ผมเคยฟังบรรยายที่ขนส่งบอกว่าเรามีสิทธิที่จะไม่เป่า ถ้าเกิดดื่มมากแล้วเราคิดว่าถ้าเป่าแล้วโดนแน่ๆ
ให้จอดรถก่อนถึงด่านแล้วนอนคอยจนกว่าด่านจะเลิก เพราะกฎหมายบังคับเราเป่าไม่ได้
แต่ผมไม่เคยใช้นะครับ และไม่แนะนำให้ใช่บ่อย
เพื่อนผมเคยโดนข้อหานี้ เป่าไม่ผ่าน เรียกเงินหนึ่งหมื่นบาทถ้วนแลกกับการไม่ต้องไปนอนคุกครับ
ดื่นไม่ขับปลอดภัยที่สุดครับ
ผิดถูกประการได้ขออภัยนะครับ ฟังเข้าเล่ามา
พระราชบัญญํติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓(๒) ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น...
เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่
มีอำนาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถได้ตามมาตรา ๑๔๒ วรรคหนึ่ง เพื่อทำการทดสอบว่าผู้ขับขี่เมาสุราหรือไม่ ตามมาตรา ๑๔๒ วรรคสอง
และในกรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบให้มีอำนาจกักตัวเพื่อทำการทดสอบได้ตามมาตรา ๑๔๒ วรรคสาม การทดสอบผู้ขับขี่ว่าเมาสุราหรือไม่ ให้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ.๒๕๓๗) คือ ๑. ตรวจวัดลมหายใจด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจหรือทดสอบ
โดยวิธีเป่าลมหายใจ ๒. ตรวจวัดจากปัสสาวะ ๓. ตรวจวัดจากเลือด
ถึงแม้จะมีถึง ๓ วิธีการ ก็ตาม แต่การตรวจวัดตาม ๒หรือ๓ จะใช้ได้เฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถทดสอบตาม๑ ได้เท่านั้น ผลของการตรวจสอบถ้าปรากฎว่าผู้ขับขี่เมาสุรา
จะเป็นความผิดตามมาตรา ๑๔๒ ที่มีโทษตามมาตรา ๑๖๐ คือ จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(ต้องส่งเรื่องให้ศาลพิพากษาคดี ปรับชั้นพนักงานสอบสวนไม่ได้ ต้องถูกควบคุมตัว พิมพ์มือเพื่อตรวจสอบประวัติ)
ในทางปฏิบัติแม้กฎหมายจะให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายก็ตาม แต่ถ้าปรากฎว่าผู้ขับขี่ไม่ยินยอมให้ทำการทดสอบในทุกกรณี
แม้จะถูกกักตัวก็ไม่ยอมให้ทำการทดสอบ (ซึ่งมีปรากฎอยู่ในปัจจุบัน) ผู้ขับขี่ไม่มีความผิดตามมาตรา ๑๔๒ แต่ผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานจราจร ตามมาตรา ๑๕๔
ปรับครั้งละไม่เกินหนึ่งพันบาท ซี่งมีโทษเบากว่าและสามารถปรับผู้ขับขี่ในชั้นพนักงานสอบสวนได้โดยไม่ต้องส่งตัวฟ้องต่อศาล
เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน หรือเป็นการป้องกันมิให้เกิดอุบัติภัยจราจร รวมทั้งผู้บังคับใช้กฎหมายสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้สะดวก รวดเร็ว
โดยไม่จำเป็นต้องกักตัวผู้ขับขี่ที่ไม่ยอมให้ทำการทดสอบไว้ เห็นสมควรจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๔๒ แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒
การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ตามแนวคิดของผู้เขียน กระทำได้ ๒ กรณี
๑. ผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนไม่ยินยอมให้ทดสอบ มีโทษเช่นเดียวกับผู้ที่ยินยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฎว่าเมาสุรา คือ มีโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายฉบับอื่นในเรื่องอื่นได้บัญญัติรองรับผู้ฝ่าฝืนไม่ยินยอมให้ตรวจหรือทดสอบ
เช่น ประกาศเรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการตรวจหรือทดสอบว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดมีสารเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่
ออกตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.๒๕๑๙ แก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญํติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๓
ที่บัญญํติว่า เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือควรเชื่อได้ว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเสพยาเสพติด ไม่ว่าในยานพาหนะหรือสถานที่ใด ๆ
ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีอำนาจตรวจหรือทดสอบหรือสั่งให้รับการตรวจหรือทดสอบสารเสพติดในร่างกาย
ซึ่งผู้ฝ่าฝืนไม่ยินยอมให้ตรวจหรือทดสอบมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ
๒. ใช้บทสันนิษฐานของกฎหมาย กล่าวคือ ผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนไม่ยินยอมให้ทดสอบ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้นั้นเมาสุรา
มีโทษเช่นเดียวกับผู้ที่ยินยอมให้ทดสอบและผลของการทดสอบปรากฎว่าเมาสุรา ซึ่งบทสันนิษฐานไว้ก่อน กฎหมายฉบับอื่นในเรื่องอื่น
เช่น พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.๒๔๗๘ มาตรา ๖ บัญญัติว่า ผู้ใดอยู่ในวงการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือขัดต่อข้อความในกฎกระทรวง
หรือใบอนุญาตซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเล่นด้วย ..........