เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 17, 2024, 03:48:46 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 ... 10
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธุดงค์โรยดาวรวย  (อ่าน 20725 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
พรานบุญ หลงกรุง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2884
ออฟไลน์

กระทู้: 7243



« ตอบ #45 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 04:51:09 PM »

ต่างก็ถูกเรียกว่า พระสงฆ์ ภายใต้พระวินัยเดียวกัน
( รีบๆแสดงความคิดเห็นนะครับ ล่อแหลมต่อการถูกปิด )  ไหว้ ขำก๊าก ขำก๊าก

                  
                  
บันทึกการเข้า

ANKIMBER
Sr. Member
****

คะแนน 60
ออฟไลน์

กระทู้: 592



« ตอบ #46 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 06:29:02 PM »

ใครหนอว่าไว้ว่าศาสนาพุทธอยู่ได้5000ปี ถึงเรียก2500ว่ากึ่งพุทธกาล แสดงว่าเรากำลังอยู่ในยุคเสื่อม เหมือนพลุที่ถูกจุดขึ้นสูงสุดแล้วกำลังตกลงมา ตกลงมา ตกลงมา และ ตกลงมาเรื่อยๆ  ตกใจ ตกใจ ตกใจ ไหว้
บันทึกการเข้า
kpai
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 109
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 694



« ตอบ #47 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 07:02:55 PM »

อยู่บ้านนอกเห็นบ่อยครับไม่รู้มาจากวัดใดไหนกัน  พอเข้าเขตชุมชนเดินกันสลอน พ้นไปหน่อยวิ่งขึ้นรถโค้ชแอร์เย็นฉ่ำทั้งเหลืองทั้งขาวสาวและแก่
ที่เจ็บใจไปกว่านั้นครับลุงปู คือแวะตามบ้านขอรับบิณฑบาต  ไม่รับอาหารสด แห้ง ขอรับเป็นปัจจัยเท่านั้น อ้างว่าจะเป็นค่าเดินทางไปวัด.......ที่อยู่อีกซีกหนึ่งของประเทศไทย  บางคนก็ให้เพราะนึกว่าทำบุญ
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #48 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 07:28:46 PM »



Seadtapong Latsamrit
ทำไมเค้ายังกราบไหว้กันอยู่นะ สงสารพุทธศาสนิกชนที่เข้าไปในวังวนของกลุ่มคนกลุ่มนี้


เรื่องนี้หลายท่านอาจไม่รู้   Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #49 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 07:40:08 PM »



Seadtapong Latsamrit
ทำไมเค้ายังกราบไหว้กันอยู่นะ สงสารพุทธศาสนิกชนที่เข้าไปในวังวนของกลุ่มคนกลุ่มนี้


เรื่องนี้หลายท่านอาจไม่รู้   Grin


อ้าว แล้วทำไมไม่มีใครจัดการละนี่ ผิดกฎหมายข้อหาไหนบ้างละครับนี่ น่าจะทำอะไรสักอย่างเหมือนกรณีไฟตัดหมอกที่ร้องเรียนกันจนมีการกวดขันนะครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #50 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 08:07:21 PM »

"การโกงสมบัติผู้อื่นตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไปคือประมาณไม่ถึง 300 บาทในปัจจุบัน
ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิกฐานผิดพระธรรมวินัยพ้นจากความเป็นพระทันที
ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึกหรือไม่ก็ตาม
ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ
ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้น
ไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง เป็นพระปลอม

ต่อจากนั้นย่อมเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้รักษากฎหมาย หรือของผู้มีหน้าที่ในการพุทธศาสนา
จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้มีพระปลอมมาทำลาย ทำให้เสื่อมเสีย
เช่นที่ผู้รักษากฎหมายเคยทำมาแล้ว เคยบังคับให้เป็นผู้ปลอมเป็นพระ
ถอดผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากตัว การปฏิบัติต่อพระปลอมต้องไม่มีแตกต่างกัน
ต้องไม่มียกเว้นว่า คนนั้นปลอมได้คนนี้ปลอมไม่ได้ เป็นพระปลอมมีอยู่ในพุทธศาสนาไม่ได้ทั้งนั้น
ประกาศนั้นเป็นคำบอกเล่าเป็นคำเตือนให้รู้ เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับมหาเถรฯไม่บังคับให้เชื่อ
ไม่บังคับใครให้ทำอะไร แสดงความถูกผิดให้ปรากฏอยู่เท่านั้น ในฐานะที่เป็นประมุขแห่งสงฆ์
ในพระพุทธศาสนา จึงต้องทำหน้าที่ส่วนตนให้เรียบร้อยถูกต้อง บอกความจริงด้วยความหวังดีมิได้บังคับ
จงเข้าใจทั่วกัน"


หลังจากนั้นได้มีคำสั่งของมหาเถรสมาคม สั่งให้วัดพระธรรมกายดำเนินการปรับปรุงคำสอน
ที่บิดเบือนให้ถูกต้อง ส่วนกรณียักยอกทรัพย์นั้น ทางมหาเถรสมาคมก็มีมติให้รอคำพิพากษาของศาลยุติธรรม
และต่อมาในวันที่ 21 สิงหาคม 2549 สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมีคำขอถอนฟ้องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
โดยให้เหตุผลว่า

1. วัดพระธรรมกายได้ปฏิบัติตามคำสั่งและพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชในเรื่องการเผยคำสอน
ที่ถูกต้องตรงตามพระไตรปิฏกแล้ว

2. อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ยินยอมมอบคือทรัพย์สินที่ได้รับการกล่าวหาว่ายักยอกไป
คืนแก่วัดทั้งหมดแล้ว

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่สำนักอัยการสูงสุดจะทำการฟ้องร้องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและนายถาวรอีกต่อไป
กรณียกฟ้องดังกล่าวทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อฐานะของอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในหมู่ประชาชน
และนักวิชาการศาสนาเป็นอย่างมาก ฝ่ายหนึ่งให้ความเห็นว่าท่านมีความบริสุทธิ์เนื่องจากสำนักอัยการได้ขอถอนฟ้อง
ท่านจึงไม่มีความผิดในกรณียักยอกทรัพย์ตามกฎหมาย ดังนั้นข้อกล่าวหาท่านว่าปาราชิกจึงไม่มีมูล
ในขณะที่นักวิชาการศาสนาอีกฝ่ายกล่าวว่า การยักยอกทรัพย์ของอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ได้สำเร็จแล้วตามหนังสือขอถอนฟ้องขอฝ่ายอัยการ ซึ่งยืนยันถึงการคืนเงินให้แก่วัดในภายหลังของอดีตเจ้าอาวาสฯ
ดังนั้นเมื่อมีการคืน แสดงว่ามีการยักยอก และเมื่อมีการยักยอกจึงถือเป็นอาบัติปาราชิก
ขาดจากความเป็นพระตามที่สมเด็จพระสังฆราชมีพระราชวินิจฉัยไปก่อนหน้านี้
ถึงแม้อดีตเจ้าอาวาสฯ จะนำทรัพย์มาคืนวัดในภายหลังเพื่อให้เกิดกระบวนการถอนฟ้อง
ทำให้ไม่มีความผิดตามกฎหมาย แต่ตามพระธรรมวินัย ท่านได้ขาดความเป็นพระแล้ว
และไม่สามารถเรียกคืนสมณฐานะ ได้อีก


http://nuchsudhinuch.blogspot.com/2012/08/blog-post_6493.html


ต้องเข้าใจก่อนว่า  ธรรมกายมีเส้นสายทางการเมือง  ทาง....  มาก  เรื่องคดีความอัยการสั่งไม่ฟ้อง

แต่ทางพระธรรมวินัยได้ถือว่าขาดจากความเป็นพระไปแล้วครับ  แต่ลูกศิษย์ที่นับถือนั้นคงไม่ยอมรับ
  Cheesy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 27, 2013, 08:09:43 PM โดย ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ » บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #51 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 08:15:30 PM »

คดีประวัติศาสตร์ ปาราชิก

http://picasawebcothssomkiert.blogspot.com/2011/07/blog-post_696.html

 Wink
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
พรานบุญ หลงกรุง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2884
ออฟไลน์

กระทู้: 7243



« ตอบ #52 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 09:22:00 PM »



Seadtapong Latsamrit
ทำไมเค้ายังกราบไหว้กันอยู่นะ สงสารพุทธศาสนิกชนที่เข้าไปในวังวนของกลุ่มคนกลุ่มนี้


เรื่องนี้หลายท่านอาจไม่รู้  ผมเองก็เพิ่งจะทราบ   Grin


อ้าว แล้วทำไมไม่มีใครจัดการละนี่ ผิดกฎหมายข้อหาไหนบ้างละครับนี่ น่าจะทำอะไรสักอย่างเหมือนกรณีไฟตัดหมอกที่ร้องเรียนกันจนมีการกวดขันนะครับ



มีเอกสารพระลิขิตฉบับนี้ไหมครับ ? จะได้ช่วยกันแชร์
บันทึกการเข้า

~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #53 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 09:39:15 PM »

เรื่องตั้งแต่ ปี ๔๒  โน่นครับ  อ๋อย
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
พรานบุญ หลงกรุง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2884
ออฟไลน์

กระทู้: 7243



« ตอบ #54 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 09:46:51 PM »

สุดแต่สาธุชนจะคิด พระวินัยฉบับเดียวกันแต่มี 2 มาตรฐานปฏิบัติ

                     พิจารณาเสนาสนะ
                    

                    พิจารณาสังขาร
                    

                    พิจารณาทุกข์เวทนา
                    
                    
                    

                    พิจารณาโภชนการ
                    
บันทึกการเข้า

p23-504 รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 82
ออฟไลน์

กระทู้: 545


« ตอบ #55 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 09:57:29 PM »

เคยอ่านเจอที่ไหนจำไม่ได้ครับ "  ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช  กล่าวไว้ว่า พรรคการเมืองที่น่ากลัวที่สุด คือวัดพระธรรมกาย "  ไหว้
บันทึกการเข้า
พรานบุญ หลงกรุง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2884
ออฟไลน์

กระทู้: 7243



« ตอบ #56 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 10:39:34 PM »


อนุศาสน์ คำสอนเบื้องต้นสำหรับพระภิกษุผู้บวชใหม่
 
              อนุศาสน์ คือ คำสอนเบื้องต้นที่พระอุปัชฌาย์สอนพระภิกษุผู้บวชใหม่มี ๘ ข้อ  แบ่งเป็นกิจวัตรที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิต แบบพระภิกษุ            เรียกว่า นิสสัย มี ๔ ข้อ ดังนี้
            
             ๏ เที่ยวบิณฑบาต
 
ชีวิตพระภิกษุในพระพุทธศาสนาไม่มีอาชีพอื่น เช่น ไม่มีอาชีพทำนา ทำไร่ ค้าขาย เป็นต้น แต่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการขออาหารจากชาวบ้าน ความหมายของคำว่า ภิกษุ นัยหนึ่งแปลว่าผู้เห็นภายในวัฏสงสาร  อีกนัยหนึ่งแปลว่า ผู้ขอ  โดยกิริยามิใช่โดยการออกปาก การบิณฑบาตจึงเป็นการเลี้ยงชีพที่บริสุทธิ์สำหรับภิกษุ  ตามวิถีทางแห่งพระพุทธศาสนา  
 
             ๏ นุ่งห่มผ้าบังสุกุล  
 
ผ้าบังสุกุล  คือ ผ้าที่ภิกษุเก็บเศษผ้าท่อนเล็กท่อนน้อยซึ่งตกอยู่ตามพื้นดิน เปื้อนผุ่นไม่สะอาด ไม่สวยไม่งาม  โดยที่สุดแม้ผ้าที่เขาใช้ห่อศพ ตกอยู่ตามป่าช้า  ภิกษุเก็บมาเย็บปะต่อกันเป็นผืน ซัก เย็บ ย้อมใช้เป็นจีวรสำหรับนุ่งห่ม ปัจจุบันภิกษุใช้ผ้าสำเร็จรูปที่ชาวบ้านถวายได้
 
             ๏ อยู่โคนต้นไม้  
 
ชีวิตพระภิกษุในพระพุทธศาสนาต้องสละบ้านเรือน ออกบวชเป็นผู้ไม่มีบ้านเรือน  จึงต้องอาศัยอยู่ตามร่มไม้ ป่าเขา เงื้อมผา  เถื่อนถ้ำ  ภายหลังมีผู้เลื่อมใสสร้างวัดถวาย  ปัจจุบันจึงมีวัดวาอารามเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับพระภิกษุ
 
              ๏ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า  
 
ธรรมดาสังขารร่างกายเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ การจะไม่มีโรคนั้นเป็นไม่มี พระพุทธองค์จึงอนุญาตให้พระภิกษุฉันสมอและมะขามป้อมดองด้วยน้ำปัสสาวะเป็นยาได้ตลอดเวลา   เพื่อจะได้เป็นผู้มีโรคน้อย   และมีกำลังในการบำเพ็ญกิจสงฆ์
 
นิสัย ๔ ข้างต้นเป็นกิจวัตรที่ต้องปฏิบัติเพราะเป็นวิธีการดำรงชีวิตแบบพระภิกษุในพระพุทธศาสนา  ส่วนกิจที่พระภิกษุทำไม่ได้  เรียกว่า อกรณียกิจ มี ๔ ข้อ ดังนี้
              ๏ เสพเมถุน    
 
พระภิกษุมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่ากับคนหรือสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตหรือตายแล้ว ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที    เปรียบเหมือนคนถูกตัดศรีษะแม้จะนำศีรษะมาต่อเข้ากับร่างก็ไม่อาจมีชีวิตฟื้นขึ้นมาได้
 
               ๏ ลักขโมย
ภิกษุลักทรัพย์มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป (มีค่าเท่ากับ  ๑  บาท   ปัจจุบันตีค่าเท่ากับราคาทองคำหนัก  ๒๐  เมล็ดข้าวเปลือก) ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ  เปรียบเหมือนใบไม้แก่เหลืองหลุดจากขั้วไม่อาจมีความเขียวสดได้อีก
 
                ๏ ฆ่ามนุษย์
ภิกษุแกล้งฆ่ามนุษย์หรือใช้ผู้อื่นให้ฆ่า   หรือทำอาวุธให้เขาด้วยเจตนาจะให้เขาฆ่าตัวตาย  หรือบังคับให้เขากินยาพิษ   หรือกล่าวพรรณนาคุณของความตายเพื่อให้เขาฆ่าตัวตาย   ทำคาถาอาคมฆ่าด้วยคุณไสย โดยที่สุดแม้การทำแท้งและแนะนำวิธีการฆ่าด้วยอุบายต่าง  ๆ  ขาดจากความเป็นพระภิกษุ
 
                 ๏ พูดอวดคุณวิเศษที่ตนเองไม่มี
การพูดอวดคุณวิเศษ หมายถึง คุณวิเสษที่เกิดจาการปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิวิปัสสนาจนได้บรรลุคุณวิเศษทางพระพุทธศาสนา  ได้แก่ ฌาน  ๔  คือ  (๑)ปฐมฌาน  (๒)ทุติยฌาน  (๓) ตติยฌาน  (๔)จตุตถฌาน,  วิชชา  ๓   คือ (๑) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ  ระลึกชาติได้  (๒) จตูปปาตญาณ  ญาณกำหนดการเกิดการตายของสรรพสัตว์  (๓) อาสวักขยญาณ  ญาณที่รู้การทำลายกิเลส เป็นต้น  ที่ตนเองไม่มี ไม่ได้บรรลุ  เพื่อต้องการให้คนอื่นนับถือศรัทธา  โดยหวังลาภสักการะชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออื่นใดก็ตาม  ขาดจากความเป็นภิกษุ
 
 
 
การบอกอนุศาสน์  พระอุปัชฌาย์จะบอกพระภิกษุใหม่ทันทีภายหลังจากบวชเสร็จสิ้นลงแล้ว เพื่อสอนให้รู้ถึงการดำเนินชีวิตอย่างพระภิกษุ  และการป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการทรงภาวะความเป็นสมณะศากยบุตร
 
อนุศาสน์ทั้ง ๘ ข้อนี้ท่านจะสวดเป็นภาษาบาลี สวดจบแต่ละข้อให้พระภิกษุใหม่รับ "อามะ ภันเต"
บันทึกการเข้า

พรานบุญ หลงกรุง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2884
ออฟไลน์

กระทู้: 7243



« ตอบ #57 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 10:44:32 PM »

       ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

ice2546
Full Member
***

คะแนน 31
ออฟไลน์

กระทู้: 144



« ตอบ #58 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 10:56:36 PM »

สุดๆๆๆๆๆๆครับ  แบร่ แบร่ แบร่
บันทึกการเข้า
พรานบุญ หลงกรุง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2884
ออฟไลน์

กระทู้: 7243



« ตอบ #59 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 11:21:51 PM »

สุดๆๆๆๆๆๆครับ  แบร่ แบร่ แบร่

แสดงทัม หรือ แสดงคาบาเร่........... เว้ยเฮ้ย   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 ... 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 22 คำสั่ง