ที่จริงผมไม่อยากเข้ามาตอบในกระทู้นี้เท่าใดนัก กลัวจะถูกมองว่าเข้าตัวหรือออกมาแก้ต่างในฐานะที่เป็นทหาร
แต่ก็ขอกล่าวในความเห็นของตนเองและจากประสบการณ์ที่เจอมาก็แล้วกันนะครับ
เรื่องนี้ผมมองว่า รุนแรงเกินไปครับ สำหรับทหารทำกับทหารด้วยกัน
ถ้าข้อกล่าวหาในเรื่องว่า ทหารคนที่โดนกระทำ เที่ยวแสดงอาการนักเลงท้าตีท้าต่อยเพื่อนไปทั่ว(ตามที่บอกกล่าวกันมา) เรื่องที่แสดงถึงความเป็นอันธพาลในหน่วย เรื่องนี้จริงๆต้องถึงมือผู้บังคับบัญชาระดับ ผบ.หมวดหรือ ผบ.ร้อยขึ้นไป แม้กระทั่งระดับนายสิบ ยังไม่ได้ถ้าเป็นเรื่องนี้................. ในสมัยที่ผมอยู่หน่วยแบบนี้ พลทหารทะเลาะกัน แบ่งพวกกันแบบแบ่งตำบล(พื้นเพเดียวกันแต่ต่างตำบลและไม่ถูกกันแต่มาเป็นทหารกองพันเดียวกัน) ผมให้ขึ้นเวที พร้อมพี้เลี้ยง กองเชียร์ จับคู่มาเลย ต่อยกันให้หงายเก๋งกันไปข้างหนึ่ง จบก็จัดเลี้ยงอาหารมื้อพิเศษ
คนที่กระทำเป็นผู้ช่วยครูฝึก นั่นคือ พลทหารรุ่นพี่ที่เป็นผู้ช่วยครู ไม่ใช้ครูฝึกที่เป็นนายทหารประทวน และผู้ฝึกที่เป็นนายทหารสัญญาบัตร
เรื่องผช.ครู กระทืบทหารรุ่นน้อง ผมเจอเยอะมาก แม้กระทั่งนายสิบที่จบใหม่ๆจากกองโรงเรียน ............ ฝึกรุ่นน้องก็โหด พอรุ่นน้องใครแหลม ก็รุมเตะ เจอเยอะมาก เผลอไม่ได้ แอบทำอยู่บ่อยๆ..............กว่าจะรู้เรื่อง รุ่นน้องอานไปแล้ว
เรื่องนี้อยู่หน่วยต้องแก้ไขด้วยการเข้มงวด อบรม สอดส่องดูแล ............แต่ก็นะ คนหนุ่มห้าวๆ ฮึกเหิมกันทั้งนั้น ใครไม่ลงให้ ก็ย่อมมีการสั่งสอนกัน
มันก็เป็นไปได้ที่พลทหารรุ่นน้องคนนี้แสบเข้าขั้นแล้วบรรดารุ่นพี่ที่เป็นพลทหารเก่า แถมยังเป็นผู้ช่วยครูมีอาหารหมั่นไส้.............เท่าที่พบมา ถ้าไม่"เข้าขั้น"จริง ไม่ทำกันขนาดนี้.............. และพลทหารที่แสบทรวงจริงๆในหน่วยทหาร ก็มีจริงๆ แสบขนาดตั้งแก๊งค์ขายยา ขโมยรถ ขโมยของในสำนักงาน
เรื่องนี้ผมมองว่ารุนแรงไป และผู้กระทำควรได้รับโทษทางวินัย ซึ่งก็เห็นว่าทางกองทัพออกมาชี้แจงแล้ว
สำหรับมุมมองต่างๆ ผมเข้าใจครับ ขนาดทหารหน่วยรบแท้ๆ กับทหารหน่วยช่วยรบ และทหารหน่วยทั่วๆไปแบบพวกนั่งโต๊ะ เฝ้าคลัง มุมมองเรื่องแบบนี้ยังต่างกัน เพราะ สภาพการฝึก ทำงาน และความเป็นอยู่ รวมทั้งความเสี่ยงต่างกัน รวมทั้งมุมมองคนที่เคยเป็นทหารมาแล้วแต่อยู่หน่วยคนละแบบก็ยังมองต่างกัน คนเป็นทหารมาจากกองโรงเรียน กับมาจากกองหนุน ยังมองต่างกันเลย
ยิ่งข้าราชการสาขาอื่น ยิ่งมองไปอีกแบบ
รวมทั้งพลเรือนทั่วไปด้วย ยิ่งพลเรือนพวกเลี่ยงทหารหรือไม่เคยเป็น หรือเกลียดทหาร ยิ่งมีอคติไปใหญ่
คนทำผิดวินัย ผิดกฎหมายก็รับโทษกันไป แต่วิธีทำแบบนี้ ผมก็มองว่า มากไป
เรื่องนี้คงสะใจพวกเกลียดทหาร หรือพวกเลี่ยงทหารน่าดู
อย่าไปใส่อารมณ์ครับต้องว่ากันไปตามระเบียบ
ความที่คนของเราไม่แม่นระเบียบต่างหากจึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะถ้าแม่นระเบียบ ต้องรายงานให้ผู้ใหญ่จัดการครับ สำหรับรายที่แสบหนักๆ อย่างที่พี่มะขิ่นว่าไว้
ต่อให้เป็นโจรถ้าแม่นในหลักการ มันยังเดินเลี่ยงกล้องวงจรปิดเลยครับ
คนทำผิดต้องได้รับโทษ และคนที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตก็ต้องรับโทษเช่นกัน
การปล่อยปะละเลย ถือว่าเป็นปัญหาในการบริหารงานของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ไม่ใช่เรื่องที่เกิดตามภาพ เพราะนั้นเป็นปลายเหตุ เพราะถ้าใส่ใจลูกน้องจริง จะมีการควบคุมเป็นทอดๆ บอกขอบเขตได้ว่าทำอะไรได้แค่ไหน
แล้วอย่าไปคิดนะครับ ว่าไม้เรียวจะดัดนิสัยคนได้ หรือการใช้กำลัง เพราะขนาดอายุขนาดนี้แล้ว มันถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่บ้านแล้วครับ .... ที่ทำได้คือกันมันออกไป แล้วใช้งานตามที่มันถนัด ...พวกงานโยธา ..หรือที่ๆมันควรอยู่เช่นคุก หรือส่งมันไปล่อเป้า ......อย่าคิดว่าจะฝึกคนพวกนี้ไปรบ ยิ่งทำให้เสียหายต่อส่วนรวม พวกสันดานโจรส่งไปรบมันก็ไม่ทำหน้าที มีแต่จะหาช่องทางปล้นชาวบ้านเท่านั้น
ก็เพราะวิธีคิดว่าจะดัดนิสัยเขาได้นี้แหละ ทำให้เกิดปัญหาบานปลาย อย่างเช่น ถ้าทำเบาๆต่อเนื่อง มันจะด้านชาและซึมซับการรับมือกะความรุนแรงได้ แล้วจะกลายเป็นคนตอแหลจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เพราะมันฝึกฝนกะเราไปในตัว , หนักหน่อยถึงขั้นเจ็บตัว มันก็จะจำวิธีการไปใช่ข่มแหงผู้อื่น ,ถ้าพลังมือทำหนัก มันตาย หรือถูกถ่ายคลิป ก็จะพาซวยถึงผู้บังคับบัญชา
คนที่ทำนอกกรอบ แล้วอ้างโน้นอ้างนี้ อ้างความจำเป็นเชิงบุญคุณต่อกัน เช่นเพื่อให้มันรอด ฝึกมันไปรบ ฝึกไปฆ่าคนไม่ให้ไปอ่อนด้อยต่อศัตรู ฯลฯ ......อยากถามจริงๆว่า เจ้าตัวรักและเคารพผู้บังคัญบัญชาตนเองไหม ทำอะไรก็ช่างอย่าให้ผู้ใหญ่ต้องมาเดือดร้อน
มองในเหตุและผล
ขอคาราวะครับ