วิ่งสมัย ม.ต้นครับ
เอาแบบบ้านๆ รองเท้านักเรียน วอร์ม ยืดเส้นยืดสาย
ไม่อยากจะคุย ผมสามารถนั่งราบเหยียดขาตรง แล้วโน้มตัวไปจับปลายเท้าตัวเองได้
ปลายนี้วไปถึงกึ่งกลางฝ่าเท้านะ จะบอกให้
อย่าถามว่าตอนนี้ทำได้ไหม...
ส่วนใหญ่วอร์มร่างกาย จะเหวี่ยงแขนวอร์มแขนน้อย มักวอร์มข้อเท้าขากับเอวครับ
อ้อ...ซิทอัพด้วย พอเหงื่อซึมก็วิ่งครับ รักษาจังหวะหายใจให้ลึกและสม่ำเสมอ
แล้วจะรักษาความเร็วคงที่ได้
คนอื่นวิ่งไกลๆได้ยังไงไม่รู้ ผมใช้วิธีผลัดวันประกันพรุ่งเอา
คือพอเหนื่อยๆ อยากหยุดแล้ว ให้มองเสาไฟฟ้าข้างหน้าไว้(ที่บ้านไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว เซเว่นเข้าถึงแล้ว
)
แล้วบอกตัวเองว่า ไปให้ถึงเสาหน้าก่อน ค่อยหยุด พอใกล้ถึงก็มองเสาถัดไป แล้วบอกตัวเองว่า อีกสักช่วงเสาน่า
แล้วฮึดไปเรื่อย ตามองเสาไฟฟ้าหมายตาไว้ อย่าให้คลาด เป็นการกันสติวอกแวก แล้วเวลานั้นร่างกายจะบอกเราเอง
ว่าให้จัดลมหายใจแบบไหน ทำแบบนี้ต่อกันไม่ถึงสามช่วงเสาไฟฟ้า ร่างกายจะปรับอุณหภูมิ แล้วอาการเหนื่อยจะคลายตัว
กลับสู่้ภาวะปกติ ให้วิ่งสบายๆ
การวิ่งสอนอะไรเราหลายอย่าง ใครที่อ่านตำราว่าให้จัดลมหายใจแบบนั้นแบบนี้ ไม่รู้ดีเท่าตอนวิ่งเองหรอก
การวิ่งทำให้สมาธิดีมาก ขนาดก่อนนอนตั้งนาฬิกาปลุกไว้6โมงเช้า พอกราบพระ ตั้งจิตระลึกสัก3ครั้งว่า
"ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก10วินาที" ทำได้จริงครับ ตื่นตอนเช้าลองนับ1-10ดู
ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เสียงนาฬิกาปลุกจะดังขึ้น
ผมมาห่างวิ่งตอนมาเรียน ม.ปลายที่ กทม.
วิ่งตามถนนกรุงเทพ สัปดาห์เดียว เลิกครับ ไม่ไหว รถมันน่ากลัวเหลือเกิน สำหรับเด็กที่เพิ่งมาจาก ตจว.ใหม่ๆ