เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 29, 2024, 01:30:42 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่เข้าใจทำไมเลือกปฏิบัติด้วย  (อ่าน 3496 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
✿ตุ๊ก...ครับ✿
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 335



« ตอบ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2013, 09:43:26 PM »


     ประทัดตรุษจีนไม่มีพลุ ไม่มีประทัดยักษ์ ไม่มีประทัดลูกบอลที่แรงน้องๆระเบิด และไม่มีคนไหว้เจ้าคนใหนที่จุดพลุหรือโยนประทัดใส่ผู้คน.....ใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์ครับ  Grin Grin Grin
ตรุษจีนทำไมจะไม่มีพลุครับก็ที่ระเบิดที่สุพรรณนั่นไงครับ ประทัดที่จุดตรุษจีนที่เป็นสายมีประทัดยักษ์ด้วยนะครับ ส่วนไอ้ลูกบอลที่ว่าก็ทำไมไม่ห้ามผลิตไปเลยล่ะครับไม่มีคนทำก็ไม่มีขายไม่มีขายก็ไม่มีเล่นครับ ส่วนที่ว่าคนเล่นประทัดจุดแล้วโยนใส่คนทำไมไม่ไปจับพวกนั้นล่ะครับก็แค่คนไม่กี่คนเองแต่นี่เล่นห้ามเลยผมดูว่ามันไม่ยุติธรรมครับ จริงๆวันนี้ผมเอาข้อความนี้ไปโพสในเฟสด้วยแหละครับให้พวกผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยทั้งหลายได้รู้ด้วยครับ ผลปรากฏว่าไม่มีใครออกมาแสดงความเห็นอะไรเลย๕๕๕ อ้อที่ผมโพสนี่ไม่ใช่ว่าจะต่อต้านอะไรมากมายนะครับก็แค่เอามาเปรียบเทียบกันเฉยๆคับ

     วันนี้คนรู้จักกันเกือบสามสิบปีก็ขึ้นเมรุเผากันเรียบร้อยครับ...จุดไฟเสร็จก็จุดตะไลขึ้นฟ้าดังตูมๆๆสามลูก ดั่งกว่าระเบิดมือ ส่งคนตายขึ้นสวรรค์  Grin Grin Grin อันนี้มันจะเข้าข่ายเหมือนประทัดลอยกระทงประทัดตรุษจีนหรือเปล่าก็ไม่รู้.....บ้านอยู่ใกล้วัดมีหนวกหูบ้างเป็นบางเวลา  แต่ก็แลกกับ ไป-มา สะดวกอย่างวันนี้ก็เดินไปเผา...ดูตัวเองแล้วก็น่าจะมีความสุขดีอยู่  Cheesy Cheesy Cheesy

     พลุบรรหารคงต้องถามบรรหารละครับ...ตรุษจีนบ้านผมไม่มีพลุบรรหาร มีแต่ประทัดสายผูกยอดไม้  Grin

     นึกภาพความแตกต่างของบรรยากาศการเล่นดอกไม้ไฟในงานลอยกระทงกับตรุษจีนออกครับ...แต่ขี้เกรียจพิมพ์บรรยายละ  Grin Grin Grin

บันทึกการเข้า

naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2013, 11:21:16 PM »


     ประทัดตรุษจีนไม่มีพลุ ไม่มีประทัดยักษ์ ไม่มีประทัดลูกบอลที่แรงน้องๆระเบิด และไม่มีคนไหว้เจ้าคนใหนที่จุดพลุหรือโยนประทัดใส่ผู้คน.....ใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์ครับ  Grin Grin Grin

สงสัยมากครับ... คำว่าหลักรัฐศาสตร์ที่ชอบพูดกันทำนองให้อลุ้มอหล่วยไม่จับกุมดำเนินคดีกับผู้ละเมิดกฎหมาย แล้วก็อ้างว่าเป็น"หลักรัฐศาสตร์"นั้น มีหลักการว่าอย่างไรหรือครับ...

มีทฤษฎีทางรัฐศาสตร์รองรับ หรือมีตำราอะไรใครแต่งสอนเอาไว้ที่ไหนหรือครับ... ช่วยบอกให้นายสมชายหายสงสัยหน่อยเถิดครับ, ไม่เอาที่"เขาว่า"นะครับ...

     
     จะเล่าอะไรให้ฟังครับ..... Grin Grin Grin

     ช่วงออกพรรษาใหม่ๆวัดป่าแถวบ้านมีงานกฐินสามัคคี อันว่ากฐินนั้นปีนึงมีได้ครั้งเดียว วัดใหนรับกฐินแล้วจะรับอีกไม่ได้ต้องรอออกพรรษาคราวหน้า นับเป็นปัจจัยก้อนใหญ่ที่สุดในรอบปี

     ทั้งวัดทั้งโยมที่จะทอดกฐินต่างก็ทำเต็มที่ วัดใกล้ๆบ้านได้ปัจจัยเข้าวัดปีนี้กว่าล้านบาท.....!!! หลายฝ่ายไปช่วยงาน เฉพาะฝ่ายปกครองนายอำเภอเป็นตัวแทน จนท.อำเภอ ร่วมกฐินเกือบสี่หมื่นบาท (หลายท่านคงมีโอกาสร่วมทำบุญตอนไปสอบป.3 )พระและโยมปลื้มกันถ้วนหน้า.....ไม่เหมือนนายคนก่อนนู้นนน ที่ควักกระเป๋าส่วนตัวร่วมกฐินพันนึง พระและชาวบ้านปลื้มแบบแรกมากกว่า.....กฐินปีนี้แฮปี้กันทั้งสามฝ่าย   Grin Grin Grin

     เห็นด้วยที่ท่าน นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง กล่าวว่าปัญหาหลายอย่างเกิดเพราะ การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล...เห็นด้วยครับ  ผมก็เชื่อด้วยว่าปัญหาบางอย่างกฎหมายก็ยากยิ่งที่จะแทรกซึมเข้าไปทำหน้าที่ของมัน.....หากการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล แต่อยากให้สังคมเป็นสุขก็แค่ทำให้กฎหมายลดบทบาท ลดความสำคัญลงเท่านั้นเองครับ แค่ทำให้ทุกคนละอายที่จะทำผิด.....
     ที่พูดมานี่ไม่มีทฤษฎีรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์อะไรรองรับเลยครับ.....นึกเอาเองล้วนๆตอนฝึกหมาเกือบสิบตัวให้แย่งกันวิ่งเข้ากรงเอง แทนการวิ่งไล่จับเข้ากรงทีละตัว  Grin Grin Grin

ตามตัวเขียว นั่นไม่เกี่ยวกับเรื่องรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์ครับ...

ตามตัวแดงนั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะทั้งคู่คือหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ไม่มีตรงไหนบอกว่าคนทำผิดกฎหมายแล้วไม่ผิด ไม่ต้องเอาโทษ ด้วยการอลุ้มอล่วยหรือลดบทบาท ลดความสำคัญการบังคับใช้กฎหมายครับ... อย่างนั้นไม่ใช่หลักรัฐศาสตร์...

หลักรัฐศาสตร์กว้างกว่านิติศาสตร์ คือให้ความสนใจกับปทัสถาน ค่านิยม วิถีประชา ฯลฯ เพิ่มขึ้นมาจากเรื่องกฎหมายด้วย และทั้งหมดย่อมมุ่งสู่ผลอย่างเดียวกันคือบังคับใช้กฎหมายให้ได้ เพื่อประโยชน์สุขของทั้งสังคมครับ...

ยกตัวอย่างที่ชัดๆ เช่นมีวัยรุ่นจับกลุ่มคุยเสียงดังโวยวายในงานบุญ อย่างนี้หากไปแจ้งตำรวจ ทางตำรวจจะบอกว่า"ยังไม่ได้ทำผิดกฎหมาย" ฉันไปทำอะไรพวกวัยรุ่นนั้นไม่ได้... แต่ถ้าไปบอกกับปลัดปกครอง ปลัดจะบอกว่าอย่างนี้เป็น"เรื่องทางปกครอง" เพราะปทัสถาน ค่านิยมของคนไทยไม่ชอบให้โวยวายในงานบุญ เพราะเหมือนไม่เคารพประเพณี, ปลัดฯ จะบอกให้ ผญบ. ไปเตือนวัยรุ่นกลุ่มนั้น แล้วหากฮึดฮัดจะเรียกพ่อแม่มันมารับตัวกลับบ้าน แล้วหากฮึดฮัดเกินเลยล้ำเส้นกฎหมายเมื่อไหร่ ปลัดจะวิทยุบอกสารวัตรมาจับ... ฮา...

เรื่องแบบนี้เรียกว่าเรื่องทางปกครองครับ, ยังไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็มีอำนาจทางปกครอง ซึ่งกว้างกว่านิติศาสตร์เสียด้วยซ้ำไป... แล้วหากผิดกฎหมาย ก็ไม่ใช่ว่าอลุ้มอล่วยครับ ซึ่งไม่ถูกต้อง...
บันทึกการเข้า
p23-504 รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 82
ออฟไลน์

กระทู้: 545


« ตอบ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2013, 11:36:01 PM »


     ประทัดตรุษจีนไม่มีพลุ ไม่มีประทัดยักษ์ ไม่มีประทัดลูกบอลที่แรงน้องๆระเบิด และไม่มีคนไหว้เจ้าคนใหนที่จุดพลุหรือโยนประทัดใส่ผู้คน.....ใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์ครับ  Grin Grin Grin
ตรุษจีนทำไมจะไม่มีพลุครับก็ที่ระเบิดที่สุพรรณนั่นไงครับ ประทัดที่จุดตรุษจีนที่เป็นสายมีประทัดยักษ์ด้วยนะครับ ส่วนไอ้ลูกบอลที่ว่าก็ทำไมไม่ห้ามผลิตไปเลยล่ะครับไม่มีคนทำก็ไม่มีขายไม่มีขายก็ไม่มีเล่นครับ ส่วนที่ว่าคนเล่นประทัดจุดแล้วโยนใส่คนทำไมไม่ไปจับพวกนั้นล่ะครับก็แค่คนไม่กี่คนเองแต่นี่เล่นห้ามเลยผมดูว่ามันไม่ยุติธรรมครับ จริงๆวันนี้ผมเอาข้อความนี้ไปโพสในเฟสด้วยแหละครับให้พวกผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยทั้งหลายได้รู้ด้วยครับ ผลปรากฏว่าไม่มีใครออกมาแสดงความเห็นอะไรเลย๕๕๕ อ้อที่ผมโพสนี่ไม่ใช่ว่าจะต่อต้านอะไรมากมายนะครับก็แค่เอามาเปรียบเทียบกันเฉยๆคับ

ผมขออนุญาตออกความคิดเห็นครับ
โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับการห้ามขาย  หามเล่นประทัด  ดอกไม้ไฟ  หรือพลุ ฯ  ในบริเวณงานหรือในช่วงเทศกาลลอยกระทง  เพราะเหตุว่ามันเล่นกันไม่เลือกสถานที่  ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก นึกจะจุดก็จุด นึกจะโยนก็โยน ยิ่งพวกขี้เมาด้วยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  เดิน ๆ ไปจุดแล้วโยนมาข้างหลังไม่มองว่าจะมีใครเดินตามมา  ปีนี้เดินเที่ยวงานลอยกระทงสบายใจครับ  ไม่ต้องคอยระวังประทัด   ไหว้
  
บันทึกการเข้า
...อภิสิทธิ์ ...
จะรักและซื่อสัตย์ต่อลูกโม่ S&W ตลอดไปชั่วฟ้าดินสลาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 652
ออฟไลน์

กระทู้: 3595



« ตอบ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 12:07:35 AM »

ลูกจีนมาเองครับ--ปะทัดตรุษจีนนี่เราแขวนกันแต่เช้าครับใครเดินไปใครมาเห็นชัดเจน  กว่าจะเตรียมของไหว้ กว่าจะไหว้เสร็จเป็นชั่วโมง คนแถวบ้านเขาเห็นแผงประทัดชัดเจน มิหนำซ้ำเป็นเวลากลางวัน เรียกว่าเตรียมอุดหูไว้ได้เลยจุดแล้วจบ  แต่ปะทัดลอยกระทงจุดกลางคืนโดยจิ๊กโก๋ และแอบจุด แอบโยน
บันทึกการเข้า

There are experienced shooters who are just die-hard fans of revolvers. They do practice regularly and have had plenty of training, and for whatever reason they just prefer revolvers over semi-autos. And for the record, no, not all of them are dudes with gray hair.
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 12:25:38 AM »

ผมขออกความเห็นในฐานะที่เป็นลูกหลานจีนแล้วกัน

ธรรมเนียมการจุดประทัดนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากความเชื่อในเรื่องตัว “เหนียน”

ซึ่งตัวเหนียนนี้ชาวจีนเชื่อว่า เป็นสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งที่มีร่างกายใหญ่โต มีลักษณะคล้ายวัวผสมกับแรด แถมยังมีนิสัยดุร้าย และมักออกหากินช่วงเวลากลางคืน
ในวันที่อากาศหนาว ๆ มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยก่อนเมื่ออากาศหนาวเย็นลงชาวบ้านมักจะมาล้อมวงกันกลางหมู่บ้านเพื่อปิ้งย่างอาหารกินกันบ้าง
ผิงไฟไปพูดคุยกันบ้าง แต่เมื่อเจ้าตัวเหนียนมาเห็นเข้าก็จู่โจมชาวบ้านเพื่อแย่งชิงอาหารและเข้าทำร้ายชาวบ้าน แต่ทันใดนั้นเองกองไฟที่ใช้ไม้ไผ่เป็นเชื้อเพลิงกับปะทุขึ้นมา
ทำให้มีประกายไฟและเสียงเกิดขึ้น เจ้าตัวเหนียนเห็นเข้าก็ตกใจและหนีหายไป ทำให้ชาวบ้านเชื้อว่าตัวเหนียนกลัวสีแดงของประกายไฟ จึงเกิดความคิดนำเอาผ้าแดง
และกระดาษแดง มาเขียนตัวอักษรถ้อยคำที่เป็นสิริมงคลติดไว้ตามบ้านเพื่อที่ว่าตัวเหนียนเห็นแล้วจะได้หวาดกลัวและหนีไป

บางตำนานก็เล่าว่าเมื่อนานมาแล้วมีคนนำเอาดินปืนใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่แล้วลองจุดไฟปรากฎว่าเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้บรรดาลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้กันจ้า
ในขณะที่บรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลายก็ตกใจหนีกันจ้าล่ะหวั่น ทำให้ชาวจีนเชื่อว่าเสียงดัง ๆ อย่างเสียงประทัดจะทำให้ตัวเหนียนกลัวและหนีหายไป



กลับมาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย  ชาวจีนคิดค้นดินปืนมานานแล้วและใช้ในกิจกรรมต่างๆมากมาย รวมถึงเทศกาลตรุษจีน
ชาวจีนกลุ่มแรกๆที่อพยพมายังประเทศไทยก็ยืดถือสืบทอดธรรมเนียมกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนปัจจุบัน  ซึ่งก็จุดกันแค่แต่ประทัดเสียง หน้าบ้านตนเองเฉพาะช่วงการไหว้
ธรรมเนียมการไหว้ปีใหม่ปีของคนจีนซึ่งมีความหมายลึกซึ่งหลายอย่าง ผมถามว่าแค่ความรู้สึกรำคาญมันเหมาะสมมั้ยที่จะให้ยกเลิก หรือถึงขั้นจับกุมกัน

ยกตัวอย่างเดียวกัน สังคมคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศถ้าโดนห้ามการฉลองปีใหม่ไทย ห้ามการเล่นสงกรานต์เพียงเพราะรำคาญ  
คนไทยจะพอใจหรือเปล่าถ้าถูกห้ามวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมานานเป็นร้อยปี

เหตุผลเดียวกันคิดว่าคนไทยเชื้อสายจีนที่นับได้14%ของประชากรคนไทยทั้งหมดยังไม่นับที่เป็นลูกหลานแตกหน่ออื่นๆ จะพอใจหรือเปล่าครับ
การทีทางราชการเขาปล่อยให้สืบทอดกันมานานเป็นร้อยปี ก็อาจจะเป็นเพราะมองเห็นถึงประโยชน์มากกว่าโทษในการผูกสัมพันธ์กับชาวจีนก็ได้
มันก็คือการปกครองกันแบบรัฐศาสตร์นั่นแหละครับ   รบกวนฝากไปคิดกันด้วยนะครับ   ไหว้ ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 12:50:24 AM โดย อรชุน-รักในหลวง » บันทึกการเข้า
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16886


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 12:41:41 AM »

ก็เหมือนกับงานลอยกระทง สมัยเด็กๆรอนับวันนับคืนกันว่าจะได้จุดไฟเย็น โอ่ง ปากระเทียม/เม็ดมะยมกัน แรงๆหน่อยก็วีดปั้ง

แต่ก็เพราะคนที่คิดกระจับ ไดนาไมท์ ประทัดยักษ์ ฯลฯ แข่งกันดังกันแรง..จนสุดท้ายเอามาโยนใส่หัวกัน จนต้องห้ามและจับกัน

บันทึกการเข้า


ANKIMBER
Sr. Member
****

คะแนน 60
ออฟไลน์

กระทู้: 592



« ตอบ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 08:13:00 AM »

ผมนอนอยู่บ้านครับ...ไม่สนหลอกครับซองอะไรต่ออะไร...ใช้เงินตัวเองที่กู้...เอ๊ย...ที่หามาเอง...มีความสุขกว่า...น้ำเน่าพวกเดินสายขอซอง...เลิกเหอะ...

ถ้ามีตำรวจอย่างน้าดาบสัก 10 คนต่อสถานี พวกเลวๆ คงหมดไป เยี่ยม

ขอบคุณครับ ไหว้ Grin

ผมว่าสิบคนมันน้อยไปนะครับ เห็นออกมากันแทบจะยก สน.
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 10:23:08 AM »

นายสมชายชี้แจงเพิ่มเติมเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าใจผิดกันครับ...

ใน Post ข้างบนของนายสมชายเองนั่นไม่ได้บอกว่าสมควรจับคนที่จุดประทัดตรุษจีนนะครับ... เพียงแต่ชี้แจงเรื่องที่ว่ามักอ้าง"หลักรัฐศาสตร์"กันแบบผิดๆ ทำนองอลุ้มอล่วยผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยอ้าง"หลักรัฐศาสตร์"ซึ่งไม่ใช่...

สำหรับเหตุผลดีๆ ที่ไม่น่าจะจับกุมประทัดตรุษจีนนั่นมันก็มีครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องหลักรัฐศาสตร์, แต่เป็นเรื่องเจตนารมณ์ของกฎหมาย กับเรื่องขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจแก่ผู้บังคับใช้กฎหมาย(ตำรวจ)... ขยายความได้ว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายเรื่องประทัดที่ไม่ใช่ตรุษจีน(เรื่องทำเสียงรบกวนความสงบฯ) นั่นคือคนทำเสียงที่ว่านั่นเล็งเห็นผลว่าทำเสียงดังแล้วชาวบ้านเดือดร้อน หรือเจตนาแกล้งกัน(เช่นแอบจุดประทัดโยนใส่สาว ฯลฯ) อย่างนั้น"มีเจตนารบกวนความสงบ"ครับ, นั่นคือสิ่งแตกต่างจากประทัดตุษจีนที่ไม่มีเจตนาแกล้งใคร...

อีกเหตุผลหนึ่งคือ"สมมติว่าคนจุดมีเจตนาแกล้งฯ"ก็ตาม แต่ตำรวจก็สามารถอลุ่มอล่วยเรื่องนี้ได้"อย่างถูกกฎหมาย"และไม่เกี่ยวกับหลักรัฐศาสตร์ ก็คือความผิดเล็กน้อยไม่หนักหนาแบบนี้ ตำรวจเองสามารถ"จบได้ที่ระดับโรงพัก"คือจับแล้วปรับที่โรงพัก จากนั้นจบเรื่อง(ไม่ต้องส่งฟ้องศาลฯ)... สรุปคือ"เส้นแบ่ง"คือในเมื่อฉันจับมาแล้ว ฉันสามารถเปรียบเทียบปรับได้ตามอำนาจของฉัน ดังนั้นฉันไม่จับมาตั้งแต่แรกก็ได้อยู่แล้ว, เพราะถึงแม้ฉันจับมา ฉันก็เปลี่ยนใจให้จบเรื่องด้วยตัวของฉันเองก็ยังไหวนี่ครับ(ไม่จับซะเลยก็ได้อยู่แล้ว)...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 10:27:54 AM โดย นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง » บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 10:42:12 AM »

ถ้าจะอ้างหลักรัฐศาสตร์ให้ถูกต้องตามท้องเรื่องในกระทู้นี่... ก็น่าจะอ้างว่าตำรวจสามารถไม่จับก็ได้โดยไม่ผิดกฎหมายเนื่องจากกฎหมายให้อำนาจจบเรื่องได้ที่โรงพัก ดังนั้นจึงอาศัยหลักรัฐศาสตร์(ปกครอง)ไม่จับประทัดตรุษจีนครับ...

ประเด็นที่แตกต่างกันคือทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายครับ... และหลักรัฐศาสตร์ไม่เคยบอกให้ยกเว้นกฎหมาย...
บันทึกการเข้า
✿ตุ๊ก...ครับ✿
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 335



« ตอบ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 12:41:56 PM »

     ใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์   ผมไม่ได้หมายความว่าใช้อำนาจปกครองให้อยู่เหนือกฎหมายนะครับ  Grin  

     บางเรื่องอยู่ใต้อำนาจของผ่ายปกครองที่สามารถมีสิทธิ์เลือกใช้ตามเหตุการ.....อย่างงานมหรสพ งานรื่นเริง งานเดียวกันแท้ๆแต่บางอย่างมีได้ บางอย่างมีไม่ได้ จะเอาอะไรมาตัดสิน.....งานงิ้วแถวบ้านผม งิ้ว หนัง ชิงช้าสวรรค์ ขายของ ฯลฯ หรืออะไรที่มีแล้วไม่มีการตีกันก็จัดกันได้  แต่พวกเพลงเพื่อชีวิต หมอลำ(เพลง) รถบั๊ม ห้ามมีเพราะมีแล้วหมามากัดกันทุกที.....ถามคณะกรรมการจัดงานได้ความว่านายอำเภอไม่ให้มี.....

    

      

    
บันทึกการเข้า

✿ตุ๊ก...ครับ✿
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 335



« ตอบ #25 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 01:55:01 PM »



     งานลอยกระทง  มีอันตรายบ่อยครั้ง เลยมีคำสั่งห้ามเล่นประทัดฯ
     ตรุษจีน เล่นไม่อันตรายนัก เลยไม่มีคำสั่งห้าม
     
     ใช้รัฐศาสตร์เลือกที่จะออกคำสั่งเป็นงานๆ .....โดยไม่ให้ไประเมิดกฎหมายอื่น

     จริงๆผมก็ไม่ทราบครับว่านายอำเภอมีขอบเขตอำนาจขนาดใหน มีกฎหมายใดรองรับคำสั่งนั้นๆ.....อันนี้ไม่ทราบครับ
       
     
บันทึกการเข้า

SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #26 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 02:00:09 PM »

คนจีนไหว้เจ้า จุดประทัดแบบจุดแล้วจบครับ จุดกันอยู่ชนิดเดียว บริเวณที่ไหว้แห่งเดียว

งานประเพณีไทย พี่ไทยเราจุดทีเดียวไม่จบ เดินสายจุดโยนใส่ชาวบ้านเล่น สารพัดพิเรนทร์ที่จะสรรหามาจุด สนุกสนานกันยันตีสองก็ยังไม่ยอมเลิก
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #27 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 03:05:52 PM »

    ใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กับนิติศาสตร์   ผมไม่ได้หมายความว่าใช้อำนาจปกครองให้อยู่เหนือกฎหมายนะครับ  Grin  

ตามตัวแดงข้างล่าง นั่นแหละครับที่บอกว่าให้กฎหมายลดความสำคัญนั่นแหละที่ชวนให้เข้าใจเช่นนั้นครับ...

    เห็นด้วยที่ท่าน นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง กล่าวว่าปัญหาหลายอย่างเกิดเพราะ การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล...เห็นด้วยครับ  ผมก็เชื่อด้วยว่าปัญหาบางอย่างกฎหมายก็ยากยิ่งที่จะแทรกซึมเข้าไปทำหน้าที่ของมัน.....หากการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล แต่อยากให้สังคมเป็นสุขก็แค่ทำให้กฎหมายลดบทบาท ลดความสำคัญลงเท่านั้นเองครับ แค่ทำให้ทุกคนละอายที่จะทำผิด.....

     ที่พูดมานี่ไม่มีทฤษฎีรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์อะไรรองรับเลยครับ.....นึกเอาเองล้วนๆตอนฝึกหมาเกือบสิบตัวให้แย่งกันวิ่งเข้ากรงเอง แทนการวิ่งไล่จับเข้ากรงทีละตัว  Grin Grin Grin

ขออนุญาตจัดงานมหรสพชั่วคราว เขาจะขออนุญาตจากทางอำเภอ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจัดได้... ลองอ่านคู่มือประชาชนนี่ครับ http://saiyoy.plpolice.com/infor.html#dm1_19

    บางเรื่องอยู่ใต้อำนาจของผ่ายปกครองที่สามารถมีสิทธิ์เลือกใช้ตามเหตุการ.....อย่างงานมหรสพ งานรื่นเริง งานเดียวกันแท้ๆแต่บางอย่างมีได้ บางอย่างมีไม่ได้ จะเอาอะไรมาตัดสิน.....งานงิ้วแถวบ้านผม งิ้ว หนัง ชิงช้าสวรรค์ ขายของ ฯลฯ หรืออะไรที่มีแล้วไม่มีการตีกันก็จัดกันได้  แต่พวกเพลงเพื่อชีวิต หมอลำ(เพลง) รถบั๊ม ห้ามมีเพราะมีแล้วหมามากัดกันทุกที.....ถามคณะกรรมการจัดงานได้ความว่านายอำเภอไม่ให้มี.....  

สำหรับอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองมีตามกฎหมายอะไรรองรับนั้นมีแยะมากครับ... ลองดูนี่(คู่มือของงานนิติการ สำนักสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง) http://valrom2012.fix.gs/index.php?topic=741

เวลาคณะกรรมการจัดงานไม่ได้รับอนุญาต เขาก็ขี้เกียจอธิบายให้คนอื่นฟังว่าทำไมไม่อนุญาต เพราะหากบอกเหตุผลก็เหมือนโดนประจานว่าตัวเองแย่ยังไงถึงได้ไม่ได้รับอนุญาต เขาก็เลยตัดบทด้วนๆ โทษฝ่ายปกครองเสียเลยไงครับ... ฮา...
    งานลอยกระทง  มีอันตรายบ่อยครั้ง เลยมีคำสั่งห้ามเล่นประทัดฯ
     ตรุษจีน เล่นไม่อันตรายนัก เลยไม่มีคำสั่งห้าม
    
     ใช้รัฐศาสตร์เลือกที่จะออกคำสั่งเป็นงานๆ .....โดยไม่ให้ไประเมิดกฎหมายอื่น
     จริงๆผมก็ไม่ทราบครับว่านายอำเภอมีขอบเขตอำนาจขนาดใหน มีกฎหมายใดรองรับคำสั่งนั้นๆ.....อันนี้ไม่ทราบครับ      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 03:10:46 PM โดย นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง » บันทึกการเข้า
✿ตุ๊ก...ครับ✿
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 335



« ตอบ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 03:52:25 PM »

     
     หากการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล แต่อยากให้สังคมเป็นสุขก็แค่ทำให้กฎหมายลดบทบาท ลดความสำคัญลงเท่านั้นเองครับ แค่ทำให้ทุกคนละอายที่จะทำผิด.....

     การทำให้กฎหมายลดบทบาท ลดความสำคัญลง...ไม่ได้มีความหมายว่าอยู่เหนือกฎหมายหรือละเมิดกฎหมายนะครับ แต่หมายถึงการทำให้คนต้องพึ่งกฎหมายน้อยลง Grin

     จะเล่าให้ฟังอีกเรื่องครับ.....ผมเคยเข้าไปเห็นการทำงานของบริษัทเล็กๆแห่งนึงทำกันในครอบครัว มีลูกจ้างไม่กี่คน มีการตกลงงานกับบริษัทอื่นที่เจอกันเป็นครั้งแรก  วงเงินจ้างงานราว 2-3 ล้านบาทซึ่งถือว่าเยอะสำหรับ บ.ขนาดนี้.....ตั้งแต่เริ่มคุยงาย ทำงาน จนกระทั้งงานเสร็จ ไม่มีสัญญาอะไรที่เป็นเอกสาร ว่ากันด้วยสัญญาปากเปล่าล้วนๆ  หากมีฝ่ายใหนเล่นตุกติกขึ้นมาหมายถึงว่าจะไม่มีเอกสารอะไรที่จะใช้เป็นหลักฐานได้เลย เห็นทำอยู่อย่างนี้ราว 4 ปีโดยไม่เกิดปัญหาอะไร.....น่าเสียดายที่ 2 บ.นี้ไม่ได้อยู่เมืองไทยครับ.  Grin

     จากประโยคแรกมันจึงมีคำต่อท้ายประโยคว่า แค่ทำให้ทุกคนละอายที่จะทำผิด..... ไงครับ
บันทึกการเข้า

คนตัวอ้วน+ผมรักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1057
ออฟไลน์

กระทู้: 3266



« ตอบ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2013, 03:54:03 PM »

อย่าไปคิดกันให้ปวดหัวกันเลยท่านสมาชิก...จุดประทัดตรุษจีนอยากจุดก็จุดไป...มันเป็นประเพณี...เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปรับซอง(พวกหน้าด้าน)อังเปา...เขาไม่ได้เอาประเด็นจุดประทัดไปรับซองหลอกครับ...พวกนี้อาศัยว่ากูหน้าด้านกูเข้าไปยังไงกูก็ต้องได้(คนหน้าด้านเท่านั้นที่ทำได้...แต่ก็มีมากหน้าดู)...งานศพจุดพลุ,จุดตะไล,ไฟพะเนียง...มันก็เป็นประเพณี...ไม่เห็นท่านกล่าวเลย...กลับมาเรื่องจุดประทัดตรุษจีน...เขาจุดก็จุดแบบมีคนคอบควยคุมจุดเป็นที่เป็นทางจุกหน้าบ้านตัวเอง หรือ ศาลเจ้า ไม่ได้จุดตามงานลอยกระทง(คนเยอะอันตราย)แบบนี้พวกผมจับมาก็เยอะ...แต่ทำได้ก็แค่เรียกพ่อแม่ผู้ปกครองมาเตือนเท่านั้นเพราะเป็นเยาวชน...มันจะต้องเอาซองอะไรมาปิดตากันอีก...ถ้างั้นงานศพพวกหน้าด้านพวกนี้มิอิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้าหรือ...พี่น้องสมากชิก...ปล.สองวันแล้วไม่ได้ไปไหนอยู่กับลูกเท่านี้ก็มีความสุขแล้วครับ...หอบงานมาทำที่บ้านเล็กๆน้อยๆ...
บันทึกการเข้า

จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 22 คำสั่ง