ขอบพระคุณทุกท่านนะครับที่กรุณาเข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์และความคิดเห็น หลายท่านก็เจอสภาพแบบผม
ผมก็คงได้แต่ทำใจนะครับ เพราะไม่อยากให้ภรรยาผมซึ่งเป็นลูกของเค้าไม่สบายใจ น้องเค้าก็ไม่ได้เข้าข้างพ่อแม่ของเค้านะครับ ก็รู้อยู่ว่านิสัยของท่านทั้งสองเป็ํนยังไง (ไม่รู้มันจะหน้าใหญ่อะไรนักหนา ก็ครูเหมือนกับคุณแม่ผมนี่หละ) คอยให้กำลังใจผม คืนนั้นน้องเค้าร้องไห้กับผมทั้งคืนพร้อมขอบคุณที่ผมไม่ทิ้งเค้า และไม่อาละวาดกับพ่อตาแม่ยาย เค้าสัญญาว่าจะรีบช่วยกันเก็บเงินใช้หนี้ให้หมดโดยเร็ว ลืมแนะนำตัวไปครับ ผมเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ส่วนภรรยาผมเป็นหมอ ร.พ. รัฐ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้พ่อตาแม่ยายเรียกทุนคืนเยอะก็เป็นได้ครับ
แต่ยังไงในใจลึกๆ ของผม กับพ่อตาแม่ยายคู่นี้ความรุ้สึกดีๆ ที่มีมันหายไปเกือบหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงความเป็นพ่อเป็นแม่ของภรรยาผมเท่านั้นเอง
ขอบคุณทุกท่านที่ทนฟังผมระบายครับ
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ...
เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ เรื่องแบบนี้มันบอกผิดบอกถูกไม่ได้ เพราะใช้ไม้บรรทัดคนละอันเข้าไปทาบ เลยบอกไม่ได้ว่าสั้นยาวหรือเฉหรือตรงได้ไม่เหมือนกันเพราะไม้บรรทัดคนละอันกันกับของพ่อตาแม่ยายครับ... สรุปว่าคือความซวยที่เราต้องยอมรับครับ... ไม่ฮา...
แต่พ่อตาแม่ยายไม่ค่อยคิดให้รอบคอบ เพราะเรื่องกินใจกันแบบนี้แหละ จะทำให้พ่อตาแม่ยายกับลูกเขยจะค่อยๆ ห่างกันไปเมื่อเวลาที่ผ่านไป... แล้วในที่สุดฝ่ายที่ต้องเสียใจคือฝ่ายพ่อตามแม่ยายนั่นแหละครับ เนื่องจากเรื่องนี้มันจะฝังไว้ในใจลืมยาก ก็เพราะเงินปริ่ม 2 ล้านในวันนี้มันมีค่ามากกว่า 20 ล้านที่จะหาได้ในอนาคต เนื่องจากวันนี้อายุยังน้อยยังไม่รู้วิธีทำมาหากิน เงินแค่นี้คือเรื่องใหญ่และต้องการใช้ในเวลานี้เพื่อสร้างครอบครัวฯ แต่ต่อไปในภายหน้าอายุมากขึ้น ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นจะรู้ว่าเงิน 20 ล้านก็สามารถหาได้ในเวลาแป๊บเดียว เพราะตอนนั้นรู้วิธีทำมาหากินแล้ว...
แล้วที่แสบที่สุดคือพ่อตาแม่ยายจะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น หากพ่อตาแม่ยายฉลาด จะพยายามเอาใจลูกเขยเข้าไว้ เพราะต่อไปจะต้องฝากชีวิต ฝากผีฝากไข้เอาไว้กับลูกเขย+ลูกสาว... เพราะเมื่อเวลาผ่านไป พ่อตาแม่ยายจะชราภาพตามสังขารมนุษย์ เมื่อถึงเวลานั้นเงินต่อให้ 200 ล้านบาทก็ไร้ค่าเทียบกับมีคนดูแลสุขภาพที่ไว้ใจได้+เอาใจใส่ไม่ให้เดือดเนื้อร้อนใจสารพัดเรื่องตามประสาคนแก่...
มีเรื่องแปลกใจอยู่ 1 เรื่องครับ ก็คือวัฒนธรรมในครอบครัวจะสอดคล้องเป็นอย่างสูงกับคุณภาพสมองของลูก แปลภาษาชาวบ้านได้ว่าหากพ่อแม่สติปัญญาน้อย+โลกทัศน์แคบ มักเลี้ยงลูกไม่เป็น มีแนวโน้มสูงว่าลูกจะไม่ได้เรียนหนังสือดีๆ... แต่ภรรยา จขกท. เข้าโรงเรียนแพทย์ได้ แสดงว่า"ความสามารถส่วนบุคคล"ของภรรยาดีมากเลยเชียวครับ...
ทีนี้เรื่องที่จะอยู่กับปัจจุบัน... ภรรยา จขกท. รับราชการอยู่ ซึ่งกำลังทำบุญกุศลอยู่ทุกวันที่รักษาผู้เจ็บป่วยตกทุข์ได้ยากอยู่ครับ, แต่ถ้าเมื่อไหร่รู้สึกเบื่อเต็มที่ ออกมาทำงานในภาคเอกชนสามารถมีรายได้เดือนละ 2 - 3 แสนบาทเป็นเบสิคขั้นต่ำเลยเชียวครับ...
เมื่อไหร่ถึงวันนั้น(วันที่เบื่อชีวิตเสียสละเพื่อสังคม) จขกท. จะรู้ว่าเงินแค่นี้มันขี้ประติ๋วครับ ก็รายได้รวมทั้งปีละประมาณ 3 ล้านบาท, ใช้จ่ายสร้างบ้าน+ซื้อรถเงินผ่อนปุ๊บ(เงินน่ะมี แต่จะผ่อนฯ) แล้วเอาเงินก้อนที่ไม่ได้โปะบ้านฯ ไปซื้อกองทุนต่างๆ หรืออย่างปลอดภัยที่สุดก็สลากออมสิน(รายได้ก็ยังมีอยู่) แผล็บเดียวลูกไม่ทันโตก็มีเงินเก็บแยะแล้วครับ... ไม่ฮา...