จับตัว "กำนันเป๊าะ" ได้แล้ว

นายสมชาย คุณปลื้ม คดีจ้างวานฆ่า / ทุจริตจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะ สถานะ : " หลบหนี"!!

   12 ตุลาคม 2548 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีจ้างวานฆ่า ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ อายุ 67 ปี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี และ นายภาสกร หอมหวล หรือ สท.เหี่ยว อายุ 38 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้างวานให้ฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร กำนันตำบลเสม็ด เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2546 โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเวลาคนละ 25 ปี

   โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบในศาลชั้นต้นแล้ว เห็นว่า มีนายธนาวุฒิ เกิดเกีรติกุล , นายพสิทธิ์ แตงตุ้มรุ่งโรจน์ นายสมาน หรือ "เต้ย นุชพันธ์" และนายธนพล หรือเจี๊ยบ ซึ่งเป็นกลุ่มมือปืนเบิกความสอดคล้องต้องกันในรายละเอียด วันเวลา สถานที่ และบุคคล ซึ่งเกี่ยวพันธ์ขณะเกิดเหตุ ซึ่งนายธนาวุฒิ , นายพสิทธิ์ , นายธนพล ได้ให้การยืนยันต่อพนักงานสอบสวนหลายยืนยันว่า จะเลยที่ 1 เป็นผู้จ้างวานใช้ให้ฆ่ากำนันยูร

   คดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะพนักงานสอบสวน 60 คน มี พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิฒน์ รอง ผบ.ตร.(ขณะเกิดเหตุ) เป็นหัวหน้าชุด ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยใช้เวลา 1-2 เดือนจึงทราบว่า กลุ่มจำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างกลุ่มของนายธนาวุฒิซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าชุดพนักงานสอบสวนจะแต่งเรื่องเพื่อปรักปรำจำเลยทั้ง 2 อีกทั้งไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า พนักงานสอบสวนคนใดเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้ง 2 มาก่อน

   พยานโจทก์ดังกล่าวจึงมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันใช้จ้างวานนายธนาวุฒิกับพวก ให้ฆ่ากำนันยูร โดยได้รับค่าจ้าง จำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าชุดของนายธนาวุฒิกับพวกจะไม่ใช่กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยิงกำนันยูร เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2546 จนสำเร็จ แต่ตามกฎหมายถือว่าการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และ ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จ้างวานใช้ เกิดขึ้นแล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คน คนละ 25 ปี นั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

   โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบในศาลชั้นต้นแล้ว เห็นว่ากลุ่มมือปืนเบิกความสอดคล้องต้องกันในรายละเอียด วันเวลา สถานที่ และบุคคล ซึ่งให้การยืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้จ้างวานใช้ให้ฆ่ากำนันยูร โดยภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา น.ส.จิราภรณ์ คุณปลื้ม บุตรสาว สมชาย ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ รวมเป็นเงิน 32 ล้านบาทเศษ ขอประกันตัว กำนันเป๊าะ และนายภาสกร หอมหวล หรือ สท.เหี่ยว ศาลได้พิเคราะห์คำร้องประกอบหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวจำเลยทั้งสองชั่วคราวระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา และห้ามจำเลยทั้งสองเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต

   ที่มาที่ไปของคดีนี้ก็คือ มือปืนนิรนามใช้อาวุธปืน 11 มม.บุกเข้ายิงนายประยูร เสียชีวิตในงานแต่งงานของลูกสาวเจ้าของร้านไพรเวชวัสดุก่อสร้าง ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี โดยโต๊ะจีนที่นายประยูรนั่งอยู่นั้น มีนายวิทยา บุตรชายของนายสมชายนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ต่อมา พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผบก.ป. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วินัย ทองสอง รอง ผบก.ป. (ตำแหน่งในขณะนั้นทั้งหมด) นำทีมตำรวจกองปราบปราม เข้าสืบสวนสอบสวน จนทราบว่านายสมชาย กับนายภาสกร เคยใช้จ้างวานให้นายธนาวุฒิ เกิดเกียรติกุล และ นายพสิษฐ์ แตงตุ้มรุ่งโรจน์ หรือจ่าคิด อดีตข้าราชการตำรวจ ให้ฆ่านายประยูรแต่ทำงานไม่สำเร็จ

   ภายหลังเจ้าหน้าที่จับกุมนายธนาวุฒิ และนายพสิษฐ์ได้พร้อมอาวุธปืนอาก้า และปืนเอ็ม 16 โดยศาลพิพากษาจำคุกทั้ง 2 คน คนละ 8 ปี จากการสอบสวนทั้งคู่ให้การซัดทอดว่านายสมชาย กับนายภาสกรเป็นคนจ้างวานให้สังหารนายประยูร กองปราบปรามจึงนำกำลังพร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านแสนสุข และออกหมายจับทั้งคู่ กระทั่งวันที่ 17 เมษายน 2546 นายสมชายจึงเข้ามอบตัว ส่วนนายประยูรมอบตัวในวันที่ 24 เมษายนปีเดียวกัน ทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาตลอด จนศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกทั้งคู่คนละ 25 ปี และศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกยืนในเวลาต่อมา

   5 มิถุนายน 2550 ศาลจังหวัดชลบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีทุจริตซื้อที่ดินทิ้งขยะเมืองพัทยา คดีหมายเลขดำที่ 229/2540 คดีหมายเลขแดงที่ 843/2546 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ กับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ จำเลยที่ 1 นายศิวดล หรือดำ สุคนธสิทธิ์ จำเลยที่ 2 นายวินัย สมทรัพย์ จำเลยที่ 3, นายวิริยะ บุญกูล จำเลยที่ 4 และ นายประเสริฐ ภู่พงษ์ จำเลยที่ 5 กรณีนำที่ดิน 140 ไร่ ที่เป็นป่าสงวนฯ มาขาย ฐานความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร

   ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษ นายสมชาย จำเลยที่ 1 จำคุก 3 ปี 4 เดือน ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา151 ประกอบมาตรา 86 และ นายวินัย สมทรัพย์ จำเลยที่ 3 จำคุก 3 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4 ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลฎีกาจำหน่ายคดีออกจาสารบบความ จำเลยที่ 5 ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ทั้งนี้คดีมีอายุความ 10 ปี

   ความเป็นมาของคดีทุจริตซื้อที่ดินทิ้งขยะ มีจุดเริ่มเมื่อปี 2536 เมืองพัทยามีดำริจะจัดหาที่ดินเพื่อใช้เป็นที่กลบฝังขยะของเมืองพัทยา โดยกำหนดให้อยู่ห่างจากเมืองพัทยาในรัศมีไม่เกิน 15 กิโลเมตร แต่หลังจากเปิดประมูลพักใหญ่ๆ ก็ไม่มีเจ้าของที่ดินเจ้าใดเสนอเข้ามา จึงมีการขยายแบบให้ห่างออกไปอีกหน่อยเป็น 25 กิโลเมตร จังหวะนี้เอง นายพีระ ศิลรัตน์ เจ้าของที่ดินจำนวน 150 ไร่ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง เสนอที่ดินจำนวน 140 ไร่ ให้พิจารณา โดยเสนอขายในราคาไร่ละ 6 แสนบาทเศษ รวมเป็นเงิน 93 ล้านบาทเศษ เมืองพัทยาตกลงซื้อที่ดินดังกล่าวเอาไว้และชำระเงินให้เจ้าของที่ดินไปทั้งหมด

   ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีการร้องเรียนว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องในการจัดซื้อเองก็รับทราบกันดี เพราะเคยมีหนังสือจากสำนักงานที่ดิน จ.ชลบุรี และกรมที่ดินให้ตรวจสอบและเพิกถอนสิทธิ์ แต่ยังฝืนทำสัญญาซื้อขาย เมื่อมีการสอบสวนลึกลงไปอีกพบข้อมูลทุจริต เพราะที่ดินแปลงนี้นายพีระเพิ่งซื้อมาจาก บริษัท เค.ไอ.ที.ไอ.ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2535 ในราคาเพียงไร่ละ 50,000 บาทเท่านั้น ในสัญญาการซื้อขายทั้ง 2 ฝ่ายลงชื่อยอมรับเองว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน ซึ่งในระยะเวลาเพียง 1 ปี ที่ดินกลับเพิ่มมูลค่ากว่า 10 เท่า

   สําหรับนายสมชาย เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เมื่อมีการเปิดเผยในภายหลังว่า นายพีระผู้ขายที่ดินให้เมืองพัทยา ทำงานอยู่ในบ้านนายสมชาย มีสถานะเพียงคนสวนเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่อาชีพคนสวนทำให้นายพีระมีเงินซื้อที่ดิน 150 ไร่ ในราคา 7.5 ล้านบาท แถมยังสามารถขายที่ดินที่ถือครองเพียงปีเศษๆ ได้มากถึง 93 ล้านบาท

   นอกจากนี้จากการสืบสวนพบอีกว่า นายพีระไปเปิดบัญชีธนาคารสาขาบ้านฉาง จ.ระยอง เช่นเดียวกับนายสมชาย ได้เปิดบัญชีธนาคารสาขาเดียวกัน ก่อนมีการตกลงซื้อขายที่ดินไม่กี่เดือน หลังจากนายพีระขายที่ดินและได้เงินเข้าบัญชี 93 ล้านบาทเศษ เวลาเพียงสัปดาห์เดียว นายพีระถอนเงินจนหมด โดยตอนเช้าที่ได้รับเงินค่าที่ดินจากเมืองพัทยา ตกบ่ายนายพีระถอนเงินทันที 30 ล้านบาท บังเอิญวันเดียวกันนั้นนายสมชายมีเงินเข้าบัญชี 30 ล้านบาท จากความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องของบัญชีธนาคาร และความสัมพันธ์ระหว่างนายพีระกับนายสมชาย รวมไปถึงการซื้อที่ดินเจ้าปัญหา ทำให้นายสมชายตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับพรรคพวก

   ปัจจุบันคดีสังหารนายประยูรกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา ซึ่งในระหว่างที่นายสมชายหลบหนี ศาลออกหมายจับเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมตัวมาลงโทษ โดยคดีนี้จะมีอายุความถึง 10 ปี ซึ่งหากในระหว่าง 10 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีอำนาจในการติดตามจับกุมตัวมาลงโทษตามคำพิพากษาของศาลได้ แต่หากพ้นกำหนดระยะเวลา 10 ปีแล้ว ยังไม่สามารถจับกุมตัวมาลงโทษได้ หมายจับดังกล่าวก็จะหมดอายุความ โดยถือว่าพ้นระยะเวลาการลงโทษไปแล้ว และไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้อีกต่อไป แต่นายสมชาย ยังมีคดีการจ้างวานฆ่ากำนันประยูร สิทธิโชติ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 25 ปี และถ้าศาลฎีกาพิพากษายืน พร้อมกับลงโทษตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีนี้ก็จะมีอายุความถึง 20 ปี

(((แหล่งที่มา : ศาลอุทธรณ์ยืนคำพิพากษาจำคุก กำนันเป๊าะ-สท.เหี่ยว คนละ 25 ปี : กรุงเทพธุรกิจ วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2548
ในรอบสัปดาห์ : เนชั่นสุดสัปดาห์ วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2548
"กำนันเป๊าะ" หายไร้ร่องรอย หลังต้องโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน : พัทยาเดลี่นิวส์ ประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2550
ฏีกาสั่งขังเป๊าะ3ปีถ้าหนีได้10ปีรอดคุก : คมชัดลึก วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2549))

	ผู้เขียน	หัวข้อ: จับตัว "กำนันเป๊าะ" ได้แล้ว (อ่าน 8549 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้