เรืื่องมีอยู่ว่า เวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 16 เมษายน 2556
ผมได้ขับรถเพื่อไปทานข้าวต้ม ที่อำเภอเชียงของ ใกล้กันกับร้านข้าวต้ม มีด่านตำรวจอยู่ กลางวันตรวจจับหมวกกันน๊อค กลางคืน ตรวจจับผู้ดื่มแล้วขับ
ก่อนหน้านี้ ผมได้ดื่มมาเล็กน้อย คือเบียร์ 1 ขวด เหล้าอีกประมาณ 6 แก้ว
พอหยุดงานเลี้ยง ผมก็จะมาหาอะไรรองท้องแล้วจะเข้าบ้านนอน พอมาถึงด่าน ตำรวจ ให้ผมลดกระจกลง แล้วถามผมว่าจะไปไหน สิ่งแรกที่สำผัสได้คือ กลิ่นเหล้าแรงมาก
ผมก็ตอบไปว่า จะไปกินก๋วยเตี๋ยว แค่นั้น แล้วผมก็ชี้ไปที่ร้าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามด่านตรวจ
หลังจากนั้น พี่ตำรวจก็ให้ผมลงมาตรวจวัดระดับแอกอฮอร์ ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดในใจแล้วว่าถ้าเป่าโดนแน่ๆ เพราะพึ่งดื่มมา
ผมก็ขอร้องให้ทดสอบวิธีอื่น เช่นให้เดินเส้นตรง กระโดดขาเดียว ถ้าผมไม่ผ่านวิธีทดสอบเบื่องต้นผมยอมที่จะเป่า
พี่ตำรวจก็ไม่ยอม ผมก็เถียง ไม่ยอมเป่า มีตำรวจ วนเวียนมาคุยกับผม 3 คน ทั้งขู่ ทั้งปลอบ สลับกัน
ผมพูดในทำนองขอความเห็นใจ ว่าเป็นช่วงเทศกาล ขอความอะรุ่มอะร่วยหน่อย แต่ไม่เป็นผล ยืนยันจะให้ผมเป่าอย่างเดียว
ระหว่างนั้น ผมก็เดินไปเดินมา ดื่มน้ำเยอะมาก ประมาณ 10 แก้ว
ผมได้อ้างถึง สิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ ว่าผมมีสิทธิในร่างกายและจิตใจ และได้อ้างถึงความปลอดภัย ของเครื่องตรวจวัด ซึ่งใช้ทดสอบใครต่อใครบ้างมาแล้วก็ไม่รู้
อาจจะติดเชื้อทางน้ำลายได้ เพราะที่ผมเห็น จุกเป่าลม มีแค่ 3 อัน ไม่มีการฆ่าเชื้อโดยวิธีใดเลย ผลัดเปลี่ยนกันเป่าอยู่ หลายคน
ก็ไม่เป็นผล ตำรวจบอกกับผมว่า ถ้าไม่เป่าจะถูกควบคุมตัว ที่ห้องขัง
เวลาผ่านไป หว่าหนึ่งชั่วโมง มีตำรวจท่านหนึ่งเดินมาชี้หน้า ถามว่า คุณจะเป่าหรือไม่เป่า ผมก็ตอบว่า ผมขอใช้สิทธิผู้ต้องหาก่อน ยังไม่เป่า
แล้วเวลาก็ผ่านไปนานมาก จนตำรวจหลายคนในนั้นเริ่มลำคาญผม ผมก็ไม่สนใจ เดินไปเดินมาอยู่แถวนั้น
เวลาประมาญ 02.30 น. มีตำรวจยศ ร้อยตำรวจโท เดินมาเกลี่ยกล่อมผม ให้ผมเป่า
ด้วยความง่วงนอน และ หิวข้าว เลยคิดว่าเป็นไงเป็นกัน เลยยอมเป่า
ผลปรากฏว่า เลขที่ออก 44 ผมเลยถูกปล่อยตัวออกมา
จากเหตุการนี้ ผมจึงขอชื่นชมตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เข็มแข็งมาก มีความอดทนสูง เพราะไม่ว่าผมจะหัวหมอ พูดจาเสียดสีแหนบแนม และดื้อดึงเพียงใด
แต่การกระทำของเจ้าหน้าที่นั้น สุภาพ ไม่เคยใช้คำหยาบคายเลย
หากเข้มงวดอย่างนี้ ในทุกๆวัน ไม่เฉพาะ ช่วงเทศกาลก็คงจะดี สถานขายบริการทางเพศที่อยู่แถวๆท่าเรือ บ่อนไก่ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรง หลังป่าช้า ทางไปทุ่งนาน้อย และอีกที่ ที่หมู่บ้านน้ำม้า
หวยเถื่อนที่ขายกันอย่างเปิดเผย ต่างด้าวคนลาวที่เป็นแรงงานเถื่อน ถ้าเอาจริงเอาจัง คงไม่มีให้เห็น
อย่ามาทำเอาหน้า เอาตา ช่วงเทศกาล คนกว่าค่อนประเทศเขาก็ดื่มกัน วันธรรมดานี่สิ น่าจะกวดขันกันอย่างจริงจัง ถ้าจะเอาจริงเอาจังต้องปราบให้หมดอบายมุข ทำไมทำเป็นมองไม่เห็นไม่รู้ไม่ชี้
หรือว่ารับเงิน จากใครหรือป่าว
สุดท้ายขอชื่นชมการทำงาน ว่าเอาจริงเอาจังดีมาก ขอชื่นชมครับ