เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มีนาคม 20, 2025, 03:10:22 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 16 17 18 [19] 20 21 22 ... 25
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โจรใต้ตายยกฝูง ๑๗ ศพ เพราะ เคลย์มอร์  (อ่าน 68797 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
SiamWeekend
ผู้รู้ย่อมไม่..(ปริ)ปาก
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 33
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 239



« ตอบ #270 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 09:49:12 AM »

 อ๋อย
ทำอย่างไรเราถึงจะสู้กับมหาอำนาจได้?
บันทึกการเข้า

จงยุติ ด้วยการยอม
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10363



« ตอบ #271 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 10:01:29 AM »

ลองอ่านดูครับยาวหน่อย
"มะรอโซ จันทราวดี"จากเหยื่อสู่แกนนำ RKK รายงานพิเศษโดยเอกรินทร์ ต่วนศิริ
รายงานชิ้นนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังและบันทึกข้อเท็จจริงเหตุการณ์รอบด้านจากการปะทะกันระหว่างกลุ่ม RKK ที่นำโดยนายมะรอโซ จันทราวดี (ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา และ พรก.ฉุกเฉินหลายคดี)กับเจ้าหน้าที่ทหารนาวิกโยธินประจำฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่2หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส32 บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาสเมื่อเวลาตี1ของวันที่13 กุมพาพันธ์ 2556 เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
หากผู้อ่านรายงานชิ้นนี้ที่ไม่รู้จักนายมะรอโซ จันทราวดี ผู้เขียนแนะนำให้ไปค้นหาใน google แล้วพิมพ์ชื่อนี้ลงไป จะพบข่าวการรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็มาจากการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐเกือบทั้งหมด พร้อมด้วยข่าวการก่อเหตุ ณ ที่ต่างๆ ตามด้วยหมายจับจำนวนมาก ล่าสุดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคุณครูชลธี เจริญชล อีกด้วยที่ได้เป็นข่าวในช่วงก่อนหน้านี้
ปฐมเหตุของความคับแค้น
นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ อายุ53ปีผู้เป็นแม่ได้เล่าว่า หลังจากเหตุการณ์ประท้วงที่หน้า สภ.ตากใบ มะรอโซก็เปลี่ยนไปมาก มะรอโซกลับมาเล่าเหตุการณ์ตากใบให้คนที่บ้านฟังว่า วันนั้นตนเองโดนซ้อนทับ โดนถีบ มัดมือ ในรถบรรทุกของทหารที่จับตัวผู้ชุมนุมในคราวนั้น โดยได้ขนผู้ชุมนุมไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ในขณะที่อยู่บนรถตัวเค้าเองพยายามดิ้นจนเชือกหลุดและได้ช่วยแก้หมัดที่ข้อมือให้เพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่บนรถคันเดียวกัน โดยตลอดทางเค้าก็โดนถีบโดนเจ้าหน้าที่เอาปืนทุบที่ร่างกายของผู้ชุมนุมที่อยู่บนรถตลอดทาง มะรอโซได้บอกที่บ้านเสมอว่า เค้ารู้สึกเจ็บปวดและแค้นใจมาก เพราะว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
"ตอนกลับมาจากที่ชุมนุมใหม่ๆมะรอโซชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลย" นางเจ๊ะมะ เจ๊นิ ผู้เป็นแม่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับลูกชายของตนเอง
ขณะที่พูดคุยกับแม่ของนายมะรอโซ สังเกตได้ว่า แม่ของนายมะรอโซ ย้ำว่ารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปฎิบัติต่อผู้ชุมนุมเหตุการณ์ตากใบในครั้งนั้นเป็นอย่างมากและได้ย้ำตลอดว่า นายมะรอโซเปลี่ยนไป กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเค้า ทั้งที่จริงก่อนหน้านั้นนายมะรอโซ เป็นคนขยันขันแข็ง มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ปลอกมะพร้าวขาย นำเสื้อผ้ามาขาย ทำเรื่องการค้าขายเก่ง ฯลฯ แต่เหตุการณ์ตากใบได้ทำให้นายมะรอโซกลายเป็นคนละคน
หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ทหารที่ลาดตระเวนในหมู่บ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตทันที 10-11 คน ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้น นายมะรอโซถูกศาลออกหมายจับในคดีข้างต้น จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมาชื่อของนายมะรอโซ ก็เป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ ทำให้นายมะรอโซต้องหนีออกจากหมู่บ้านโดยทันที ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ของอำเภอบาเจาะ ชื่อของนายมะรอโซได้ถูกระบุชื่อเกือบทุกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกกรณี ไม่ว่าในฐานะผู้ปฎิบัติการเองหรือเป็นผู้สั่งการ !!!
เพื่อไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจการกระทำของผู้ใช้ความรุนแรง เพื่อจะเข้าใจวงจรการแก้แค้นและแสวงหาแนวทางใหม่ๆ ในการรับมือ รวมทั้งตั้งคำถามว่า ยุทธการจิตวิทยาของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังมีช่องว่างอย่างไร หากจะตอบด้วยกรณีของนายมะรอโซ ช่องว่างที่ว่านี้ น่าจะเป็นเรื่องการไม่ทำความเข้าใจ ความรู้สึกถึงการไม่ได้รับความยุติธรรม และเป็นเงื่อนไขที่มีนักรบรุ่นใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะกรณีเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ หากแค่เพียงในรอบทศวรรษกลุ่มขบวนการสามารถผลิตผู้ใช้ความรุนแรงได้เป็นจำนวนมาก และมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในเชิงการต่อสู้กับกองกำลังของรัฐ
ทั้งนี้ น่าสนใจว่าหากเป็นประสบการณ์ที่ประชาชนจำนวนมากมีส่วนร่วมทางการเมืองและเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ด้วยการประท้วง ชุมนุม กดดันผู้มีอำนาจรัฐ ได้รับผลของการสลายชุมนุมเฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ตากใบ ความรู้สึกคับข้องใจ โกรธแค้น และความรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมจะมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร มีข้อถกเถียงอย่างไร และจะสามารถนำไปสู่การสร้างแนวทางในการจัดการกับความรู้สึกที่ไม่ได้รับความยุติธรรมได้อย่างไร
การตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ก็ได้ทำให้ครอบครัวของมะรอโซ ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามและบุกค้นบ้านอยู่บ่อยครั้ง นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่า ตนเองยังเคยโดนจับข้อหามีกระสุนปืนวางอยู่บนกล่องน้ำตาลทรายในบ้าน หลังจากเจ้าหน้ามาค้นบ้านทำให้แม่โดนจับไปที่ค่าย แต่ขังได้ไม่นานก็ปล่อยตัวกลับมา และน้องชายของนายมะรอโซก็โดนขังมาแล้ว 21 วัน ในข้อหาขว้างระเบิด แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ ก็ต้องปล่อยตัวออกมา แม่ของนายมะรอโซ วิเคราะห์ให้ฟังว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีต่อครอบครัวก็เพื่อต้องการบีบบังคับให้นายมะรอโซออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับน้องชายของนายมะรอโซ ที่มีใบหน้าเหมือนกับพี่ ก็เคยโดนเจ้าหน้าที่ทหารจับในหมู่บ้านมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นนายมะรอโซ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วันหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้น้องชายหมอบลงกับพื้นและจะลั่นไกยิง แต่ผู้เป็นแม่ตะโกนออกมาว่านั้นคือน้องชายของนายมะรอโซ ขณะที่ผู้เป็นแม่บอกให้ฟังและชี้นิ้วไปทางน้องชายของนายมะรอโซที่กำลังยืนละหมาดใกล้ๆ แล้วกล่าวเบาๆว่า "น้องชายของนายมะรอโซแกสติไม่ค่อยดี" ทำไมต้องมาทำอย่างนี้อีก ส่วนรุสนีผู้เป็นภรรยากล่าวเสริมและย้ำว่า น้องชายหน้าเหมือนพี่ชายจริงๆ สองคนพี่น้องหน้าเหมือนกันมาก
นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังอย่างออกรสว่า ทหารมาค้นที่บ้านบ่อยมาก หลังๆ นี้หากว่าฉันอยู่ ทหารจะไม่ค่อยเข้ามาในบ้าน จะยืนอยู่หน้าบ้าน เพราะฉันจะด่าไม่หยุด จะด่าตลอด ทำไมต้องมาค้นบ้านทุกวันด้วย แต่หากว่าฉันไม่อยู่ทหารก็จะเข้ามาในบ้าน หากพิจารณาประสบการณ์ของครอบครัวนายมะรอโซ ดูเหมือนว่าหน่วยงานเจ้าหน้าที่รัฐมาเยี่ยมบ่อยกว่าญาติมิตรซะอีก
สำหรับการเสียชีวิตครั้งนี้ของนายมะรอโซ ผู้เป็นแม่รับได้ ไม่ได้กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นการต่อสู้กันทั้งสองฝ่ายที่มีอาวุธ แต่ก็เชื่อและมั่นใจว่าลูกของตนเองเป็นคนดี แต่เหตุการณ์ตากใบต่างหากที่ทำให้ลูกเค้าต้องเปลี่ยนไปจนกระทั่งเสียชีวิต ทั้งๆ ที่การชุมนุมวันนั้นมะรอโซแค่เดินทางผ่านไปยังเส้นทาง ที่มีการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
ชีวิตรัก นักรบ
ปี 2548 หลังจากเหตุการณ์ตากใบหนึ่งปีให้หลัง นายมะรอโซ ก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกับ รุสนี แมเราะ อายุ 25 ปี ภรรยาของนายมะรอโซ ได้เล่าว่า ก่อนตัดสินใจแต่งงานกับนายมะรอโซ มะรอโซได้บอกกับตนแล้วว่าชีวิตของเค้าเป็นอย่างไร มะรอโซบอกว่า ตนเองนั้นมีหมายจับอยู่หลายคดีและชีวิตต้องหลบๆ ซ่อนๆ จะยอมแต่งงานกับเค้าไหม ? คำตอบของนางรุสนี ก็คือ ได้ตอบตกลงแต่งงานและครองรัก ไม่ได้ครองเรือน ตลอดระยะ 7 ปีที่ผ่านมา...
การดำเนินชีวิตคู่ของนายมะรอโซ ช่วงแรกๆก็ต้องไปใช้ชีวิตที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไปได้ไม่นาน ก็กลับมาบ้าน เพราะมาเลเซียก็ไม่สามารถทำงานเลี้ยงชีพได้ดีนัก ประกอบกับไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่มาเลเซีย ทำให้ทั้งสองต้องเดินทางกลับมาที่บาเจาะ บ้านเกิดอีกครั้ง แต่สำหรับนายมะรอโซ แน่นอนไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้ เพราะมีหน่วยทหารและเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นที่บ้านเกือบทุกวันตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่ง เที่ยงคืนของวันที่ 13 กุมพาพันธ์ หลังจากที่มะรอโซเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยังมาบุกค้นบ้านนายมะรอโซ
"เจ้าหน้าที่จะมาค้นบ้านเสมอและฝากบอกที่บ้านว่าให้บอกนายมะรอโซ ให้มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ฉันก็เคยพูดกับเค้าว่าจะมอบตัวไหม เค้าก็ตอบว่า เค้ามีหมายจับจำนวนมาก ถึงมอบตัวก็ไม่คุ้มและคงไม่มีโอกาสได้ออกมา" รุสนี แมเราะกล่าวทิ้งท้าย
ก่อนหน้านี้ประมาณ 5 วัน มีเจ้าหน้าที่ทหาร 4 คันรถ มาบุกค้นที่บ้านถือว่าเป็นครั้งล่าสุดก่อนที่มะรอโซจะเสียชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากนายมะรอโซโดนเจ้าหน้าที่ตามล่าอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนถึงขั้นกล่าวว่า
"หากบาเจาะไม่มีมะรอโซ พื้นที่นี้จะสงบสุขทันที"
และตลอดระยะเวลาตามล่าตัว บุกค้นบ้านนายมะรอโซอย่างหนัก รุสนีก็ได้มีพยานรักกับนายมะรอโซ สองคน เด็กผู้หญิงอายุ 6 ขวบ และเด็กผู้ชายอายุ 17 เดือน มะรอโซกลับมาเยี่ยมลูกเดือนละสามครั้ง ครั้งล่าสุดนายมะรอโซได้มาเยี่ยมตอนกลางคืนของวันจันทร์ที่ 11 กุมพาพันธ์ สองคืนก่อนเกิดเหตุ ซึ่งครั้งนั้นอยู่ได้ไม่นานเท่าไร แต่การติดต่อครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งสุดท้าย การสื่อสารทางเสียงเกิดขึ้นเมื่อคืนวันเกิดเหตุเวลาประมาณสามทุ่ม
"อาแบได้โทรมาคุย ฉันก็ถามว่าวันนี้จะกลับมาไหม อาแบบอกว่าคืนนี้มีงานนิดหน่อย และไม่แน่อาจจะกลับมาบ้าน"
ทว่าเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นรุสนีได้ยินเสียงโทรศัพท์ปลายสายจากทหารที่คุ้นเคยกันดี ได้โทรมาบอกว่า นายมะรอโซอาจจะตายแล้ว และจะโทรมาบอกอีกครั้ง หกโมงเช้ารุสนีก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้ง ยืนยันว่านายมะรอโซได้เสียชีวิตแล้ว รุสนีได้เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาล หากแต่ทว่าศพของนายมะรอโซ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รับกลับไป เพราะว่ามีผู้ใหญ่ของเจ้าหน้าที่รัฐต้องการดูศพจำนวนมาก ทำให้กว่าได้รับศพกลับบ้านก็ตอน 11 โมงแล้ว
สำหรับบรรยากาศพิธีการฝังศพของนายมะรอโซ มีคนจำนวนมากมาร่วมงานศพและกล่าวสรรเสริญ พร้อมทั้งอวยพรให้ศพของนายมะรอโซ แต่ในเย็นวันนั้นหลังจากงานศพของนายมะรอโซ เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านก็โดนเจ้าหน้าที่รัฐจับไป 3 คน หลังจากเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมหมู่บ้านอีกครั้ง
พิธีฝังศพก็เป็นไปในตามแบบฉบับของนักต่อสู้ ก็คือการไม่อาบน้ำศพและไม่ละหมาดศพ ฝังโดยทันที และเป็นไปตามความต้องการของผู้ตายที่ได้กำชับภรรยาใว้ ก่อนหน้านี้
รุสนีได้เล่าให้ฟังว่า มะรอโซเป็นคนที่เกรงใจคน ไม่ยอมไปหลบซ่อนหรือขอนอนบ้านชาวบ้าน เพราะเกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน มะรอโซก็จะผูกแปลนอนในป่าเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวเราก็สงสารเพราะแฟนเหนื่อยมาก ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แฟนทำงานหนักมากและมีความตั้งใจอย่างมาก
มะรอโซเค้ามักย้ำกับภรรยาเสมอว่า อยากให้ลูกสาวเรียนศาสนาเยอะๆ หากเป็นไปได้ อยากให้เรียนถึงต่างประเทศ โดยจะให้ความสำคัญกับเรื่องของศาสนามากๆ เพราะอยากให้ลูกทั้สองมีการศึกษาและเรียนสูงๆ เท่าที่ลูกจะเรียนได้
มะรอโซเป็นที่รักครอบครัวมาก อยากให้ครอบครัวสบายและเป็นคนที่ตามใจลูกมากๆ ลูกอยากได้อะไรก็พยายามหามาให้ มะรอโซเป็นคนที่รับผิดชอบสูงมากต่อครอบครัว แม้ว่าชีวิตของเค้าเองจะลำบากก็ตาม เค้าได้วางแผนเรื่องครอบครัว เรื่องเศรษฐกิจ การศึกษาของลูกๆเพราะว่าต้องการให้ลูกเรียนสูงๆโดยเฉพาะทางด้านศาสนา
หลังจากทราบข่าวจากทหารในพื้นที่ ที่ได้โทรมาบอกตอนเช้าว่า นายมะรอโซ ได้เสียชีวิตแล้ว ก็เหมือนว่าภารกิจของนายมะรอโซ เสร็จสิ้นแล้ว...
รุสนีได้กล่าวว่า เธอภูมิใจกับสามีอย่างมากที่ได้ทำหน้าที่ดูแลครอบครัวได้ดีเสมอมา และการเสียชีวิตครั้งนี้เธอไม่เสียใจเลยเพราะภรรยาของนายสุไฮดี ตะเห ผู้เป็นเพื่อนสนิทของนายมะรอโซ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงตายก็ไม่เสียใจ
คำถามสุดท้ายจากผู้เขียนนายมะรอโซทำเพื่ออะไร ?
รุสนี ภรรยานายมะรอโซ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าทำเพื่ออะไร ? พร้อมรอยยิ้มและคว้ามือไปจับตัวเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งเล่นซนอยู่ข้างๆกับของเล่นชิ้นใหม่
บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10363



« ตอบ #272 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 10:04:08 AM »

ออกตัวก่อนนะครับว่าบทความที่ผมเอามาลงในคอมเม๊นต์ก่อนหน้า ผมไม่ได้สดุดีหรือเห็นดีเห็นงามกับการกระทำของบุคคลดังกล่าว ขออภัยท่านที่ได้อ่านบทความนี้มาก่อนแล้ว ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 10:05:55 AM โดย พญาจงอาง +รักในหลวง+ » บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
yutthakarn
Hero Member
*****

คะแนน 554
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2354


สิ่งที่คนต้องการ คือ โอกาส


« ตอบ #273 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 10:25:51 AM »

กรณีนี้ผมมีความเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ย่อมมีเหตุจากอดีต และหลาย ๆกรณีเป็นเหตุที่ซับซ้อนและสั่งสมมาเป็นเวลานาน คนคนหนึ่งกระทำอะไรลงไปในวันนี้ ก็เพราะสาเหตุที่เขาได้ประสบมาในอดีต ทำให้เขาเลือกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป ซึ่งทางเลือกจะมี 2 เสมอ ทางที่ 1 คือ ทางที่ถูก และทางที่ 2 คือ ทางที่ผิด หากเลือกในทางที่ถูก ผลที่เกิดก็จะถูกต้องและดีงาม แต่เมื่อเลือกในทางที่ผิด ผลที่ปรากฎต่อโลก ก็คือ ความผิด เมื่อกระทำความผิดก็ต้องได้รับโทษ นายมะรอโซได้ประสบกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ตนเห็นว่าไม่เป็นธรรม ทำให้เขาเปลื่ยนแปลงไป พฤติกรรมที่ปรากฏคือการต่อต้าน ล้างแค้น ด้วยความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ที่กระทำกับตน ผลที่ได้รับจึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งเห็นได้ว่า นายมะรอโซเลือกทางแก้ปัญหาโดยใช้ทางที่ 2  คือ ทางที่ผิด ซึ่งการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมที่ถูกต้องจะต้องเกิดจากการต่อสู้ในแนวทางที่ถูกต้อง หากนายมะรอโซเลือกแนวทางที่ถูกต้อง ผลก็จะไม่เป็นเช่นนี้ กรณีนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ผู้ที่คิดจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ควรจะเลือกแนงทางที่ 1 คือ ทางที่ถูกต้อง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานแต่ผลที่เกิดจะมีแต่ความดีงามครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 11:37:41 AM โดย yutthakarn » บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #274 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 11:24:47 AM »

ลองอ่านดูครับยาวหน่อย
"มะรอโซ จันทราวดี"จากเหยื่อสู่แกนนำ RKK รายงานพิเศษโดยเอกรินทร์ ต่วนศิริ
รายงานชิ้นนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังและบันทึกข้อเท็จจริงเหตุการณ์รอบด้านจากการปะทะกันระหว่างกลุ่ม RKK ที่นำโดยนายมะรอโซ จันทราวดี (ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา และ พรก.ฉุกเฉินหลายคดี)กับเจ้าหน้าที่ทหารนาวิกโยธินประจำฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่2หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส32 บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาสเมื่อเวลาตี1ของวันที่13 กุมพาพันธ์ 2556 เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
หากผู้อ่านรายงานชิ้นนี้ที่ไม่รู้จักนายมะรอโซ จันทราวดี ผู้เขียนแนะนำให้ไปค้นหาใน google แล้วพิมพ์ชื่อนี้ลงไป จะพบข่าวการรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็มาจากการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐเกือบทั้งหมด พร้อมด้วยข่าวการก่อเหตุ ณ ที่ต่างๆ ตามด้วยหมายจับจำนวนมาก ล่าสุดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคุณครูชลธี เจริญชล อีกด้วยที่ได้เป็นข่าวในช่วงก่อนหน้านี้
ปฐมเหตุของความคับแค้น
นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ อายุ53ปีผู้เป็นแม่ได้เล่าว่า หลังจากเหตุการณ์ประท้วงที่หน้า สภ.ตากใบ มะรอโซก็เปลี่ยนไปมาก มะรอโซกลับมาเล่าเหตุการณ์ตากใบให้คนที่บ้านฟังว่า วันนั้นตนเองโดนซ้อนทับ โดนถีบ มัดมือ ในรถบรรทุกของทหารที่จับตัวผู้ชุมนุมในคราวนั้น โดยได้ขนผู้ชุมนุมไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ในขณะที่อยู่บนรถตัวเค้าเองพยายามดิ้นจนเชือกหลุดและได้ช่วยแก้หมัดที่ข้อมือให้เพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่บนรถคันเดียวกัน โดยตลอดทางเค้าก็โดนถีบโดนเจ้าหน้าที่เอาปืนทุบที่ร่างกายของผู้ชุมนุมที่อยู่บนรถตลอดทาง มะรอโซได้บอกที่บ้านเสมอว่า เค้ารู้สึกเจ็บปวดและแค้นใจมาก เพราะว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
"ตอนกลับมาจากที่ชุมนุมใหม่ๆมะรอโซชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลย" นางเจ๊ะมะ เจ๊นิ ผู้เป็นแม่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับลูกชายของตนเอง
ขณะที่พูดคุยกับแม่ของนายมะรอโซ สังเกตได้ว่า แม่ของนายมะรอโซ ย้ำว่ารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปฎิบัติต่อผู้ชุมนุมเหตุการณ์ตากใบในครั้งนั้นเป็นอย่างมากและได้ย้ำตลอดว่า นายมะรอโซเปลี่ยนไป กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเค้า ทั้งที่จริงก่อนหน้านั้นนายมะรอโซ เป็นคนขยันขันแข็ง มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ปลอกมะพร้าวขาย นำเสื้อผ้ามาขาย ทำเรื่องการค้าขายเก่ง ฯลฯ แต่เหตุการณ์ตากใบได้ทำให้นายมะรอโซกลายเป็นคนละคน
หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ทหารที่ลาดตระเวนในหมู่บ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตทันที 10-11 คน ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้น นายมะรอโซถูกศาลออกหมายจับในคดีข้างต้น จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมาชื่อของนายมะรอโซ ก็เป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ ทำให้นายมะรอโซต้องหนีออกจากหมู่บ้านโดยทันที ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ของอำเภอบาเจาะ ชื่อของนายมะรอโซได้ถูกระบุชื่อเกือบทุกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกกรณี ไม่ว่าในฐานะผู้ปฎิบัติการเองหรือเป็นผู้สั่งการ !!!
เพื่อไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจการกระทำของผู้ใช้ความรุนแรง เพื่อจะเข้าใจวงจรการแก้แค้นและแสวงหาแนวทางใหม่ๆ ในการรับมือ รวมทั้งตั้งคำถามว่า ยุทธการจิตวิทยาของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังมีช่องว่างอย่างไร หากจะตอบด้วยกรณีของนายมะรอโซ ช่องว่างที่ว่านี้ น่าจะเป็นเรื่องการไม่ทำความเข้าใจ ความรู้สึกถึงการไม่ได้รับความยุติธรรม และเป็นเงื่อนไขที่มีนักรบรุ่นใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะกรณีเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ หากแค่เพียงในรอบทศวรรษกลุ่มขบวนการสามารถผลิตผู้ใช้ความรุนแรงได้เป็นจำนวนมาก และมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในเชิงการต่อสู้กับกองกำลังของรัฐ
ทั้งนี้ น่าสนใจว่าหากเป็นประสบการณ์ที่ประชาชนจำนวนมากมีส่วนร่วมทางการเมืองและเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ด้วยการประท้วง ชุมนุม กดดันผู้มีอำนาจรัฐ ได้รับผลของการสลายชุมนุมเฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ตากใบ ความรู้สึกคับข้องใจ โกรธแค้น และความรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมจะมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร มีข้อถกเถียงอย่างไร และจะสามารถนำไปสู่การสร้างแนวทางในการจัดการกับความรู้สึกที่ไม่ได้รับความยุติธรรมได้อย่างไร
การตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ก็ได้ทำให้ครอบครัวของมะรอโซ ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามและบุกค้นบ้านอยู่บ่อยครั้ง นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่า ตนเองยังเคยโดนจับข้อหามีกระสุนปืนวางอยู่บนกล่องน้ำตาลทรายในบ้าน หลังจากเจ้าหน้ามาค้นบ้านทำให้แม่โดนจับไปที่ค่าย แต่ขังได้ไม่นานก็ปล่อยตัวกลับมา และน้องชายของนายมะรอโซก็โดนขังมาแล้ว 21 วัน ในข้อหาขว้างระเบิด แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ ก็ต้องปล่อยตัวออกมา แม่ของนายมะรอโซ วิเคราะห์ให้ฟังว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีต่อครอบครัวก็เพื่อต้องการบีบบังคับให้นายมะรอโซออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับน้องชายของนายมะรอโซ ที่มีใบหน้าเหมือนกับพี่ ก็เคยโดนเจ้าหน้าที่ทหารจับในหมู่บ้านมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นนายมะรอโซ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วันหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้น้องชายหมอบลงกับพื้นและจะลั่นไกยิง แต่ผู้เป็นแม่ตะโกนออกมาว่านั้นคือน้องชายของนายมะรอโซ ขณะที่ผู้เป็นแม่บอกให้ฟังและชี้นิ้วไปทางน้องชายของนายมะรอโซที่กำลังยืนละหมาดใกล้ๆ แล้วกล่าวเบาๆว่า "น้องชายของนายมะรอโซแกสติไม่ค่อยดี" ทำไมต้องมาทำอย่างนี้อีก ส่วนรุสนีผู้เป็นภรรยากล่าวเสริมและย้ำว่า น้องชายหน้าเหมือนพี่ชายจริงๆ สองคนพี่น้องหน้าเหมือนกันมาก
นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังอย่างออกรสว่า ทหารมาค้นที่บ้านบ่อยมาก หลังๆ นี้หากว่าฉันอยู่ ทหารจะไม่ค่อยเข้ามาในบ้าน จะยืนอยู่หน้าบ้าน เพราะฉันจะด่าไม่หยุด จะด่าตลอด ทำไมต้องมาค้นบ้านทุกวันด้วย แต่หากว่าฉันไม่อยู่ทหารก็จะเข้ามาในบ้าน หากพิจารณาประสบการณ์ของครอบครัวนายมะรอโซ ดูเหมือนว่าหน่วยงานเจ้าหน้าที่รัฐมาเยี่ยมบ่อยกว่าญาติมิตรซะอีก
สำหรับการเสียชีวิตครั้งนี้ของนายมะรอโซ ผู้เป็นแม่รับได้ ไม่ได้กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นการต่อสู้กันทั้งสองฝ่ายที่มีอาวุธ แต่ก็เชื่อและมั่นใจว่าลูกของตนเองเป็นคนดี แต่เหตุการณ์ตากใบต่างหากที่ทำให้ลูกเค้าต้องเปลี่ยนไปจนกระทั่งเสียชีวิต ทั้งๆ ที่การชุมนุมวันนั้นมะรอโซแค่เดินทางผ่านไปยังเส้นทาง ที่มีการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
ชีวิตรัก นักรบ
ปี 2548 หลังจากเหตุการณ์ตากใบหนึ่งปีให้หลัง นายมะรอโซ ก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกับ รุสนี แมเราะ อายุ 25 ปี ภรรยาของนายมะรอโซ ได้เล่าว่า ก่อนตัดสินใจแต่งงานกับนายมะรอโซ มะรอโซได้บอกกับตนแล้วว่าชีวิตของเค้าเป็นอย่างไร มะรอโซบอกว่า ตนเองนั้นมีหมายจับอยู่หลายคดีและชีวิตต้องหลบๆ ซ่อนๆ จะยอมแต่งงานกับเค้าไหม ? คำตอบของนางรุสนี ก็คือ ได้ตอบตกลงแต่งงานและครองรัก ไม่ได้ครองเรือน ตลอดระยะ 7 ปีที่ผ่านมา...
การดำเนินชีวิตคู่ของนายมะรอโซ ช่วงแรกๆก็ต้องไปใช้ชีวิตที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไปได้ไม่นาน ก็กลับมาบ้าน เพราะมาเลเซียก็ไม่สามารถทำงานเลี้ยงชีพได้ดีนัก ประกอบกับไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่มาเลเซีย ทำให้ทั้งสองต้องเดินทางกลับมาที่บาเจาะ บ้านเกิดอีกครั้ง แต่สำหรับนายมะรอโซ แน่นอนไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้ เพราะมีหน่วยทหารและเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นที่บ้านเกือบทุกวันตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่ง เที่ยงคืนของวันที่ 13 กุมพาพันธ์ หลังจากที่มะรอโซเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยังมาบุกค้นบ้านนายมะรอโซ
"เจ้าหน้าที่จะมาค้นบ้านเสมอและฝากบอกที่บ้านว่าให้บอกนายมะรอโซ ให้มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ฉันก็เคยพูดกับเค้าว่าจะมอบตัวไหม เค้าก็ตอบว่า เค้ามีหมายจับจำนวนมาก ถึงมอบตัวก็ไม่คุ้มและคงไม่มีโอกาสได้ออกมา" รุสนี แมเราะกล่าวทิ้งท้าย
ก่อนหน้านี้ประมาณ 5 วัน มีเจ้าหน้าที่ทหาร 4 คันรถ มาบุกค้นที่บ้านถือว่าเป็นครั้งล่าสุดก่อนที่มะรอโซจะเสียชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากนายมะรอโซโดนเจ้าหน้าที่ตามล่าอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนถึงขั้นกล่าวว่า
"หากบาเจาะไม่มีมะรอโซ พื้นที่นี้จะสงบสุขทันที"
และตลอดระยะเวลาตามล่าตัว บุกค้นบ้านนายมะรอโซอย่างหนัก รุสนีก็ได้มีพยานรักกับนายมะรอโซ สองคน เด็กผู้หญิงอายุ 6 ขวบ และเด็กผู้ชายอายุ 17 เดือน มะรอโซกลับมาเยี่ยมลูกเดือนละสามครั้ง ครั้งล่าสุดนายมะรอโซได้มาเยี่ยมตอนกลางคืนของวันจันทร์ที่ 11 กุมพาพันธ์ สองคืนก่อนเกิดเหตุ ซึ่งครั้งนั้นอยู่ได้ไม่นานเท่าไร แต่การติดต่อครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งสุดท้าย การสื่อสารทางเสียงเกิดขึ้นเมื่อคืนวันเกิดเหตุเวลาประมาณสามทุ่ม
"อาแบได้โทรมาคุย ฉันก็ถามว่าวันนี้จะกลับมาไหม อาแบบอกว่าคืนนี้มีงานนิดหน่อย และไม่แน่อาจจะกลับมาบ้าน"
ทว่าเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นรุสนีได้ยินเสียงโทรศัพท์ปลายสายจากทหารที่คุ้นเคยกันดี ได้โทรมาบอกว่า นายมะรอโซอาจจะตายแล้ว และจะโทรมาบอกอีกครั้ง หกโมงเช้ารุสนีก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้ง ยืนยันว่านายมะรอโซได้เสียชีวิตแล้ว รุสนีได้เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาล หากแต่ทว่าศพของนายมะรอโซ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รับกลับไป เพราะว่ามีผู้ใหญ่ของเจ้าหน้าที่รัฐต้องการดูศพจำนวนมาก ทำให้กว่าได้รับศพกลับบ้านก็ตอน 11 โมงแล้ว
สำหรับบรรยากาศพิธีการฝังศพของนายมะรอโซ มีคนจำนวนมากมาร่วมงานศพและกล่าวสรรเสริญ พร้อมทั้งอวยพรให้ศพของนายมะรอโซ แต่ในเย็นวันนั้นหลังจากงานศพของนายมะรอโซ เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านก็โดนเจ้าหน้าที่รัฐจับไป 3 คน หลังจากเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมหมู่บ้านอีกครั้ง
พิธีฝังศพก็เป็นไปในตามแบบฉบับของนักต่อสู้ ก็คือการไม่อาบน้ำศพและไม่ละหมาดศพ ฝังโดยทันที และเป็นไปตามความต้องการของผู้ตายที่ได้กำชับภรรยาใว้ ก่อนหน้านี้
รุสนีได้เล่าให้ฟังว่า มะรอโซเป็นคนที่เกรงใจคน ไม่ยอมไปหลบซ่อนหรือขอนอนบ้านชาวบ้าน เพราะเกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน มะรอโซก็จะผูกแปลนอนในป่าเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวเราก็สงสารเพราะแฟนเหนื่อยมาก ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แฟนทำงานหนักมากและมีความตั้งใจอย่างมาก
มะรอโซเค้ามักย้ำกับภรรยาเสมอว่า อยากให้ลูกสาวเรียนศาสนาเยอะๆ หากเป็นไปได้ อยากให้เรียนถึงต่างประเทศ โดยจะให้ความสำคัญกับเรื่องของศาสนามากๆ เพราะอยากให้ลูกทั้สองมีการศึกษาและเรียนสูงๆ เท่าที่ลูกจะเรียนได้
มะรอโซเป็นที่รักครอบครัวมาก อยากให้ครอบครัวสบายและเป็นคนที่ตามใจลูกมากๆ ลูกอยากได้อะไรก็พยายามหามาให้ มะรอโซเป็นคนที่รับผิดชอบสูงมากต่อครอบครัว แม้ว่าชีวิตของเค้าเองจะลำบากก็ตาม เค้าได้วางแผนเรื่องครอบครัว เรื่องเศรษฐกิจ การศึกษาของลูกๆเพราะว่าต้องการให้ลูกเรียนสูงๆโดยเฉพาะทางด้านศาสนา
หลังจากทราบข่าวจากทหารในพื้นที่ ที่ได้โทรมาบอกตอนเช้าว่า นายมะรอโซ ได้เสียชีวิตแล้ว ก็เหมือนว่าภารกิจของนายมะรอโซ เสร็จสิ้นแล้ว...
รุสนีได้กล่าวว่า เธอภูมิใจกับสามีอย่างมากที่ได้ทำหน้าที่ดูแลครอบครัวได้ดีเสมอมา และการเสียชีวิตครั้งนี้เธอไม่เสียใจเลยเพราะภรรยาของนายสุไฮดี ตะเห ผู้เป็นเพื่อนสนิทของนายมะรอโซ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงตายก็ไม่เสียใจ
คำถามสุดท้ายจากผู้เขียนนายมะรอโซทำเพื่ออะไร ?
รุสนี ภรรยานายมะรอโซ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าทำเพื่ออะไร ? พร้อมรอยยิ้มและคว้ามือไปจับตัวเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งเล่นซนอยู่ข้างๆกับของเล่นชิ้นใหม่


คนมันโง่ครับ ทั้งคนตายและคนให้สัมภาษณ์...

ตามท้องเรื่องที่ให้สัมภาษณ์นั่น ชีวิตมีจุดหักเหให้โผล่พ้นน้ำได้ตั้งหลายครั้ง แต่ไม่ยอมฉวยโอกาสนั้น และพาชีวิตหักดิ่งเหวลึงลงเรื่อยๆ... ยิ่งตอนสุดท้ายสั่งเสียให้ลูกเน้นเรียนศาสนาอย่างเดียวนั่นยิ่งแล้วใหญ่, เรียนศาสนาเป็นสิ่งที่ดีเพราะทำให้เป็นคนดี แต่จุดที่โง่ก็คือไม่ได้สั่งเสียให้ลูกเรียนวิชาที่ไปทำมาหากินอยู่รอดในสังคม...

นี่คือตัวอย่างของคนโง่ที่ไม่คิดจะปรับตัวให้อยู่รอดได้ในสังคม... อยู่ในสังคมต้องทำมาหากิน, ตอนต้นเรื่องที่บอกว่าค้าขายเก่งนั่นไม่เชื่อหรอกครับ เพราะทัศนคติคับแคบเห็นแต่ทางตัน จะค้าขายไม่ได้ เนื่องจากอ่านหนังสือน้อย, ข้อมูลในสมองจึงน้อยลงเมื่อเทียบกับคนอื่นในช่วงเวลาที่เท่ากันกับคนอื่น...
บันทึกการเข้า
NOOM 19 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 495
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3733


อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา


« ตอบ #275 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 11:27:46 AM »

เมื่อคืนดูข่าวสัมภาสพ่อมันผมอยากเอาเท้าทะลุมิติเข้าไปในทีวีแล้วลุบหน้าพ่อมันสักที่...หากมึงรักลูกมึงจริงมึงต้องให้มันหยุดและแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจับตัวไป อย่างน้อยมึงก้ได้ไปเยียมและลูกมึงจะได้ไม่ไปทำลายครอบครัวคนอื่นเขา...ดูๆแล้วมันไม่สำนึกกันทั้งบ้าน Angry
บันทึกการเข้า

"นี้ไรเฟิลของฉัน"
"มีเหมือนกันหลายกระบอก,แต่กระบอกนี้เป็นของฉัน"
"ถ้าไม่มีไรเฟิล.ฉันก็ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีฉัน.ไรเฟิลก็ไม่มีค่าอะไร"

เสียตังค์ทำรถ ..ดีกว่าหมดกับโคโยตี
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #276 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 11:33:02 AM »

มนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์อื่นทั้งโลกนี้ก็เพราะสมองดี เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ ถึงแม้ไม่มีขนหนา ไม่มีเขี้ยวเล็บเขาเป็นอาวุธ... แต่สมองมนุษย์สามารถคิดซับซ้อนต่อยอดองค์ความรู้ผ่านทางมรดกวัฒนธรรมของมนุษย์รุ่นก่อนได้ จึงปิดจุดอ่อนของเผ่าพันธุ์ได้...

ที่สุดของอารยธรรมมนุษย์คือภาษาครับ, ใครอ่านหนังสือน้อย จะมีฐานข้อมูลในสมองน้อย แล้วมองเห็นช่องทางปรับตัวในสังคมได้น้อย... คนนั้นคือคนโง่ครับ...

คนโง่เล่นกับอารมณ์ตนเอง(อารมณ์ติดตัวตั้งแต่เกิด), แต่คนฉลาดจะเล่นกับเหตุผล(เหตุผลเกิดมาจากฐานข้อมูลในสมอง)... เมียมะรอโซให้สัมภาษณ์แบบนี้ บอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้โง่ เพราะพยายามโน้มน้าวผู้อื่นที่อ่านให้คล้อยตามด้วยการเร้าอามณ์ แต่เหตุผลประกอบมีน้อยและเบาบาง...

คนโง่เจ้าอารมณ์ และกำหนดพฤติกรรมตนเองตามอารมณ์, แต่คนฉลาดจะเจ้าเหตุผล และกำหนดพฤติกรรมตนเองด้วยเหตุผล... คนโง่ไม่อ่านหนังสือ ไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ แต่จะสนุกอยู่กับการ"เล่นกับอารมณ์"ตนเองจมดิ่งอยู่แบบนั้น...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #277 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 11:35:34 AM »

เมื่อคืนดูข่าวสัมภาสพ่อมันผมอยากเอาเท้าทะลุมิติเข้าไปในทีวีแล้วลุบหน้าพ่อมันสักที่...หากมึงรักลูกมึงจริงมึงต้องให้มันหยุดและแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจับตัวไป อย่างน้อยมึงก้ได้ไปเยียมและลูกมึงจะได้ไม่ไปทำลายครอบครัวคนอื่นเขา...ดูๆแล้วมันไม่สำนึกกันทั้งบ้าน Angry

นั่งดูอยู่เช่นกันครับ... พูดย้ำๆว่าลูกชายกลัว ลูกชายกลัว ลูกชายจะไม่ไปจับใบดำใบแดงก็เพราะกลัว, หากลูกชายกลัวจริงไม่จับปืนบุกค่ายทหารหรอกครับ...

เหตุผลของคนโง่ๆ คือเล่นกับอารมณ์ฯ... พ่อมันก็เป็นคนโง่ครับ, คนเอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่คือคนโง่...
บันทึกการเข้า
jabpo
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 126


บริการนวดหน้าด้วยฝ่าเท้าครับ......


« ตอบ #278 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 12:19:35 PM »

ลองอ่านดูครับยาวหน่อย
"มะรอโซ จันทราวดี"จากเหยื่อสู่แกนนำ RKK รายงานพิเศษโดยเอกรินทร์ ต่วนศิริ
รายงานชิ้นนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังและบันทึกข้อเท็จจริงเหตุการณ์รอบด้านจากการปะทะกันระหว่างกลุ่ม RKK ที่นำโดยนายมะรอโซ จันทราวดี (ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา และ พรก.ฉุกเฉินหลายคดี)กับเจ้าหน้าที่ทหารนาวิกโยธินประจำฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่2หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส32 บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาสเมื่อเวลาตี1ของวันที่13 กุมพาพันธ์ 2556 เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
หากผู้อ่านรายงานชิ้นนี้ที่ไม่รู้จักนายมะรอโซ จันทราวดี ผู้เขียนแนะนำให้ไปค้นหาใน google แล้วพิมพ์ชื่อนี้ลงไป จะพบข่าวการรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็มาจากการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐเกือบทั้งหมด พร้อมด้วยข่าวการก่อเหตุ ณ ที่ต่างๆ ตามด้วยหมายจับจำนวนมาก ล่าสุดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคุณครูชลธี เจริญชล อีกด้วยที่ได้เป็นข่าวในช่วงก่อนหน้านี้
ปฐมเหตุของความคับแค้น
นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ อายุ53ปีผู้เป็นแม่ได้เล่าว่า หลังจากเหตุการณ์ประท้วงที่หน้า สภ.ตากใบ มะรอโซก็เปลี่ยนไปมาก มะรอโซกลับมาเล่าเหตุการณ์ตากใบให้คนที่บ้านฟังว่า วันนั้นตนเองโดนซ้อนทับ โดนถีบ มัดมือ ในรถบรรทุกของทหารที่จับตัวผู้ชุมนุมในคราวนั้น โดยได้ขนผู้ชุมนุมไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ในขณะที่อยู่บนรถตัวเค้าเองพยายามดิ้นจนเชือกหลุดและได้ช่วยแก้หมัดที่ข้อมือให้เพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่บนรถคันเดียวกัน โดยตลอดทางเค้าก็โดนถีบโดนเจ้าหน้าที่เอาปืนทุบที่ร่างกายของผู้ชุมนุมที่อยู่บนรถตลอดทาง มะรอโซได้บอกที่บ้านเสมอว่า เค้ารู้สึกเจ็บปวดและแค้นใจมาก เพราะว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
"ตอนกลับมาจากที่ชุมนุมใหม่ๆมะรอโซชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลย" นางเจ๊ะมะ เจ๊นิ ผู้เป็นแม่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับลูกชายของตนเอง
ขณะที่พูดคุยกับแม่ของนายมะรอโซ สังเกตได้ว่า แม่ของนายมะรอโซ ย้ำว่ารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปฎิบัติต่อผู้ชุมนุมเหตุการณ์ตากใบในครั้งนั้นเป็นอย่างมากและได้ย้ำตลอดว่า นายมะรอโซเปลี่ยนไป กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเค้า ทั้งที่จริงก่อนหน้านั้นนายมะรอโซ เป็นคนขยันขันแข็ง มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ปลอกมะพร้าวขาย นำเสื้อผ้ามาขาย ทำเรื่องการค้าขายเก่ง ฯลฯ แต่เหตุการณ์ตากใบได้ทำให้นายมะรอโซกลายเป็นคนละคน
หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ทหารที่ลาดตระเวนในหมู่บ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตทันที 10-11 คน ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้น นายมะรอโซถูกศาลออกหมายจับในคดีข้างต้น จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมาชื่อของนายมะรอโซ ก็เป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ ทำให้นายมะรอโซต้องหนีออกจากหมู่บ้านโดยทันที ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ของอำเภอบาเจาะ ชื่อของนายมะรอโซได้ถูกระบุชื่อเกือบทุกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกกรณี ไม่ว่าในฐานะผู้ปฎิบัติการเองหรือเป็นผู้สั่งการ !!!
เพื่อไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจการกระทำของผู้ใช้ความรุนแรง เพื่อจะเข้าใจวงจรการแก้แค้นและแสวงหาแนวทางใหม่ๆ ในการรับมือ รวมทั้งตั้งคำถามว่า ยุทธการจิตวิทยาของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังมีช่องว่างอย่างไร หากจะตอบด้วยกรณีของนายมะรอโซ ช่องว่างที่ว่านี้ น่าจะเป็นเรื่องการไม่ทำความเข้าใจ ความรู้สึกถึงการไม่ได้รับความยุติธรรม และเป็นเงื่อนไขที่มีนักรบรุ่นใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะกรณีเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ หากแค่เพียงในรอบทศวรรษกลุ่มขบวนการสามารถผลิตผู้ใช้ความรุนแรงได้เป็นจำนวนมาก และมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในเชิงการต่อสู้กับกองกำลังของรัฐ
ทั้งนี้ น่าสนใจว่าหากเป็นประสบการณ์ที่ประชาชนจำนวนมากมีส่วนร่วมทางการเมืองและเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ด้วยการประท้วง ชุมนุม กดดันผู้มีอำนาจรัฐ ได้รับผลของการสลายชุมนุมเฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ตากใบ ความรู้สึกคับข้องใจ โกรธแค้น และความรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมจะมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร มีข้อถกเถียงอย่างไร และจะสามารถนำไปสู่การสร้างแนวทางในการจัดการกับความรู้สึกที่ไม่ได้รับความยุติธรรมได้อย่างไร
การตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ก็ได้ทำให้ครอบครัวของมะรอโซ ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามและบุกค้นบ้านอยู่บ่อยครั้ง นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่า ตนเองยังเคยโดนจับข้อหามีกระสุนปืนวางอยู่บนกล่องน้ำตาลทรายในบ้าน หลังจากเจ้าหน้ามาค้นบ้านทำให้แม่โดนจับไปที่ค่าย แต่ขังได้ไม่นานก็ปล่อยตัวกลับมา และน้องชายของนายมะรอโซก็โดนขังมาแล้ว 21 วัน ในข้อหาขว้างระเบิด แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ ก็ต้องปล่อยตัวออกมา แม่ของนายมะรอโซ วิเคราะห์ให้ฟังว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีต่อครอบครัวก็เพื่อต้องการบีบบังคับให้นายมะรอโซออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับน้องชายของนายมะรอโซ ที่มีใบหน้าเหมือนกับพี่ ก็เคยโดนเจ้าหน้าที่ทหารจับในหมู่บ้านมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นนายมะรอโซ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วันหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้น้องชายหมอบลงกับพื้นและจะลั่นไกยิง แต่ผู้เป็นแม่ตะโกนออกมาว่านั้นคือน้องชายของนายมะรอโซ ขณะที่ผู้เป็นแม่บอกให้ฟังและชี้นิ้วไปทางน้องชายของนายมะรอโซที่กำลังยืนละหมาดใกล้ๆ แล้วกล่าวเบาๆว่า "น้องชายของนายมะรอโซแกสติไม่ค่อยดี" ทำไมต้องมาทำอย่างนี้อีก ส่วนรุสนีผู้เป็นภรรยากล่าวเสริมและย้ำว่า น้องชายหน้าเหมือนพี่ชายจริงๆ สองคนพี่น้องหน้าเหมือนกันมาก
นางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังอย่างออกรสว่า ทหารมาค้นที่บ้านบ่อยมาก หลังๆ นี้หากว่าฉันอยู่ ทหารจะไม่ค่อยเข้ามาในบ้าน จะยืนอยู่หน้าบ้าน เพราะฉันจะด่าไม่หยุด จะด่าตลอด ทำไมต้องมาค้นบ้านทุกวันด้วย แต่หากว่าฉันไม่อยู่ทหารก็จะเข้ามาในบ้าน หากพิจารณาประสบการณ์ของครอบครัวนายมะรอโซ ดูเหมือนว่าหน่วยงานเจ้าหน้าที่รัฐมาเยี่ยมบ่อยกว่าญาติมิตรซะอีก
สำหรับการเสียชีวิตครั้งนี้ของนายมะรอโซ ผู้เป็นแม่รับได้ ไม่ได้กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นการต่อสู้กันทั้งสองฝ่ายที่มีอาวุธ แต่ก็เชื่อและมั่นใจว่าลูกของตนเองเป็นคนดี แต่เหตุการณ์ตากใบต่างหากที่ทำให้ลูกเค้าต้องเปลี่ยนไปจนกระทั่งเสียชีวิต ทั้งๆ ที่การชุมนุมวันนั้นมะรอโซแค่เดินทางผ่านไปยังเส้นทาง ที่มีการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
ชีวิตรัก นักรบ
ปี 2548 หลังจากเหตุการณ์ตากใบหนึ่งปีให้หลัง นายมะรอโซ ก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกับ รุสนี แมเราะ อายุ 25 ปี ภรรยาของนายมะรอโซ ได้เล่าว่า ก่อนตัดสินใจแต่งงานกับนายมะรอโซ มะรอโซได้บอกกับตนแล้วว่าชีวิตของเค้าเป็นอย่างไร มะรอโซบอกว่า ตนเองนั้นมีหมายจับอยู่หลายคดีและชีวิตต้องหลบๆ ซ่อนๆ จะยอมแต่งงานกับเค้าไหม ? คำตอบของนางรุสนี ก็คือ ได้ตอบตกลงแต่งงานและครองรัก ไม่ได้ครองเรือน ตลอดระยะ 7 ปีที่ผ่านมา...
การดำเนินชีวิตคู่ของนายมะรอโซ ช่วงแรกๆก็ต้องไปใช้ชีวิตที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไปได้ไม่นาน ก็กลับมาบ้าน เพราะมาเลเซียก็ไม่สามารถทำงานเลี้ยงชีพได้ดีนัก ประกอบกับไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่มาเลเซีย ทำให้ทั้งสองต้องเดินทางกลับมาที่บาเจาะ บ้านเกิดอีกครั้ง แต่สำหรับนายมะรอโซ แน่นอนไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้ เพราะมีหน่วยทหารและเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นที่บ้านเกือบทุกวันตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่ง เที่ยงคืนของวันที่ 13 กุมพาพันธ์ หลังจากที่มะรอโซเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยังมาบุกค้นบ้านนายมะรอโซ
"เจ้าหน้าที่จะมาค้นบ้านเสมอและฝากบอกที่บ้านว่าให้บอกนายมะรอโซ ให้มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ฉันก็เคยพูดกับเค้าว่าจะมอบตัวไหม เค้าก็ตอบว่า เค้ามีหมายจับจำนวนมาก ถึงมอบตัวก็ไม่คุ้มและคงไม่มีโอกาสได้ออกมา" รุสนี แมเราะกล่าวทิ้งท้าย
ก่อนหน้านี้ประมาณ 5 วัน มีเจ้าหน้าที่ทหาร 4 คันรถ มาบุกค้นที่บ้านถือว่าเป็นครั้งล่าสุดก่อนที่มะรอโซจะเสียชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากนายมะรอโซโดนเจ้าหน้าที่ตามล่าอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนถึงขั้นกล่าวว่า
"หากบาเจาะไม่มีมะรอโซ พื้นที่นี้จะสงบสุขทันที"
และตลอดระยะเวลาตามล่าตัว บุกค้นบ้านนายมะรอโซอย่างหนัก รุสนีก็ได้มีพยานรักกับนายมะรอโซ สองคน เด็กผู้หญิงอายุ 6 ขวบ และเด็กผู้ชายอายุ 17 เดือน มะรอโซกลับมาเยี่ยมลูกเดือนละสามครั้ง ครั้งล่าสุดนายมะรอโซได้มาเยี่ยมตอนกลางคืนของวันจันทร์ที่ 11 กุมพาพันธ์ สองคืนก่อนเกิดเหตุ ซึ่งครั้งนั้นอยู่ได้ไม่นานเท่าไร แต่การติดต่อครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งสุดท้าย การสื่อสารทางเสียงเกิดขึ้นเมื่อคืนวันเกิดเหตุเวลาประมาณสามทุ่ม
"อาแบได้โทรมาคุย ฉันก็ถามว่าวันนี้จะกลับมาไหม อาแบบอกว่าคืนนี้มีงานนิดหน่อย และไม่แน่อาจจะกลับมาบ้าน"
ทว่าเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นรุสนีได้ยินเสียงโทรศัพท์ปลายสายจากทหารที่คุ้นเคยกันดี ได้โทรมาบอกว่า นายมะรอโซอาจจะตายแล้ว และจะโทรมาบอกอีกครั้ง หกโมงเช้ารุสนีก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้ง ยืนยันว่านายมะรอโซได้เสียชีวิตแล้ว รุสนีได้เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาล หากแต่ทว่าศพของนายมะรอโซ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รับกลับไป เพราะว่ามีผู้ใหญ่ของเจ้าหน้าที่รัฐต้องการดูศพจำนวนมาก ทำให้กว่าได้รับศพกลับบ้านก็ตอน 11 โมงแล้ว
สำหรับบรรยากาศพิธีการฝังศพของนายมะรอโซ มีคนจำนวนมากมาร่วมงานศพและกล่าวสรรเสริญ พร้อมทั้งอวยพรให้ศพของนายมะรอโซ แต่ในเย็นวันนั้นหลังจากงานศพของนายมะรอโซ เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านก็โดนเจ้าหน้าที่รัฐจับไป 3 คน หลังจากเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมหมู่บ้านอีกครั้ง
พิธีฝังศพก็เป็นไปในตามแบบฉบับของนักต่อสู้ ก็คือการไม่อาบน้ำศพและไม่ละหมาดศพ ฝังโดยทันที และเป็นไปตามความต้องการของผู้ตายที่ได้กำชับภรรยาใว้ ก่อนหน้านี้
รุสนีได้เล่าให้ฟังว่า มะรอโซเป็นคนที่เกรงใจคน ไม่ยอมไปหลบซ่อนหรือขอนอนบ้านชาวบ้าน เพราะเกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน มะรอโซก็จะผูกแปลนอนในป่าเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวเราก็สงสารเพราะแฟนเหนื่อยมาก ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แฟนทำงานหนักมากและมีความตั้งใจอย่างมาก
มะรอโซเค้ามักย้ำกับภรรยาเสมอว่า อยากให้ลูกสาวเรียนศาสนาเยอะๆ หากเป็นไปได้ อยากให้เรียนถึงต่างประเทศ โดยจะให้ความสำคัญกับเรื่องของศาสนามากๆ เพราะอยากให้ลูกทั้สองมีการศึกษาและเรียนสูงๆ เท่าที่ลูกจะเรียนได้
มะรอโซเป็นที่รักครอบครัวมาก อยากให้ครอบครัวสบายและเป็นคนที่ตามใจลูกมากๆ ลูกอยากได้อะไรก็พยายามหามาให้ มะรอโซเป็นคนที่รับผิดชอบสูงมากต่อครอบครัว แม้ว่าชีวิตของเค้าเองจะลำบากก็ตาม เค้าได้วางแผนเรื่องครอบครัว เรื่องเศรษฐกิจ การศึกษาของลูกๆเพราะว่าต้องการให้ลูกเรียนสูงๆโดยเฉพาะทางด้านศาสนา
หลังจากทราบข่าวจากทหารในพื้นที่ ที่ได้โทรมาบอกตอนเช้าว่า นายมะรอโซ ได้เสียชีวิตแล้ว ก็เหมือนว่าภารกิจของนายมะรอโซ เสร็จสิ้นแล้ว...
รุสนีได้กล่าวว่า เธอภูมิใจกับสามีอย่างมากที่ได้ทำหน้าที่ดูแลครอบครัวได้ดีเสมอมา และการเสียชีวิตครั้งนี้เธอไม่เสียใจเลยเพราะภรรยาของนายสุไฮดี ตะเห ผู้เป็นเพื่อนสนิทของนายมะรอโซ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงตายก็ไม่เสียใจ
คำถามสุดท้ายจากผู้เขียนนายมะรอโซทำเพื่ออะไร ?
รุสนี ภรรยานายมะรอโซ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าทำเพื่ออะไร ? พร้อมรอยยิ้มและคว้ามือไปจับตัวเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งเล่นซนอยู่ข้างๆกับของเล่นชิ้นใหม่


คนมันโง่ครับ ทั้งคนตายและคนให้สัมภาษณ์...

ตามท้องเรื่องที่ให้สัมภาษณ์นั่น ชีวิตมีจุดหักเหให้โผล่พ้นน้ำได้ตั้งหลายครั้ง แต่ไม่ยอมฉวยโอกาสนั้น และพาชีวิตหักดิ่งเหวลึงลงเรื่อยๆ... ยิ่งตอนสุดท้ายสั่งเสียให้ลูกเน้นเรียนศาสนาอย่างเดียวนั่นยิ่งแล้วใหญ่, เรียนศาสนาเป็นสิ่งที่ดีเพราะทำให้เป็นคนดี แต่จุดที่โง่ก็คือไม่ได้สั่งเสียให้ลูกเรียนวิชาที่ไปทำมาหากินอยู่รอดในสังคม...

นี่คือตัวอย่างของคนโง่ที่ไม่คิดจะปรับตัวให้อยู่รอดได้ในสังคม... อยู่ในสังคมต้องทำมาหากิน, ตอนต้นเรื่องที่บอกว่าค้าขายเก่งนั่นไม่เชื่อหรอกครับ เพราะทัศนคติคับแคบเห็นแต่ทางตัน จะค้าขายไม่ได้ เนื่องจากอ่านหนังสือน้อย, ข้อมูลในสมองจึงน้อยลงเมื่อเทียบกับคนอื่นในช่วงเวลาที่เท่ากันกับคนอื่น...

ที่พี่สมชายกล่าว เป็นเรื่องจริงที่ผมเห็นมาตั้งเเต่เด็กเเล้วครับ
คนประเภทนี้ ไม่ขวนขวายทำมาหากิน เเต่จะเรียกร้องทุกสิ่ง พร่ำบอกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่นเขา เเต่วันๆไม่ทำงาน นั่งร้านน้ำชาวันสองสามรอบ
เเต่ก็มีเยอะนะครับที่พ้นน้ำขึ้นมา อยู่ที่ว่าพ้นมาเเล้วจะเป็นเเบบไหน ดีๆก็เยอะ ทำน้ำมันเถื่อนหรือขายยาก็เเยะ พวกหลังนี่ รวยๆ เริ่มย้ายเข้ามาอยู่ในหาดใหญ่เยอะเเล้วครับ
บันทึกการเข้า
Wrangler 1
Hero Member
*****

คะแนน 284
ออฟไลน์

กระทู้: 2641



« ตอบ #279 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 12:48:52 PM »

มนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์อื่นทั้งโลกนี้ก็เพราะสมองดี เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ ถึงแม้ไม่มีขนหนา ไม่มีเขี้ยวเล็บเขาเป็นอาวุธ... แต่สมองมนุษย์สามารถคิดซับซ้อนต่อยอดองค์ความรู้ผ่านทางมรดกวัฒนธรรมของมนุษย์รุ่นก่อนได้ จึงปิดจุดอ่อนของเผ่าพันธุ์ได้...

ที่สุดของอารยธรรมมนุษย์คือภาษาครับ, ใครอ่านหนังสือน้อย จะมีฐานข้อมูลในสมองน้อย แล้วมองเห็นช่องทางปรับตัวในสังคมได้น้อย... คนนั้นคือคนโง่ครับ...

คนโง่เล่นกับอารมณ์ตนเอง(อารมณ์ติดตัวตั้งแต่เกิด), แต่คนฉลาดจะเล่นกับเหตุผล(เหตุผลเกิดมาจากฐานข้อมูลในสมอง)... เมียมะรอโซให้สัมภาษณ์แบบนี้ บอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้โง่ เพราะพยายามโน้มน้าวผู้อื่นที่อ่านให้คล้อยตามด้วยการเร้าอามณ์ แต่เหตุผลประกอบมีน้อยและเบาบาง...

คนโง่เจ้าอารมณ์ และกำหนดพฤติกรรมตนเองตามอารมณ์, แต่คนฉลาดจะเจ้าเหตุผล และกำหนดพฤติกรรมตนเองด้วยเหตุผล... คนโง่ไม่อ่านหนังสือ ไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ แต่จะสนุกอยู่กับการ"เล่นกับอารมณ์"ตนเองจมดิ่งอยู่แบบนั้น...

                 ตามอ่านอาสมชายมานาน............... + ๑  ตรงใจมากกับการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ.........ครับ

เป็นที่ทราบกันดีครับว่าพวกนี้จะมีลักษณะเช่นนี้ เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา.......จึงตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย..............

ในสังคมพวกเค้ากันเอง........การเอารัดเอาเปรียบ แก่งแย่งชิงดี ไม่ต่างกว่าหรืออาจจะมากกว่าและเหี้ยมโหด เลือดเย็นกว่า......จากผู้ทีมีสถานะเหนือกว่า.......

โดยอ้างเรื่องศาสนาเป็นเครื่องมือมากำหราบเสมอ........



บันทึกการเข้า

ยังไม่พ้นขีดอันตราย
http://www.youtube.com/watch?v=D2MG3aJQ98k
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #280 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 01:55:57 PM »

ลองมาคิดกัน เล่น ๆ ดีกว่าครับ ว่า โจรใต้ ที่บุก ฐานของ นย. พลาดตรงไหน? ใครไม่เห็นด้วยก็ ค้านได้เลย ครับ หรือจะ เสริมอะไรก็ได้

1. แผนรั่ว เพราะ 1 ในแกนนำ โดนยิงตาย แต่ดัน มีแผนที่ของ ฐานดังกล่าว ทำให้ สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะมีการ บุกฐานแห่งนี้ ในระยะเวลาอันใกล้ แต่ไม่ได้ระบุวันที่

2. ไม่รู้กำลังฝ่ายตรงข้าม ฐานแห่งนี้ มีกำลังประจำการ เท่าไหร่ มี อาวุธหนัก อะไรบ้าง นย. ที่อยู่ในฐาน ได้รับการฝึก อะไรมาบ้าง ........ ** เลยโดน ย้อนศร โดน ทร. ส่ง หน่วย ซีล และ รีคอน เข้ามา ฝังตัว**

3. กำลังที่เตรียมา น้อยเกินไป ในการทำ สงคราม หากต้องการ ชัยชนะ อย่าง เด็ดขาด กำลัง ฝ่ายบุก จะต้องมากกว่า ฝ่ายตั้งรับ 3:1 คือ ฝ่ายตั้งรับ 1 ฝ่ายบุก ต้องมี 3 เป็นอย่างน้อย

4. ไม่มี อาวุธหนัก สนับสนุน หาก การบุกครั้งนี้ มี M-79, RPG-7 หรือ ปืน ค. ยิงถล่มฐาน ก่อนการบุก จะทำให้ ทหารที่อยู่ในฐาน กระเจิง ง่ายต่อการเข้าตี

5. ไม่มี อุึปกรณ์ ต่อสู้ในเวลากลางคืน โดยเฉพาะ กล้องมองกลางคืน มีแค่ ไฟฉาย กับ เลเซอร์ชี้เป้า (ชี้ว่า ตัวเอง อยู่ตรงไหน) ทำให้ ไม่รู้ว่า ฝ่ายตนนั่้นแหล่ะ ที่โดนฝ่ายตั้งรัีบ ติดตามความเคลื่นไหว

มีใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่ครับ?
บันทึกการเข้า
krajong
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2875



« ตอบ #281 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 02:03:38 PM »

ลองมาคิดกัน เล่น ๆ ดีกว่าครับ ว่า โจรใต้ ที่บุก ฐานของ นย. พลาดตรงไหน? ใครไม่เห็นด้วยก็ ค้านได้เลย ครับ หรือจะ เสริมอะไรก็ได้

1. แผนรั่ว เพราะ 1 ในแกนนำ โดนยิงตาย แต่ดัน มีแผนที่ของ ฐานดังกล่าว ทำให้ สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะมีการ บุกฐานแห่งนี้ ในระยะเวลาอันใกล้ แต่ไม่ได้ระบุวันที่

2. ไม่รู้กำลังฝ่ายตรงข้าม ฐานแห่งนี้ มีกำลังประจำการ เท่าไหร่ มี อาวุธหนัก อะไรบ้าง นย. ที่อยู่ในฐาน ได้รับการฝึก อะไรมาบ้าง ........ ** เลยโดน ย้อนศร โดน ทร. ส่ง หน่วย ซีล และ รีคอน เข้ามา ฝังตัว**

3. กำลังที่เตรียมา น้อยเกินไป ในการทำ สงคราม หากต้องการ ชัยชนะ อย่าง เด็ดขาด กำลัง ฝ่ายบุก จะต้องมากกว่า ฝ่ายตั้งรับ 3:1 คือ ฝ่ายตั้งรับ 1 ฝ่ายบุก ต้องมี 3 เป็นอย่างน้อย

4. ไม่มี อาวุธหนัก สนับสนุน หาก การบุกครั้งนี้ มี M-79, RPG-7 หรือ ปืน ค. ยิงถล่มฐาน ก่อนการบุก จะทำให้ ทหารที่อยู่ในฐาน กระเจิง ง่ายต่อการเข้าตี

5. ไม่มี อุึปกรณ์ ต่อสู้ในเวลากลางคืน โดยเฉพาะ กล้องมองกลางคืน มีแค่ ไฟฉาย กับ เลเซอร์ชี้เป้า (ชี้ว่า ตัวเอง อยู่ตรงไหน) ทำให้ ไม่รู้ว่า ฝ่ายตนนั่้นแหล่ะ ที่โดนฝ่ายตั้งรัีบ ติดตามความเคลื่นไหว

มีใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่ครับ?
แล้วท่านจะไปชี้ช่องมันทำไมเนี่ย เดี๋ยวงวดหน้ามันขับรถถังมาด้วยจะแย่เอาหมดนะครับ
บันทึกการเข้า

ความจริงไม่มีวันตาย แต่คนพูดความจริงตายไปหลายแล้ว
soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #282 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 02:30:03 PM »

พ่อแม่ที่ไหนบ้างไม่เข้าข้างลูกตัวเอง   นักข่าวไม่ไปสัมภาสพ่อแม่คนที่ถูกไอ้พวกนี้ฆ่ามั่งล่ะ
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
เหมยพานิช
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 292


จง...รัก...ภัก....ดี


« ตอบ #283 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 02:54:56 PM »

 ยี๊หลังจากนี้พวกก่อการร้ายก็จะประกาศว่าการต่อสู้กับรัฐ...เป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ตามพระประสงค์ขององค์อัลเลาะห์.เฮ้อ...เป็นงั้นไป..
บันทึกการเข้า

สิ่งที่พิเศษสุดมอบให้กับคนที่พิเศษสุด.....เช่นกัน
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #284 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2013, 02:58:58 PM »

ประวัติการก่อคดีของผู้ไม่หวังดี และนี่หรือ ที่บอกว่าหลงผิด


3960300046665
162 ม.7 ต.บาเระ อ.บาเจาะ จ.นธ.
สมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ ระดับ ปฏิบัติการตาเยอร์รี/คอมมานโด

- กลุ่มเดียวกับ นายรอยะ กลามอ
- ร่วมขโมยถังดับเพลิงในเขตเทศบาล อ.บาเจาะ เมื่อปี ๒๕๔๘
- ลอบวางเพลิง ร.ร.บือเจาะ อ.บาเจาะ เมื่อ พ.ค.๕๐
- ผู้รับผิดชอบ-พื้นที่ อ.ยี่งอ และ อ.บาเจาะฯ
- สมาชิกลุ่มย่อยที่1 ในบ.ตันหยง ม.4 ต.บาเระใต้
- หัวหน้าชุดปฏิบัติการ
- เข้ารับการฝึกหลักสูตรตันเยอรี (RKK) ที่บ้านงาเน็ง ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ จว.น.ธ.
- เมื่อ ปี ๔๙ ร่วมก่อเหตุยิงราษฎรชาวไทยพุทธ โดยทำหน้าที่ประชุมและวางแผน
- กรณีเหตุคนร้ายลอบยิงรถปลัดอำเภอจังหวัดนราธิวาสและรถยนต์ทหาร ที่ บ้านส้มป่อย ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีรายละเอียด
- สมาชิกฯ ระดับปฏิบัติการ (คอมมานโด)
- เข้ามาเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ปะการายอ อ.กะพ้อ

- สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง แต่งกายชุดดำ คล้าย จนท.ทพ. พร้อมอาวุธ ปลย.M ๑๖ และ ปลย.AK-๔๗ เคลื่อนไหวบริเวณเทือกเขาปูลา ในพื้นที่ บ.ปูลา (บ้านสาขา บ.-ประปา) ม.๖ ต./อ.บาเจาะฯ

- ลอบวางระเบิดบนถนนภายในหมู่บ้านดูกู ม.๗ ต./อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ขณะที่ จนท.ทหารเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ จนท.ทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

- ร่วมประชุมที่ร้านน้ำชา หน้า ร.ร.บ้านดูกูสุเหร่า ฯ เพื่อวางแผนทำการปล้นอาวุธปืนลูกซอง จนท.อุทยานแห่งชาติน้ำตกปาโจ เมื่อ ๑๙ ต.ค. ๒๕๔๙
- ลอบยิงฐานปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.๓๒ บริเวณหน้า วัดอุไรรัตนาราม ถ.สายบาเจาะ - บ้านทอน ต./อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
- ปล้นอาวุธปืนลูกซองทางราชการ ของนายไพศอล กือแมแซเจะลอ ที่อยู่บ้านเลขที่ ๕๓/๑ ม.๔ ต./อ.บาเจาะ ฯ จำนวน ๑ กระบอก เหตุเกิด เมื่อ ๑๙ ต.ค. ๔๙ เวลากลางคืน ม.๔ บ.ปาโจ ต./อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

- สมาชิกกลุ่ม ผกร.จำนวน ๑๕ คน พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ แต่งกายชุดลายพราง และชุดดำคล้าย ทพ. ประชุมวางแผน เตรียมก่อเหตุในพื้นที่ อ.ยี่งอ และ อ.บาเจาะ ด้วยการลอบยิง ตร. ทหาร และ อส.อ.บาเจาะฯ ขณะ ลว.บนถนนหมายเลข ๔๒ (สายนราธิวาส – ปัตตานี) ลอบวางระเบิด ในสวนยางพาราชาวไทยพุทธ ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ในพื้นที่ อ.เมือง และลอบวางเพลิงศาลาที่พักริมทาง/เผายางรถยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับ สมาชิก/ แนวร่วมกลุ่ม ผกร.พูดคุยกันว่ากำลังติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ปรากฏข่าวสารว่ากลุ่ม ผกร.ได้เตรียมระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถยนต์ เพื่อก่อเหตุในห้วงเทศกาลไหว้ศาลเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ และห้วงงานกาชาดประจำปีห้วงจัด

- ลอบวางระเบิดบนถนนภายในหมู่บ้านดูกู ม.๗ ต./อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ขณะ จนท. ทหารเดินทางโดยรถยนต์ผ่านเส้นทางดังกล่าว ทำให้ จนท.ทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

- ร่วมประชุมที่ร้านน้ำชา หน้า ร.ร.บ้านดูกูสุเหร่า ฯ เพื่อวางแผนทำการปล้นอาวุธปืนลูกซอง จนท.อุทยานแห่งชาติน้ำตกปาโจ เมื่อ ๑๙ ต.ค. ๒๕๔๙

- ลอบยิงฐานปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.๓๒ บริเวณหน้าวัดอุไรรัตนาราม ถ.สายบาเจาะ - บ้านทอน ต./อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

- ปล้นอาวุธปืนลูกซองทางราชการ ของนายไพศอล กือแมแซเจะลอ ที่อยู่บ้านเลขที่ ๕๓/๑ ม.๔ ต./อ.บาเจาะ ฯ จำนวน ๑ กระบอก เหตุเกิดเมื่อ ๑๙ ต.ค. ๔๙ เวลากลางคืน ม.๔ บ.ปาโจ ต./อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

- เป็นผู้กดระเบิด กรณีวางระเบิดรถยนต์ทหารนาวิกโยธิน บนถนนบ้านดูกู อ.บาเจาะ ฯ เมื่อ ๑๓ พ.ค.๔๘ ทหารเสียชีวิต ๓ นาย บาดเจ็บ ๗ นาย

- พบปะกับสมาชิก จำนวน ๕ คน ที่หลังบ้านพักของตนเอง มีปืน M ๑๖ จำนวน ๒ กระบอก และระเบิดแสวงเครื่องประกอบเสร็จแล้ว จำนวน ๕ ลูก ซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ บ.ดูกูสุเหร่า เพื่อเตรียมก่อเหตุ จนท.รัฐ (ทหารและตำรวจ) ที่สัญจรบนถนสาย ๔๒

- เมื่อ ๘ พ.ค.๕๔, นายมะรอโซฯ แต่งกายลักษณะคล้ายนักแสวงบุญ (ดาวะห์) พร้อมด้วย สมาชิกจำนวน ๓ คน ขับขี่รถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ ๑๒๕ สีน้ำเงิน และ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ไม่ทราบทะเบียน เดินทางจากพื้นที่บ้านตันหยง ม.๔ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จว.น.ธ. เข้าไปในพื้นที่ บ้านฮูแตยือลอ ม.๖

- เมื่อ ๑๐ ส.ค.๕๔ ปรากฏความเคลื่อนไหว นายมะรอโซ จันทรวดี สมาชิกระดับแกนนำปฏิบัติ พร้อมสมาชิกจำนวน ๔ คน ได้วางแผนก่อเหตุต่อเป้าหมายที่เป็นสายข่าวของ จนท.รัฐ และผู้นำท้องถิ่นที่ให้ความร่วมมือกับ จนท.รัฐในพื้นที่ ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่นฯ ในห้วงวันที่ ๑๓-๑๖ ส.ค.๕๔ และในการก่อเหตุสามาชิกกลุ่มดังกล่าวจะแต่งกายชุดพรางคล้าย จนท.ทหาร ใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ๔ ประตู (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) เป็นพาหนะในการก่อเหตุ

- เมื่อ ๑๐ ส.ค.๕๔ ปรากฏความเคลื่อนไหวของ นายมะรอโซ จันทรวด หรือ แบโซ พบปะเพื่อหารือกับแกนนำผู้ปฏิบัติในพื้นที่ ม.๑ บ.บือเจ๊าะ ม.๓ บ.ดูกู และ ม.๗ บ.ดูกูสุเหล่า ต./อ.บาเจาะ เพื่อวางแผน ก่อเหตุในพื้นที่ อ.เมือง อ.ยี่งอ และ อ.บาเจาะ รวมถึงพื้นที่ ๓ จชต.

- เมื่อ ๐๗ ก.ย.๕๔ นายมะรอโซ ฯ เคลื่อนไหวในพื้นที่ ม.๖ บ.ฮูแตยือลอ ต.บาเร๊ะใต้ และ ม.๒ บ./ต.ลูโบ๊ะซาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

- เมื่อ ๑๑ ก.ย.๕๔,ปรากฏความเคลื่อนไหว กลุ่ม ผกร.รวมตัวกันประมาณ ๑๑ คน แต่งกายชุดดำ คล้ายทหารพราน อาวุธปืนครบมือ เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ บ.ซูโว ม.๕ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะฯ (คาดว่าเป็นกลุ่มของ นายมะรอโซ จันทรวดี) โดยมี ผญบ. ม.๕ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะฯ เป็นผู้ส่งเสบียงให้

- หมายจับ ป.วิ.อาญา ศาลนราธิวาส ที่ จ. ๑๑๙/๒๕๔๙ ลง ๓ ก.พ.๒๕๔๙ ท้องที่ สภ.บาเจาะ ข้อหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ ผลการปฏิบัติหลบหนี

- หมายจับ ป.วิ.อาญา ศาลนราธิวาส ที่ ๕๙๙/๒๕๔๙ ลง ๒๔ พ.ค.๒๕๔๙ ท้องที่ สภ.บาเจาะ ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ผลการปฏิบัติหลบหนี

- หมายจับ ป.วิ.อาญา ศาลนราธิวาส ที่ จ. ๗๙๕/๒๕๕๐ ลง ๗ พ.ย.๒๕๕๐ ท้องที่ สภ.บาเจาะ ข้อหาก่อการร้ายร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ พยายามฆ่าผู้อื่นฯ

- หมายจับ ป.วิ.อาญา ศาลนราธิวาส ที่ จ. ๘๖๗/๒๕๕๐ ลง ๒๑ พ.ย.๒๕๕๐ ท้องที่ สภ.บาเจาะ ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ในเวลากลางคืน ผลการปฏิบัติหลบหนี

- เมื่อ ๑๙ ต.ค.๕๔,นายมะรอโซ จันทรวดี พร้อมกลุ่มระดับแกนนำระดับผู้ปฏิบัติการในขบวนการ RKK เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คือ พื้นที่ ม.๓ บ./ต.กาเยาะมาตี, ม.๔ บ.ตันหยง ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยมีผู้ร่วมเคลื่อนไหว คือ ๑.นายอิสมาแอ มะซู ๒.นายอุเซ็ง มะเซาะ ๓.นายอาพันดี ดอเลาะ ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นกลุ่มแนวร่วมในการก่อเหตุชำนาญในการลอบยิง,ลอบวางระเบิดซึ่งเป็นลูกน้องของนายมะรอโซฯ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการ RKK ครั้งนี้เพื่อวางแผน, สั่งการในการสร้างสถานการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่เป้าหมายและเข้ามาในพื้นที่ อ.เจาะไอร้องฯ , อ.เมือง จ.นราธิวาส รวมทั้งก่อเหตุสร้างสถานการณ์ลอบวางระเบิด จนท.ของรัฐในขณะออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ และ ลอบยิง จนท.ของรัฐในขณะ ลว.เส้นทาง รวมถึงลอบวางระเบิดเส้นทางรถไฟ จากสถานียะลา มา สถานีสุไหงโก-ลก

- เมื่อ ๒๔ ต.ค.๕๔,ได้รับรายงานข่าวสารเกี่ยวกับการลอบวางระเบิดของกลุ่มขบวนการ RKK ในพื้นที่ อ.เมือง นธ. เมื่อ ๒๓ ต.ค.๕๔ ซึ่งทำให้ จนท.อส.อ.เมือง นธ.เสียชีวิต ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มของนายมะรอโซฯ และเป็นบุคคลที่ต้องสงสัยร่วมการก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อ ๒๐ ต.ค.๕๔ โดยผู้เข้าร่วมขบวนการในครั้งนี้ประกอบด้วย ๑.นายอิสมาแอ มะแซ ๒.นายอุเซ็ง มะแซ ๓.นายอาพันดี พฤติกรรมเป็นมือปืนและชำนาญการในการลอบวางระเบิด

- นายมะรอโซ ฯ วางแผนประชุมสมาชิกในพื้นที่ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อลอบยิงฐานปฏิบัติการของ จนท.ทหาร ในพื้นที่ อ.บาเจาะ, อ.ระแงะ และ อ.รือเสาะ ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.๕๔

- เตรียมก่อเหตุโจมตีฐานปฏิบัติการทหาร หมวดปืนเล็กที่ ๒ ร้อยปืนเล็กที่ ๑ ฉก.นราธิวาส ๓๒

- เมื่อ ๒๕ เม.ย.๕๕,๑๘๓๐ นายมะรอโซ จันทรวดี และสมาชิก ๕ - ๗ คน แต่งกายชุดดำพร้อมอาวุธสงครามคล้าย ทพ. ได้เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ม.๓ บ.ดูกู ต.บาเจาะ, ม.๒ บ.ปะลุกาสาเมาะ ต.ปะลุกาสาเมาะ และ ม.๑ บ.จำปากอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะฯ เพื่อพบปะหารือกลุ่มแกนนำระดับผู้วางแผนและสั่งการในพื้นที่ คาดว่าเป็นการพบปะหารือ เพื่อวางแผนสร้างสถานการณ์ก่อความไม่สงบครั้งใหญ่ในพื้นที่ ๓ จชต. เนื่องจากใกล้วันครบรอบเหตุการณ์ บ.กรือแซะฯ

- เมื่อ ๙ มิ.ย.๕๕ ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวว่า ในวันที่ ๘ มิ.ย.๕๕ นายมะรอโซ จันทรวดี มีหมายจับ ป.วิอาญาฯ ได้เดินทางมาพบกับสมาชิกกลุ่ม ผกร.ในพื้นที่ บ.กาเยาะมาตี ม.๓ ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะฯ คาดว่าน่าจะมาพบแนวร่วม หรือเตรียมวางแผนเพื่อก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ

- เมื่อ ๑๕ มิ.ย.๕๕ เวลาประมาณ ๒๒๓๐ คนร้าย จำนวน ๒ คน ขับขี่รถ จยย. ยี่ห้อ ฮอนด้า ไม่ทราบทะเบียน เป็นยานพาหนะ มาจอดบริเวณ หน้าบ้านเลขที่ ๑/๑ บ.ดูกู ม.๒ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ใช้อาวุธปืน ยิง ส.ต.ต.อิสมาแอ อาแว อายุ ๒๖ ปี บ้านเลขที่ ๔๔/๓ ม.๔ ต./อ.รือเสาะฯ (สังกัด ปพ.ศชต.), นายดอเลาะ อาแว อายุ ๔๙ ปี (บิดา) และนายอาแซ อาแว อายุ ๔๑ ปี (น้าชาย) บ้านเลขที่ ๔๔/๕ ม.๔ ต./อ.รือเสาะ ฯ (ผช.ผญบ.) ขณะกำลังเตรียมงานแต่งงาน ของ ส.ต.ต.อิสมาแอ ฯ ที่บ้านเจ้าสาว กระสุนถูก นายอาแซฯ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ,นายดอเลาะฯ บริเวณแขน ได้รับบาดเจ็บ และ กระสุนถูก ส.ต.ต.อิสมาแอฯ บริเวณท้ายทอย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถ จยย.หลบหนีไป คนร้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ก่อนหลบหนีคนร้ายได้เอาอาวุธปืนพกสั้นขนาด ๙ มม.จำนวน ๑ กระบอก และขนาด .๓๘ จำนวน ๑ กระบอก ของนายอาแซฯ และ ส.ต.ต.อิสมาแอ ฯ หลบหนีไปด้วย

- ตามที่ปรากฏข่าวเมื่อ ๓๐๐๘๐๐ ก.ค.๕๕ กลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.บาเจาะ และ อ.ยี่งอ จว.น.ธ. โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวทราบชื่อบุคคลต้องสงสัยคือนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำระดับผู้ปฎิบัติการขบวนการ RKK ปัจจุบันหลบหนีคดีความมั่นคงและเคลื่อนไหวในพื้นที่อ.เมือง จว.น.ธ. และ อ.สายบุรี จว.ป.น. เป็นแกนนำระดับผู้ปฎิบัติการ และ ควบคุมพื้นที่ อ.บาเจาะ และ อ.ยี่งอ จว.น.ธ. โดยเป็นบุคคลต้องสงสัยในการลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.บาเจาะ ฯ เมื่อ ๓๐ ก.ค.๕๕ บุคคลดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด(เป็นมือปืนคุ้มกันให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ )

- เมื่อ ๑๕ ส.ค.๕๕ นายมะรอโซ จันทรวดี หรือ แบ แกนนำระดับผู้ปฏิบัติการขบวนการ RKK พร้อมกับกับพวกอีก ๓-๕ คน มีอาวุธสงครามติดตัว เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บาเจาะ จว.น.ธ. (พื้นที่เขตติดต่อกับ อ.สายบุรี จว.ป.น.) โดยเชื่อมโยงในการเข้าในพื้นที่ อ.สายบุรี จว.ป.น.

- เมื่อ ๒๐ ส.ค.๕๕ กลุ่ม ผกร.ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา เข้ามาสมทบกับสมาชิกกลุ่มนายมะรอโซ จันทรวดี บริเวณเทือกเขาบูโด ในพื้นที่ บ.ปะลุกาสาเมาะ หมู่ที่ ๒ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ ฯ เพื่อประชุมวางแผนเตรียมร่วมกันก่อเหตุในการลอบยิงทหาร และ ตร. ขณะ ลว.บนถนนสายบาเจาะ - ยะลา ในเขตพื้นที่ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ ฯ ตั้งแต่ ๓๑ ส.ค.๕๕ เป็นต้นไป เพื่อเป็นการตอบโต้กรณีเมื่อ ๑๙ ส.ค.๕๕ เจ้าหน้าที่จับกุมนายอัชชัน สามะ อายุ ๒๓ปี สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ ๓๖ บ.ชูโว หมู่ที่ ๕ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ ฯ ซึ่งถูกจับกุม ในพื้นที่ บ.คลอแระ หมู่ที่ ๓ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ ฯ

- เมื่อ ๖ ก.ย.๕๕ ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวว่า นายมะรอโซ จันทรวดี อายุ ๓๑ ปี/๕๕ บุคคลมีหมายจับ ป.วิอาญาฯ ได้เดินทางมาพบกับสมาชิกกลุ่ม ผกร. ในพื้นที่ บ.ฮูแตยือลอ ม.๖ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จว.นราธิวาส คาดว่าเข้ามาดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเตรียมวางแผนก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าว

- เมื่อ ๓๐๐๘๐๐ ก.ค.๕๕ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด(เป็นมือปืนคุ้มกันให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่)

- สุดท้ายก่อคดีสังหารครู ชลธี เจริญชล ครูมุสลิมผู้แสนดีเมื่อ 25 ม.ค. 56

เป็นหางว่าว โอ้ผู้หลงผิด ผู้หลงทาง หลงทางไกลเหลือเกิน

คนตามข่าว
บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
หน้า: 1 ... 16 17 18 [19] 20 21 22 ... 25
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.146 วินาที กับ 22 คำสั่ง