั่งห้างข้างบนหรือนั่งซุ้มข้างล่างก็จะดีกว่าค่อยมีหวังหน่อย จะมาเอาอย่างลุงไม่ได้ ลุงเกิดในป่า โตในป่ามาเกือบ 70 ปีแล้ว ลุงรู้ดีว่าบ้านของสัตว์มันอยู่ที่ไหน มันกินที่ไหน นอนที่ไหน และจะไปไหนเวลาใดลุงรู้ทั้งนั้น ลุงเดินเสียจนช่ำชองมาแล้วมองเห็นตลอดปลอดโปร่ง อย่าให้ลุงสอนเลย ลุงแก่แล้วทำบาปมาเหลือคณานับแล้ว เดี๋ยวนี้ลุงยิงสัตว์ก็แต่จำเป็นจริงๆเท่านั้น กันอดตาย หลายอย่าคิดล่าสัตว์เลย กินก็สบาย นอนก็สบาย

          อย่าไปข่มเหงมันเป็นบาปเปล่าๆ ชีวิตใคร ใครก็รัก ขอให้มันได้อยู่อย่างสบายๆเถิด !
   
         รถของเราหยุดลงตรงเชิงเขาผาลาดเพื่อการเตรียมตัวขึ้นเขา เราช่วยกันตรวจตราดูความเรียบร้อยของห้ามล้อ สายไฟ สายน้ำมันเบรคกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย ต่างคนต่างเดินเปลี่ยนอิริยาบถ ผ่อนคลายความตรึงเครียดภายหลังที่นั่งจับเจ่ากันมานานแล้ว เราปล่อยให้เวลาผ่านไปจนพอใจแล้วจึงเริ่มได้เดินทางขึ้นเขาต่อไป
   หลายครั้งในขณะที่อยู่ป่า ข้าพเจ้าเคยให้ปืนของข้าพเจ้าไปแก่พรานเพื่อให้เขาเดินหาอาหารให้ และให้เขาสำรวจป่าไว้เพื่อการมาของเราคราวหลังจะได้สบาย แปลกไหมท่าน ! ส่วนมากพรานสูงอายุที่มีปืนแก๊ปติดตัวมามักจะปฏิเสธ
   ข้าพเจ้าถามว่า “เพราะเหตุใด”
   พรานถือปืนเเก๊ปตอบว่า “ครับ ขอบคุณครับ ปืนของคุณดีจริงๆ แต่ผมเชื่อใจปืนของผมมากกว่า ผมและมันเข้าใจกันดี เป็นคู่ทุกข์คู่ยากกันมานานปี ผมใช้มันมาตั้งแต่อายุ 15-16 เดี๋ยวนี้ก็ย่างเข้า 50 แล้ว เราไม่เคยห่างกันเลย”
   คำตอบของเขาเป็นความจริง และเขาก็สามารถใช้มันได้อย่างพิสดาร เขาสามารถสั่งมันได้ ให้ส่งกระสุนไปตรงที่ใดตามใจเขาปรารถนา การยิงของเขาเย้ยฝรั่งโรงงานสร้างปืนไรเฟิลชั้นดีให้ได้อาย ฝรั่งเองเห็นแล้วถึงกับเอ่ยว่า
   “ไม่น่าเป็นไปได้ มิน่าเล่าปืนไรเฟิลล่าสัตว์ใหญ่ที่เขาสร้างขึ้นมาจึงขายได้น้อยที่สุดในเมืองไทย
                         (โดยแท้จริงนั้นฝรั่งไม่รู้ว่ารัฐบาลไม่ค่อยจะอนุมัติให้ซื้อ)
   ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นายผ่านมา ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้อนรับฝรั่งซึ่งเป็นผู้แทนของบริษัทจำหน่ายปืนบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี [ Walther] ฝรั่งผู้นี้อยากชมป่าเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าจึงพาเขาไป โดยอาศัยรถจิ๊ปเป็นพาหนะ แต่คราวนั้นโชคไม่ดี เพราะลมป่วนเสมอทุกๆวัน เราจึงไม่ได้อะไร นอกจากเก้งเพียงตัวเดียว
   ฝรั่งผู้นั้น สนใจในศิลปของการใช้รถจิ๊ป วิ่งฉายไฟยิงสัตว์ในตอนกลางคืนของพวกเรา เพราะที่เมืองเขาไม่ใช้กัน ในประเทศเขาล่าสัตว์กันแต่เพียงตอนกลางวัน และใช้การเดินทางแกะรอยและนั่งซุ้มบังไพรกันเป็นสำคัญ ครั้งหนึ่งเขาถามข้าพเจ้าเพื่อต้องการทราบฝีมือในการยิงปืนลูกซองของข้าพเจ้าว่าเป็นอย่างไร เขาถามว่า
   “ลูกซองหนึ่งกล่อง (25นัด) คุณสามารถยิงนกได้กี่ตัว
   ข้าพเจ้าตอบว่า “เคยยิงมาแล้วได้ 23 ตัว”
   เขาร้องว่า “พิสดารมาก เก่งมาก ผมยิงได้อย่างดี 15 ตัวเท่านั้น
   เมื่อเราคุยกันไปมาสักครู่หนึ่งข้าพเจ้าก็จับความจริงได้และรู้สึกละอายใจที่สุด ความจริงมีอยู่ว่า เมืองนอกเขานิยมยิงนกกำลังบินกัน ดังนั้นคำถามที่ฝรั่งถามจึงหมายความว่า “ในจำนวนกระสุน 25 นัดนั้น คุณสามารถยิงนกกำลังบิน ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เป็นการยิงนกที่เกาะนิ่งเฉยๆดังเราชอบยิงกันธรรมดานั่นเอง
   เนื่องจากฝรั่งผู้นั้นไม่คุ้นเคยกับการนั่งรถฉายไฟ ข้าพเจ้าจึงสั่งเขาว่าให้เขานั่งอยู่เฉยๆ และห้ามลงจากรถเป็นอันขาด เพราะอาจจะเป็นภัยแก่การยิงซ้ำนัดต่อๆไป เขาก็บอกว่าเข้าใจแต่พอเรายิงเก้งได้เขาดีใจเผลอกระโดดลงไปก่อน ทำให้เราพะวักพะวน   
   ตอนเขากลับเราพบพรานอาวุโสผู้หนึ่ง ซึ่งรู้จักกันดีนั่งเกวียนขึ้นหน้าเราไปและกำลังขวางทางเราอยู่ เราจึงถามว่า
   “ลุงจะไปไหน”
   แกบอกว่า “จะไปเอาวัว ยิงทิ้งไว้ที่ข้างหนองน้ำโน้น”
   พอฝรั่งทราบเรื่องเขาก็อยากดูวัวป่าของเมืองไทยว่าจะมีรูปร่างเป็นอย่างไร จึงขอร้องให้เราพาเขาไปดู
   เมื่อถึงวัวเห็นมันนอนอยู่ยังไม่ตาย ฝรั่งแปลกใจ เข้าไปดูแผล เราพบว่าวัวนั้นถูกกระสุน 2 นัดเป็นรูคู่กัน ห่างประมาณ 1 นิ้วฟุต ตรงกระดูกสันหลังพอดี คำนวณระยะทางจากซุ้มใต้ต้นไม้ซึ่งลุงพรานแกใช้นั่งบังไพรไปถึงวัวนั้นได้โดยแน่นอน 43 เมตร พวกเราเห็นเป็นธรรมดาไม่แปลก แต่ฝรั่งเกือบไม่เชื่อเพราะแม้แต่ไรเฟิลเองก็ยิงได้ยาก อย่างจับวางเช่นที่เห็นนั้น นี่เป็นปืนแก๊ปลำกล้องไม่มีเกลียวแท้ๆศูนย์ก็ไม่มี
   การใช้ปืนแก๊ปยิงอย่างนี้ ถูกแล้วเราเห็นว่าเป็นธรรมดา แต่ตามทัศนะในทางด้านทฤษฏีก็ต้องถือว่าพิสดารเช่นกัน เพราะกระสุนที่ฝั่งลงไปทั้งสองรูอยู่ในระดับเดียวกันทีเดียว นี่แสดงว่าผู้ยิงเป็นผู้ชำนาญที่สุด
   การยิงอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า น้ำหนักและขนาดของกระสุนทั้ง 2 เท่ากัน การประจุดินได้ขนาดเท่ากัน การยัดหมอนและกำลังอัดหมอนได้แน่นพอดีเหมือนกัน และยิ่งกว่านั้นแก๊ปปืนต้องเป็นเม็ดเท่ากันในการส่งประกายไฟจุดดินด้วย ผู้ชำนาญเท่านั้นที่จะกระทำได้ในขณะต้องการยิงซ้ำอย่างรวดเร็วว่องไวทันใจอย่างนั้น
   เราเข้าใจแก ที่จำต้องทรมารสัตว์เช่นนั้น เพราะแกต้องเดินทางตั้งวันหนึ่งเต็มๆเพื่อกลับไปเอาเกวียนมาเข็น สำหรับแกวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพื่อการรักษาเนื้อไม่ให้เสียได้ในฤดูร้อนในขณะนั้น
   “เอ้าหยุดก่อน” เสียงคุณประคองพูด
   คุณเลิศหยุดรถ เพราะเราขึ้นเขามาเรียบร้อยแล้ว แกพูดว่า “เตรียมปืนได้”
   เราทั้งหมดถอดปืนออกมาและเช็ดน้ำมันในลำกล้อง ในรังเพลิง ในแม็กกาซีน และที่ลูกเลื่อนออกทำความสะอาดต่างๆเรียบร้อยแล้วจัดการต่อสายไฟกับแบ็ตเตอรี่ ตรวจสอบการปฏิบัติงานของไฟฉาย “สปอร์ทไลท์” ข้าพเจ้าติดกล้องเข้ากับปืน ตรวจสอบศูนย์กล้องอีกครั้งโดยอาศัยใช้สายตาเล็งผ่านรูลำกล้องปืนเป็นการพิจารณา เสร็จแล้วบรรจุกระสุนเต็ม ป้อนลูกเข้ารังเพลิงขึ้นเซฟไว้ เรานั่งพักกันครู่หนึ่งปล่อยให้หายความตรึงเครียด แล้วก็เริ่มเดินทางต่อไป
   บนยอดเขาผาลาดเป็นพื้นที่ราบเรียบกว้างใหญ่ ยาวหลายไมล์รถวิ่งได้อย่างสบาย ข้าพเจ้าชักง่วงนอนอากาศเย็น ปลอดโปร่งชุ่มชื่นใจเป็นที่สุด
   นอกจากปืนทองเหลืองซึ่งทำขึ้นมาเองแล้ว ข้าพเจ้าชอบขโมยปืนลูกซองของคุณตา แอบยิงเล่นเสมอด้วยกระสุนซึ่งได้ทำการบรรจุขึ้นมาเอง มีหลายครั้งข้าพเจ้าถูกดุ เพราะคุณตาจับได้ เพราะในขณะนั้นข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจในการทำความสะอาดปืนได้ดีเท่าไรนัก คุณตามห้ามมิให้ข้าพเจ้าเอาปืนท่านไปยิงสัตว์ ท่านกล่าวว่าท่านมีปืนไว้เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินเท่านั้น
   ในตอนแรกๆ เมื่อข้าพเจ้าเริ่มทำป่าไม้ใหม่ๆ ข้าพเจ้าอาศัยการขอยืมปืนลูกซองจากคนรู้จักชอบพอกัน เพื่อเอาไปยิงกระต่ายในระหว่างทางขณะนั่งรถเข้าป่าในตอนกลางคืน เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนคราวใดก็อดขำในตัวเองไม่ได้
   ครั้งแรกนั้น ข้าพเจ้านั่งรถไปเห็นกระต่ายวิ่งผ่านหน้ารถไปข้างทาง จึงบอกให้รถหยุดคว้าปืนลงไป บอกให้คนบนรถใช้ไฟฉายส่องกระต่ายให้ กระต่ายเมื่อถูกแสงไฟก็กระโดดวิ่งวนไปมา ข้าพเจ้าเห็นมันไม่หยุดวิ่งยิงออกไป ปรากฏว่าผิดแต่กระต่ายตัวนั้นกลับวิ่งเข้ามาหาข้าพเจ้าในระยะใกล้ๆ ข้าพเจ้าจะบรรจุกระสุนใหม่ก็ไม่ทันใจ เพราะปืนที่ข้าพเจ้าใช้เป็นปืนนัดเดียว จึงวิ่งไล่ตีกระต่ายด้วยพานท้ายปืน เพราะเจ็บใจยิงไม่ถูกมัน ข้าพเจ้าวิ่งไล่ตีตั้ง 3-4 ที ก็ไม่ถูกจนพานท้ายปืนหัก และมันก็หนีไปได้
   พรานพ่อเฒ่านั่งมาในรถด้วย หัวเราะใหญ่ด้วยความชอบใจและกล่าวว่า
   “พ่อหลานชาย ปืนเขาสร้างมาให้ยิง ไม่ได้สร้างมาให้ใช้แทนไม้ตะพดไล่ตีกระต่าย ยิงมันไม่ถูกก็บรรจุกระสุนใหม่ซิ”
   ข้าพเจ้าตอบว่า “บรรจุมันไม่ทันใจนี่นา”
   พรานเฒ่ากลับหัวเราะจนพอใจแล้วก็สอนให้ฟังว่า
   “การใช้ปืนเดียวยาว เพื่อให้ได้ยิงซ้ำได้ทันใจควรทำดังนี้ บรรจุกระสุนในปืนหนึ่งนัด แล้วคาบไว้อีกหนึ่งนัดใช้ฟันเน้นกดตรงขอบทองเหลือง ใช้นิ้วนางและนิ้วก้อยของมือขวาที่เหนี่ยวไกนั้นคีบไว้อีกหนึ่งนัด และใส่ไว้ในระหว่างนิ้วนางและนิ้วกลางอีกนัด รวมเป็น 4 นัดแล้วพอไหมพ่อ ลุงใช้ปืนแก๊ปแท้ๆยังยากเสียกว่า เมื่อยิงแล้วใช้กระสุนที่ข้างนิ้วก้อยบรรจุก่อน และนัดต่อไป นัดที่คาบไว้ใช้ทีหลัง ถ้าเป็นปืนแฝดแล้ว กระสุน 2 นัดที่ง่ามนิ้วนั้นก็พอดีทีเดียว ฝึกหัดให้ชำนาญ”
   คุณเลิศหยุดรถบอกให้เราลงเพื่อความปลอดภัยในขณะจะลงจากเขา ทางลงจากเขาไปสู่ทุ่ง “สลักพระ” เป็นทางคดเคี้ยวมากกว่าตอนขาขึ้นที่แล้วมา ยิ่งกว่านั้นยังเป็นทางเอียงตะแคงมากด้วย บางตอนพวกเราต้องพวกเราต้องช่วยกันโหนเกาะข้างรถไว้เพื่อเป็นการถ่วงให้รถเอนตัวกลับ อย่างไรก็ตามเราก็พยายามค่อยๆคืบหน้าต่อไปจนผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย เมื่อรถลงถึงเขาเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มฉายไฟส่องค้นสัตว์กันต่อไป
   การล่าบนรถพวกเราตกลงกันว่า ต่างคนต่างก็มีสิทธิ์ยิงกันได้ทุกคน ไม่มีการคัดเลือกใครเป็นมือหนึ่ง มือสอง ทุกคนมีเสรีในการยิงเท่ากัน
แต่ขอให้พยายามเล็งและยิงให้ดีเท่าที่ความสามารถของตนจะทำได้ ด้วยเหตุนี้สัตว์ต่างๆที่ถูกพวกเรายิงในขณะส่องไปบนรถจึงมักจะปรากฏว่าสิ้นใจทันที โดยปราศจากการทรมาน เพราะปรากฏว่าสัตว์เหล่านั้นถูกปืนทีเดียวหลายกระบอก จนไม่รู้ว่าแผลที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแผลจากปืนของใคร พวกเราพอใจให้เป็นเช่นนี้ด้วยกันทุกคน
   ในบริเวณป่าที่ไม่ชำนาญ เข็มทิศเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ แต่ได้พรานผู้ที่ชำนาญเป็นการดีที่สุด บางครั้งเข็มทิศใช้ไม่ได้เลย เช่นในการล่าสัตว์ในบริเวณใกล้ๆเขาบางแห่ง เข็มทิศชี้ไปทางเขาตลอดกาล ถึงแม้จะเดินจนรอบเขาเข็มก็หันปลายเข้าหาเข้าอยู่ตลอดเวลา
   การหลงป่ามันเป็นในตอนเที่ยงวันและในขณะโพล้เพล้พลบค่ำ เมื่อขณะหลงในเวลาเที่ยงวันอย่าตื้นเต้นตกใจ ควรหยุดพักเสียให้ตะวันคล้อยแล้วค้นหาทิศทาง อาศัยการเล็งแนวต้นไม้ต่อๆกันไปเป็นลำดับเป็นการนำออกมา การเดินวงกลมเป็นการเสียเวลาและไม่ใช่ทุกครั้งที่จะค้นทางออกมาได้
   ในขณะแยกทางใช้มีดบากต้นไม้ไว้ สังเกตจอมปลวกก้อนหินและลำธารมูลดินต่างๆ อย่าลืมใช้การยิงปืน 3 นัด ติดๆกันเป็นสัญญาณ พวกเรานักล่าสัตว์ทุกคนเข้าใจกันและจะไม่มีใครใจจืดใจดำไม่ไปทำการช่วยเหลือ นั่งทบทวนคำว่าเราเข้ามาจากทางทิศใด พยายามเดินกลับไปทางทิศนั้น อาศัยการแกะรอยเท้าของเราเองกลับไปเป็นสำคัญ
   ถ้าท่านไม่มีเข็มทิศ จงใช้นาฬิกาข้อมือหาทิศทางดังนี้ คือ ในขณะเวลาบ่าย 4 โมง ท่านจงหันข้างขวามือของท่านไปทางดวงอาทิตย์แล้วหงายนาฬิกาขึ้น ให้เข็มสั้นชี้ตรงไปยังจุดกึ่งกลางของดวงตะวัน เมื่อท่านแบ่งระยะทางระหว่างเข็มทั้ง 2 นั่นก็คือ ตรงเลข 2 แนวทิศทางจากจุดกึ่งกลางของหน้าปัดนาฬิกา หรือจากจุดแกนหมุดของเข็มตรงไปทางเลข 2 เป็นทางทิศใต้ และตรงกันข้ามเป็นทางทิศเหนือ
   มีบ่อยครั้งเช่นกันที่ข้าพเจ้าหาทิศทางออกมาได้ด้วยการอาศัยลม โดยสังเกตการลอยตัวของก้อนเมฆบนท้องฟ้าเป็นสำคัญ การศึกษาวิชาภูมิศาสตร์เบื้องต้นเป็นปัจจัยช่วยเราได้อย่างดี
   ในภาคตะวันออกของประเทศไทย เดือนพฤษภาคม มิถุนายน สิงหาคม และตุลาคมมักมีลมใต้ฝุ่นพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้
   ทางภาคพายัพ เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ผ่านเข้ามาจากพม่า ในเดือนมิถุนายนจะพบลมอ่าวเบงกอลซึ่งนิยมเรียกกันว่า “เบงกอลไซโคลน” เห็นได้เด่นชัด
   ทางภาคใต้ก็เช่นกัน ในระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อาศัยลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เป็นสำคัญ ส่วนเดือนพฤศจิกายนนั้นดูกำลังของลมใต้ฝุ่นตะวันออกเฉียงใต้
   โดยทั่วไปภาคกลาง เช่น สุพรรณบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์และกำแพงเพขร มักจะมีลมว่าวพัดเข้ามาทางทิศใต้ปะปนไปด้วยในเดือนมีนาคม-เมษายน
   ถ้าการหลงป่าเป็นในตอนจะพลบค่ำ ควรตั้งค่ายชั่วคราวพักนอนค้างที่ตรงนั้นสักคืนหนึ่งก่อนจะดีกว่า รุ่งเช้าวันใหม่จึงค่อยดำเนินการค้นหาทางออกต่อไป
   ถึงแม้จะหลงในป่าเป็นเวลาหลายวันคนเดียว ก็อย่าได้ตกใจถือเสียว่าเป็นคราวเคราะห์ของเรา อย่าปล่อยให้ขวัญเสีย ตั้งสติให้มั่นคง รักษากำลังใจไว้ให้ดี
   พยายามประหยัดการใช้ไม้ขีด และพยายามยิงปืนให้น้อยลง ใช้แต่เพียงในเวลาจำเป็นเพื่อการล่าหาอาหาร การหลับนอนบนต้นไม้ไม่เป็นการปลอดภัย แต่ข้าพเจ้าชอบนอนข้างล่างสุมไฟดีกว่า แหวกทางเข้าไปนอนโคนกอไผ่ปลอดภัยกว่าที่จะนอนใต้ต้นไม้ใดๆ
   ผีโป่ง ผีป่า เป็นนิยายเก่าเล่าต่อกันมาเท่านั้น ถ้ามีจริงพวกทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของทุกชาติคงจะได้เขียนบรรยายให้ท่านเสียเงินซื้ออ่านมานานแล้ว เพราะพวกเขาเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในป่าลึกกว่าพวกเราส่วนมากเสียอีก ข้าพเจ้าเองได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาโดยแท้ ถึงแม้จะน้อยแต่ก็ไม่เคยพบเลย
           เสียงบ่าง เสียงลม เสียงระเบิดของลำไผ่ เสียงกิ่งไม้หัก เสียงสัตว์ เสียงนกต่างๆหลอกหลอนประสาทหูให้คล้ายเสียงคน ช่องว่างระหว่างต้นไม้ เงาไม้ แสงจันทร์ที่พุ่งผ่านปรากฏเป็นรูปต่างๆเป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น เมื่อปืนอยู่ในมือและกำลังใจดีแล้วไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ว่าสิ่งไร ปืนดี กระสุนใหม่ ข้าพเจ้ายิงเสด็จทุกครั้ง ทุกที
   หาเหตุผลของปรากฏการณ์นั้นๆว่ามีสมมุติฐานมาจากอันใด ก็จะคิดออกได้ไม่ยากนัก ถูกแล้ว ถูกทีเดียว ถูกที่สุด การนอนหลับในป่าอาจไม่ปลอดภัย สู้เวลาตื่นไม่ได้ แต่ใครบ้างจะชนะความเหนื่อยและความง่วงเหงาหาวนอน ข้าพเจ้าเองชอบหลับในป่าเสมอ บนดินกลางทางนั่นแหละนอนสบาย สัตว์มันกลัวเราจะตายไป ได้กลิ่นเราแล้วไม่เห็นมันเดินเข้ามาให้ยิงสักทีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินแกะรอยให้เหนื่อยเปล่าๆ ข้าพเจ้าชอบนั่งห้างคนเดียวบนยอดไผ่ เพราะสามารถนอนหลับได้อย่างสบายไม่มีอะไรมารบกวน ถ้าป่าใดไม่มีสัตว์ลำบากหรือช้างเกเรแล้วปลอดภัยแน่นอนเสมอ
   จงสังเกตดู้ให้ดีว่า ในบริเวณป่าใด เมื่อเราเข้าไปแล้วสักครู่หนึ่งปรากฏว่าใจคอไม่ค่อยดี จงรีบออกมาเสีย หรือรีบเดินผ่านออกไปเสีย เพราะอากาศในบริเวณนั้นเป็นพิษ ถ้าขืนอยู่ไปนานๆจะทำให้ประสาทและกำลังใจเสื่อม นี่เป็นสมมุติฐานอันแท้จริงซึ่งทำให้เราพ่ายแพ้แก่ภาพลวงตาต่างๆ
   เวลาเดินป่าห้ามพูดถึงเสือ เวลาล่องเรือห้ามพูดถึงจระเข้ ห้ามกล่าวคำหยาบ ห้ามต่างๆนานา ก็จงปฏิบัติตามชาวป่าเถิดเพราะเราต้องง้อเขา เราต้องอาศัยเขา เขาเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม
   สัตว์ที่ข้าพเจ้ากลัวมากที่สุดก็คืองู และรองลงมาก็ได้แก่หมูป่าซึ่งกำลังบาดเจ็บ เสือกระโจนใส่เราเมื่อพลาดจากเราไปแล้วก็เลยไปเลย แต่หมูป่าไม่เช่นนั้น เมื่อพลาดจากเราไปแล้วยังหวนไป-มาอีกครั้งหลายหน และวิ่งเร็วเสียด้วยไม่กระโดเหมือนเสือ การกระโดดของเสือเป็นโอกาสอันดีให้เราเล็งยิงเผื่อคอยรอจังหวะที่มันจะต้องพุ่งลงดินได้ แต่การยิงหมูวิ่งมักวาดปืนไม่ทัน

     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2008, 01:13:19 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า

หลงรัก  สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ  งอน
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
*****

คะแนน 249
ออฟไลน์

กระทู้: 885



« ตอบ #3243 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 09:46:07 PM »

                                 
                                ต่อ จาก ตอบ   #  3242

                                    ศิลป์ในการท่องทะเลไพร


   นักล่าสัตว์ผู้ซึ่งไม่ทราบที่อยู่ ที่กิน ที่นอนของสัตว์ซึ่งตนจะล่าในป่านั้นๆว่าอยู่ตรงที่ใดและไม่ว่าในป่านั้นๆมีหนองน้ำ มีโป่ง มีทุ่งหญ้าและผลไม้ที่สัตว์ชอบกินอยู่กี่แห่ง และตรงที่ใดบ้างอย่างแนชัด จะจัดว่าเป็นนักล่าหรือพรานผู้ชำนาญไม่ได้
   แต่การที่จะให้เราเองคุ้นเคยกับป่าและนิสัยของสัตว์จนละเอียดเช่นดังกล่าว ต้องการเวลานานศิลปะต่างๆซึ่งข้าพเจ้าได้เคยใช้ดังจะกล่าวเป็นข้อๆต่อไป คงจะเป็นแนวทางให้ท่านนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์
   ในขณะที่กำลังทำป่าไม้อยู่ ข้าพเจ้าใช้วิธีเดินสำรวจทางเป็นระยะประมาณ 5 กิโล ซึ่งเลยต่อจากค่ายพักออกไป สังเกตจนแน่แก่ใจว่าในระยะ 5 กิโลนี้มีทางแยกทั้งทางซ้ายและทางขวากี่แห่ง เมื่อทราบแน่ชัดดีข้าพเจ้าก็เริ่มสำรวจในทางแยกทางแรกก่อน สำรวจจนทั่วและล่าสัตว์ไปด้วย และดูต้นไม้ไปด้วยว่ามันโตพอแก่การโค่นได้หรือยังในคราวเดียวกันจนชำนาญในบริเวณนั้นจนหมด แล้วจึงดำเนินการสำรวจในทางแยกที่สอง และทางแยกต่อๆไปเป็นลำดับ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ข้าพเจ้ารู้จักหนองน้ำ และโป่งต่างๆในบริเวณป่าของข้าพเจ้าจนหมด

            การสำรวจดังกล่าวก็คืออาศัยศิลปะดังต่อไปนี้

1.   เข็มทิศและแผนที่  ( ปัจจุบันนี้ คงต้องใช้ GPS จะสะดวก กว่า )
2.   ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
3.   เงาของข้าพเจ้าเอง
4.   ทางช้างเดิน ซึ่งชาวป่านิยมเรียกว่า “ด่านช้าง”
วิธิปฏิบัติ
ก.   ชั้นแรกต้องทราบว่าระยะทาง 5 กิโลเมตรดังกล่าวมุ่งไปทางทิศใด ดังที่ปรากฏในแผนที่
ข.   ใช้เส้นแนวทิศเหนือและทิศใต้ที่ปรากฏบนหน้าปัดเข็มทิศ วางทาบขนานกับเส้นระยะทาง 5 กิโลแล้วสังเกตว่า ป่าที่จะสำรวจนั้นเข็มทิศจะทำมุมเป็นกี่องศากับเส้นแนวทิศเหนือ-ใต้ และเส้นแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งจะเป็นทางแยกที่ตัดตรงออกไป
ค.   ดวงอาทิตย์ขึ้นในทางทิศตะวันออก และตกในทางทิศตะวันตก แต่ดวงจันทร์ขึ้นในทางทิศตะวันตกและจะตกในทางทิศตะวันออก
ง.   ตรงจุดที่ข้าพเจ้าจะแยกจากทางใหญ่เข้าป่า ในขณะที่ข้าพเจ้าจะแยกออกไปเป็นเวลาใด เงาของข้าพเจ้าเองจะชี้ไปทางทิศใด เข็มทิศจะทำมุมกี่องศาก็ให้สังเกตจดจำไว้ แต่ในปัจจุบันมีเข็มทิศพิเศษซึ่งติดที่สันของพานท้ายปืนได้ ข้าพเจ้าได้นำไปทดลองใช้ ปรากฏว่าได้ผลดีมาก เข็มทิศแบบพิเศษนี้มีเข็มข้างเดียว  และจะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ  กระจกหน้าปัดของเข็มทิศหมุนไป – มาได้  และมีจุดเป็นเครื่องหมายติดตายตัวไว้  เมื่อเราเดินออกจากทางแยกไปสักเล็กน้อยก็หันปลายกระบอกปืนเล็งตรงมายังจุดทางแยกนั้น  แล้วหมุนที่จุดบนหน้าปัดหันมาทับปลายเข็มพอดี เมื่อเวลาจะกลับก็วางปืนให้จุดบนหน้าปัดทับปลายเข็มทิศแล้วเดินตามแนวทางที่ปลายกระบอกปืนชี้มา  ก็จะออกจากป่าได้ไม่ห่างไกลกับจุดทางแยกเท่าไรนัก
            การเดินสำรวจป่าของข้าพเจ้าในขณะนั้น  ใช้วิธีเดินตามเงาและเดินนำหน้าเงา
     ของข้าพเจ้าเอง  และยึดหมายทิศทางของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นสำคัญ
          ช่องทางที่ช้างใช้เดินในบริเวณแต่ละป่ามีน้อยเส้นกว่าทางเดินของสัตว์อื่นๆทั้งหมด
    ข้าพเจ้าชอบที่จะอาศัยเป็นทางเดินสายสำคัญในชั้นแรกๆก่อนที่จะชำนาญป่า
จ. ขั้นสุดท้ายแต่สำคัญ  ก่อนอื่น  ต้องทราบแน่ชัดว่าที่พักหรือค่ายพักตั้งอยู่ตรงทางทิศใด

                 โดยอาศัยเหลี่ยมเขาและการสังเกตภูมิประเทศในบริเวณนั้นๆ  และทำเครื่องหมายไว้

                เป็นสำคัญ  ในครั้งแรกๆข้าพเจ้าเคยเดินเลยที่พักเสมอบ่อยๆขณะขากลับ ในเวลา
      ปัจัจุบัน ในการล่องไพรทุกๆครั้ง ในป่าซึ่งข้าพเจ้าไม่ชำนาญ ข้าพเจ้าใช้การทำเครื่อง
    หมายบนต้นไม้น้อยที่สุด เพราะทางเข้าและทางออกของข้าพเจ้าที่ไปและมายังทางสายใหญ่ไม่เคยเป็นทางเดียวกันเลยข้าพเจ้าแยกเข้าไปในป่าทางหนึ่ง แล้วเดินเที่ยวไปจนพอใจ จนไม่รู้ว่าทางที่เข้าเป็นทางใด และเบื่อที่จะแกะรอยเท้าของตนเองกลับ ข้าพเจ้าจึงใช้วิธีเดินตัดตรงโดอาศัยเงาของข้าพเจ้าและดวงตะวันเป็นที่สำคัญ ข้าพเจ้าออกมาได้ทุกครั้งไม่เคยเกินในระยะทาง 3 กิโลเมตรห่างจากทางเข้าแต่แรกเลย ถ้าป่าใดเป็นป่าทึบก็อาศัยเข็มทิศเป็นปัจจัยสำคัญ
   คราวใดที่อาศัยการเดินทางโดยรถจิ๊ป ก็สังเกตรอยยางบนพื้นดินว่ารถที่ข้าพเจ้าใช้เป็นชนิดใด ถ้าเป็นยางใหม่รอยดอกยางจะเล็กและชัดเจน ถ้าเป็นยางเก่าดอกยางจะกว้างและตื้น  ตอนที่บุกป่าออกมาถ้าปรากฏว่ามีรอยทางรถของเราก็หมายความว่าได้ออกมาต่ำกว่าตั้งค่ายพัก และถ้าทางที่ออกมาไม่มีรอยทางรถ ก็หมายความว่าออกมาเลยจากค่ายพัก
   รอยดอกยางบนพื้นดินของรถขนาดเดียวกัน แบบเดียวกันแต่เป็นต่างคันกัน น้อยนักที่จะเหมือนกัน เพราะความเก่าและใหม่ของยางต่างกันจะสังเกตเห็นได้ชัดในการพิจารณาอย่างละเอียด แผลบนดอกยางเป็นสิ่งสำคัญที่จะเห็นได้ชัดเจนที่สุด การแตกต่างของดอกยางทั้ง 4 ล้อของรถคันนั้น จะเป็นเครื่องหมายแสดงทิศทางเดินของรถได้อย่างดีทีเดียว
   การล่าสัตว์บนเขาโปรดจำไว้ อย่าใช้การบากต้นไม้หรือหักไม้เป็นเครื่องหมายต่างๆในการแยกทาง เพื่อความปลอดภัยจงใช้ก้อนหินเรียงซ้อนกันมากๆเป็นเครื่องหมายไว้ เพระาข้าพเจ้าเคยหลงและหาทางลงไม่ได้มาแล้ว เนื่องจากไฟป่าได้ไหม้ต้นไม้ที่ทำเครื่องหมายไว้ และขี้เถ้าจากไฟก็กลบลบรอยเท้าจนหมด
   นายบกผู้ฉายไฟสัญญาณให้ทราบทั่วกันว่าพบกวางแล้ว เขากำลังพุ่งไฟของ “สปอร์ไลท์” จับตรงไปยังดวงตาคู่หนึ่งซึ่งกำลังหันส่ายไปมาทางข้างขวาของรถ ขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังนั่งฝันอย่างสบาย ลุกขึ้นยืนไม่ทัน คุณประคองเป็นผู้ยิงก่อนแต่ปรากฏว่าไม่ถูก เพราะในขณะเหนี่ยวไกปืนรถยังไม่ทันหยุดสนิทและวิ่งตกหลุมพอดี
   สัตว์ในบริเวณนี้ปราดเปรียวมาก เนื่องจากถูกรบกวนเสมอ กวางตัวนี้ก็เช่นกัน เมื่อเห็นแสงไฟและรู้สึกตัวว่ามีลมวิ่งเฉียดไป ก็วิ่งหนีย้อนกลับไปทางท้ายรถของเรา คุณเลิศจึงเลี้ยวรถออกจากทางวิ่งไล่ไปดักหน้าแต่เป็นคราวโชคไม่ดี รถวิ่งไปชนตออย่างแรง พวกเราหลายคนจึงกระเด็นลอยเข้ามารวมกัน รถติดค้างคาอยู่บนตอนั้น เมื่อหายจากการชุลมุนวุ่นวายกวางก็หนีหายไปเสียแล้ว ปรากฏว่าท่อไอเสียรถขาด เครื่องยนต์ส่งเสียงดังขึ้นมาทันที เราทั้งหมดหัวเราะกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
   เมื่อช่วยกันดันรถออกจากตอไม้ ก็ตรวจดูความเสียหายและจะซ่อมท่อไอเสียกันใหม่ แต่หาสังกะสีไม่ได้จึงต้องปล่อยให้มันดังต่อไป ตลอดคืนนั้นเราไม่พบสัตว์กันอีกเลย พอถึงตี 4 ต่างคนต่างง่วงนอนกันมากจึงหยุดพักนอนข้างทางแห่งหนึ่ง
   การใช้ปืนในด้านบุคคลโดยเฉพาะ เมื่อพิจารณาให้ถ่องแท้ก็จะพบเห็นได้ว่ามิได้ขึ้นอยู่กับฝีมือเป็นส่วนสำคัญแต่อย่างเดียว ย่อมขึ้นกับจิตใจของตนในขณะยิงด้วย
   ในชีวิตแห่งการใช้ปืนของข้าพเจ้าที่แล้วๆมา มีหลายครั้งที่ปรากฏว่าบางวันยิงได้แม่นฉมัง สามารถสั่งกระสุนให้ไปถูกที่ตรงใดได้ดังใจทีเดียว แต่พอรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งกลับปรากฏว่ายิงไม่ได้สติเลย แม้แต่ยิงปืนลูกซองก็ไม่ได้ผลดีดังใจ
   ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าและเพื่อนคนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ออกไปล่านกเป็ดน้ำในบึง ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 7 กิโลจากบ้านของข้าพเจ้าในชนบท ข้าพเจ้าใช้ผ้าขาวม้านุ่งลงลอยคอไปในบึง ใช้ผักตบชวาเทินศีรษะและรวมผักทำแพลอยบังหน้าไว้ ใช้เศษไม้วางพาดไว้บนแพผักสำหรับวางปืนและกระสุน แล้วก็เดินลอยคอค่อยดันแพผักข้างหน้าเข้าไปใกล้ฝูงนกเป็ดซึ่งกำลังลอยตัวอยู่ทั่วไปหาอาหารเพลินอยู่
   เมื่อดันแพผักเข้าไปใกล้ๆได้ถึงระยะ 18 เมตร จึงตัดสินใจยิง วาดปืนเดี่ยวลูกซองซึ่งใช้กระสุนเบอร์ 8 ขนานกับพื้นน้ำตรงไปยังกลางฝูงหมายเหนือศีรษะของมันเหล่านั้นเป็นสำคัญ ผลของการยิงเพียงนัดเดียวข้าพเจ้าได้นกเป็ดถึง 13 ตัวตายทันใด ลอยเป็นทางตามรัศมีของกระสุนลูกปราย และยังมีนกบาดเจ็บที่ดำน้ำหายไปไม่สามารถค้นได้อีกหลายตัว ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นและดีใจ เพราะไม่เคยยิงนกได้มากๆด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวดังนี้มาก่อนเลย
   หลังจากขึ้นจากน้ำแล้ว เราก็เดินลัดเลาะตามชายบึงไปรอบๆต่อไป ปรากฏว่าฝีมือในการยิงของข้าพเจ้าในวันนั้นไม่ว่าจะยิงอะไรเป็นสั่งได้ทั้งสิ้น แม้แต่นกกระสายืนอยู่บนยอดไม้สูงๆก็ยิงได้อย่างพิสดารด้วยลูก L.G. แม้แต่นกกระทากำลังวิ่งหรือบินก็ยิงได้อย่างนัดเดียวอยู่ทั้งสิ้น
   วันรุ่งขึ้นเราก็มากันที่บึงอีก ปรากฏว่านกเป็ดฝูงนั้นปราดเปรียวขึ้นบินไปบินมาไม่ค่อยยอมลงในระยะใกล้ๆให้เรายิง มักชอบบินไปลงไกลๆกลางบึงเสมอ ข้าพเจ้าก็เดินเลาะตามชายบึงเรื่อยๆไป พบนกหลายตัวยิงไปก็หลายนัดไม่ได้สติเลย เพื่อนของข้าพเจ้าค้นพบเรือซึ่งซุกไว้ข้างบึงได้ลำหนึ่งก็ขนผักตบชวาคลุมเรือแล้วค่อยๆพายลอยตรงไปยังฝูงนกกลางบึง
   ข้าพเจ้าจึงนั่งลงพิงโคนต้นไม้ เอาปืนตั้งพิงไว้ข้างๆกาย นั่งคอยรอเขาอยู่ที่ชายฝั่ง เพราะรู้สึกเหนื่อยอ่อนใจในฝีมือตัวเอง ลมพัดเย็นสบายจึงหลับไป ราวประมาณครึ่งชั่วโมงก็ตกใจตื่น เนื่องจากได้ยินสัตว์ตัวหนึ่งเดินแหวกพุ่มไม้ตรงมา ข้าพเจ้าจึงพยายามนั่งนิ่งไม่ไหวติง จะหันไปหยิบปืนที่พิงไว้ก็กลัวว่ามันจะเห็น จึงค่อยๆล้วงมือเข้าไปเอาปืนพกในกระเป๋าออกมาค่อยๆปลดเซพเตรียมไว้ หันปากกระบอกตรงไปทางที่ปรากฏเสียงนั้นและมันก็มาจริงๆตรงตามความคาดคะเน ทางซ้ายมือห่างจากข้าพเจ้าเพียง 1 เมตรเท่านั้น มันเองก็ตกใจหันหน้ามาแยกเขี้ยวใส่ข้าพเจ้าแต่ก็ช้าไปแล้ว ด้วยการใช้ 2 มือประคองเตรียมไว้ กระสุนที่ปล่อยออกไปตรงสมองพอดี สัตว์นั้นเป็นเสือปลาสูงหนึ่งศอก
   ข้าพเจ้านั่งรอเพื่อนอีกสักครู่เขาจึงมา เพราะไม่ได้ยิงเลยนกมันตื่นเสียงปืนที่เรายิงกันก่อนแล้วแต่แรก จึงระวังตัวเสมอไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆในระยะปืนได้ เขาจึงออกเดินตามทางชายบึงใหม่ ผลของการยิงของข้าพเจ้าจากนั้นอีกก็สามารถยิงได้ดังใจปรารถนา สั่งได้อีกดังเช่นเดิม
   สิ่งซึ่งปรากฏแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจเชื่อแน่ได้ว่า การใช้ปืนได้ดีประสาททุกส่วนต้องตื่นตัวพร้อมอยู่เสมอ ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังยิงผิดข้าพเจ้าคิดเปรียบเทียบได้ทันทีว่า จิตใจของข้าพเจ้าถึงแม้จะเป็นอย่างธรรมดาก็จริง แต่ยังไม่สดชื่นโปร่งใจเหมือนภายหลังจากการนอนพักและตื่นขึ้นมาแล้ว
   จากนั้นต่อมาทุกๆครั้ง คราวใดที่ข้าพเจ้ารู้สึกฝีมือตกและยิงไม่ได้ผล ข้าพเจ้าเลิกการยิงทันและกลับบ้านนอนตามสบาย เลิกยิงปืนในวันนั้นอีกต่อไป
   พวกเราตื่นขึ้นขับรถต่อไปพักในกระท่อมว่างข้างห้วยแห่งหนึ่ง คุณเลิศจัดการหุงหาอาหารดังเช่นเคย เราช่าวกันค้นหาสังกะสีและลวดได้ในบริเวณนั้น คุณประคองนำเอาไปทุบตีดัดแปลงจนใช้พันต่อท่อไอเสียได้ โดยอาศัยลวดคาดผูกไว้จนแน่นหนา
   การเลื่อทำเลตั้งค่ายในป่า ทางที่ดีควรให้ห่างจากที่ซึ่งจะทำการล่าประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อป้องกันเสียงดังและกลิ่นอาหารลอยไปเตือนให้สัตว์ระวังตัว
   วิธีก่อไฟหุงอาหารที่ดีที่สุดในขณะอยู่ในป่า ควรตัดไม้สดๆซึ่งมีขนาดโตเท่ากัน 2 ท่อนวางเรียงขนานกันไป แล้วก่อไฟขึ้นในระหว่างไม้นั้น กระจายไฟให้เป็นทางยาวเพื่อหุงข้าว ต้มน้ำและปรุงอาหารทีเดียวพร้อมกัน ลมจะถูกดูดวิ่งเข้าไปในระหว่างไม้ ช่วยให้ไฟคุร้อนอยู่เสมอ
   ข้าพเจ้าเป็นคนชอบนอน เมื่อรับประทานอาหารแล้วก็ถือโอกาสนอนใต้ต้นไม้หลับต่อไป ส่วนคุณประคองและนายบกคว้าปืนออกเดินเที่ยวไปในป่าเพื่อหายิงสัตว์ในตอนกลางวัน คุณเลิศ คุณอาคม คุณมนัสก็เช่นกัน ชอบนอนอย่างข้าพเจ้า นิสัยของพวกเราช่างเหมือนและคล้ายคลึงกันแท้ อย่างนี้จะไม่ทำให้เราไปถึงไหนถึงกันอย่างไรได้ พอเที่ยงวันนายบกและคุณประคองก็กลับมา บอกให้เรารีบไปเตรียมตัวนั่งห้าง เข้าได้ขัดไว้ให้แล้ว 3 ห้าง
   การขัดห้างหรือผู้ห้างตามที่ข้าพเจ้าเคยใช้มา ปัญหาทางลมเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ในการล่าสัตว์ทุกๆกรณีทางลมเป็นสิ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด สัตว์ใหญ่ทั่วไปกว่าจะตัดสินใจลงมาดื่มน้ำแทะดินโป่ง มีนิสัยเดินด้อมๆ ตีวงอ้อมไปมาเป็นเวลานานๆเพื่อสังเกตเหตุการณ์ก่อนเสมอ แต่สัตว์เล็กเช่นเก้งหรือลูกสัตว์ซึ่งไม่ชำนาญโลก เมื่อมีความกระหายมากๆมักขาดความระมัดระวังเดินตรงลงมาทันที
   การไอ การจาม ควันบุหรี่ เป็นข้อควรระวัง สัตว์ป่าทุกตัวคุ้นเคยต่อกลิ่นไฟในป่าได้ดี แต่กลิ่นของควันบุหรี่ผิดกว่ากลิ่นไหม้ทั้งหลาย ตัดไม้ไผ่ทะลุปล้องไว้เพื่อใช้บรรเทา
   ทำเลที่จะขัดพยายามให้อยู่ใต้ลมไว้ให้มากที่สุด และจากที่นั้นก็ต้องสามารถมองเห็นทางเดินของสัตว์ต่างๆที่จะลงมา ให้ได้มากสายที่สุด ใช้กิ่งไม้ใบไม้บังข้างหลังให้มากๆจนหนาทึบเพื่อป้องกันมิให้แสงเดือนและแสงดาวทางด้านหลังผ่านเข้ามาได้ ในคืนเดือนมืดสัตว์อาศัยแสงดาวเป็นสำคัญ สัตว์กลัวการเคลื่อนไหวใดๆในพุ่มไม้ ซึ่งปราศจากเสียงเลยมากที่สุด
   อย่าก่อไฟ อย่าตัดไม้ หรือจักตอกเพื่อขัดห้างในบริเวณนั้น ไม้และตอกที่จะใช้ต้องไปหาในที่ลับไกลจากที่นั้นมากที่สุด พยายามเดินเข้าไปในบริเวณที่จะขัดห้างหรือนั่งซุ้มเท่าที่จำเป็นให้น้อยที่สุดเท่าที่กระทำได้ อย่าแตะต้องหรือเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศตรงที่ใดๆในที่นั้นเป็นอันขาด ข้าพเจ้าชอบขัดห้างใหญ่ๆแน่นหนาบนก่อไผ่ เพราะข้าพเจ้าชอบนอนตามสบายทั้งๆที่ทราบว่าการนอนไม่ดี กว่าจะลุกขึ้นได้ไม้ลูกห้างก็ส่งเสียงดังให้สัตว์รู้ก็ตาม อย่าลืมทำราวไม้ไว้รอบๆทุกด้านหลังกิ่งไม้ ซึ่งวางบนไพรไว้แล้วเหล่านั้น เพื่อการพาดปืนในเวลายิง หาไม้ไผ่ใหญ่ตัดวางไว้เป็นจานสำหรับรองกระสุนจะได้หยิบกระสุนได้ว่องไวในการบรรจุชุดใหม่ในขณะฉุกเฉิน ส่วนกระสุนที่เหลือก็ใส่ไว้ในเข็มขัดรัดเอวเตรียมไว้ตลอดกาล
   นั่งห้างเป็นศิลปะในการล่าสัตว์ประเภทง่ายคล้ายการวางลอบล่อปลานั่นเอง แต่ยากในทางปฏิบัติ ผู้นั่งต้องชนะใจและความเมื่อยล้าแห่งร่างกาย เมื่อขึ้นนั่งห้างแล้วต้องสำรวมใจและร่างกายไว้ให้ดี สังเกตกิริยาทางของนกและสัตว์เล็กต่างๆซึ่งบินหรือเดินขวักไขว่ในบริเวณนั้นเป็นสำคัญ เสียงแลสำเนียงของนกและสัตว์เหล่านี้จะเจรจาเปลี่ยนไปเมื่อมีสัตว์ใหญ่กำลังเข้ามา
   ข้าพเจ้า คุณประคอง คุณมนัส เป็นผู้ไปนั่งห้าง คุณอาคมและคุณเลิศออกใช้รถฉายไฟกับนายบกอีกตอนกลางคืน ข้าพเจ้า “นั่งลูกไม้” เฝ้าการเข้ามาของสัตว์ต่างๆใต้ต้นมะขามป้อม คุณมนัสใช้ “งูเห่าฟ้า” บรรจุลูกโดดนั่งโป่ง คุณประคองเฝ้าหนองน้ำ
   การนั่งห้าง คืนนั้นข้าพเจ้าตื่นตัวอยู่เสมอ ตอนดึกอากาศยิ่งหนาวทวีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้จิตใจสั่นสะท้านยิ่งขึ้นตรงใบหู มือและเท้าหนาวที่สุด ปืนที่พาดไว้ใกล้ตัวเย็นคล้ายๆน้ำแข็ง
   เสียงเสือร้องคล้ายกวางเพื่อล่อกวางให้เข้าไป ดังได้ยินลอยตามลมมาหลายครั้ง ลมเริ่มพัดหวนปั่นป่วน พัดกิ่งไม้ใบไม้ไม่ค่อยขาดระยะ บางครั้งพัดจากที่ไกลๆพุ่งเป็นสายเย็นหักกิ่งไม้แห้งตลอดตรงมาใกล้ๆบริเวณห้างของข้าพเจ้าแล้วก็หยุด คล้ายๆการหลอกหลอนของปีศาจ ลำไผ่ข้างกายของข้าพเจ้าลั่นดังโผงแรงๆ 2-3 ครั้งแล้วหยุดไป ลำไผ่แก่เบื้องบนแตกปล่อยน้ำซึ่งยังตกค้างอยู่ในปล้องลงมารดศีรษะของข้าพเจ้าพอดี เพิ่มความหนาวให้ทวีขึ้นจนสะท้าน แสงเดือนซึ่งจวนจะลับฉายลอดช่องไม้ลงมาขาวโพลนคล้ายร่างมนุษย์ค่อยๆเยื้องย่างผ่านไปทีละน้อย แล้วแปรเป็นภาพรูปสัตว์ต่างๆตามมุมของสายแสงจันทร์ เสียงเสียดสีของกิ่งไม้และเสียงร้องของสัตว์ในระยะไกลห่างจากห้างไปคล้ายคนพูดจากัน เสียงช้างร้องดังมาจากระยะไกลๆแหลมเย็นน่าสยิวใจ เหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข จิตใจหวนคิดรำลึกไปถึงชีวิตซึ่งได้ใช้ในกลางไพรครั้งก่อนกระโน้น   
   เสียงหัวเราะของพรานเฒ่าซึ่งนับได้ว่าเป็นอาจารย์ข้าพเจ้ายังดังก้องในโสตประสาทเสมอ ถึงแม้แกจะสิ้นบุญล้มหายจากไปนานอย่างไม่มีวันกลับ ข้าพเจ้าจำดวงหน้าและแสงตาอันคมวาวของแกในขณะหัวเราะได้อย่างชัดเจน ฟันของแกดำคล้ำเพราะคราบปูนและยางหมาก

   แกสั่งข้าพเจ้าว่า “อย่าฆ่าช้างเอางา-ชีวิตใคร-ใครก็รัก”

   แกเดินหัวเราะเข้ามา ใกล้เข้ามา และมากระซิบข้างหูของข้าพเจ้าในกาลครั้งหนึ่งว่า พรุ่งนี้เราจะไปยิงช้างกัน 2 คน จงเตรียมตัวไว้ให้ดี แกสั่งให้ข้าพเจ้าเก็บไว้เป็นความลับเงียบไว้อย่าไปบอกผู้ใด คืนนั้นข้าพเจ้าตื่นเต้น นอนไม่หลับ ใจสั่นเพราะอยากได้งาของมันเพื่อจะได้ขายเอาเงินมาซื้อปืนเป็นของข้าพเจ้าเอง
                         ต่อที่ ตอบ # 3244
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2007, 06:55:20 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า

หลงรัก  สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ  งอน
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
*****

คะแนน 249
ออฟไลน์

กระทู้: 885



« ตอบ #3244 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 09:46:51 PM »


                                  ต่อจาก ตอบ # 3243

   
         ท่านพ่อเฒ่าและข้าพเจ้าตื่นแต่เช้าเดินทางเข้าป่าลึกเลยค่ายตัดไม้ของเราออกไป หยุดพักรับประทานอาหารที่เชิงเขาราว 3 โมงเช้า แล้วนั่งพักอยู่ตรงนั้นกันครู่หนึ่งจึงขึ้นเขาเพื่อตัดทางข้ามไป เราได้ไต่เขาขึ้นไปถึงยอดตอนก่อนเที่ยงวันพอดี ลมกำลังพัดด้วยกำลังแรงขึ้นมา ข้าพเจ้าและแกจึงรีบลงไปให้ถึงเชิงเขาข้างหน้าโดยเร็วแล้วหยุดพักเอาแรงกันที่นั่น จนถึงบ่ายโมงกว่าก็ออกเดินทางเข้าป่าลึกไป
   แกบอกว่า ต่อไปนี้จงระวังการเดินให้มากๆจวนจะถึงแล้วเตรียมตัวไว้ให้ดี เราต่างปลดปืนถือไว้ในมือเพื่อเตรียมพร้อมไว้เผชิญกับเหตุการณ์ ในขณะนั้นใจของข้าพเจ้าสั่นและเริ่มรู้สึกว่าในฝ่ามือมีเหงื่อซึมออกมามากขึ้นเป็นลำดับ จนต้องใช้ฝุ่นโรยไว้เพื่อให้จับปืนได้กระชับแน่นขึ้น
   ลมที่กำลังพัดเข้ามาค่อยๆลดกำลังลง ป่าที่เรามุ่งหน้าเข้าไปมีต้นไม้หนา พรารเฒ่าซึ่งมีข้าพเจ้าตามหลังมาค่อยๆคืบเข้าไปทีละน้อยหน้าโดยการอาศัยต้นไม้ใหญ่ กอไผ่ป่า และพุ่มไม้หนาๆต่อไปเป็นที่กำบังเพื่อการย่องคืบหน้าต่อไป ในขณะที่ลมพัดเป็นกลุ่มมาแรงๆเรารีบย่องเข้าไปโดยไวๆ ในขณะลมสงัดแกค่อยแหงนดูยอดใบไม้และสังเกตการพริ้วของใบไม้ต่างๆ ซึ่งแห้งหล่นเกลื่อนไปบนพื้นดิน แกสอดสายตาไปมาเสมอไม่ขาด การคืบเข้าไปของเราข้าพเจ้ารู้สึกว่า แต่ละก้าวช่างกินเวลานานเหลือเกินข้าพเจ้าเองดูเหมือนว่าได้ยินการเต้นของหัวใจและการหายใจเข้าออกของลมหายใจอย่างถนัด ใบหน้า แขน มือ หัวเข่า และเท้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ข้าพเจ้าอยู่ห่างจากพ่อเฒ่าไม่ถึงศอก
   ทันใดแกก็หยุดชะงัก ในขณะที่จะโผล่หน้าออกจากแนวกอไผ่ใหญ่ทึบ ซึ่งเราใช้บังกายกันอยู่เพื่อจะย่องออกไปทางซ้ายมือ แกค่อยๆมาสะกิดข้าพเจ้าซึ่งอยู่ทางขวาของแกให้กระเถิบชิดเข้าไป ข้าพเจ้าค่อยๆเข้าไปจนชิดแก เห็นแกยักคิ้วให้มองออกไปทางข้างหน้าโน้น ป่าที่เราเข้าไปค่อนข้างครื้มมืดแต่ไม่ค่อยทึบเท่าไรนัก
   ข้าพเจ้าเอนตัวเข้าหาแกซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ข้างซ้าย พร้อมกับใช้สายตามองออกไปข้างหน้าอย่างพิจารณา แต่ก็ไม่เห็นอะไรจึงสั่นศีรษะบอกว่าไม่เห็น
   ท่านผู้เฒ่าค่อยๆ เขยื้อนกายออกไปอีกให้ข้าพเจ้านั่งแทนพลางชี้มือขึ้นไปเบื้องบนตรงหน้ากึ่งกลางยอดกอไผ่ ซึ่งเราได้บังตัวอยู่ ข้าพเจ้าค่อยๆเข้ามานั่งแทนที่แกแล้วแหงนหน้าขึ้นไป อ้า… อนิจจา! ข้าพเจ้าช่างบัดซบอะไรเช่นนั้น
   ภาพที่ข้าพเจ้าเห็นทันใด ข้าพเจ้ากล่าวได้อย่างไม่อายว่าทำให้ข้าพเจ้าตะลึง สะดุ้ง และนิ่งงันไป รู้ตัวแต่เพียงว่า ท่านผู้เฒ่าเอามือกอดข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าไม่รู้ตัวว่าเดินหรือย่องออกมาจากที่นั้นได้อย่างไร
   สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังยืนตะแคงเฉลียงข้างให้ รู้ตัวว่าช้างใหญ่โตมโหฬาร คล้ายๆว่าบังโลกทั้งหมดเกือบมิด ข้าพเจ้าต้องแหงนหน้าขึ้นไปจึงเห็นงาและงวงของมันพาดบนกิ่งไม้กำลังหลับอย่างสบาย อยู่ห่างจากกอไผ่ออกไปทางขวามือในราว 10 เมตร เท่านั้น
   ข้าพเจ้าไม่ได้นึกคิดฝันมาก่อนเลยว่า แกจะสามารถนำข้าพเจ้าซึ่งในขณะนั้นยังเพิ่งเริ่มเข้าป่าเพียง 6 เดือนเข้าไปหาช้างได้ใกล้ถึงเช่นนั้น จึงไม่ได้เตรียมใจไว้ต้อนรับกับเหตุการณ์เช่นนี้
   ช้างตัวนั้นแท้จริงไม่ใหญ่เท่าไรนัก เท่าๆกับช้างขนาดใหญ่ที่เลี้ยงกันตามบ้านทั่วไป แต่นั่นเป็นการเห็นช้างป่าของข้าพเจ้าครั้งแรกในชีวิต ข้าพเจ้าคิดว่ามันคงมีสีดาสะอาดอย่างช้างชาวบ้านที่เห็นบ่อยๆ แต่มันกลับเป็นสีเทาซึ่งเป็นสีของฝุ่นละอองดินโคลนติดแน่นเกาะอยู่ มิได้เป็นสีดำดังที่ได้ชินตาและนึกหมายใจว่าจะได้เห็น ภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าแตกต่างไปจากที่ได้คิดหมายไว้ในใจทุกๆอย่างทุกๆประการ แล้วจะไม่ทำให้ข้าพเจ้าตกใจในขณะเห็นทันใดอย่างกระชั้นชิดอย่างไรได้
   เมื่อรู้สึกใจคอค่อยดีขึ้นเมื่อเราเดินห่างออกมาไกลๆ ข้าพเจ้าถามว่า “ทำไมพ่อเฒ่าจึงไม่ยิง” งามันสวยดีจัง
   แกหัวเราะหึๆตอบว่า “ลุงไม่คิดจะยิงมัน เพียงอยากให้แกมาเห็นมันเท่านั้น ช้างตัวนี้แก่แล้ว ลุงกับมันรู้จักกันมาเกือบ 20 ปี ไม่รู้ว่ามันหลบมาจากไหน ลุงพบันเมื่ออายุได้ 50 พอดี จึงถือว่าเป็นฤกษ์ดีของลุง เพราะในขณะนั้นก็ตัดใจได้แล้ว ลุงไม่ต้องการอะไร หลักฐานบ้านช่องก็มีเพียงพอแล้ว อยู่ได้อย่างสบายทั้ง 2 ตายาย ถ้าลุงพบมันก่อนนั้น ก็คิดว่ามันคงเสร็จลุงเหมือนกัน งาคู่นี้ขายได้ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นทีเดียว”   
            ข้าพเจ้าย้อนถามว่า “ลุงไม่ยิง คนอื่นเขาก็ยิง”
   แกตอบว่า “ลุงบอกพวกบ้านและพรานทุกๆคนแล้ว ลุงห้ามไม่ให้ยิง เขาจึงไม่ยิงมัน คนเหล่านี้นับถือลุงทุกคน ลุงต้องการให้ป่านี้เป็นที่อยู่อันแสนสุขของมันเหมือนอย่างกับความสุขที่ลุงมีอยู่
   ที่แกกล่าวเช่นนี้ถูกของแกทีเดียว แกเป็นพรานคนแรกที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นและก็ทราบซึ้งใจดีว่า แกเป็นคนรักชีวิตของสัตว์คนหนึ่ง ซึ่งยากที่จะเข้าใจได้
   ภายหลังข้าพเจ้าก็ได้ทราบจากพรานหลายคน ซึ่งเป็นคนงานของข้าพเจ้าว่า การจะเข้าหาช้างตัวนั้นมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่ปลอดภัย คือทางซึ่งต้องไต่เขาดังที่พรานผู้เฒ่าได้นำข้าพเจ้าไปนั่นเอง และจะต้องเป็นเวลาพอดีกับเวลาที่ได้ไปมาแล้วนั้นด้วย ถ้าจะไปเข้าทางหน้าเขาซึ่งมันหันหน้าทวนลมไว้ในขณะหลับ ก็จะไม่มีหวังเลยและนอกจากนั้นยังจะต้องพบกับช้างหนุ่มอีก 2 เชือก ซึ่งคอยเป็นพี่เลี้ยงคุ้มครองป้องกันอีกด้วย
   การพบช้างอย่างใกล้ชิดโดยมิได้คาดฝัน โดยมิได้เตรียมใจไว้ทำให้ประสาทของข้าพเจ้าตื่นเต้นต่อไปอีกหลายวัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ข้าพเจ้าได้ค้นพบวิธีล่าช้างที่ดีที่สุดได้ ซึ่งถ้าไม่เกรงใจอาจารย์เฒ่าแล้ว และไม่คำนึงถึงผลเสียหายในด้านกิจการป่าไม้แล้ว ข้าพเจ้าซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาผู้ซึ่งยังมีความโลภอยู่ ก็จะต้องเป็นเจ้าของงาคู่นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
   วิธีที่ข้าพเจ้าได้ใช้ในการฝึกหัดจิตใจ ก็โดยการทำาความสนิทสนมกับช้างาจนรู้สึกว่า การเข้าใกล้ช้างเป็นธรรมดาเสียก่อน โดยทำความสนิทกับช้างหัดขึ้นนั่งคอช้างเข้าไปเที่ยวในป่าเรื่อยไปจนเคยชิน สังเกตกิริยาท่าทางอาการต่างๆของมันโดยตลอด นี่เป็นวิธีที่ข้าพเจ้าได้ใช้ในการเตรียมจิตใจไว้ล่าช้างตัวนั้น
   ผลแห่งการนั่งห้างของเราทั้ง 3 ไม่ได้อะไรเลย เพราะลมปั่นป่วนไปมาเสมอ เพิ่งจะมาสงบในตอนตี 5 แต่นั่นก็สายเสียแล้ว สัตว์ต่างๆมันคงรู้ว่าเราอยู่กันตรงนั้นแน่นอน เพราะลมพัดไปมาพากลิ่นพวกเราไปตลอดทุกขณะ
   ทางด้านคุณเลิศก็เช่นกัน คุณอาคมได้ยิงกวางเขาหักไปทิ้งให้คุณเลิศนอนเฝ้ารถอยู่ในป่า ตัวเองออกติดตามแต่ไม่ได้ผลกลับหลงอยู่ในป่าเพราะเดือนลับแล้วและไฟฉายก็หมดแสง
   กวางเมื่อถูกกระสุนตรงเขาก็เกิดอาการ “ช๊อค” ขึ้นทันทีและล้มกลิ้งดิ้นไปมากลางป่าหญ้ารกชัฏ ระยะที่คุณอาคมยิงเป็นระยะไกลเกินไป และจะขับรถเข้าไปใกล้อีกก็ไม่ได้ ขณะที่กวางดิ้นจะยิงซ้ำก็ไม่รู้ว่ามันดิ้นอยู่ตรงไหน เพียงแต่เห็นยอดไม้สั่นไหวไปมาเท่านั้น กว่าจะลงรถวิ่งไปถึงเพื่อการยิงซ้ำ มันก็หายงงวิ่งหนีไปเสียแล้ว จึงตามกันเรื่อยไปและเดินฉายไฟค้นสัตว์อื่นๆต่อไปก็ไม่พบ
   เมื่อลงจากห้างกัน เราก็ย้ายที่พักใหม่ จะกลับไปที่เก่าก็กระไรอยู่ เพราะในขณะที่เราจากที่นั่นมานั่งห้างและขับรถฉายไฟ กองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “อ้ายแก่น” ซึ่งมีคุณรัตนาภรณ์ไปด้วยได้เข้าไปพักอาศัยแทนเราเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าเห็นคุณรัตนาภรณ์วันนั้น รู้สึกว่า แช่มชื่น สดสวย และมีเสน่ห์ยิ่งกว่าคราวใดๆที่ได้พบเห็นมา
   หลังอาหารเช้า ข้าพเจ้า คุณประคอง และนายบกก็ออกแกะรอยล่ากันในตอนกลางวัน ข้าพเจ้าใช้ปืนติดกล้องของข้าพเจ้า คุณประคองใช้ปืนของเขา นายบกเอา “งูเห่าฟ้า” ของคุณมนัสไป
   การล่าสัตว์โดยการแกะรอย ค้นหาตามล่ากลางวัน เป็นเกมกีฬาที่มีรสชาติดีที่สุด สนุกที่สุด คล้ายๆกับการเล่น “หมากรุก” ทีเดียว จัดว่าเป็นศิลปของการล่าสัตว์ชั้นสูงรองลงมาจากการส่องไฟฉายค้นหาล่าในตอนกลางคืน นักยิงสัตว์ทั้งหลายซึ่งไม่เคยเดินแกะรอยตามล่าจะจัดว่าเป็นนักล่าสัตว์ที่มีจิตใจเป็นนักกีฬาไม่ได้ และจะไม่รู้ทราบซึ้งถึงรสชาติอันแท้จริงในการล่าสัตว์เลย ผู้ซึ่งชอบแต่การนั่งรถฉายไฟในตอนกลางคืน ในทัศนะของข้าพเจ้า ก็จัดได้ว่าเป็นเพียงผู้ยิงสัตว์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่พวกเราทั่วไปกำลังนิยมกันเพราะมันเป็นการล่าอย่างสะดวกสบายดี แต่ก็น่าเห็นใจเพราะไม่มีใครชำนาญป่า
   วิธีแกะรอย พวกเราที่ไม่ค่อยมีเวลาและไม่ชำนาญป่า ซึ่งใช้ดูทางลมและเดินตามอย่างระมัดระวัง นับได้ว่าเป็นธรรมดาเพื่อการกีฬา เพียงแต่เพื่อหาความสนุกเท่านั้น
   การแกะรอยซึ่งเคยใช้มาในครั้งที่ข้าพเจ้าเองคุ้นเคยกับป่าในท้องถิ่นของข้าพเจ้า มิใช่แกะรอยตามหลังสัตว์เรื่อยๆไป ข้าพเจ้าใช้วิธีเดินตัดหน้าคอยรอมันมาหาเสมอ เมี่อได้ทราบแน่ชัดว่ามันมุ่งหน้าไปทางไหน เพราะในขณะนั้นข้าพเจ้ารู้จักโป่ง รู้จักหนองน้ำและที่นอน แหล่งที่หากินของมันได้อย่างดี ข้าพเจ้ารู้ว่าสัตว์ชอบอะไร กินอะไร และพืชเช่นนั้นมีมากในบริเวณใด ที่นอนของมันมีกี่แห่ง ชอบนอนที่ไหนเวลาเท่าใดจนตลอด
   สิ่งที่ข้าพเจ้าสังเกตุ ว่าสัตว์เป็นตัวผู้หรือตัวเมียก็ได้แก่ อาศัยการดูลักษณะของการปัสสาวะของสัตว์นั้นๆ ตัวผู้จะเป็นทางพุ่งไปข้างหน้าและบางทีหันเข้าข้างทาง ส่วนตัวเมียแหไปข้างหลัง และมักอยู่ในระหว่างรอยเท่าทั้งสอง มูลสัตว์ใหม่ๆมีควันและผิวภายนอกยังอ่อนอยู่ ไม่ต่างสีกับเนื้อมูงภายใน การแข็งของเปลือกเริ่มจากภายนอกก่อน
   รอยเท้าสัตว์อย่างเดียวกันไม่เป็นรอยพิมพ์เหมือนกันเลย บางทีสัตว์ชนิดเดียวกัน 2 ตัวมีรอยเท้าโตเท่ากัน แต่ช่วงของการเดิน ความถี่ห่างของการวางเท้า ลักษณะของการวางเท้าห่างจากแนวเส้นผ่าศูนย์กลางของการเดินต่างกัน  ความตื้นลึก สูงต่ำของการกดกีบเท้าที่ตะแคงไปก็ต่างกัน ถ้าเราลากเส้นผ่าศูนย์กลางแบ่งรอยเท้านั้นออกเป็นส่วนย่อยๆ ก็จะเห็นได้ชัดเหมือนอย่างกับว่าพี่น้องฝาแฝด 2 คน ซึ่งไม่คุ้นเคยก็ย่อมจะไม่รู้ว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง แต่ผู้คุ้นเคยจะบอกได้ถูกทันที
   สัตว์ใหญ่ซึ่งพบรอยในป่าที่ข้าพเจ้าคุ้นเคย ข้าพเจ้าไม่เคยยิงได้ในวันนั้นเลย ข้าพเจ้ายอมรับว่า ข้าพเจ้าเองไม่ชำนาญก็ได้ ข้าพเจ้าต้องค้นหาที่อยู่ของมันอีก 3 หรือ 4 วัน บางทีก็เป็นอาทิตย์กว่า กว่าจะยิงมันได้ในตอนกลางวัน โดยการนั่งซุ้มหรือนั่งยอดไม้ใกล้หนองน้ำและใกล้โป่งคอยดักตรงทางที่มันจะมา
   สัตว์ใหญ่ตั้งแต่กวางขึ้นไปที่ข้าพเจ้ายิงได้ มักจะอาศัยการเดินส่องไฟค้นหาในเวลากลางคืนด้วยการขัดห้างและนั่งซุ้ม สมแล้วที่ท่านพ่อเฒ่าว่า ในชีวิตของข้าพเจ้าจะเป็นพรานชั้นดีมิได้เลย
   วิธีสังเกตุที่นอนของสัตว์ว่ามันลุกไปนานแล้วหรือยัง มิใช่ดูแต่รอยเท้าอย่างเดียว ข้าพเจ้าสัเกตใบไม้และขนซึ่งร่วงหล่น ซึ่งมันได้นอนทับอยู่ว่ายังเกาะแน่นสนิทกับที่นอนหรือลอยตัวขึ้นมาแล้ว และก็ใช้มือสัมผัสกับความอุ่นของที่นอนเป็นสำคัญ ถ้าอุ่นมากก็หมายความว่าเพิ่งลุกออกไป ถ้าอุ่นน้อยก็ลุกออกไปนานแล้ว ภายหลังตั้งแต่สัตว์ลุกไปใน 30 นาที ความร้อนยังมีอยู่และกลิ่นสาบในบริเวณนั้นยังปรากฏอยู่ให้เป็นการพิจารณาได้ ถ้าความฉุนมีมากก็เพิ่งจะออกไป ถ้าท่านหลงอยู่ในป่าและพบที่นอนของสัตว์ จงเลือกนอนในที่มันนอนเถิด ท่านจะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยกว่าที่ใดๆ
   นายบก คุณประคอง และข้าพเจ้าออกแกะรอยในตอน 4 โมงเช้า เนื่องจากป่านี้เราไม่ชำนาญกัน จึงเพียงแต่หมั่นดูทางลมเรื่อยๆไปเท่านั้น เราเดินหารอยสัตว์ใหญ่แท้ๆ ใหม่ๆ ไม่พบกันเลย จนนานพบรอยวัวใหม่ๆรอยหนึ่งก็เริ่มแกะตามกันเรื่อยๆไป เดินแกะไปประมาณ 2 ชั่วโมงสังเกตรอยนั้นเริ่มเดินเปลี่ยนทิศทางวกไปวนมาเสียแล้ว นี่แสดงให้เราทราบว่าวัวรู้ตัวว่าถูกติดตาม เราจึงตัดใจออกค้นหาล่าเก้งกันดีกว่า เดี๋ยวจะเสียเวลาเดินลึกเข้าไปมากเกินไปและกำลังเป็นเวลาที่มันนอนพักตามพุ่มไม้พอดี
   เราเดินอย่างระมัดระวังช้าๆเรื่อยๆตามทางของสัตว์ และมิได้พูดจากันแม้แต่น้อย เมื่อเดินไปสักครู่นายบกยกมือขึ้นแสดงให้รู้ว่าได้พบเก้งเข้าแล้ว เราจะยิงหรือให้เขายิง ข้าพเจ้ายกมือและบุ้ยปากถามไปว่าอยู่ตรงไหน เขาบอกว่าต้องบุกป่าเข้าไปอีกหน่อย ข้าพเจ้ากลัวเสียเวลาจึงพยักหน้าให้เขาเข้าไป
   ข้าพเจ้าปลดปืนลงจากป่า ค่อยๆปลดเซฟ เดินย่องอย่างแผ่วเบาตามทางอ้อมไปดักไว้ข้างหน้า แต่ไม่เข้าไปในป่านั้นกลัวจะเกิดยิงกันเอง ในขณะที่ข้าพเจ้าแอบเข้าข้างต้นไม้ก็ได้ยินเสียงปืนลูกซอง พร้อมกันก็เห็นร่างสีน้ำตาลกระโดดแว็บๆลึกเข้าไปทันที
   ข้าพเจ้ายกปืน เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว จึงวาดปืนตรงไปที่เป้าหมายพร้อมที่จะเหนี่ยวไกยิงตามหลังไป
   แต่ท่านที่รัก ภาพที่ข้าพเจ้าเห็นในกล้องนั้นเป็นเส้นลายผ้า “เวสท์ป๊อยท์” ที่นายบกสวมใส่อยู่นั่นเอง
   ข้าพเจ้าเกือบยิงนายบก ข้าพเจ้าเกือบเป็นอาชญกรเป็นไปได้ถึงเช่นนี้เชียวหรือ ถ้าปืนในมือมิได้ใช้ศูนย์กล้อง ก็แน่นอน ใจของข้าพเจ้า มือของข้าพเจ้าสั่น ในขณะลดปืนลงข้าพเจ้าแปลกใจ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นเพราะข้าพเจ้าไม่ได้หลับนอนในการนั่งห้างเมื่อคืนนี้หรือ จึงทำให้ตาฟางไป หรือจะเป็นเพราะจิตใจของข้าพเจ้าเผลอไป มัวคิดถึงแต่ความงามของคุณรัตนาภรณ์ที่เห็นเมื่อเช้านี้ มากเกินไปรึ เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเหตุจากอันใด
   อาจจะเป็นกรรม  กรรมที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้ กรรมที่ข้าพเจ้าได้สังหารสัตว์ตายจนมากมายก่ายกอง กรรมอาจจะกำลังตามมาสนอง ถ้าเป็นจริงดังเช่นนั้น กรรมก็ได้ตามติดไล่ข้าพเจ้ามาเกือบจะทันกันแล้ว

        ก็เป็นอันจบเพียงเท่านี้ และ ขอบคุณทุกท่านที่ เข้ามาอ่าน  ผิดถูกประการใดข้าพเจ้าขอรับไว้แต่ผู้เดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2007, 07:03:07 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า

หลงรัก  สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ  งอน
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
*****

คะแนน 249
ออฟไลน์

กระทู้: 885



« ตอบ #3245 เมื่อ: เมษายน 17, 2007, 09:48:16 PM »

        แตก กระทู้ จาก ตอบ # 3240

        ปืน  รูเกอร์ ( Ruger ) ที่กล่าวถึง ในบทความนั้น เป็น รุ่น  Old Model  Blackhawk ที่แตกต่างจากรุ่น ปัจจุบัน  New Model  Super Blackhawk  แต่ ทั้งสองรุ่นนี้ ก็เป็น ขนาด .44 Win Mag และ เป็น ปืน ลูกโม่ แบบ ซิงเกิลแอ๊คชั่น ( Single Action ) เหมือนกัน คือ ต้องง้างนกให้สุด แล้วจึงเหนี่ยวไกยิง ได้ เช่นนี้ทุกครั้ง แต่ถ้าอยากเท่ เป็น คาวบอย ก็ใช้ วิธีอุบไกปืนแล้วใช้ สันมือปัดนกให้ถอยหลังสุดแล้วปล่อยนกกลับ สับแก๊ป  เหมือนในหนังที่เราเห็นกันประจำ แต่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้กลไกในการยิงเกิดชำรุดเสียหายได้

9638


             
      รูเกอร์ รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ นอกจาก โก่งไกที่แตกต่างกันแล้ว กลไกภายในก็แตกต่างกัน ด้วย

        รูเกอร์ รุ่นเก่า กลไก เกือบจะเหมือน ปืน โคอลท์ ซิงเกิลแอ๊คชั่น  คือ เมื่อ เหนี่ยวไกยิงไปแล้ว นกจะตบชิดกับโครงปืน เมื่อเราง้างนกลงมาสักเล็กน้อยเป็นจังวะที
1.   ก็จะเป็นการเซฟ ไม่ให้นกตกไปกระทบเข็มแทงชนวน ซึ่งอาจจะทำให้ปืนลั่นได้

             

2.   ง้างนกต่อมา เป็นจังวะกึ่งกลาง ที่ สามารถ ทำให้ลูกโม่หมุน อิสระ เพื่อที่จะเอาปลอกกระสุนออก หรือ บรรจุกระสุนใหม่

     

 

                     
3.    เมื่อง้างจนสุด ปืนก็พร้อมที่จะยิงได้

               

             ถ้าเราไม่ต้องการยิงก็ง้างนกเล็กน้อย แล้วเหนี่ยวไก ค่อยๆปล่อยนกกลับไปชิดโครงปืน แล้วง้างนกมาจังหวะที่ 1
  ส่วน ที่แตกต่างกัน ระหว่าง โคอลท์ กับ รูเกอร์  ก็ คือ เข็มแทงชนวน ของ รูเกอร์ จะฝังอยู่ในโครงปืน ส่วนของ โคอลท์ จะ อยู่ที่ นกสัป
   
               
       

       ส่วน New Super Blackhawk  นั้น นกสัป จะมีแค่  1 จังหวะ เท่านั้น คือ จังหวะที่3 เท่านั้น ส่วนการป้องกันปืนลั่นเองนั้น ปลอดภัยกว่ารุ่นเก่า มาก เพราะปืนจะลั่นได้ต้องตั้งใจยิงจริงๆ เท่านั้น เพราะ นกสัปรุ่นใหม่ จะมีรอยเว้าตรงเข็มแทงชนวน ยังไงนกสัปก็จะไม่กระแทกเข็มชนวน

             
       


      แต่เมื่อเราตั้งใจยิงก็อุปไกไว้ แผ่นเหล็ก ( Transfer Bar ) จะหนุนขึ้นมา ปิดช่องว่าง นกสัป ก็จะทำให้ นกกระทบเข็มแทงชนวน แผ่นเหล็กนี้ จะไม่หนุนขึ้นมา ถ้าไม่เหนี่ยวอุปไว้

             

  และขณะที่เหนี่ยวไกยิงไปแล้ว นกตกชิดโครงปืน ท่านก็สามารถ เอาปลอกออก หรือ  บรรจุกระสุนใหม่ได้






                  ปืนรูเกอร์ รุ่น แบ็คฮอก นี้ ผลิต เมื่อปี 1956 ถึง 1973 จากนั้นก็เป็นรุ่นใหม่
          ทำไมพวกเราส่วนใหญ่ จึงชอบปืน คาวบอยนี้ อาจเป็นไปได้ว่า เกิดจากการได้ดูภาพยนตร์ คาวบอย แล้วฝังใจมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทั้งพระเอก แล ผู้ร้าย พกปืนใช้ซองต่ำข้างเอว มีกระสุนร้อยเต็มเข็มขัด เท่มาก
      ปืนซิงเกิลแอคชั่น ของโคอลท์ แล รูเกอร์รุ่นเก่า นั้นนอกจากที่เราหลงรักใน รูปทรงองค์เอว  ขนาด 36 –22- 36 นิ้วสูง 170 ซม เป็นหุ่นนางงามสมัยก่อน แล้วนั้น ยังหลงใหลใน ถ้อยวลี สาม คำ ( เสียง อันเกิดจากการง้างนก แล้วบ่านก สาม บ่า ไปสะกิดเซีย [Sear] ก่อน ขัด ทั้ง สาม จังหวะ )ที่นวลนางรุ่นเก่าเอื้อนเอ่ยออกมานั้น มันช่างไพเราะ เสียนี่กระไร ว่า  ฉัน  รัก  เธอ  และ จ้า(ปัง)   หรือ  สุด  ที่  รัก  และ จ๋า (ปัง)  นอกจากนี้  จังหวะที่ สอง เพื่อ บรรจุ กระสุนนั้น ถ้าเรา หมุนลูกโม่อย่างรวดเร็วแล้ว  เสียง เท้านาง (ตีนผี)ที่สะกิด ถุงกระสุน (ลูกโม่) มันช่าง เสียวซ่า เสียนี่กระไร
 แล้ว วัยรุ่น รูเกอร์  ละ  ถึงแม้น หน้าตา รูปทรงได้ทำศัยกรรม ตบแต่งได้ขนาด 36-22-36 +170 แล้วก็ตาม แต่วลีที่ เอือนเอ่ย มี แค่ คำเดียว (นกมีบ่าเดียว)แถม ยังมี ก้อนกระดูก ขวาง ทางเสียง (Transfer Bar) จึงทำให้เกิด เสียงห้าวๆ ว่า แม่ง และ ตาย (ปัง) ไม่เกิด สุนทรีในเสียงเลย   
           คงต้องจบ เรื่อง  ปืน รูเกอร์ ซิงเกิลแอคชั่น แต่เท่านี้


                                                   ต่อไป ก็เรื่อง นี้

                              ปืน Winchester Mod 70 Pre 64  นี้ โรงงาน วินเชสเตอร์ เริ่มผลิต กระบอกที่ 1  เมื่อวันที่ 20 มค 1936  และ สิ้นสุด กระบอกสุดท้าย 581471 เมื่อ วันที่ 18 ตค 1963 ระบบลูกเลื่อน ลอกแบบมาจากปืน เมาเซอร์  เพียงแต่แก้ไข ระบบ เซฟ และ ก้านลูกเลื่อน จุดเด่นก็ ขอรั้งใหญ่  แต่ ก่อนที่จะเป็น Mod 70 ก็มี Mod 54  และหลังจากปี 1964 ก็ออกแบบใหม่ ทำ ขอรั้งเล็ก เหมือน ปืน รุ่นใหม่ ๆ แต่แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ ก็กลับไปทำ รุ่น ก่อนปี 1964 อีกครั้ง
 Win Mod 70 Pre 64 นี้ ผลิตออกมาหลายรุ่นหลายแบบมาก รวมทั้ง รับสั่งทำพิเศษ อีกด้วย ปี ที่ผลิตมากที่สุด คือปี 1953 จำนวน 43915 กระบอก ปีที่ ผลิตน้อยที่สุด  คือปี 1944 จำนวน 14 กระบอก ส่วน ขนาดกระสุนนั้น มีมากกว่า  18 ขนาด เช่น  .22 HORNET   .220 SWIFT  .243  WIN   .250-3000 SAV   .257 ROBERTS  .264 WIN MAG  .270  W.C.F  7MM  .300SAVAGE  .308 WIN  .30-06  .300 H&H MAG  .300 WIN MAG .338 WIN MAG  .35 REM  .358 WIN  .375 H&H MAG  .458 WIN MAG  และ สั่งทำขนาดพิเศษ อีก มาก
ขนาดที่ ผลิต น้อยที่สุด คือ .300 SAVAGE  จำนวน  362 กระบอก  มากที่สุด คือ  .30-06 จำนวน 208218 กระบอก
  ส่วน เจ้า  Super Grade Featherweight  นั้น ผลิตออก มา ช่วงปี 1955-1959 รวมทั้งสิ้น  930 กระบอก ตามขนาดกระสุนดังนี้
1.  .308 WIN                             101 กระบอก
2.   .270 W.C.F.                         248  กระบอก
3.   .243 WIN                             260  กระบอก
4.   .30-06                                 321 กระบอก
คงต้องจบ เรื่อง .30-06 Win แต่เพียงเท่านี้






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2008, 01:50:06 PM โดย FABBRI » บันทึกการเข้า

หลงรัก  สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ  งอน
Choltit
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 143
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16292



« ตอบ #3246 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 10:45:59 AM »

ผมมีความเห็นว่าพี่ FABBRI น่าหาฉากมาถ่ายปืนโดยเฉพาะได้แล้วนะครับ  มีของดีๆ มากขนาดนี้
บันทึกการเข้า

INTEND
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 687


Skeet Lover


« ตอบ #3247 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 11:00:26 AM »

ผมขอลองตอบว่าเป็น Sporting ดีกว่าครับ  Wink

เรื่องพานท้ายกับยางรองพานท้าย บอกตรง ๆ ครับ มาแบบนี้ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
เลยให้เหตุผลกึ่งเดาแบบรายการแฟนพันธุ์แท้ครับ ว่า ด้านบนของภาพ ผมเดาว่าผมเห็น
ตัว Select ลำกล้อง ของปืน Sporting ครับ

และอีกอย่างคือ ผมรู้สึกว่าตรง Grip มือจับของปืนกระบอกนี้มันจะโค้งมากกว่าปืน Skeet น่ะครับ

ผมก็เดาได้เท่านี้ล่ะครับ  Grin Grin Grin ( ตอบซะเยอะ สงสัยจะไม่ถูก  ตกใจ )
บันทึกการเข้า

Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #3248 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 11:00:50 AM »

สำนวน พี่ FABBRI เริ่มคมเหมือนกระสุน.300 Wby.และแม่นคล้ายยิงด้วยฝีมือของคุณหญิงฯด้วยครับ Grin
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
kat
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 355


« ตอบ #3249 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 11:08:50 AM »

จงอ่าน 6 win Pre 64
กระบอกนี้ผมจำได้ว่า ต้องใช้กระบวนยุทธของอี้เจ้งจึงจะได้มา
บันทึกการเข้า

เอาชนะ อุปสรรคทั้งปวง ด้วยความอุตสาหะ
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #3250 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 11:26:50 AM »

แล้วคุณ STeeLShoTS จะเปลี่ยนคำตอบ (ที่เข้าใจผิด) หรือเปล่า
ให้ลองตอบใหม่อีกทีก็ได้นะ
ไม่อยากให้มั่วจริงๆ
ยืนยันคำตอบเดิมครับ..Sporting  แบบว่าเดามั่ว  Cheesy
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #3251 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 01:32:18 PM »

แฟนพันธ์แท้กระทู้ The double gun ยังขาดอีกสองคน คุณ บัญญัติ  กับคุณ Iamshootinghere 
ไปเที่ยวสงกรานต์ยังไม่กลับมั่ง
บันทึกการเข้า
INTEND
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 687


Skeet Lover


« ตอบ #3252 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 03:11:06 PM »

แฟนพันธ์แท้กระทู้ The double gun ยังขาดอีกสองคน คุณ บัญญัติ กับคุณ Iamshootinghere
ไปเที่ยวสงกรานต์ยังไม่กลับมั่ง

ท่าน Iamshootinghere แกคงไม่ค่อยได้เข้ามาน่ะครับช่วงนี้
สงสัยงานคงจะยุ่งขอรับ
บันทึกการเข้า

ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #3253 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 04:05:00 PM »

งั้นก็ขาด เขยชาวไร่ คนเดียว
บันทึกการเข้า
FABBRI
มาเป็นเหยื่อเสียดีๆๆ
Moderator
Sr. Member
*****

คะแนน 249
ออฟไลน์

กระทู้: 885



« ตอบ #3254 เมื่อ: เมษายน 18, 2007, 06:49:02 PM »

ลงเพิ่มเติมแล้วครับ ที่ ตอบ # 3240 & 3241
บันทึกการเข้า

หลงรัก  สินค้าต่างๆที่กระผมเสียเงินเสียเวลาเสียพลังงานนำเข้ามานั้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานอันเป็นที่แน่ชัดในการคุยโม้คุยโตประกอบการคุยฟุ้งทั่วเวป มิได้แอบแฝงขายสินค้าแต่อย่างไร และไม่รับสั่งหรือช่วยนำเข้าแต่อย่างใด โปรดเข้าใจ  งอน
หน้า: 1 ... 214 215 216 [217] 218 219 220 ... 366
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.295 วินาที กับ 24 คำสั่ง