อดีตนายกฯหญิงเหล็กอังกฤษ"มาร์กาเร็ต แธตเชอร์"ถึงแก่อนิจกรรมแล้วด้วยวัย 87 ปี

[เบิ้ม]

อดีตนายกรัฐมนตรีมนตรีมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ของอังกฤษ  ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ด้วยวัย 87 ปี

โดยลอร์ดเบลล์ โฆษกประจำตัวนางแธตเชอร์เปิดเผยว่า นายมาร์ค และแครอล แธตเชอร์ บุตรและธิดา ต้องการประกาศให้ทราบว่า บารอนเนสแธตเชอร์ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบหลังมีอาการเส้นเลือดแตกในสมองในช่วงเช้าวันนี้ (8 เม.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น

มาร์กาเร็ต ฮิลดา โรเบิร์ตส์ (Margaret Hilda Roberts) เกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1925 ที่เมืองแกรนแธม ประเทศอังกฤษ ในครอบครับเมโธดิสท์ (Methodist) หัวเก่า เธอได้คุ้นเคยกับแวดวงการเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากพ่อของเธอดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมือง

ในปี ค.ศ. 1947 เธอจบการศึกษาทางด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด และเริ่มทำงานเป็นนักวิจัยด้านเคมี สองปีต่อมา เธอได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนในเขตเลือกตั้งดาร์ทฟอร์ท แม้ว่าเธอจะแพ้การเลือกตั้งครั้งนั้น เธอก็ได้ทำให้ผู้ชนประทับใจด้วยสุนทรพจน์ที่มีพลัง นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่เธอได้พบกับ เดนนิส แธตเชอร์ สามีที่เธอแต่งงานด้วยในภายหลัง เมื่อปี ค.ศ. 1951

จากนั้น มาร์กาเรต แทตเชอร์ ก็หันไปศึกษาต่อทางด้านกฎหมาย ก่อนที่จะให้กำเนิดบุตรฝาแฝดในปี ค.ศ. 1953 เมื่อถึงปี ค.ศ. 1959 แธตเชอร์ได้กลับมาอยู่ในแวดวงการเมืองอีกครั้ง ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ในสภาสามัญชน ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี แทตเชอร์ก็ได้รับตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงบำนาญและหลักประกันแห่งชาติ

ในปี ค.ศ. 1964 พรรคอนุรักษ์นิยม ได้สูญเสียอำนาจฝ่ายรัฐบาล แทตเชอร์จึงได้ทำหน้าที่ในรัฐบาลเงา ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการเมืองในสหรัฐอเมริกาด้วย และในที่สุดก็ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาลเงา

พรรคอนุรักษ์นิยม ได้กลับมามีอำนาจในรัฐบาลอีกครั้งในปี ค.ศ. 1970 แทตเชอร์ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ และได้ตัดงบประมาณหลายอย่างที่คนส่วนมากไม่เห็นด้วย

ในปี ค.ศ. 1976 เธอได้รับสมญานามจากสื่อหนังสือพิมพ์ของประเทศรัสเซียว่าเป็น "หญิงเหล็ก" (The Iron Lady) จากการแสดงออกที่ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน บรรยากาศทางการเมืองที่ยุ่งเหยิงของประเทศอังกฤษ ซึ่งรวมถึงปัญหาเกี่ยวกับสหภาพแรงงาน การว่างงานสูง และสภาพการเงินที่ฝืดเคือง ก็ช่วยให้พรรคอนุรักษ์นิยมเข้าสู่อำนาจอีกครั้งในปี ค.ศ. 1979  ในวันที่ 4 พฤษภาคม ปีเดียวกันนั้น มาการ์เรต แธตเชอร์ ได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอังกฤษ


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1365423333&grpid=00&catid=06&subcatid=0600


ได้ยินชื่อเสียงท่านตั้งแต่เด็กๆครับ 

[PU45™]

R.I.P

[จอยฮันเตอร์]

ขอแสดงความเสียใจต่อ "หญิงเหล็ก" ด้วยครับ

[เบิ้ม]

ชีวิตทางการเมือง

นางแทตเชอร์เข้าสู่การเมืองได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งฟินช์เลย์เป็นครั้งแรก พ.ศ. 2502 ร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเงา พ.ศ. 2510 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ในปี พ.ศ. 2513-2517 เป็นอัครมหาเสนาบดีเงาร่วม (joint shadow Chancellor) พ.ศ. 2517-18 และใน พ.ศ. 2520 ได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมแทนนายเอดเวิร์ด ฮีท แทตเชอร์เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของอังกฤษ

ด้วยการนำโดยแทตเชอร์ พรรคอนุรักษนิยมได้กลายเป็นพรรคขวาจัดมากขึ้น ทำให้การเมืองและสังคมของประเทศอังกฤษแบ่งขั้วมากที่สุดนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลแทตเชอร์ได้ใช้นโยบายปฏิรูปที่ค่อนข้างรุนแรง สนับสนุนกิจการเอกชน แปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคที่รัฐบาลก่อน ๆ ยึดเป็นของรัฐคืนเอกชนด้วยการกระจายหุ้น ลดบทบาทสหภาพแรงงาน ลดภาษีเงินได้ และพยายามจัดตั้งบรรษัทขึ้นดูแลการศึกษาและสาธารณสุขที่เป็นหน้าที่ของรัฐ

นางแทตเชอร์ได้รับเลือกกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลวาระที่ 2 ในปี พ.ศ. 2526 โดยได้เสียงข้างมากทั้ง ๆ ที่อัตราการว่างงานของอังกฤษต่ำที่สุดในรอบ 50 ปี สงครามฟอล์กแลนด์และความระส่ำระสายของพรรคฝ่ายค้านทำให้ความนิยมแทตเชอร์เพิ่มมากขึ้นและได้รับเลืกกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลวาระที่ 3 ในปี พ.ศ. 2530 และเมื่อถึงปี พ.ศ. 2531 แทตเชอร์ได้ทำสถิติกลายเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดในคริสต์ศตวรรษ ที่ 20 แทตเชอร์ได้รับการขนานนามว่า “ลัทธิแทตเชอร์” (Thatcherism) และด้วยเหตุผลที่แทตเชอร์เป็นผู้ดึงดันยึดมั่นในนโยบายอย่างมั่นคงไม่ว่าจะถูกคัดค้านจากนักวิจารณ์ว่าอย่างไร รวมทั้งจากการกังขาไม่แน่ใจของผู้สนับสนุนรัฐบาลเองด้วย

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%95_%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

[Zeus-รักในหลวง]

R.I.P
 

[aretit]

พึงดูข่าวเมื่อสักครู่ เห็นในข่าวบ่อยมากตอนเด็กๆครับ

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ   

[Jedth]

R.I.P.  

[Twitter 125]

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ 

[แปจีหล่อ]

ขอไว้อาลัยกับการจากไปของท่านครับ

[Yut64]

RIP madam

[JJ-รักในหลวง]

ขอไว้อาลัยในการจากไปของท่านฯ ด้วยครับ

[rute - รักในหลวง]

rip ครับ...

[เบิ้ม]

เท่าที่อ่านดู ยุคที่ท่านมาร์กาเร็ตเป็่นนายกรัฐมนตรี การเมืองยุคนั้นน่าจะตรงกันยุคเดอะบิทเทิ้ล กระแสคอมมิวนิสและเสรีประชาธิปไตยปะทะกันเต็มที่ ยุคสงครามเวียดนาม อังกฤษและสหรัฐเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น ถือว่าท่านเป็นผู้หญิงแถวหน้ามากครับ ในสถานะการณ์ห้วงนั้น บ้านเราก็ยุ่งเหยิงมากมายในห่วงเวลานั้น ซ้าย-ขวาชนกันกะเขาด้วยตามกระแสโลก ..

[เบิ้ม]

อังกฤษเตรียมจัดพิธีศพ"มาร์กาเร็ต แธตเชอร์"ยิ่งใหญ่เทียบเท่า"เจ้าหญิงไดอานา"

สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีรับสั่งให้จัดพิธีศพ ให้แก่นาง มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งถึงแก่อสัญกรรมขณะมีอายุได้ 87 ปี ที่มหาวิหารเซนต์ปอล

แถลงการณ์ระบุว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 ทรงมีพระบรมราชโองการให้รัฐบาลจัดพิธีศพในแบบพิธีเกียรติยศทางทหาร โดยจะมีบุคคลหลากหลายสาขาเข้าร่วมไว้อาลัย อาทิ ครอบครัวและมิตรสหาย, นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน และรองนายกฯนิค เคลกก์ ก่อนจะมีพิธีฝังศพซึ่งจะจัดขึ้นเป็นการภายใน

อย่างไรก็ดี สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆเพิ่มเติมว่าพิธีจะจัดขึ้นในวันหรือเวลาใด โดยระบุเพียงว่า การจัดพิธีจะเป็นไปตามความปรารถนาของครอบครัวนางแธตเชอร์


ก่อนถึงวันพิธีหนึ่งวัน โลงบรรจุศพของนางแธตเชอร์จะได้รับการเคลื่อนย้ายมาตั้งไว้ภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์เป็นเวลาหนึ่งคืน ซึ่งจะมีการประกอบพิธีทางศาสนา

 

โดยในวันพิธี ทางการจะทำการปิดถนน เพื่อให้โลงบรรจุศพของเธอเดินทางไปยังโบสถ์นักบุญเคลมองต์ เดนส์ ซึ่งเป็นโบสถ์ของกองทัพอากาศ  ต่อมาจะมีการย้ายโลงศพไปไว้บนรถบรรทุกปืนใหญ่ของหน่วยทหารปืนใหญ่  โดยจะมีกองทหารเกียรติยศอีกส่วนทำหน้าที่เชิญรถบรรทุกศพของแธตเชอร์เคลื่อนไปยังมหาวิหารเซนต์ปอลต่อไป โดยหน่วยทหารเกียรติยศจะทำหน้าที่รับและเคลื่อนต่อไปยังภายในมหาวิหาร

 ทั้งนี้ พิธีศพจะไม่เปิดให้สาธารณชนทั่วไปเข้าร่วม แต่จะมีการถ่ายทอดสอดผ่านโทรทัศน์ และประชาชนทั่วไปสามารถร่วมไว้อาลัยตลอดแนวถนนที่ขบวนเคลื่อนผ่านได้ รัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า จะยังคงมีการลดธงครึ่งเสาที่สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันนี้ (9 เม.ย.)ต่อไป


ทั้งนี้ พิธีศพของนางแธตเชอร์จะไม่ได้มีการจัดในลักษณะ"รัฐพิธี" แต่จะมีความสำคัญเทียบเท่ากับพิธีพระศพของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระบรมราชชนนี สมเด็จพระราชมารดาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อปี 2002 และไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อปี 1997