มันมีวิธีตีราคามูลค่าปืนได้ 2 วิธีครับ...
วิธีที่ 1) ตีราคาแบบ"ความพอใจจ่าย"นั่นคือราคาปืนต้องสมเหตุสมผลกับรายรับ รสนิยม ความชืนชอบ ฯลฯ โดยเทียบกับสินค้าอื่นที่สามารถสร้างความพึงพอใจได้ในระดับเดียวกัน... อย่างนี้ราคาปืนในปัจจุบันเกินมูลค่าความพอใจของนายสมชายไปแล้วครับ...
วิธีที่ 2) ตีราคาแบบ"ประกันภัย" นั่นคือทำนองเดียวกับมูลค่าเบี้ยประกันสูงสุดที่สามารถยอมรับได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในทรัพย์สิน(หรือชีวิต), ทำนองเดียวกับเบี้ยประกันรถยนต์โตโยต้า จะต้องถูกกว่าเบี้ยประกันรถเบ็นซ์ เป็นต้น... อย่างนี้คือมองว่าอาวุธปืนคือ"กรมธรรม์"สำหรับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินครับ(เพราะพึ่งพาตำรวจไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์)...
หากมองว่าปืนคือของจำเป็น... มูลค่าปืนของนายสมชายก็ตามข้างล่างครับ...
ยอมรับได้ไม่เกินกระบอกละ 4 ล้านครับ... เพราะหากราคาเกินกว่านั้นจะย้ายบ้านหนีโจร/ขโมย, แล้วเอาตังค์ปริ่ม 4 ล้านไปซื้อทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กๆ ย่านชานเมืองที่ปลอดภัยอยู่ครับ หากหลังเล็กกว่านี้อยู่ไม่ได้แล้วครับ อึดอัดแย่เลย...
แต่เขียนไปนี่ก็นึกไปด้วย... เอาเข้าจริงๆ ราคาเกินกว่านั้น 10 เท่าก็ต้องยอมจ่ายครับ เพราะราคาปืนมันต้องเทียบกับราคาชีวิต เพราะต้องยอมสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตครับ...