เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 19, 2024, 04:49:36 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้องใจเหตุการณ์เก่า บ.สอดแนมสหรัฐชนกับ บ.ขับไล่จีน จนตกทะเล 1 ลำ  (อ่าน 6588 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
poe kerpetkaew
Sr. Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 806


« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2006, 11:58:42 AM »

-ใครพอมีรายละเอียดบ้างคับ ?
-คุณนิติภูมิ นวรัตน์ บอกว่าเครื่องขับไล่จีนบังคับให้ บ.สหรัฐลงจอด ซึ่งยากที่จะมีชาติใดกล้ากระทำเช่นนั้นกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐ เป็นความจริงรึเปล่าคับ ? (ข่าวตามหน้า นสพ.บอกว่า บ.สอดแนมเสียหายต้องลงจอดฉุกเฉิน ไม่ได้บอกว่าถูกบังคับ)
-สุดท้าย จีนคืนเครื่องสอดแนม(ที่ชำแหละแล้ว)และลูกเรือให้ฝ่ายมะกัน อยากทราบว่างานนี้ใครต้องจ่ายค่าเสียหายให้ใครคับ ?
(ตอนนั้นสหรัฐแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดแต่ไม่ยอมขอโทษเพราะถือว่าเครื่องสอดแนมของตนบินในน่านน้ำสากล)
-ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานเชื่อว่า หวาง เหว่ย(นักบินขับไล่จีนที่เครื่องตกตาย) เป็นเหยื่อของผลกระทบด้านอากาศพลศาสตร์ที่เรียกว่า Venturi Effect ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของแรงกดอากาศที่อยู่ระหว่าง บ.สองเครื่องที่บินขนาดกันและใกล้กันมากเกินไปทำให้ปีกของ บ.EP-3E เอียงเข้าหา บ.ขับไล่ J-8 ครับ เจ้า Venturi Effect นี่ครืออะไรคับ พอยกตัวอย่างง่าย ๆ ได้ไหม ?
บันทึกการเข้า
narongt
Sr. Member
****

คะแนน 16
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 749


« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2006, 12:35:42 PM »

กรณีการใช้เครื่องบิน EP-3 เพื่อทดสอบระบบการตัดสินใจทางทหารของจีน
ก่อนจะเริ่มดำเนินการตามแผนการสร้างเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ ของสหรัฐฯ
เครื่องบิน EP-3 ของสหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องบิน

การทดสอบศักยภาพการป้องกันภัยทางอากาศของจีน
( สายงานข่าว ปักกิ่ง )
ภายหลังจากการทดสอบปฏิกิริยาโดย CIA จัดตั้งในไทเป เพื่อเรียกร้องให้ไต้หวันประกาศเอกราชจากจีน
เพื่อดูผลทางการเมืองและเพื่อเป็นการทดสอบกระบวนการตัดสินใจทางทหารของจีน เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๔
เครื่องบินจารกรรม EP – 3 ของสหรัฐฯ http://www.aerospaceweb.org/aircraft/maritime/p3/
ถูกส่งเข้าสู่น่านฟ้าของจีนและได้ถูกกองทัพอากาศจีนส่งเครื่องบินรบขับไล่ขึ้นสกัด จนถูกเครื่องบินจารกรรม EP – 3 ยิงตก
ทำให้นักบิน ( นายหวังเหม่ย ) ของจีนเสียชีวิต ส่วนเครื่องบินจารกรรม EP – 3 ได้รับวิทยุจากหน่วยป้องกันภัยทางอากาศของจีน
บังคับให้ลงจอด มิฉะนั้นหน่วยป้องกันภัยจะยิงขีปนาวุธพื้นดินสู่อากาศเพื่อทำลายเครื่องบินจารกรรม EP – 3 นักบินสหรัฐฯ
จึงนำเครื่องบินลงจอดที่เกาะไหหลำของจีน

การทดสอบระบบเตือนภัยคุกคามทางอากาศของเครื่องบินจารกรรม EP – 3 ครั้งนี้เพื่อตรวจวัดระดับการตรวจจับระบบรายงานข้อมูล
( Process ) ของระบบสั่งการว่ากระบวนการนั้นใช้เวลาประมาณเท่าใด เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวส่งตรงไปยังฝ่ายวางแผนยุทธการ
คำนวณระยะเวลาของการสั่งการของจีนในด้านยุทธวิธีซึ่งสหรัฐฯ ตระหนักดีว่าถ้าจีนจะตัดสินใจใช้กำลังทหารในการแก้ปัญหาใด ๆ
จะให้เวลาเท่าใด เพื่อที่สหรัฐฯ จะได้เตรียมการตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารจากการสั่งการโดยกระบวนการแสวงข้อตกลงใจ
ทางทหารแล้วสั่งการไปยังหน่วยปฏิบัติ โดยความเป็นจริงเครื่องบินจารกรรม EP – 3 เป็นเครื่องบินจารกรรมที่มีเทคโนโลยี
สูงที่สุดชนิดหนึ่ง เป็นเสมือนฐานปฏิบัติการลอยฟ้าที่นอกจากจะสามารถใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสูงภายใน
เพื่อการตรวจจับการเคลื่อนไหวที่สำคัญทางทหารของจีนและรัสเซียได้แล้ว EP – 3 ยังมีเครื่องมือที่สามารถรับสัญญาณ
การรายงานข้อมูลต่าง ๆ จากดาวเทียมได้ด้วย จึงทำให้การทำหน้าที่เป็นเครื่องบินจารกรรมที่สมบูรณ์แบบ
และสามารถที่จะล่วงรู้ข้อมูลลึก ๆ เกี่ยวกับความลับของจีนได้เป็นจำนวนมาก การปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินชนิดนี้
จะบินในระยะความสูงที่สูงมาก สูงกว่าอากาศยานรบใด ๆ ที่เคยมีมาจึงทำให้การตรวจจับด้วยเรดาร์ของจีนไม่อาจที่จะตรวจพบได้
โดยทั่วไปแล้วถ้าเป็นการปฏิบัติภารกิจที่เป็นปกติเครื่องบินชนิดนี้จะบรรจุลูกเรือได้ประมาณ ๑๖๒ นาย พร้อมกับเครื่องมือ
ในการจารกรรมเต็มอัตรา เครื่องบินชนิดนี้จะได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจในการสอดส่องดูแลการเคลื่อนไหวที่สำคัญ ๆ ของจีน
เช่น การเคลื่อนไหวทางทหาร การเคลื่อนย้ายกำลังทหาร การสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตยุทโธปกรณ์ด้านการทหาร
การร่วมมือระหว่างจีนกับรัสเซียด้านต่าง ๆ เป็นต้น ด้วยภารกิจดังกล่าวทำให้เครื่องบินนี้ได้ถูกสั่งให้เข้าประจำการอยู่ที่
ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งที่มีที่ตั้งอยู่ที่โอกินาวา และเครื่องบินชนิดนี้มีเพียง ๗ เครื่องเท่านั้น ฉะนั้นเส้นทางการบินจึงวนเวียน
อยู่เหนือน่านฟ้าของจีนแผ่นดินใหญ่ บริเวณช่องแคบไต้หวัน และบางครั้งเลยไปถึงเขตติดต่อระหว่างจีนกับรัสเซียด้วย
ด้วยระยะความสูงบินที่สูงมากทำให้จีนไม่สามารถที่จะตรวจจับได้ แต่เมื่อมีโครงการร่วมมือด้านการทหารระหว่างจีนกับรัสเซีย

เครื่องมือเทคโนโลยีสูงของรัสเซียทำให้จีนสามารถตรวจจับเครื่องบินดังกล่าวของสหรัฐฯ ได้แต่ไม่อาจที่จะทำประการใดได้
อันเป็นหนามยอกอกของจีนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้การปฏิบัติการตามแผนได้อย่างสมจริง ก่อนที่จะปล่อยให้จีนจับเครื่องบินนี้
ได้อีกครั้งหนึ่งนั้น สหรัฐฯ ได้ถอดเครื่องมือเทคโนโลยีสูงออกทั้งหมด และมีลูกเรือเพียงบางส่วนเท่านั้นที่บินมาปฏิบัติภารกิจ
เพื่อให้จีนจับได้ครั้งนี้ ทำให้เมื่อจีนจับได้และบังคับให้เครื่องบิน EP-3 ดังกล่าวลงจอดที่เกาไหหนานได้สำเร็จ จีนมีความหวังว่า
จะสามารถที่จะได้ข้อมูลเทคโนโลยีชั้นสูงของสหรัฐฯ แต่ก็คว้านำเหลว จีนได้เพียงสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการให้จีนรู้เท่านั้น
ไม่ได้มีเครื่องมือพิเศษแต่อย่างใด ( ตามที่ปรากฏตามข่าวสาธารณะ)

การทดสอบการตัดสินใจตอบโต้ทางการทหารของจีน ทันทีที่มีการเสนอข่าวว่าเครื่องบินของสหรัฐฯ
ถูกบังคับให้ลงจอดในดินแดนของจีนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศอย่างเป็นทางการ
และแข็งกร้าวต่อจีน “ ตัดสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างสหรัฐฯ กับจีน” ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช
ก็กล่าวต่อประชาชนผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่องอย่างแข็งกร้าวต่อจีนเช่นเดียวกัน และพร้อมที่จะดำเนินการ
อย่างใดอย่างหนึ่งที่รุนแรงหากจีนไม่ยอมคืนเครื่องบินจารกรรม EP – 3 ให้กับสหรัฐฯ ตามคำร้องขอ
ถึงแม้ว่าเครื่องบินสหรัฐ ฯ จะละเมิดอธิปไตยของจีนก็ตาม

- การยอมอ่อนข้อของจีนในกรณีแถลงยอมคืนเครื่องบิน EP – 3 ( สายงานข่าว ปักกิ่ง )
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๔ นาย ซุน ยู ฉี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงว่า
“ จีนไม่เคยพูดว่าจะไม่ยอมส่งเครื่องบินจารกรรม EP –3 คืนให้กับสหรัฐฯ ขณะนี้เราและสหรัฐฯ
กำลังทำความตกลงกันในเงื่อนไขของการขนย้าย “

ภายหลังจากจีนได้แถลงแล้ว ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ออกมาแถลงตอบจีนว่า
กรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศอย่างเป็นทางการและแข็งกร้าว
“ ตัดสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างสหรัฐฯ กับจีน “ ข้อความดังกล่าวนั้นเป็นข้อความผิดพลาด
เกิดจากพนักงานพิมพ์ ที่พิมพ์ข้อความผิด “

การแถลงดังกล่าวส่งสัญญาณที่สามารถอ่านได้ว่า จีนไม่กล้าแม้กระทั่งแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ
ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ละเมิดอธิปไตยทางทหาร ดังเช่นกรณีเครื่องบินสอดแนมที่เป็นหลักฐานต่อชาวโลกนี้
แสดงความแข็งกร้าวเพราะ จีนตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบทางสังคมโลก คือ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า
จีนจะต้องสงวนท่าทีและปิดกั้นการกระทำของตนเอง ในด้าน

๑) จีนอยู่ในภาวะที่จะต้องทำตนให้ผ่านคุณสมบัติการเป็นสมาชิก WTO
๒) จีน อยู่ในภาวะที่ต้องสร้างภาพพจน์ที่ดีเพื่อสนองต่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
จึงต้องทำทุกอย่างให้สงบ ไม่อาจใช้กำลังหรือการต่อต้านทางทหาร

จากการทดสอบดังกล่าวสรุปได้ว่าในระยะช่วงก่อนโอลิมปิก และก่อนที่จีนจะได้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ
แม้ว่าจะได้เป็นสมาชิก WTO ก่อนหน้าหรือหลังนี้ จีนจะไม่ปฏิบัติการในการตอบโต้ทางทหารหรือ
แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อสหรัฐอเมริกาไม่ว่ากรณีใด ๆ
จากการทดสอบครั้งนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาทราบว่าถ้าจีนจะยังไม่ตอบโต้ในสิ่งที่รุนแรงหรือการตอบโต้
โดยใช้กำลังทหารแต่อย่างใด จึงทำให้สหรัฐฯ เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเมื่อตนเริ่มปฏิบัติการตามแผน
การถล่มเวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ ที่จะถึงโดยใช้ชื่อของ บิน ลาเดน แล้ว
หลังจากที่เปิดการโจมตีฐานที่มั่นของ บิน ลาเดน ที่อัฟกานิสถานแล้วจะใช้ข้ออ้างต่อไปว่าไม่สามารถจับกุม
บิน ลาเดน ได้และบิน ลาเดน พร้อมกับเครือข่ายผู้ก่อการร้ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถล่ม
เวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์ของเขา ได้หลบหนีเข้าไปยังดินแดนของจีน ดังคำกล่าวที่ว่า

“… Xinjiang’ Province of China’s mainland is the best and the most safety place
for Osama Bin Laden to hide because there are the Muslim minority’s homeland ….”.
“ …. We must not stop the war on terrorism , we don’t know when the war would be stopped ,
we’ll go to anywhere to every countries which we believe that there are hidden places
for the terror or the terror networks according to our own evidences.
This is the 21st Crusade War and this is the true Liberal War ……”

แล้วในที่สุดสหรัฐฯ จะส่งกำลังของตนพร้อมกับสร้างการก่อการร้ายขึ้นที่มณฑลซินเกียงของจีนและจะมีเป้าหมาย
ในการแบ่งแยกดินแดนมณฑลซินเกียงของจีนออกเป็นรัฐอิสระ ซึ่งเดิมมีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลจีนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ก็ยังมีการเคลื่อนไหวเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าได้รับการสนับสนุนด้านการก่อการร้ายจากสหรัฐฯ ก็จะทำให้เงื่อนไข
การแบ่งแยกดินแดนใกล้ความจริงได้มากยิ่งขึ้น และเมื่อสามารถแบ่งแยกมณฑลซินเกียงของจีนออกเป็นรัฐอิสระได้
จะทำให้รัฐอื่น ๆ มีแนวทางในการแยกตัวเป็นอิสระตามแบบอย่างของมณฑลซินเกียงได้ แล้วเมื่อนั้นก็เท่ากับว่า
สามารถที่จะย่อยสลายจีนได้ จีนจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ได้อีกต่อไป

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php/topic,19092.msg492958.html#msg492958
บันทึกการเข้า
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 06:56:38 AM »

ภายหลังจากการทดสอบปฏิกิริยาโดย CIA จัดตั้งในไทเป เพื่อเรียกร้องให้ไต้หวันประกาศเอกราชจากจีน
เพื่อดูผลทางการเมืองและเพื่อเป็นการทดสอบกระบวนการตัดสินใจทางทหารของจีน เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๔
เครื่องบินจารกรรม EP – 3 ของสหรัฐฯ http://www.aerospaceweb.org/aircraft/maritime/p3/
ถูกส่งเข้าสู่น่านฟ้าของจีนและได้ถูกกองทัพอากาศจีนส่งเครื่องบินรบขับไล่ขึ้นสกัด จนถูกเครื่องบินจารกรรม EP – 3 ยิงตก
ทำให้นักบิน ( นายหวังเหม่ย ) ของจีนเสียชีวิต ส่วนเครื่องบินจารกรรม EP – 3 ได้รับวิทยุจากหน่วยป้องกันภัยทางอากาศของจีน
บังคับให้ลงจอด มิฉะนั้นหน่วยป้องกันภัยจะยิงขีปนาวุธพื้นดินสู่อากาศเพื่อทำลายเครื่องบินจารกรรม EP – 3 นักบินสหรัฐฯ
จึงนำเครื่องบินลงจอดที่เกาะไหหลำของจีน

 Grin ไม่ได้ถูกยิงตกครับ แต่เกิดการชนกันเกิดขึ้น ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นความผิดของใครระหว่างหวางเว่ยนักบิน J-8 II ของจีน กับนักบิน EP-3E Grin
 Grin เครื่อง EP-3E ยังไม่ถึงขั้นเป็นเครื่องบินจารกรรมครับ เป็นเพียงแค่เครื่องลาดตระเวณทางอิเลคทรอนิคส์ (แต่ลำที่เกิดเหตุนั้นไม่รู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า) Grin

 Grin วันที่ 1 เมษายน 2544 เครื่อง EP-3E ที่อมเริกาแจ้งว่าเป็นเครื่องบินลาดตระเวณ บินอยู่ห่าง 70 ไมล์จากเกาะไห่หนาน (ไหหลำ) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ถูกเครื่องบิน F-8 II ของ ทร.จีนเข้าสกัดกั้น โดยอ้างว่า EP-3E บินล้ำเข้าไปในเขตน่านฟ้าของจีน แต่ก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยทาง EP-3E อ้างว่านักบินจีนบินเข้ามาชน แต่ทางจีนก็อ้างว่า EP-3E บินเข้ามาชน J-8 II แต่จากการชนทำให้ J-8 II ตกทะเล นักบินจีนคือหวางเว่ยหายสาบสูญ ซึ่งภายหลังระบุว่าเสียชีวิต ส่วน EP-3E เกิดความเสียหายที่ใบพัดเครื่องยนต์ด้านซ้ายสุดและที่เรโดมด้านหน้าเครื่องบิน จึงมีความจำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินบนเกาะไห่หนานซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุดในตอนนั้น Grin
 Grin รายละเอียดลึก ๆ ผมขอไม่ออกความเห็นครับ เพราะเราไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะเหตุการณ์อาจจะแค่เกิดความเข้าใจผิดของจีน หรือนักบินอเมริกาอาจบินพลัดล้ำน่านฟ้าจีนเข้าไปจริง Grin

 Grin ภาพ EP-3E ลำเกิดเหตุขณะจอดที่ฐานทัพอากาศจีนบนเกาะไห่หนาน จะเห็นความเสียหายคือเรโดมหลุดหายไปทั้งหมดจนเห็นเรดาร์ชัดเจน และความเสียหายบริเวณใบพัดของเครื่องยนต์ซ้ายสุด Grin



 Grin ภาพ J-8 II ของจีน แบบเดียวกับที่หวางเว่ยบินไปชนกับ EP-3E Grin


 Grin ภาพหวางเว่ย นักบินจีน ในหมู่นักบินจีนตั้งฉายาให้หวางว่า Maverick เพราะเป็นนักบินที่บ้าบิ่นเปรียบดัง Maverick ในภาพยนต์ Topgun ซึ่งจากการเล่าของนักบินสหรัฐบางนายที่เคยถูกหวางบินประกบ (แสดงว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียว) กล่าวว่าเขาเคยถูกหวางบินประกบเข้ามาใกล้จนสามารถเห็นอีเมล์แอดเดรสของหวางที่ติดอยู่บนหมวกบินของหวาง Grin




 Grin บริเวณที่เกิดเหตุ Grin
บันทึกการเข้า

วายุบุตร
Full Member
***

คะแนน 0
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118

สุดยอดศาสตราวุธ


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 07:35:45 AM »

คงจะยากครับสำหรับเครื่องบินใบพัด EP3 ความเร็ว 180 น็อตที่จะไล่ชนไอพ่นขับไล่ F8 ความเร็ว 700 น็อต
ขอโทษไม่ใช่คงจะยากครับ  เป็นไปไม่ได้เลยครับ

ที่เป็นไปแล้วก็คือ F8 ชะลอลงมาเหลือ 180 น็อตเพื่อสำแดงเดชใส่ช้างอากาศอีพีสามน้ำหนัก 49000 กก ครับ
ความช้าเป็นศัตรูกับเรือบินครับเพราะยิ่งช้ายิ่งบังคับควบคุมไม่ได้ครับ
เรือบินทุกลำจะมีความเร็ววิกฤต stall speed ครับ  ต่ำกว่าสตอลแรงยกไม่พอหล่นตุ้บครับ
ยิ่งช้าลงไปใกล้สตอลเท่าไรพื้นผิวบังคับควบคุมจะขาดประสิทธิภาพบังคับได้ยากขึ้นเรื่อยๆครับ
กฎฟิสิกส์เหมือนกันทุกที่ในเอกภพครับไม่ทราบไอ้เสือจีนนั่นลืมหรือเผลอคิดว่าตนเองอยู่เหนือธรรมชาติ

ถ้าคุณช้าจนบังคับควบคุมได้ไม่ดี  แถมยังเข้าไปประกบช้างอากาศซึ่งเวลาบินจะทำให้เกิดคลื่นรบกวน wake turbulance ครับ
ยิ่งเรือบินหนักมากคลื่นยิ่งแรงตามน้ำหนักครับ  เลยถึงคราวตายของนักบินจีนครับ  เรื่องมันเศร้าครับ

ไอ้เกมส์แมวล่าหนูนี่มหาอำนาจเขาเล่นกันมาหลายสิบปีแล้วครับ  เล่นกันหนักกว่านี้เยอะครับแต่เขาเล่นกันเป็น
อาเฮียแกอยากเล่นมั่งแต่ยังอ่อนหัดครับเลยเกิดเรื่อง  ภาพข้างล่าง เอฟสิบห้า สกัด ตูสิบหก แบดเจอร์ นอกฝั่งอลาสกา
แบดเจอร์เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดนะครับไม่ใช่เรือบินฟังวิทยุก๊อกแก๊กเหมือนอีพีสาม  บรรทุกนิวเคลียร์ได้ด้วยครับ

บันทึกการเข้า


วายุบุตร ลูกพระพาย พ่อมัจฉานุ
วายุบุตร
Full Member
***

คะแนน 0
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118

สุดยอดศาสตราวุธ


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 07:41:39 AM »


ความบ้าบิ่นของนักบินจีน  ภาพนี้ถ่ายจากอีพีสาม
ท่านหวางโฉบเข้ามาใกล้ๆแล้วชูอีเมล์ของตัวเองอย่างที่คุณนายใหม่ว่าครับ
บันทึกการเข้า


วายุบุตร ลูกพระพาย พ่อมัจฉานุ
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 08:22:14 AM »

...บ้าเกินไป....เลยตาย..แบบบ้า ๆ ... Sad
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 08:24:27 AM »

-ใครพอมีรายละเอียดบ้างคับ ?
-คุณนิติภูมิ นวรัตน์ บอกว่าเครื่องขับไล่จีนบังคับให้ บ.สหรัฐลงจอด ซึ่งยากที่จะมีชาติใดกล้ากระทำเช่นนั้นกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐ เป็นความจริงรึเปล่าคับ ? (ข่าวตามหน้า นสพ.บอกว่า บ.สอดแนมเสียหายต้องลงจอดฉุกเฉิน ไม่ได้บอกว่าถูกบังคับ)
-สุดท้าย จีนคืนเครื่องสอดแนม(ที่ชำแหละแล้ว)และลูกเรือให้ฝ่ายมะกัน อยากทราบว่างานนี้ใครต้องจ่ายค่าเสียหายให้ใครคับ ?
(ตอนนั้นสหรัฐแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดแต่ไม่ยอมขอโทษเพราะถือว่าเครื่องสอดแนมของตนบินในน่านน้ำสากล)
-ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานเชื่อว่า หวาง เหว่ย(นักบินขับไล่จีนที่เครื่องตกตาย) เป็นเหยื่อของผลกระทบด้านอากาศพลศาสตร์ที่เรียกว่า Venturi Effect ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของแรงกดอากาศที่อยู่ระหว่าง บ.สองเครื่องที่บินขนาดกันและใกล้กันมากเกินไปทำให้ปีกของ บ.EP-3E เอียงเข้าหา บ.ขับไล่ J-8 ครับ เจ้า Venturi Effect นี่ครืออะไรคับ พอยกตัวอย่างง่าย ๆ ได้ไหม ?


ตอบเฉพาะเรื่องเวนจูรี่เอฟเฝคนะครับ... ยกตัวอย่างง่ายๆ คือกระบอกฉีดยากันยุงตราหัวไก่สมัยที่ กระป๋องสเปรย์ยังไม่แพร่หลายครับ... อีกตัวอย่างนึงคือคอคอดข้างในคาร์บิวเรเตอร์ในรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่ใช้หัวฉีดอิเลกทรอนิกส์จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง...

อธิบายง่ายๆ ตามประสานายสมชายคือ... เมื่ออากาศไหลผ่านช่องแคบเร็วๆ จะเกิดความกดอากาศต่ำรอบข้างในระยะใกล้ๆ ทำให้ดูดอะไรต่อมิอะไรให้ไหลเข้าไปหาจุดที่ไหลเร็วๆตรงนั้น... ตามตัวอย่างกระบอกฉีด DDT ชนิดเอามือสาวเข้าออก ก็คืออากาศไหลออกกระบอกสูบผ่านปากท่อเล็กๆ ที่แหย่ลงในกระเปาะบรรจุ DDT, แล้ว DDT เลยถูกดูดขึ้นมาให้ลมปากกระบอกสูบพัดกระจายไปหายุงตายเรียบ... คนฉีดก็ตายด้วย เขาเลยเลิกใช้ DDT ครับ... แหะๆ

ทีนี้เครื่องบินจีนก็เลยถูกดูดจนปีกเอียง...บังคับไม่ไหวเพราะบินช้า, พวกไฟเตอร์พื้นที่ปีกน้อยบินช้าแล้วบังคับยาก... เมื่อเร่งออกไม่ทันเพราะจังหวะไม่ให้... เลยตกครับ...

บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 10:07:16 AM »

ผมว่า การเมืองระหว่างประเทศ

1. ไม่มีความเป็นกลาง ที่แท้จริง
2. ไม่มีความยุติธรรม ที่แท้จริง
3. ไม่มีบัญชีสมดุล ที่แท้จริง

ดังนั้น เพื่อผลประโยชน์ของชาติ

1. ไม่มีใครอยากเป็นกลาง จริงๆ
2. ไม่มีใครอยากยุติธรรมกับทุกฝ่าย จริงๆ
3. ไม่มีใครอยากจ่ายบัญชีสมดุล จริงๆ

ดังนั้น ความเป็นกลาง ความยุติธรรม บัญชีสมดุล ใช้คุยกันมันๆ ในฐานะบุคคลที่สาม แต่ในฐานะผู้เกี่ยวข้องความเห็นอาจต่างออกไป

เช่น หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ท่านอยากให้ประเทศไทยยึดมั่นตกเป็นฝ่ายแพ้สงครามเพราะเหตุผลบางอย่าง หรือพยายามเลือกใช้เหตุผลอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานภาพผู้แพ้ เ่ช่น ข้อกฎหมายตามที่ มรว0 เสนีย์ ปราโมช ท่านใช้ และการพิพากษาจอมพล ป.

คำอังกฤษว่า My country, right or wrong ! - "จะผิดจะถูกก็ชาติของข้า"

บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 10:07:16 AM »

-ใครพอมีรายละเอียดบ้างคับ ?
-คุณนิติภูมิ นวรัตน์ บอกว่าเครื่องขับไล่จีนบังคับให้ บ.สหรัฐลงจอด ซึ่งยากที่จะมีชาติใดกล้ากระทำเช่นนั้นกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐ เป็นความจริงรึเปล่าคับ ? (ข่าวตามหน้า นสพ.บอกว่า บ.สอดแนมเสียหายต้องลงจอดฉุกเฉิน ไม่ได้บอกว่าถูกบังคับ)
-สุดท้าย จีนคืนเครื่องสอดแนม(ที่ชำแหละแล้ว)และลูกเรือให้ฝ่ายมะกัน อยากทราบว่างานนี้ใครต้องจ่ายค่าเสียหายให้ใครคับ ?
(ตอนนั้นสหรัฐแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดแต่ไม่ยอมขอโทษเพราะถือว่าเครื่องสอดแนมของตนบินในน่านน้ำสากล)
-ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานเชื่อว่า หวาง เหว่ย(นักบินขับไล่จีนที่เครื่องตกตาย) เป็นเหยื่อของผลกระทบด้านอากาศพลศาสตร์ที่เรียกว่า Venturi Effect ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของแรงกดอากาศที่อยู่ระหว่าง บ.สองเครื่องที่บินขนาดกันและใกล้กันมากเกินไปทำให้ปีกของ บ.EP-3E เอียงเข้าหา บ.ขับไล่ J-8 ครับ เจ้า Venturi Effect นี่ครืออะไรคับ พอยกตัวอย่างง่าย ๆ ได้ไหม ?


ตอบเฉพาะเรื่องเวนจูรี่เอฟเฝคนะครับ... ยกตัวอย่างง่ายๆ คือกระบอกฉีดยากันยุงตราหัวไก่สมัยที่ กระป๋องสเปรย์ยังไม่แพร่หลายครับ... อีกตัวอย่างนึงคือคอคอดข้างในคาร์บิวเรเตอร์ในรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่ใช้หัวฉีดอิเลกทรอนิกส์จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง...

อธิบายง่ายๆ ตามประสานายสมชายคือ... เมื่ออากาศไหลผ่านช่องแคบเร็วๆ จะเกิดความกดอากาศต่ำรอบข้างในระยะใกล้ๆ ทำให้ดูดอะไรต่อมิอะไรให้ไหลเข้าไปหาจุดที่ไหลเร็วๆตรงนั้น... ตามตัวอย่างกระบอกฉีด DDT ชนิดเอามือสาวเข้าออก ก็คืออากาศไหลออกกระบอกสูบผ่านปากท่อเล็กๆ ที่แหย่ลงในกระเปาะบรรจุ DDT, แล้ว DDT เลยถูกดูดขึ้นมาให้ลมปากกระบอกสูบพัดกระจายไปหายุงตายเรียบ... คนฉีดก็ตายด้วย เขาเลยเลิกใช้ DDT ครับ... แหะๆ

ทีนี้เครื่องบินจีนก็เลยถูกดูดจนปีกเอียง...บังคับไม่ไหวเพราะบินช้า, พวกไฟเตอร์พื้นที่ปีกน้อยบินช้าแล้วบังคับยาก... เมื่อเร่งออกไม่ทันเพราะจังหวะไม่ให้... เลยตกครับ...


แอบเข้ามาอ่าน Cheesy
ขอบคุณ นายสมชาย มากครับ
เรื่อง Venturi effect นี่เหมือนหัวฉีดโซล่าร์ในคาร์แคร์  หรือเปล่าครับ
ตอนไม่ติดกระป๋องโซลาร์ ก็เป๋าลมจากปั๊มลมปกติ
พอติดกระป๋องเข้าไปแล้วเหนี่ยวไกหัวเป่า   น้ำมันโซลาร์ก็พุ่งเป็นฝอยออกมาด้วย
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
poe kerpetkaew
Sr. Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 806


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 11:24:22 AM »

-ขรอบครุณยิ่งทุกท่านคับที่ช่วยให้ข้อมูล
-เรโดมของ อีพี-3 ที่เสียหายจากการชนกัน ผมนึกว่ากระเปาะกลม ๆ ที่อยู่ใต้คางของเครื่องซะอีก  ถ้างั้นกระเปาะนั้นครืออะไรคับ
บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 02:15:07 PM »

กะเปาะกลมๆ ผมเดาว่าเป็นชุดอุปกรณ์ถ่ายภาพครับ

นักบินขับไล่มีพุงนิดๆ ซะอีก ฮิ ฮิ
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
BIG_PUMPKIN
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 01, 2006, 10:52:59 PM »

EP-3E จะไปยิง F8 ตกได้ยังไงน่อ มันไม่มีปืน จรวด มีแต่เรดาห์ กับอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์น่ะท่าน

"การปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินชนิดนี้
จะบินในระยะความสูงที่สูงมาก สูงกว่าอากาศยานรบใด ๆ ที่เคยมีมาจึงทำให้การตรวจจับด้วยเรดาร์ของจีนไม่อาจที่จะตรวจพบได้
โดยทั่วไปแล้วถ้าเป็นการปฏิบัติภารกิจที่เป็นปกติเครื่องบินชนิดนี้จะบรรจุลูกเรือได้ประมาณ ๑๖๒ นาย"

มันไม่สูงเท่าไรหรอกครับประมาณเครื่องบินโดยสารธรรมดา ๆ นี่แหละ เหตุผลเครื่องไปพัดยังไงก็บินสูงกว่าไอพ่นไม่ได้ เครื่องจารกรรมขนานแท้ต้อง U-2 ครับ สูงจริงสูงจัง

ไอ้ EP-3E เนี่ยก็คือ P-3 Orion ที่เรามีไว้ปราบเรือดำน้ำนี่แหละ แต่เปลี่ยนไปใส่อุปกรณ์เรดาห์แทน ลูกเรือบอกตรง ๆ เป็นไปได้ไง 162 คน ลำแค่เนี้ยลำนี้สูงสุด 21 นาย ก็แน่นแล้ว ไปดูข้อมูลด้านล่างครับ แบบเดียวกันแต่อันนี้ไม่ลับเท่าตัว EP-3
http://www.fas.org/man/dod-101/sys/ac/p-3.htm
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.119 วินาที กับ 22 คำสั่ง