สงสัยเกี่ยวกับจำนวนวันในโทรศัพท์แบบเติมเงิน

[นายกระจง]

ขออนุญาตสอบถามครับ

ปัจจุบันนี้ โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน ยังมีการหมดวันใช้งานแม้ว่าจำนวนเงินเรายังคงเหลืออยู่อีกหรือครับ บางครั้งไม่ได้ใช้นาน พอจะโทรออกก็บอกว่าหมดวัน ให้ไปเติมเงินก่อนนะครับ

ขอบคุณครับ

[PU45™]

ไม่โปร่งใส ....... ฟ้องเลย ฟ้องๆๆๆ

[yod - รักในหลวง ครับ]

ยังใช้อยู่ครับ

ทั้ง ๆ ที่คำสั่งศาลปกครอง ก็ออกมาแล้ว

แต่ ทำ มึนกัน

จำได้มั้ยครับ  ที่มีโฆษณา เอาเงินของเราคืนมา น่ะครับ

จนบัดนี้ ก็ยังไม่สามารถ ทำอะไรได้

ค่ายอื่น สามารถคืนเงิน/ ย้ายจำนวนเงิน ไปสู่หมายเลขอื่นได้ ในค่ายเดียวกัน

มีแต่ AIS ไม่สามารถทำอะไรได้  คืนเงินก็ไม่  กูกินเรียบ มีนลูกเดียว

ของผม ยื่น ไปเป็นปี ก็เงียบ

พลังมวลชน ไม่มากพอ ที่จะล้มกระดานนี้ครับ

[นายกระจง]

ไม่โปร่งใส ....... ฟ้องเลย ฟ้องๆๆๆ

อย่ายอนนะครับ  ขอรายละเอียดด้วยครับ เครือข่ายเอไอเอสด้วยครับ ช่วงนี้ไม่ได้ไปศาลหลายวันแล้วครับ

[นายกระจง]

ยังใช้อยู่ครับ

ทั้ง ๆ ที่คำสั่งศาลปกครอง ก็ออกมาแล้ว

แต่ ทำ มึนกัน

จำได้มั้ยครับ  ที่มีโฆษณา เอาเงินของเราคืนมา น่ะครับ

จนบัดนี้ ก็ยังไม่สามารถ ทำอะไรได้

ค่ายอื่น สามารถคืนเงิน/ ย้ายจำนวนเงิน ไปสู่หมายเลขอื่นได้ ในค่ายเดียวกัน

มีแต่ AIS ไม่สามารถทำอะไรได้  คืนเงินก็ไม่  กูกินเรียบ มีนลูกเดียว

ของผม ยื่น ไปเป็นปี ก็เงียบ

พลังมวลชน ไม่มากพอ ที่จะล้มกระดานนี้ครับ

ต้องทำอย่างไรบ้างครับ เดี๋ยวผมจะช่วยอีกแรงครับพี่ยอด

[JUNGLE]

ผมเพิ่งโดนไปกับซิมคงกระพันของดีแตก... คือหมายเลขนั้นเป็นหมายเลขสำรอง... เอาไว้ใช้ในเวลาที่ต้องเดินทางไปในที่ที่หมายเลขหลักใช้ไม่ได้... โดยการสั่งให้โอนสายจากเบอร์หลักมายังเบอร์สำรอง...... และทุกๆ ครั้งที่ใช้งาน... จะได้รับวันเพิ่มหนึ่งพันชั่วโมง... หรือสี่สิบกว่าวัน... แต่พอผมไม่ได้ใช้ราวๆ สามเดือน... พวกก็ตัด... บอกให้ไปเติมเงินก่อนถึงจะโทรได้... ผมก็ไปเติมเพราะยังจำเป็นต้องใช้อยู่... จำได้ว่าล่าสุดมีเงินเหลืออยู่ในซิมร้อยกว่าบาท...

...แล้วก็ห่างไปไม่ได้ใช้อีกสาม-สี่เดือน... เอามาเช็ก... และรู้ว่าต้องโดนตัดอีกแน่... เลขไปเติมเงินเข้าไปหนึ่งร้อยบาท... พอเอาซิมมาใส่มือถือดู... ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณ... เปลี่ยนไปใส่เครื่องอื่นก็ก็ไม่มีสัญญาณ... โทรไปเข้าคอลเซ็นเตอร์... กลับไม่มีใครรับสาย...

...เงินสองร้อยกว่าบาทที่เสียไปไม่เสียดายหนอกครับ... แต่มันเสียความรู้สึก... หมายเลขนี้เติมเงินมาหลายพันหลายหมื่นบาทแล้ว...

[yod - รักในหลวง ครับ]

***ค่าปรับที่เอกชนต้องจ่าย
       
       สำหรับค่าปรับที่เอกชนต้องจ่ายนั้นแบ่งเป็นกรณีกำหนดวันหมดอายุในระบบพรีเพดปรับวันละ 100,000 บาทนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2555 และกรณีการลงทะเบียนผู้ใช้บัตรเติมเงินล่วงหน้านั้นกสทช.สั่งปรับวันละ 80,000 บาท โดยมีคำสั่งปรับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2555 ซึ่งทั้ง 2 กรณีจะปรับไปจนกว่าทั้ง 3 ค่ายมือถือชำระค่าปรับดังกล่าวแล้ว หรือมีการพิจารณายุติการปรับจากบอร์ดกทค.
       
       ขณะที่อัตราขั้นสูง 99 สตางค์ต่อนาทีนั้นจริงๆแล้วมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อ วันที่ 4 เมษายน 2555 แล้ว โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ (ผู้ประกอบการที่มีอำนาจเหนือตลาด) เก็บค่าบริการได้ไม่เกิน 99 สตางค์ต่อนาที แต่ประกาศฯ ได้ผ่อนผันว่าสำหรับค่าบริการตามสัญญาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นให้ดำเนินการต่อไปได้จนกว่าระยะเวลาสัญญาจะสิ้นสุด แต่จะต้องไม่เกินกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ดังนั้นหมายความว่า พอเข้าสู่วันที่ 1 ม.ค. 56 รายการส่งเสริมการขายหรือโปรโมชั่นของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือประเภทเสียงทั้งหมดก็จะต้องอยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 99 สตางค์ต่อนาที

[yod - รักในหลวง ครับ]

ขณะที่ นายวิเชียร์ เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส เปิดเผยหลังการตรวจสอบว่า เอไอเอส ได้ดำเนินการขยายระยะเวลาไป 30 วัน  และไม่มีการปิดเบอร์ลูกค้าในกรณีที่วันหมด ซึ่งได้เริ่มทำตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.เป็นต้นมา


ศาลยกคำร้องของ ค่ายทรูมูฟ ที่ขอทุเลาค่าปรับวันละ 1 แสนบาท (ตั้งแต่ 30 พฤษภาคม 2555) จากการกำหนดวันหมดอายุในโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินและมีการยึดเงินเข้าระบบ สั่งทุกค่ายต้องจ่ายค่าปรับ จนกว่าจะมีการพิจารณาคดี

          หลังมีคำสั่งจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้มีการปรับเงินค่ายมือถือที่ยึดเงินจากผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน (Pre-Paid) วันละ 100,000 บาท โดยเริ่มคิดค่าปรับตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ทำให้ค่ายมือถืออย่าง ทรูมูฟ ต้องส่งตัวแทนเพื่อยื่นฟ้อง นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม เพื่อขอให้ศาลทุเลาคำสั่งปรับ และกำหนดมาตรการรวมถึงวิธีบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนพิพากษา

          ล่าสุด วันนี้ (11 ธันวาคม) นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า คำสั่งจากศาลปกครองกลางโดยสรุป คือมีคำสั่งให้ยกคำขอจากทรูมูฟทั้งหมด ทั้งคำขอทุเลาการบังคับคำสั่งปรับ และคำขอให้กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนพิพากษา

          เนื่องจากศาลเห็นว่า หากมีการพิพากษาแล้วค่ายมือถือไม่ต้องเสียค่าปรับ ก็มีสิทธิ์ได้รับค่าปรับคืน ซึ่งไม่ใช่ความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยา แต่หากมีการทุเลาคำสั่งปรับจะเป็นปัญหาและอุปสรรคแก่การบริหารงานของเลขาธิการ กสทช. และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม  ในการคุ้มครองผู้บริโภคมิให้ถูกเอาเปรียบจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า

          ทั้งนี้ นายประวิทย์ ยังกล่าวต่อด้วยว่า ตนอยากเรียกร้องให้ค่ายมือถือ ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งยุติธรรมกับผู้บริโภค โดยควรยกเลิกการกำหนดวันหมดอายุของโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน และควรเร่งจ่ายเงินค่าปรับตามคำสั่ง กสทช.

          นอกจากนี้ นายประวิทย์ ยังให้ความเห็นว่า ในการออกใบอนุญาต 3G ที่จะเกิดขึ้น ควรบังคับใช้ประกาศห้ามมีวันหมดอายุดังกล่าวเข้าไปด้วยเลย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นเหมือนในระบบ 2G และฝากให้ผู้ใช้บริการรับทราบสิทธิอันชอบธรรมนี้ด้วย

[yod - รักในหลวง ครับ]

วันนี้ ( 19 ม.ค.) นพ.ประวิทย์  ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.)ด้านคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยถึงกรณีที่กสทช.ลงพื้นที่ตรวจสอบค่ายมือถือ เมื่อวานนี้ แล้วพบว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ,บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นหรือ ทรูมูฟ ภายหลังยังไม่สามารถปฎิบัติตามประกาศกสทช. ที่ห้ามไม่ให้กำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงิน ว่า  ประกาศดังกล่าว ออกมาตั้งแต่ปี 2549  การที่ผู้ประกอบการค่ายมือถืออ้างว่า ยังติดปัญหาทางเทคนิค และอยู่ระหว่างดําเนินการให้เป็นไปตามประกาศนั้นเป็นไปไม่ได้  ดังนั้นการที่ค่ายมือถือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยขยายเวลาไป 30 วัน การนำเงินในระบบมาแลกจำนวนวัน หรือการขยายเวลาหากลูกค้าใกล้หมดอายุ จึงเป็นการประวิงเวลาของภาคเอกชน และมองเรื่องของธุรกิจมากกว่า ส่วนกรณีรับเรื่องร้องเรียนของกสทช.ที่เบอร์ 1200 ที่ขยายเวลาออกไปเป็น 8.30-22.00 น. นั้น น.พ.ประวิทย์ กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงรับ  ทั้งนี้ ภาคเอกชนหรือค่ายมือถือ  ควรที่จะขยายระยะเวลาของการใช้บัตรเติมเงินออกไปแบบอัตโนมัติ เป็น 1 ปี หรืออย่างน้อย 3 – 4 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากแก่ผู้บริโภค

นพ.ประวิทย์  กล่าวอีกว่า สำหรับการจ่ายค่าปรับทางปกครองนั้น เมื่อเลขาธิการกสทช.ส่งหนังสือถึงค่ายมือถือก็ต้องจ่าย  ส่วนการคำนวนค่าปรับทางปกครองเพิ่มเติม มองว่าควรคำนวนจากความเสียหายของผู้บริโภคและรายได้ผลประโยชน์ของค่ายมือถือด้วย.

[yod - รักในหลวง ครับ]

หลายคนที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงิน หรือ พรีเพดนั้น คงคุ้นชินกับบัตรเติมเงินกระดาษใบแข็ง ๆ ก่อนที่พัฒนาทางเลือกให้มีการเติมเงินระบบพรีเพดรูปแบบออนไลน์ และควบคู่มาพร้อมเงื่อนไขคือ การระบุวันหมดอายุตามจำนวนเงินที่เติม อาทิบัตรเติมเงิน 50 บาท ใช้งานได้ 5 วัน
   
และหากผู้บริโภคไม่เติมเงินเพื่อรักษาวันก็ถูกตัดไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ หรือแม้กระทั่งผู้บริโภคบางรายมีเงินค่าโทรฯแต่วันหมดก็ถูกยึดเงินคืน ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่เอาเปรียบผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
   
ดังนั้นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จึงประกาศตัวเดินหน้าปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 เพราะไม่สามารถนิ่งเฉยทนเป็นเสือกระดาษได้
   
เนื่องจากมีผู้บริโภคจำนวนกว่า 92% หรือ 82 ล้านราย ที่อยู่ในระบบพรีเพดทั้ง 3 ค่าย ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส จำนวน 35%, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค จำนวน 27% และบริษัท ทรูมูฟ จำนวน 20% จำกัด เบื้องต้นดำเนินการเรียกค่าปรับทางปกครองค่ายมือถือที่วันละ 1 แสนบาท โดยเริ่มคิดตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 55 จนกว่าจะมีการหยุดกำหนดวันหมดอายุ
   
ในขณะที่การเจรจาต่อรองห้ามกำหนดวันหมดอายุระบบพรีเพด เลยนั้นเห็นจะไม่ได้ผลสัมฤทธิ์ เนื่อง จาก กสทช.ยอมรับฟังเสียงเอกชนที่ชี้แจงว่า มีต้นทุนประกอบธุรกิจ รวมทั้งจำเป็นต้องมีค่ารักษาเลขหมาย จึงมีการตกลงให้เสนอเงื่อนไขว่าจะกำหนดวันหมดอายุ แต่อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 30 วัน ซึ่งเท่ากับว่าประเทศไทยก็ยังคงมีกำหนดวันหมดอายุอีกเช่นเคย   

 

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ในขณะที่ กสทช. เริ่มจริงจังในการบังคับกำหนดวันหมดอายุพรีเพดนั้น ยังมีประกาศ กสทช. เรื่อง อัตราค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ. 2555 ระบุให้ค่าบริการไม่เกิน 99 สตางค์/ นาที บังคับใช้ค่ายมือถือ 2 ราย ได้แก่ เอไอเอส และ ดีแทค ซึ่งทุกโปรโมชั่นเมื่อคำนวณแล้วต้องไม่เกิน 99 สตางค์ ซึ่งค่ายมือถือก็ได้ปฏิบัติตาม โดยโปรโมชั่นที่เกิน 99 สตางค์จะไม่มีให้บริการต่อไป
   
อย่างไรก็ตาม กสทช. ประกาศเป็นปีทองแห่งการคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นการบังคับกฎหมายโดยเฉพาะการห้ามกำหนดวันหมดอายุระบบพรีเพดที่มีจำนวนกว่า 82 ล้านรายจะได้รับประโยชน์และสิทธิที่พึงได้รับต่อไป
   
ทว่านับจากนี้ หากค่ายมือถือ และ กสทช.หันกลับมาใส่ใจผู้บริโภคมากเท่าไร ผลพลอยได้ที่ตามมาคือ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยก้าวหน้า ไม่ถอยหลังลงคลอง.

[yod - รักในหลวง ครับ]

กสทช.ขีดเส้น 30 วันกำหนดขั้นต่ำวันหมดอายุมือถือเติมเงิน ชี้คุ้มครองผู้บริโภคให้ไม่ต้องเร่งการใช้งานและเร่งเติมเงินเกินความจำเป็น

นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (กทค.)  เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับวันหมดอายุของบัตรเติมเงินและการให้บริการนัมเบอร์พอร์ทอะบิลิตี้ (การโอนย้ายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่จากค่ายหนึ่งไปอีกค่ายหนึ่งโดยใช้เบอร์เดิม) ว่า ในการหารือ กทค.ได้ให้เวลาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 30 วัน ซึ่งครบกำหนดวันที่ 8 มี.ค. ในการกำหนดวันหมดอายุของการเติมเงินขั้นต่ำของมือถือแบบเติมเงินว่าจะอยู่ที่กี่วัน เนื่องจากปัจจุบันการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ 30 บาทมีอายุอยู่ได้ 3 วัน หากต้องการมีอายุอยู่ได้ 1 เดือน หรือ 30 วันต้องเติม 300 บาท ทั้งที่ตัวเลขเฉลี่ยของการใช้งานโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินอยู่ที่เดือนละ 200 บาท

“การกำหนดวันหมดอายุของการเติมเงินมือถือต้องดูความเหมาะสมต้องอยู่ให้ได้ทั้งผู้ประกอบการและเป็นธรรมกับผู้บริโภค ซึ่งตามประกาศของกทช.ก่อนมีกสทช.กำหนดให้การเติมเงินขั้นต่ำมีอายุอยู่ที่ 1 ปี ซึ่งเบื้องต้นผู้ให้บริการต้องไปกำหนดวันที่เหมาะสมมาเช่น 60 วัน 90 วัน หรือ 180 วัน หากได้จำนวนวันที่ชัดเจนแล้วก็ยื่นหนังสือขอความเห็นชอบจาก
กทค.แล้วมีผลบังคับใช้ทันที”

การกำหนดวันหมดอายุการเติมเงินจะมีผลดีต่อผู้บริโภคเพราะไม่ต้องถูกเร่งรัดให้เติมเงินและไม่ต้องเร่งใช้งานทั้งที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการปรับความจุการให้บริการนัมเบอร์พอร์ทอะบิลิตี้เป็นเดือนละ 40,000 เลขหมาย และคำนวณค่าบริการในการโอนย้ายตามต้นทุนจริงซึ่งปัจจุบันคิดอัตรา 99 บาท/ครั้ง/เลขหมาย ทั้งนี้ ในปี 2553 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนกว่า 70 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบริการเติมเงิน (พรีเพด) 63.4 ล้านเลขหมาย และรายเดือน (โพสต์เพด) 7.22 ล้านเลขหมาย.

[yod - รักในหลวง ครับ]

ตามประกาศกทช.แล้วเงินที่เหลือในระบบเป็นลาภที่เอกชนมิควรได้ ต้องเป็นของผู้บริโภค'

นพ. ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการ สบท. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้ส่งผลกระทบกับภาพรวมในหลายด้านคือ 1.เร่งการใช้งาน 2.เร่งการเติมเงิน 3.เติมเดือนละ 300 บาท แต่ใช้เพียง 200 บาท 4.มีการเติมเกิน 60 ล้านเลขหมายต่อเดือนคิดเป็นมูลค่า 6 พันล้านบาทต่อเดือน 5.บางส่วนที่คงเหลือจะถูกยึดหากไม่เติมเพิ่ม

ผู้อำนวยการ สบท. มองทางออกว่า ควรกำหนดวันใช้งานขั้นต่ำ 6 เดือนหรือ 1 ปี กำหนดวิธีการคืนเงินที่สะดวกและเป็นธรรม กำหนดวิธีการลงทะเบียน กำหนดขั้นต่ำของการเติมเงินที่ไม่สูงเกินไป เช่น 30 บาท

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังหาทางออกกที่ชัดเจนไม่ได้ในการคืนเงินกับผู้บริโภค แต่ก็ยังมีความพยายามในการแก้ปัญหา นั่นคือเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคกิจการโทรคมนาคม (สบท.) และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แถลงภายหลังการหารือกับผู้แทนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้ โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่มีกว่า 60 ล้านเลขหมาย ซึ่งถูกตัดเงินหรือยึดเงินเนื่องจากจำนวนวันหมดอายุก่อน โดยมีมูลค่ามหาศาลว่า เบื้องต้นเห็นว่าผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือต้องปฏิบัติตามประกาศข้อ 11 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ที่ไม่สามารถยึดหรือตัดเงินดังกล่าวได้ แต่ยังมีข้อโต้แย้งที่ผู้ให้บริการและผู้บริโภคอาจไม่สามารถตกลงกันได้ จึงเห็นช่องทางที่ สคบ.จะดำเนินการฟ้องร้องแทนผู้บริโภค หรือการไกล่เกลี่ยหรือฟ้องคดีแทนผู้บริโภคที่เสียหายเพื่อ เป็นการลดภาระและลดขั้นตอนในการทำงานลง

ทั้งนี้ก็เพื่อจะสร้างให้เกิดความเท่าเทียม แม้ว่าจะไม่ได้ร้องเรียนเข้ามา เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป

ก็ได้แต่หวังว่าจะคืนความยุติธรรมให้ผู้บริโภคได้ในเร็ววัน

[yod - รักในหลวง ครับ]

ต้องรู้!!! บัตรเติมเงินกับวันหมดอายุ

หลังจาก กสทช. ได้มีคำสั่งให้ AIS, Dtac และ Truemove ห้ามกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 2555 หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องเสียค่าปรับให้กับทาง กสทช. ซึ่งทางสามค่ายก็ได้ออกมาชี้แจงถึงปัญหาทางด้านเทคนิคทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของทาง กสทช. ได้ ดังนั้นจึงทั้งสามค่ายจึงยื่นคำขอกับทาง กสทช.เพื่อขอความเห็นชอบต่อการกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินได้

จากเหตุผลที่ผู้ให้บริการไม่สามารถจัดการให้บัตรเติมเงินไม่มีวันหมดวันหมดอายุได้เนื่องจาก

1. จำเป็นต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคมให้กับ กสทช.เดือนละ 1.07 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน

2. หากบัตรเติมเงินไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ แล้วผู้ใช้บริการหมายเลขนั้นไม่มีการใช้งาน ไม่มีการเติมเงินเลย ต้นทุนจะตกเป็นภาระของผู้ให้บริการ

3. ถ้าไม่กำหนดวันหมดอายุจะไม่สามารถนำเลขหมายกลับไปหมุนเวียนใช้งานใหม่ได้ ทำให้ต้องจัดสรรหมายเลขใหม่เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ

ข้อมูลล่าสุดพบว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ 118 ล้านเลขหมาย แต่มีผู้ใช้จริงเพียง 83 ล้านเลขหมาย ที่หายไปกว่า 20 ล้านเลขหมายนับเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นทาง กสทช.จึงมีข้อสรุปต่อการยื่นเรื่องขอความเห็นชอบจากทั้ง AIS, DTAC และTruemove ว่า

1. ไม่ว่าจะเติมเงินในราคาเท่าใด แม้กระทั่งต่ำสุด 10 บาท จะต้องมีวันใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 30 วัน

2. เมื่อเติมเงินไปแล้วจะเพิ่มกับจำนวนวันที่มีอยู่ รวมถึงเพิ่มระยะเวลาการสะสมวันสูงสุด 365 วัน

3. เมื่อบอกเลิกสัญญาหรือยกเลิกการใช้หมายเลขนั้นๆ ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินค่าบริการที่คงเหลืออยู่ในระบบให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ผู้ให้บริการอาจกำหนดเงื่อนไขให้สามารถโอนเงินค่าบริการที่ชำระล่วงหน้าไว้ไปยังเลขหมายอื่นที่อยู่ในโครงข่ายเดียวกันได้

4. หากผู้ใช้บริการพบว่า เมื่อมีการเติมเงินแล้วยังไม่เข้าเงื่อนไขที่กล่าวไป 3 ข้อ สามารถแจ้งไปยังค่ายมือถือที่คุณใช้ หรือร้องเรียนกับ กสทช.ได้ที่เบอร์ 1200

สำหรับการประกาศใช้เงื่อนไขตามที่ กสทช. กำหนดออกมาจากทั้ง AIS, DTAC และ Truemove น่าจะมีออกมาในเร็วๆนี้ และเชื่อว่าเงื่อนไขที่ กสทช. กำหนดออกมาน่าจะมีผู้ใช้บริการหรืออีกหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาตั้งคำถามถึงข้อดีข้อเสียต่อวิธีปฏิบัติในการครั้งนี้แน่นอน

[yod - รักในหลวง ครับ]

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันดีเดย์ที่ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะดำเนินการเอาผิดกับบรรดาบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ที่ยังมีการออกข้อกำหนดเรื่องวันหมดอายุบัตรเติมเงิน เนื่องจากมีความผิดเพราะฝ่าฝืนประกาศเรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ตั้งแต่สมัยยังเป็น สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จนตอนนี้ผ่านมาถึง 7 ปี กสทช. เพิ่งจะมีมาตรการเด็ดขาดเอาผิดกับผู้ประกอบการ ซึ่งเครือข่ายผู้บริโภคคอยติดตามและสอบถามถึงการดำเนินการในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าปัญหานี้เรื้อรังมานาน ผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิของตัวเองถึง 7 ปี เหตุผลมาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบซึ่งเป็นคนออกข้อบังคับเองแท้ๆ แต่กับบังคับใช้กฎหมายของตัวเองไม่ได้

สำหรับบทลงโทษที่ทาง กสทช. จะดำเนินการกับบริษัทผู้ให้บริการหากยังมีการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงิน คือ การปรับเงินจำนวน 100,000 บาทต่อวัน แต่ในส่วนของผู้ใช้ยังไม่มีมาตรการชดเชยใดๆ ในกรณีที่ถูกกำหนดวันหมดอายุหรือถูกยึดเงินเพราะวันหมดแต่เงินในโทรศัพท์ยังเหลือ ผู้ใช้โทรศัพท์แบบบัตรเติมเงินแล้วพบปัญหาเรื่องการกำหนดวันหมดอายุ สามารถร้องเรียนไปได้ที่ กสทช. โทร 1200 ช่วยร้องเรียนกันเยอะๆ เพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง

[yod - รักในหลวง ครับ]

ลิงค์ กระทู้เก่า ที่เคยลงไว้ครับ