เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 28, 2024, 06:20:17 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จะแก้ปัญหาใต้ได้อย่างไรในเมื่อ.....  (อ่าน 4448 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Choltit
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 143
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16292



« ตอบ #15 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 09:21:11 AM »

Sad ปัญหาภาคใต้ โดยเฉพาะที่ตากใบ ดูเหมือนท่านผู้นำจะมองเห็นทางออกให้ตนเองและพวกพ้องแล้ว.....
แต่ทำไมมันทำให้ผมนึกถึงคำพูดบิ๊กจ๊อดที่ว่า...

...ไม่ฆ่าน้อง...ไม่ฟ้องนาย...ไม่ขายเพื่อน...

ท่านผู้นำไม่ใช่ทหาร และไม่ใช่บิ๊กจ๊อดน่ะสิครับ   .....ดูเหมือนว่าท่านเป็นซีอีโอที่ไหนซักแห่ง
บันทึกการเข้า

babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 10:18:05 AM »

หน้ายิ้มหน้าเหลี่ยม / ผมละเซ็งจริงๆ ไอ้ที่ **สมควรตาย** น่ะมันคนพูดเองน่ะแหละ :Smiley

ไม่เอาไม่พูดนะจ๊ะนักเรียน มันเป็นคำหยาบ ........  Grin
บันทึกการเข้า
sobpong
Full Member
***

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 150


« ตอบ #17 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 03:59:46 PM »

คุณโพธิ์ ครับ
เชียงใหม่ ก็คือไทเชียงใหม่
นครศรีธรรมราช  ตามพอนลิงคิ์ ก็คือไทนคร
ศรีอยุธยาก็คือไทอยุธยา
เชียงใหม่เก่าแก่กว่าอยุธยา
นครศรีฯก็เก่าแก่กว่าเชียงใหม่มากนัก
ผู้คนก็เผ่าพันธุ์เดียวกันนี้แหละ  แต่ละเมืองก็เป็นธรรมดาที่จะต้องผสมกับคนพื้นเมืองที่มาก่อนหรือพวกอพยก
หรือพ่อค้าที่มาหลังบ้างรวมทั้งภูมิศาสตร์ที่ร้อนมากกว่า  ผู้คนจึงมีหน้าตาที่แตกต่างไปตามสายเลือดที่มาผสม
-  รวมความก็คือไทสยาม ซึ่งเคยมีหลายศูนย์กลางย่อย แล้วมีศรีอยุธยาซึ่งอำนาจมากกว่าเป็นศูนย์กลางหลักเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
 -  วัฒนธรรมไทพื้นบ้านนั้นอาจจะแตกต่างกันบ้าง  เล็กน้อย  เช่นภาษาพูดพื้นบ้านของนครศรีธรรมราชเอาไปพูดกับชาวบ้านอีกคนซึ่งใช้ภาษาหลวงพระบาง   ผมคนหนึ่งแน่ใจว่าเขาสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องในเวลาไม่นานนัก
คนไทนคร หรือภาคใต้เชื่อมั่นในภาษาของตน มั่นใจในวัฒนธรรมของตนไม่มั่นใจในการพูดภาษาเพื่อนบ้านแม้แต่ภาษากลางของไทยเอง  แต่ศัพท์แท้ๆ ของภาษาไทนครกลับไม่แตกต่างจากภาษาของชาน-พม่า เชียงใหม่หลวงพระบาง หรือกลุ่มไทยอื่นๆ เลย

-  วัฒนธรรมเชียงใหม่กับนครศรีฯวางอยู่บนพื้นฐานของสังคมศักดินาเหมือนกัน   มีกติกาสังคมที่แยกชั้นผู้ดี ไพร่เหมือนกัน   ปัจจุบันสิ่งที่ยังคงอยู่ที่เห็นได้ก็คือ แยกชั้นเด็ก ผู้ใหญ่  เด็กต้องเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่  มีสมบัติผู้ดี  มีหลักปฏิบัติระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่แตกต่างไปจากนครศรีฯ   เชียงใหม่ชอบส่งลูกสาวรับใช้ผู้มีอำนาจเพื่อหวังพึ่งบารมีเครือญาติ    นครศรีฯมีอำนาจเพราะนับญาติไว้มิให้ขาดกัน  มันเป็นเรื่องปลีกย่อย  แต่โดยรวมคือเป็น
สังคมศักดินาเชิงพุทธ วิถีชีวิตคล้ายกัน
    ทีนี้ปัตตานีมันแตกต่างทุกอย่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ถึงรวบเข้ามาในใจลึก ๆ ของพวกเขาจึงต่อต้านตลอดเวลา พูดเขาก็พูดยาวี ไม่เรียนหนังสือไทย ศาสนาก็แตกต่าง สรุปว่าเขาไม่มีความภูมิใจในความเป็นไทยเลย ยิ่งนานไปด้านเศรษฐกิจเขาก็ล้าหลังตามไม่ทัน ความเกลียดชังมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พอระบบราชการไปกระทบเข้าอีกมันก็เหมือนเป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงขึ้น   
    ปัตตานีเดิมทีเขาก็ไม่แตกต่างกับไทมากนักพื้นฐานเขาก็เป็นสังคมอินดูพุทธเหมือนกัน  แต่เมื่อเขารับศาสนาอิสลามเข้ามา   พื้นฐานสังคมเขามีความหลากหลาย   แต่ไม่เข็มแข็ง  ระบบการศึกษาเน้นการศาสนา รวมทั้งการต่อต้านอำนาจรัฐสยาม   เขาปฏิเสธวัฒนธรรมเดิมแทบทั้งหมด   จะเห็นว่าคนอินโดนีเซียยังนิยมใช้ชื่อในภาษาสันตกฤต  แต่คนปัตตานีใช้ชื่ออาหรับ  ลิเกฮูลูและ  หนังตะลุงมาลายูคนทั้งไทยทึ่งแต่กลุ่มเคร่งศาสนา รังเกียจ  การละทิ้งของเดิมหรือวัฒนธรรมเดิมแทบสิ้นเชิง  ทำให้คนปัตตานีคิดว่าตนเองเป็นญาติกับอาหรับมากกว่าไท    ทำให้เกิดความแตกต่างกันอย่างมากมายออกไปจนใครก็สามารถรับรู้ได้     คนไทยภายนอกเข้ามาสัมผัสกับสังคมพื้นบ้านปัตตานีอาจมองว่าเขาเป็นพวกด้อยอารยธรรม   ยากจน  ทำมาหากินพออิ่มท้องและเป็นภาระของผู้หญิง  ผู้ชายรักสบาย  ผู้คนไร้การศึกษา  ใช้ศาสนาเป็นยาหม้อใหญ่แก้ปัญหาในทุกๆ ด้าน   ชอบให้คนอื่นยกย่องแต่ไม่ชอบยกย่องใคร     แต่ทั้งนี้เขาก็มองว่าคนไทย (พุทธหรือศาสนาอื่น) เป็นพวกป่าเถื่อนนอกศาสนาเหมือนกัน
จะแก้ปัญหาชายแดนใต้ให้ได้ต้องดูตัวอย่างสหรัฐครับ ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมคนสหรัฐ(ร้อยเชื้อชาติ หลายสิบศาสนา)ถึงได้ศรัทธาในความเป็นสหรัฐอเมริกาเหลือเกิน ถ้าได้คำตอบว่าเพราะสหรัฐให้ทุกสิ่งทุกอย่าง สวัสดิการ มีเงินประกันการว่างงาน เรียนฟรี ฯลฯ เราต้องเอามาเลย  เราต้องให้เขา มาออก กม.ให้ 3 จว.นั้นเป็นเขตปกครองพิเศษเป็นเขตรัฐสวัสดิการ เขตปกครองพิเศษไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดนครับ ยังเป็นประเทศไทยอยู่ เมื่อประชาชนใน 3 จว.นั้นรู้สึกว่าถึงเขาจะอยู่ในเขตปกครองพิเศษแต่ความเป็นอยู่ของเขาไม่ได้ด้อยกว่า เขามีกินมีใช้  ความรู้สึกแบ่งแยกมันก็จะหมดไปเอง 
         คนอเมริกาเป็นอเมริกาโดยการแย่งชิงดินแดนอันกว้างใหญ่ของคนอื่น  ช่วงประวัติศาสตร์สั้นและรวมความเจริญและความเสื่อมมาจากยุโรป  เป็นความยิ่งใหญ่ที่มาจากความหลากหลาย  มีระบบทุนนิยมและสังคมนิยมเป็นพื้นฐาน   มีระบบคอมมิวนิสต์ให้เปรียบเทียบ
   มลายูปัตตานีมีแผ่นดิน  ประชากร  เชื้อชาติ  และประวัติศาสตร์กว่าพันปี  ซึ่งควรจะภูมิใจได้   แต่การเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของไทย  นับถือศาสนาที่แตกต่างไปจากส่วนใหญ่ของไทยที่ผู้คนนับถือศาสนาพุทธ   และใช้ภาษาไทเป็นหลัก    ทำให้คนปัตตานีที่เรียนศาสนาอย่างเดียวและพวกศึกษามาจากอาหรับประเภทหัวรุนแรงอึดอัดและไร้ที่ยืนในสังคม       พวกนี้ที่มีโอกาสตั้งตนเป็นโต๊ะครูเปิดปอเนาะมีลูกสิทธ์ลูกหามากมาย
บางแห่งมีนักเรียน  5-6 พันคน เรียนฟรี  มีรถรับส่ง รัฐอุดหนุน 40,60 เปอเซ็นต์ต่อหัว จบ ม.6  เรียนต่อได้เฉพาะม.ราชภัฎยะลา  สอบเรียนต่อที่อื่นหรือสอบทำงานแข่งกับใครไม่ได้  ต้องรอการช่วยเหลือให้มีงานทำจากรัฐ  ทำให้ความภาคภูมิใจถูกบั่นทอนลง  ในขณะที่พวกศึกษาแบบกรุงเทพก็กลับมีโลกทัศน์เหมือนคนไทยทั่วไปและมีบทบาทในระบบราชการ
   ทางออกถ้าไทยต้องปฏิบัติเช่น อเมริกา ปฏิบัติกับประชาชนของเขา เน้นนโยบายประชานิยมตามใจประชาชนยิ่งๆ  เข้าไป นั้น   ผลที่ออกมาจะทำให้คนในชาติยิ่งทวีความเลื่อมล้ำกันออกไป   ซึ่งตอนนี้เริ่มมีคนหมั่นไส้บ้างแล้ว   เช่น  เขาจะเรียนด้านศาสนาอย่างเดียว ไม่สนใจการเรียนที่ตอบสนองระบบธุรกิจ   เขาจะยังชีพด้วยการเกษตรโบราญอย่างที่บรรพบุรุษเคยทำมาแม้ว่าจะไม่พอกิน  เขาจะมีลูกกันเป็นว่าเล่นโดยไม่สนใจระบบสาธารณสุข เขาปิดชายฝั่งปิดถนนปล้น  เรียกค่าไถ่กันสนุกสนาน นิสัยคนมลายูชอบเสี่ยงภัยเป็นพื้นฐาน
 ทางออกของการพัฒนาจะต้องให้เขามีทางเลือกในสังคมของเขาเอง   แก้ปัญหาอย่างที่กล่าวมาโดยไม่ให้คนในสังคมรู้สึกว่าถูกเลือกปฏิบัติ   ถูกบีบคั้นตลอดเวลา  ต้องสอนและคัดท้ายหางเสือให้เกิดความสมดุล
ระหว่างการศึกษาเพื่อตอบสนองสังคมศาสนา    กับการศึกษาตอบสนองทางด้านสังคมเศรษฐกิจ และความอยู่รอด  โดยไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างกันออกไปมากมายระหว่างคนพุทธ-มุสลิมจนร่วมกันไม่ได้
ตามคนอื่นเขานักเราจะยุ่งละครับท่าน ด้วยความเคารพ
บันทึกการเข้า
sobpong
Full Member
***

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 150


« ตอบ #18 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 04:03:56 PM »

ขอโทษอีกที่ผมเน้นสีไม่เป็นขอรับ
บันทึกการเข้า
ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 1428
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6023



« ตอบ #19 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 04:26:41 PM »

(แยกสีครับ... เลือกที่ "เปลี่ยนสี" ข้างๆ ตัว A น่ะครับ)
คุณโพธิ์ ครับ
เชียงใหม่ ก็คือไทเชียงใหม่
นครศรีธรรมราช  ตามพอนลิงคิ์ ก็คือไทนคร
ศรีอยุธยาก็คือไทอยุธยา
เชียงใหม่เก่าแก่กว่าอยุธยา
นครศรีฯก็เก่าแก่กว่าเชียงใหม่มากนัก
ผู้คนก็เผ่าพันธุ์เดียวกันนี้แหละ  แต่ละเมืองก็เป็นธรรมดาที่จะต้องผสมกับคนพื้นเมืองที่มาก่อนหรือพวกอพยก
หรือพ่อค้าที่มาหลังบ้างรวมทั้งภูมิศาสตร์ที่ร้อนมากกว่า  ผู้คนจึงมีหน้าตาที่แตกต่างไปตามสายเลือดที่มาผสม
-  รวมความก็คือไทสยาม ซึ่งเคยมีหลายศูนย์กลางย่อย แล้วมีศรีอยุธยาซึ่งอำนาจมากกว่าเป็นศูนย์กลางหลักเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
 -  วัฒนธรรมไทพื้นบ้านนั้นอาจจะแตกต่างกันบ้าง  เล็กน้อย  เช่นภาษาพูดพื้นบ้านของนครศรีธรรมราชเอาไปพูดกับชาวบ้านอีกคนซึ่งใช้ภาษาหลวงพระบาง   ผมคนหนึ่งแน่ใจว่าเขาสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องในเวลาไม่นานนัก
คนไทนคร หรือภาคใต้เชื่อมั่นในภาษาของตน มั่นใจในวัฒนธรรมของตนไม่มั่นใจในการพูดภาษาเพื่อนบ้านแม้แต่ภาษากลางของไทยเอง  แต่ศัพท์แท้ๆ ของภาษาไทนครกลับไม่แตกต่างจากภาษาของชาน-พม่า เชียงใหม่หลวงพระบาง หรือกลุ่มไทยอื่นๆ เลย

-  วัฒนธรรมเชียงใหม่กับนครศรีฯวางอยู่บนพื้นฐานของสังคมศักดินาเหมือนกัน   มีกติกาสังคมที่แยกชั้นผู้ดี ไพร่เหมือนกัน   ปัจจุบันสิ่งที่ยังคงอยู่ที่เห็นได้ก็คือ แยกชั้นเด็ก ผู้ใหญ่  เด็กต้องเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่  มีสมบัติผู้ดี  มีหลักปฏิบัติระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่แตกต่างไปจากนครศรีฯ   เชียงใหม่ชอบส่งลูกสาวรับใช้ผู้มีอำนาจเพื่อหวังพึ่งบารมีเครือญาติ    นครศรีฯมีอำนาจเพราะนับญาติไว้มิให้ขาดกัน  มันเป็นเรื่องปลีกย่อย  แต่โดยรวมคือเป็น
สังคมศักดินาเชิงพุทธ วิถีชีวิตคล้ายกัน

    ทีนี้ปัตตานีมันแตกต่างทุกอย่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ถึงรวบเข้ามาในใจลึก ๆ ของพวกเขาจึงต่อต้านตลอดเวลา พูดเขาก็พูดยาวี ไม่เรียนหนังสือไทย ศาสนาก็แตกต่าง สรุปว่าเขาไม่มีความภูมิใจในความเป็นไทยเลย ยิ่งนานไปด้านเศรษฐกิจเขาก็ล้าหลังตามไม่ทัน ความเกลียดชังมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พอระบบราชการไปกระทบเข้าอีกมันก็เหมือนเป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงขึ้น   
     ปัตตานีเดิมทีเขาก็ไม่แตกต่างกับไทมากนักพื้นฐานเขาก็เป็นสังคมอินดูพุทธเหมือนกัน  แต่เมื่อเขารับศาสนาอิสลามเข้ามา   พื้นฐานสังคมเขามีความหลากหลาย   แต่ไม่เข็มแข็ง  ระบบการศึกษาเน้นการศาสนา รวมทั้งการต่อต้านอำนาจรัฐสยาม   เขาปฏิเสธวัฒนธรรมเดิมแทบทั้งหมด   จะเห็นว่าคนอินโดนีเซียยังนิยมใช้ชื่อในภาษาสันตกฤต  แต่คนปัตตานีใช้ชื่ออาหรับ  ลิเกฮูลูและ  หนังตะลุงมาลายูคนทั้งไทยทึ่งแต่กลุ่มเคร่งศาสนา รังเกียจ  การละทิ้งของเดิมหรือวัฒนธรรมเดิมแทบสิ้นเชิง  ทำให้คนปัตตานีคิดว่าตนเองเป็นญาติกับอาหรับมากกว่าไท    ทำให้เกิดความแตกต่างกันอย่างมากมายออกไปจนใครก็สามารถรับรู้ได้     คนไทยภายนอกเข้ามาสัมผัสกับสังคมพื้นบ้านปัตตานีอาจมองว่าเขาเป็นพวกด้อยอารยธรรม   ยากจน  ทำมาหากินพออิ่มท้องและเป็นภาระของผู้หญิง  ผู้ชายรักสบาย  ผู้คนไร้การศึกษา  ใช้ศาสนาเป็นยาหม้อใหญ่แก้ปัญหาในทุกๆ ด้าน   ชอบให้คนอื่นยกย่องแต่ไม่ชอบยกย่องใคร     แต่ทั้งนี้เขาก็มองว่าคนไทย (พุทธหรือศาสนาอื่น) เป็นพวกป่าเถื่อนนอกศาสนาเหมือนกัน

จะแก้ปัญหาชายแดนใต้ให้ได้ต้องดูตัวอย่างสหรัฐครับ ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมคนสหรัฐ(ร้อยเชื้อชาติ หลายสิบศาสนา)ถึงได้ศรัทธาในความเป็นสหรัฐอเมริกาเหลือเกิน ถ้าได้คำตอบว่าเพราะสหรัฐให้ทุกสิ่งทุกอย่าง สวัสดิการ มีเงินประกันการว่างงาน เรียนฟรี ฯลฯ เราต้องเอามาเลย  เราต้องให้เขา มาออก กม.ให้ 3 จว.นั้นเป็นเขตปกครองพิเศษเป็นเขตรัฐสวัสดิการ เขตปกครองพิเศษไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดนครับ ยังเป็นประเทศไทยอยู่ เมื่อประชาชนใน 3 จว.นั้นรู้สึกว่าถึงเขาจะอยู่ในเขตปกครองพิเศษแต่ความเป็นอยู่ของเขาไม่ได้ด้อยกว่า เขามีกินมีใช้  ความรู้สึกแบ่งแยกมันก็จะหมดไปเอง 
          คนอเมริกาเป็นอเมริกาโดยการแย่งชิงดินแดนอันกว้างใหญ่ของคนอื่น  ช่วงประวัติศาสตร์สั้นและรวมความเจริญและความเสื่อมมาจากยุโรป  เป็นความยิ่งใหญ่ที่มาจากความหลากหลาย  มีระบบทุนนิยมและสังคมนิยมเป็นพื้นฐาน   มีระบบคอมมิวนิสต์ให้เปรียบเทียบ
   มลายูปัตตานีมีแผ่นดิน  ประชากร  เชื้อชาติ  และประวัติศาสตร์กว่าพันปี  ซึ่งควรจะภูมิใจได้   แต่การเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของไทย  นับถือศาสนาที่แตกต่างไปจากส่วนใหญ่ของไทยที่ผู้คนนับถือศาสนาพุทธ   และใช้ภาษาไทเป็นหลัก    ทำให้คนปัตตานีที่เรียนศาสนาอย่างเดียวและพวกศึกษามาจากอาหรับประเภทหัวรุนแรงอึดอัดและไร้ที่ยืนในสังคม       พวกนี้ที่มีโอกาสตั้งตนเป็นโต๊ะครูเปิดปอเนาะมีลูกสิทธ์ลูกหามากมาย
บางแห่งมีนักเรียน  5-6 พันคน เรียนฟรี  มีรถรับส่ง รัฐอุดหนุน 40,60 เปอเซ็นต์ต่อหัว จบ ม.6  เรียนต่อได้เฉพาะม.ราชภัฎยะลา  สอบเรียนต่อที่อื่นหรือสอบทำงานแข่งกับใครไม่ได้  ต้องรอการช่วยเหลือให้มีงานทำจากรัฐ  ทำให้ความภาคภูมิใจถูกบั่นทอนลง  ในขณะที่พวกศึกษาแบบกรุงเทพก็กลับมีโลกทัศน์เหมือนคนไทยทั่วไปและมีบทบาทในระบบราชการ
   ทางออกถ้าไทยต้องปฏิบัติเช่น อเมริกา ปฏิบัติกับประชาชนของเขา เน้นนโยบายประชานิยมตามใจประชาชนยิ่งๆ  เข้าไป นั้น   ผลที่ออกมาจะทำให้คนในชาติยิ่งทวีความเลื่อมล้ำกันออกไป   ซึ่งตอนนี้เริ่มมีคนหมั่นไส้บ้างแล้ว   เช่น  เขาจะเรียนด้านศาสนาอย่างเดียว ไม่สนใจการเรียนที่ตอบสนองระบบธุรกิจ   เขาจะยังชีพด้วยการเกษตรโบราญอย่างที่บรรพบุรุษเคยทำมาแม้ว่าจะไม่พอกิน  เขาจะมีลูกกันเป็นว่าเล่นโดยไม่สนใจระบบสาธารณสุข เขาปิดชายฝั่งปิดถนนปล้น  เรียกค่าไถ่กันสนุกสนาน นิสัยคนมลายูชอบเสี่ยงภัยเป็นพื้นฐาน
 ทางออกของการพัฒนาจะต้องให้เขามีทางเลือกในสังคมของเขาเอง   แก้ปัญหาอย่างที่กล่าวมาโดยไม่ให้คนในสังคมรู้สึกว่าถูกเลือกปฏิบัติ   ถูกบีบคั้นตลอดเวลา  ต้องสอนและคัดท้ายหางเสือให้เกิดความสมดุล
ระหว่างการศึกษาเพื่อตอบสนองสังคมศาสนา    กับการศึกษาตอบสนองทางด้านสังคมเศรษฐกิจ และความอยู่รอด  โดยไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างกันออกไปมากมายระหว่างคนพุทธ-มุสลิมจนร่วมกันไม่ได้
ตามคนอื่นเขานักเราจะยุ่งละครับท่าน ด้วยความเคารพ
บันทึกการเข้า

ผมเป็นลูกหลานจีนอพยพ  ทวดแซ่อิ๊ว ตาแซ่เล้า ปู่แซ่อึ๊ง   
เมืองไทยให้โอกาสทุกอย่าง  ไม่มีข้ออ้างเรื่องชนชั้น
ผมได้กราบแทบพระบาทในหลวงเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต
ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 1428
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6023



« ตอบ #20 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 04:32:01 PM »

สิงคโปร์มีประชากรมุสลิมเพียง 5% สมัยที่ ลี กวน ยู ลงจากอำนาจใหม่ๆ เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า  เป็นห่วงประชากรกลุ่มนี้ เพราะนิยมให้ลูกเรียนโรงเรียนศาสนา ซึ่งเมื่อจบแล้วไม่มี "marketable skills" คือความรู้ที่ได้มานั้น ใช้ทำมาหากินไม่ได้

ในสหรัฐฯ มีพวก Amish ที่ไม่ยอมรับเทคโนโลยี  ไม่มีไฟฟ้า  ไม่มีโทรศัพท์  เสื้อผ้าใช้แต่ที่ทอกันเองได้  มีสามสีคือ ขาว ดำ เทา  เขาก็อยู่ได้แบบไม่เบียดเบียนใครนะครับ   ความเห็นความเชื่อแตกต่างได้ แต่ไม่ควรต้องฆ่าฟันกันอย่างนี้
บันทึกการเข้า

ผมเป็นลูกหลานจีนอพยพ  ทวดแซ่อิ๊ว ตาแซ่เล้า ปู่แซ่อึ๊ง   
เมืองไทยให้โอกาสทุกอย่าง  ไม่มีข้ออ้างเรื่องชนชั้น
ผมได้กราบแทบพระบาทในหลวงเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #21 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 06:06:21 PM »

เห็นด้วยกับคุณ sobpong
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2004, 10:34:20 PM »

เอาประวัติศาสตร์ย้อนหลังตั้งแต่สมัยยังเป็นนครรัฐมา และมองเรื่องความแตกต่างในภาษา วัฒนธรรม... ใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินอย่างเดียวไม่ได้หรอกจ้า... ม่ายงั้นออกไปใกล้นิดเดียวเอง... แถบนครปฐมก็พูดเหน่อแล้วครับ... คนนนทบุรีก็เหน่อ...

สุพรรณบุรีก็เป็นเมืองเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ของตัวเองมาตั้งแต่ กทม.ยังเป็นโคลนตม ปลักโคลน... พิษณุโลกก็เคยเป็นนครรัฐมีกษัตริย์ยิ่งใหญ่พอถ่วงดุลย์กับอยุธยา... ลำพูนก็เคยมีกษัตริย์ยิ่งใหญ่... ภาษา วัฒนธรรม ก็ยิ่งใหญ่...

โอ๊ย แยะครับ... นายสมชายเชื่อว่าเป็นเรื่องของการถูกแทรกแซงจากภายนอกประเทศ เพราะเรื่องผลประโยชน์มากกว่า... แล้วย้ำเน้นเรื่องความแตกต่าง โดยอ้างเรื่องกติกาสังคมไม่เอื้ออำนวย มาเป็นเชื้อ...

หากอ้างอย่างนั้น... นายสมชายก็มีข้ออ้างน่ะครับ ไม่ได้ฮา... ทุกคนสามารถมีข้ออ้างได้โม๊ด... อยู่ที่ว่ามันมีทางเลือกอะไรให้ทำได้มั่ง หากมีความหวังว่าทำอะไรรุนแรง แล้วตำรวจไม่จับ หรือจับได้แล้วก็มีพวกมากลากไป... อำนาจใฝ่ต่ำก็จะวิ่งไปหาความรุนแรง... แล้วอ้างว่าเรียกร้องความยุติธรรม...

ระบบราชการเองแหละ... ทำอะไรให้เสมอหน้า ให้ยุติธรรม เป็นไปตามเกณฑ์... แล้วให้โปร่งใส อย่าเที่ยวอุ้มใคร เล่นพวกกับใคร... เงื่อนไขก็ไม่เกิดครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 26, 2004, 10:36:00 PM โดย นายสมชาย(ฮา) » บันทึกการเข้า
poe kerpetkaew
Sr. Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 806


« ตอบ #23 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2004, 11:10:48 AM »

 มือปืนหญิงใช้อาวุธปืน 9 มม.กระหน่ำยิงอาสาสมัครพิทักษ์ถิ่น ตาย 2 เจ็บ 1 กลางเมืองยะลา ขณะนั่งดื่มน้ำชาตรงข้ามหน้าโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ
       เมื่อเวลา 20.40 น.วันนี้ (26 ธ.ค.)ร.ต.ต.พรเทพ เจริญวุฒิวรรณพันธ์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า เกิดเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ที่ปากซอยสิโรรส 5 อ.เมือง จ.ยะลา จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติสัณห์ ธเนศเดชสุนทรและ พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ยะลา และกำลังเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
       เมื่อถึงที่เกิดเหตุทราบว่าพลเมืองดีได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 คนส่งไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อว่านายอิสมาแอ ซือแต อายุ 37 ปี นายสุกรี กอและ อายุ 43 ปี ถูกยิงที่บริเวณลำตัวจำนวนหลายนัด และนายมะแซ มะแซ อายุ 45 ปี ถูกยิงที่แขนซ้าย ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกอาสาสมัครพิทักษ์ถิ่น ของ สภ.อ.เมืองยะลา นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่จำนวน 11 ปลอกบนถนน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งต่อมานายอิสมาแอ ซือแต และนายสุกรี กอและ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์ยะลา ส่วนนายมะแซ แพทย์กำลังผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก
       จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะที่ทั้ง 3 คน นั่งกินน้ำชาอยู่ที่หัวมุมซอยสิโรรส 5 ซึ่งเป็นร้านน้ำชาของนายอิสมาแอ ซือแต มีหญิงสวมชุดคลุมฮีญาบสีดำ เดินเข้ามา จากนั้นได้ชักปืนขนาด 9 มม.กระหน่ำยิงทั้ง 3 คน จำนวนหลายนัดทำให้นายอิสมาแอ กับนายสุกรี ล้มลง ส่วนนายมะแซ ได้ชักปืนพกส่วนตัวขนาด 11 มม. จะยิงสวน แต่ถูกคนร้ายยิงเข้าที่แขนจนปืนตกลงพื้น จากนั้น คนร้ายได้เรียกชายแต่งชุดดะวะห์สีดำขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีบอร์นซ์ มารับแล้วขับหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
       เนี่ย..แม้แต่ขณะกำลังเกิดภัยพิบัติร้ายแรงใหญ่หลวงทางฝั่ตะวันตก..เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือ ยังฆ่าผู้บริสุทธุ์อยู่ได้
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #24 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2004, 12:01:16 PM »

ค่าหัวอาสาสมัคร 20,000 บาทครับ  คนธรรมดาไม่มีทางสู้มันก็ให้ 10,000 บาท  ขอให้ปั่นป่วนเข้าไว้  มีเรื่องโกรธแค้นอะไรกันฆ่าไว้ก่อนแล้วไปขอเงินได้   พวกข้าราชการ ทหารตำรวจ ค่าหัวสูงกว่านี้  อย่างระดับผู้กำกับนี่ หัวละแสน

มีเงินทุนมากขนาดนี้ เบิกค่าหัวง่ายอย่างนี้ กลับจับไม่ได้   Huh

มีให้ค่าหัวคนจ่ายบ้างไหมนะ จริงๆก็น่าจะมี
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2004, 02:07:06 PM »

เมื่อก่อนดินแดนแถวนั้นน่ะมันไม่ใช่ประเทศไทยหรอกครับ แค่นคร ฯ นี่ก็ไม่ใช่แล้ว เชียงใหม่ก็ไม่ใช่ เป็นหัวเมืองประเทศราช ก็ครือเมืองขึ้นต่างชาติต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ไทย(กรุงศรีอยุธยา)ไปผนวกเขามาไว้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรา แต่ทีนี้ทำไมเชียงใหม่ นคร ฯ ไม่มีปัญหาก็เพราะว่าเราต่างก็มีศาสนาเดียวกันเป็นตัวประสาน เชื้อชาติและวัฒนธรรมนี่แตกต่างแน่นอน คนเชียงใหม่ขาวยังกะหลอดนีออนผู้บ่าวไปแอ่วดึกดื่นพ่อแม่ยินดีต้อนรับ คนนครดำปี๋เพราะเลือดทมิฬติดมาแต่ศรีลังกาใครมาจีบลูกสาวซึ่งหน้านี่พ่อด่าส่ง แต่ไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นคนไทยไปหมด  ทีนี้ปัตตานีมันแตกต่างทุกอย่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ถึงรวบเข้ามาในใจลึก ๆ ของพวกเขาจึงต่อต้านตลอดเวลา พูดเขาก็พูดยาวี ไม่เรียนหนังสือไทย ศาสนาก็แตกต่าง สรุปว่าเขาไม่มีความภูมิใจในความเป็นไทยเลย ยิ่งนานไปด้านเศรษฐกิจเขาก็ล้าหลังตามไม่ทัน ความเกลียดชังมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พอระบบราชการไปกระทบเข้าอีกมันก็เหมือนเป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงขึ้น  
   จะแก้ปัญหาชายแดนใต้ให้ได้ต้องดูตัวอย่างสหรัฐครับ ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมคนสหรัฐ(ร้อยเชื้อชาติ หลายสิบศาสนา)ถึงได้ศรัทธาในความเป็นสหรัฐอเมริกาเหลือเกิน ถ้าได้คำตอบว่าเพราะสหรัฐให้ทุกสิ่งทุกอย่าง สวัสดิการ มีเงินประกันการว่างงาน เรียนฟรี ฯลฯ เราต้องเอามาเลย  เราต้องให้เขา มาออก กม.ให้ 3 จว.นั้นเป็นเขตปกครองพิเศษเป็นเขตรัฐสวัสดิการ เขตปกครองพิเศษไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดนครับ ยังเป็นประเทศไทยอยู่ เมื่อประชาชนใน 3 จว.นั้นรู้สึกว่าถึงเขาจะอยู่ในเขตปกครองพิเศษแต่ความเป็นอยู่ของเขาไม่ได้ด้อยกว่า เขามีกินมีใช้  ความรู้สึกแบ่งแยกมันก็จะหมดไปเอง  


ผมว่าระบบใช้เงินซื้อนี่หยุดก่อนดีกว่าครับ สถานการณ์มันมีเรื่องอื่นด้วย ถ้าความเป็นอยู่ซื้อความสงบสุขได้จริงๆ เมกันก็ไม่เสียเวียดนามใต้ไปหรอกครับ ชาวบ้านเขามีกินยังไงก็ไม่เกี่ยวกับโจรจะหยุดชั่วรือไม่หยุด ยิ่งรวยยิ่งชอบจะได้ปล้น/ข่มขู่ง่าย นอกจากนี้เงินของชาติก็ไม่เหลือแล้วครับ ท่านทักฯ ใช้หมดแล้วทั้งเงินเฉพาะหน้าและเงินอนาคต

สำคัญที่สุดคือประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวต้องมีมาตรฐานเดียวครับ จะให้เลือกปฏิบัติดีพิเศษเพราะมีโจรร้ายยังงี้เดี๋ยวก็ "ลงทุน" เผาโรงเรียน/ยิงชาวบ้าน กันทั้งประเทศหรอก

ส่วนตัวผมคิดว่าเมกันไม่ได้ศรัทธาในความเป็นเมกันมากกว่าคนชาติอื่น ที่จริงอาจจะอยู่ในขั้นน้อยด้วยซ้ำ ที่เห็นกันมากๆ นั่นคือสื่อบันเทิง เสียงนักการเมืองเขา และเพลงชาติรวมทั้งธงชาติที่เอา่มาทำกางเกงในเล่นได้

คนชาติต่างๆ เวลาไปอยู่บ้านเมืองอื่นจะมีชุมชนของตัวเอง อย่าง China Town ถึงไม่เป็นเขตของตนเองก็มีการรวมตัวกันหรือติดต่อกันบ้างอย่างคนเกาหลี คนไทย หรือแม้แต่ฝรั่งก็มีแหล่งชุมนุมของตัว ผับอังกฤษในเมืองไทยอัตราส่วนคนอังกฤษมากกว่าในลอนดอนอีก ส่วนเมกันไม่เคยมีชุมชนเพราะเขาถือความเป็นปัจเจกชนมาก อาจเป็นลักษณะที่เหมือนกันของเมกันได้แต่ปัจจัยข้อนี้ก็ไม่ได้เป็นจุดแข็งในความรู้สึกเป็นเมกัน "ร่วมกัน"

การศรัทธาในชาติของตนที่แท้จริงอยู่ี่ว่าเมื่อชาติของตนให้อะไรไม่ได้แล้วคนชาตินั้นจะหนีหรืออยู่สร้างชาติ หลังสงครามโลกครั้งที่สองพื้นที่เมืองของญี่ปุ่นถูกทำลายกว่าร้อยละ 60 (ส่วนมากโดยระเบิดธรรมดาและระเบิดเพลิง) คนญี่ปุ่นต้องออกไปหากินนอกประเทศบ้างอย่างในอเมริกาใต้แต่ก็ไม่เคยมีการออกไปมากขนาดมีชุมชนถาวรของผู้อพยพเนื่องจากหากินในประเทศของตัวไม่ได้

บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #26 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2004, 02:57:34 PM »

สิงคโปร์มีประชากรมุสลิมเพียง 5% สมัยที่ ลี กวน ยู ลงจากอำนาจใหม่ๆ เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า  เป็นห่วงประชากรกลุ่มนี้ เพราะนิยมให้ลูกเรียนโรงเรียนศาสนา ซึ่งเมื่อจบแล้วไม่มี "marketable skills" คือความรู้ที่ได้มานั้น ใช้ทำมาหากินไม่ได้

ในสหรัฐฯ มีพวก Amish ที่ไม่ยอมรับเทคโนโลยี  ไม่มีไฟฟ้า  ไม่มีโทรศัพท์  เสื้อผ้าใช้แต่ที่ทอกันเองได้  มีสามสีคือ ขาว ดำ เทา  เขาก็อยู่ได้แบบไม่เบียดเบียนใครนะครับ   ความเห็นความเชื่อแตกต่างได้ แต่ไม่ควรต้องฆ่าฟันกันอย่างนี้

อยากเขียนอย่างอาจารย์ผณิศวรมานาน
แต่ไม่กล้า
คนไทยอีกหลายๆคนก็...ไม่กล้า
กลัวว่าเขียนไปจะสร้างความแตกแยก หรือ รังเกียจ ระบบของเขา

แต่สิงคโปร์เค้ากล้าพูด กล้าคิด
และเอาสิ่งนั้น มาแก้ปัญหา...ร่วมกัน
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

Choltit
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 143
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16292



« ตอบ #27 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2004, 03:15:29 PM »

แต่สิงคโปร์เค้ากล้าพูด กล้าคิด
และเอาสิ่งนั้น มาแก้ปัญหา...ร่วมกัน

ผมไม่ทราบที่สหรัฐ  แต่สิงคโปร์ factor ต่างกันคือ
ระดับเฉลี่ยการศึกษาของประชากร  และระดับเศรษฐกิจต่างกับเรามาก
บันทึกการเข้า

naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2004, 03:26:17 PM »

นายสมชายลอกมาจากเนี่ย... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9470000102761

คนร้ายยิงถล่ม ตชด.ตาย 3 ที่จะนะ
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 ธันวาคม 2547 14:22 น.
 
 
       สงขลา-คนร้ายยิงถล่ม ตชด.ขณะกลับซื้อเสบียงในอำเภอจะนะ เสียชีวิต 3 นายบาดเจ็บ 1 นาย
       
       เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (27 ธ.ค.) พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ ปานบุญทอง พนักงานสอบสวน สภ.อ.จะนะ รับแจ้งเหตุ มีการยิงกันบริเวณสามแยกบ้านสลุต ถนนสายจะนะ-นาทวี หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จึงรุดไปตรวจสอบ พบศพ ตชด. 2 นาย คือ ส.ต.ต.เอกพล แสนแก้ว อายุ 25 ปี และ ส.ต.ต.ชูตินัย ชุมเจ็ด อายุ 25 ปี ศพของ ส.ต.ต.เอกพล นั้นนอนอยู่บนถนน ข้างกายมีรถจักรยานยนต์ของทางราชการล้มคว่ำ และมีถุงอาหารสดทั้งเนื้อ ผัก ไข่ไก่ หล่น
       
       ส่วนศพ ส.ต.ต.ชูตินัย อยู่ริมทาง พร้อมรถจักรยานยนต์ของราชการ มีผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจะนะ 1 ราย คือ ส.ต.ต.ชาลี เข็มสนิท อายุ 27 ปี และบาดเจ็บ 1 ราย คือ ส.ต.ต.จันทร์แรม นาสถิตย์ อายุ 27 ปี ถูกยิงที่บริเวณข้อเท้าทั้ง 2 ด้าน ทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาร์กา ตชด.ทั้ง 4 นาย สังกัด ร้อย ตชด.ที่ 436 สตูล ปฏิบัติหน้าที่ประจำ ฐาน ตชด.ฉก.ที่ 42 อำเภอจะนะ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร
       
       ต่อมา นายสุเทพ โกมลภมร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.เจตนากร นภีตะภัทร รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.สุรพล ทองประเสริฐ ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมกำลังตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดนและทหาร พร้อมอาวุธครบมือเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนอาร์กาตกกระจายอยู่กว่า 20 ปลอก
       
       พร้อมกันนั้นยังพบกระสอบปุ๋ย คาดว่าคนร้ายจะใช้บรรจุอาวุธปืนมาก่อเหตุถูกวางทิ้งเอาไว้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ซึ่งได้มีการจัดชุดไล่ล่าคนร้ายรายนี้แล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะเป็นคนในพื้นที่แต่ได้เข้ามาสำรวจเส้นทางและสะกดรอย ตชด.ทั้ง 4 นาย มาก่อนที่จะก่อเหตุดังกล่าว


มันยังมีแก่ใจยิงกันอีกน่ะ... ฮาไม่ออก
 
บันทึกการเข้า
poe kerpetkaew
Sr. Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 806


« ตอบ #29 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2004, 03:47:01 PM »

ข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 27 ธันวาคม 2547 13:44 น.
       คนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่ม ตชด.ขณะกลับซื้อเสบียงในอำเภอจะนะ จ.สงขลา เสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่ปัตตานี คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามอาก้าซุ่มยิงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ทุ่งยางแดง แต่โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ
       วันนี้(27 ธ.ค.) เวลา 08.00 น. พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ ปานบุญทอง พนักงานสอบสวน สภ.อ.จะนะ รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณสามแยกบ้านสลุต ถนนสายจะนะ-นาทวี หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จึงรุดไปตรวจสอบพบศพ ตชด. 2 นาย ทราบชื่อ ส.ต.ต.เอกพล แสนแก้ว อายุ 25 ปี และ ส.ต.ต.ชูตินัย ชุมเจ็ด อายุ 25 ปี โดยศพ ส.ต.ต.เอกพล นอนอยู่บนถนน ข้างกายมีรถจักรยานยนต์ของทางราชการล้มคว่ำ และมีถุงอาหารสดทั้งเนื้อ ผัก ไข่ไก่ ตกอยู่ ส่วนศพ ส.ต.ต.ชูตินัย อยู่ริมทาง พร้อมรถจักรยานยนต์ของราชการ นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจะนะ อีก 1 ราย ทราบชื่อ ส.ต.ต.ชาลี เข็มสนิท อายุ 27 ปี และบาดเจ็บ 1 ราย คือ ส.ต.ต.จันทร์แรม นาสถิตย์ อายุ 27 ปี ถูกยิงที่บริเวณข้อเท้าทั้ง 2 ด้าน ทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า โดยที่ ตชด.ทั้ง 4 นาย สังกัด ร้อย ตชด.ที่ 436 สตูล ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐาน ตชด.ฉก.ที่ 42 อำเภอจะนะ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร
       หลังเกิดเหตุ นายสุเทพ โกมลภมร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.เจตนากร นภีตะภัทร รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.สุรพล ทองประเสริฐ ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมกำลังตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดนและทหาร พร้อมอาวุธครบมือเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกกระจายอยู่กว่า 20 ปลอก พร้อมกันนั้นยังพบกระสอบปุ๋ย คาดว่าคนร้ายจะใช้บรรจุอาวุธปืนมาก่อเหตุถูกวางทิ้งเอาไว้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ซึ่งได้มีการจัดชุดไล่ล่าคนร้ายรายนี้แล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะเป็นคนในพื้นที่แต่ได้เข้ามาสำรวจเส้นทางและสะกดรอย ตชด.ทั้ง 4 นาย มาก่อนที่จะก่อเหตุดังกล่าว.
       วันเดียวกันที่ จ.ปัตตานี เวลา 10.15 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามอาก้าซุ่มยิงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ขณะวิ่งอยู่บนถนนสาย ต.ยะรัง-ต.ระแว้ง ม.4 บ้านพงกูแว ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จากการสอบสวนทราบว่า ร.ต.อ.เกียรติพงษ์ ระดมสุข พนักงานสืบสวนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ทุ่งยางแดง จำนวน 5 นาย เดินทางไปที่ศาลจังหวัดปัตตานี ถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบริเวณทางแยก มีคนร้ายใช้อาวุธอาก้าซุ่มยิงจำนวนหลายนัด กระสุนพลาดไปถูกรถเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอดภัย ขณะนี้ พ.ต.อ.มูหะมัด หะยีดือเระ รอง ผกก.สภ.อ.ยะรัง ได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เกิดเหตุและใกล้เคียง ต.ยะรัง และ ต.ระแว้ง แต่ยังไม่พบเบาะแสของคนร้าย.
        นี่ก็อีก 2 ศพ..พระเจ้า..ประเทศไทยหรือนี่ 
 
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.112 วินาที กับ 21 คำสั่ง