(ต่อ)
บ้านกะวัดขัดกันไม่ได้ต้อง เกื้อหนุนกัน
ถ้าเราเห็นอะไรแล้วอย่าเพิ่งด่วนสรุป เพราะตัวเราจะไม่ต่างจากชาวบ้านประเภทที่ พี่สมชายและ จขกท. บอก ต้องเข้าไปดูข้างในด้วย
ศึกษาเพื่อให้รู้ว่า เขาเป็นอย่างนั้นจริง สอนผิดหลงไหลมั่วเมาในอวิชา หรือ เป็นกุศโลบาย ดึงคนอีกฟาก ให้ขยับเข้ามาใกล้พระศาสนามากขึ้น คือคนอีกฟาก จะหักด้ามพร้าด้วยเข่าให้เขามาเข้มข้นอย่างใจนึกก็คงไม่ได้ แต่ก็พยายามประคองไม่ให้ไปไกลจนตกขอบ
ปัญหาหลักคือ คนโง่ แต่กล้าแสดงออก โง่โดยไม่รู้ตัวตนว่าโง่ เยอะมากขึ้น ตามอย่างที่พีสมชายว่า พอเห็นอะไรที่ไม่ถูกกะจริตตน ก็จะไม่เข้าไปศึกษาดูให้รู้แจ้งด้วยตนเอง รีบโจมตีกันไปก่อน หรือไม่เช่นนั้น ก็มั่วแต่ไปหลงไหลมัวเมาในสิ่งใหม่ๆแทน
ช่องว่างตรงนี้แหละทำให้เกิด การทำบุญ ทำทาน แบบเอาเงินยัด เอาผลงานวัตถุมาตีมูลค่า ........
โยมอุปฐาก หลายราย สนใจแต่ พัดยศ หรือ ใบเปรียญ ..... ส่วนวัตรปฎิบัติ อย่างไรไม่สนใจ ของให้รูปอุปฐาก มีผลงานใหม่ขึ้นเสมอ
เราจึงได้เห็น พวกที่มีวุฒิบัตรสูง แต่ข้อวัตรไม่เอาไหน อยู่เยอะ แล้วโยมก็ชอบ อุปฐาก เสียด้วย
กลุ่ม เอาเงินยัด เคยชินกะการสักการะพระพุทธรูป ที่พูดไม่ได้ ว่าไม่ได้ ไม่มีปากมีเสียง ไม่หือไม่อือ เลยมีการพยายามสร้างวัด สร้างพระสงฆ์ ให้เป็นไปตามอย่างที่ใจตนเองนึก
หรือโยมมองเห็นแต่ ถาวรวัตถุ .... ต้องสร้างให้ใหญ่ๆ จึงจะถือว่าพระคุณเจ้าท่านมีผลงาน วัดบ้านเราต้องใหญ่ต้องแพงกว่าวัดที่อื่น
จุดนี้ไงที่เป็นช่องว่าง ให้มีการพยายามแก้ไข กฎหมายที่มาดูและพระพุทธศาสนา ญาติโยมอีกฝ่ายเข้าใจเป็นวัตถุ นักการเมืองก็เข้าใจอย่างนั้น จนเป็นที่มาของ การนับสมณศักดิ์เหนือกว่าอาวุโส .... หรือ พระอธิการต้องจบ ป. ตรี
ทั้งๆที่ในพระวินัย บัญญัติไว้อย่างละเอียดรอบคอบดีแล้ว
ปัญหาต่างๆเริ่มจากโยมทั้งนั้น