ทุกวันนี้สังคมไทยจะเชื่อจะปักใจอะไรก็ ต้องไตร่ตรองกันให้รอบคอบ มิฉะนั้นจะตกเป็นเครื่องมือหรือเป็นเหยื่อของ เจ้ากรมข่าวลือ ที่คาดเดากันไปสารพัด บางครั้งก็ ออกมาตรงกันข้ามกับความจริงจากหน้ามือเป็นหลังมือไปฉิบยกตัวอย่างข่าว นายกฯทักษิณ ไปเยือนพม่าอย่างกะทันหันไปบ่ายค่ำกลับ เมื่อวันก่อน
บ้างก็ว่าจะไปเจรจาเรื่องธุรกิจ
บ้างก็ว่าไปสะเดาะเคราะห์
บ้างก็ว่าไปตามใบสั่งสหรัฐฯเกี่ยวกับเรื่องของแร่ ยูเรเนียมที่ใช้ทำอาวุธนิวเคลียร์
ที่หนักข้อก็คือการที่ต้องเอา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ไปด้วย เนื่องจาก กลัวว่าจะปฏิวัติ ผมว่าชักจะไปกันใหญ่ คนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็จะเหมาว่าเป็นเรื่องจริงไป โน่น ขยายความไปถึงเรื่องของภาคใต้ ว่าทำไมเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้ยังมีกะจิตกะใจไปต่างประเทศ
ก็ได้แต่นึกถึงละครไทยเรื่องคำพิพากษา
พื้นฐานของสังคมไทยเป็นเช่นนี้ ทั้งที่ ข้อเท็จจริง เท่าที่ ผมแคะเอามาได้เป็นคนละเรื่อง ไม่มีอะไรในกอไผ่ เรื่องของเรื่องก็คือว่า เมื่อตอนปลายเดือนที่แล้ว มีการประชุมงาน ด้านข่าวกรองประเทศอาเซียน หรืออะไรทำนองนี้ที่พัทยา นายกฯไปร่วมประชุมด้วยก็เผอิญไปเจอ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองพม่า เข้าก็เลยทักทายว่าเมืองหลวงใหม่เป็นอย่างไร ผู้นำสบายดีหรือไม่
เท่านั้นแหละ อีก 3 วันต่อมา ตานฉ่วย ผู้นำพม่าติดต่อมาเชิญให้ไปเยี่ยมเยือนทันที คือ พูดภาษาชาวบ้านก็ อยากไปดูบ้านใหม่เพื่อนบ้าน ว่าเป็นอย่างไร สอบถามสารทุกข์สุกดิบกันธรรมดา ไม่ได้มีพิธีรีตองว่าจะเจรจาอะไรกันเป็นพิเศษ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรฯก็คุยเรื่องการเกษตร คุณยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯก็คุยเรื่องสิ่งแวดล้อมไปตามเรื่อง รวมทั้ง ผบ.ทบ.ที่ร่วมเดินทางไปด้วย ก็ว่ากันเรื่องทหาร เรื่องของปัญหาตามแนวชายแดนเป็นหลัก
เผอิญก่อนไปประเทศพม่า ดันมามี อุบัติเหตุกับรถนำขบวนนายกฯขึ้น เลยดังกันเข้าไปใหญ่ ตั้งคำถามแม้ กระทั่งทำไมนายกฯไม่ลงมาดูแลคนเจ็บ เรื่องนี้ผมคงไปเดาใจนายกฯไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะต้องรีบร้อนเดินทางหรืออะไรก็แล้วแต่
เท่าที่ทราบ หลังจาก นายกฯกลับจากพม่าแล้ว ได้ มอบหมายให้ ผบ.ทอ.ไปเยี่ยมคนเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย มอบเงินส่วนตัวไปช่วยเหลือต่างหาก
เรื่องจริงก็มีอยู่แค่นี้ แต่ไปปั้นน้ำเป็นตัวซะใหญ่โต พับผ่า.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society06&content=15024