เก็บมาจาก ได้ FW Mail ครับ.....ลองดูนะ....เนียนมาก
>> >>> > เพื่อนๆ ...
>> >>> > อยากเม้าท์อะไรให้ฟัง
>> >>> > ศุกร์ที่แล้วหลังเลิกงานชั้นออกไปสะแหลนแป๋นแถวสีลมกับเพื่อนคนนึง
>> >> หลังจากกิน
>> >>> > ข้าวกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
>> >>> > โดยแยกทางกันกลับทางใครทางมัน
>> >>> > มันเหินฟ้าขึ้นรถไฟฟ้า ส่วนชั้นก็มุด
>> >>> > ลงดินกลับรถใต้ดิน
>> >>> > ตรงสถานีสีลมรถไฟฟ้า กับรถใต้ดินมันจะเชื่อมกัน ประมาณ 3
>> >>> > ทุ่มกว่าบันไดเลื่อนขาลงก็ปิดไปแล้ว ก็เลย
>> >>> > ต้องเดินลงบันไดธรรมดา ระหว่างเดินลงเกือบถึงพื้นแล้ว
>> >>> ก็สวนกับผู้ชายคนนึง
>> >>> >
>> >>> > ตัวดำๆ ใหญ่ๆ ท่าทาง
>> >>> > เป็นคนต่างจังหวัด แต่งตัวโทรมๆ หน่อย ที่ขาของเค้าเลือดโชกเลย
>> >>> > (เค้าใส่แค่รองเท้าแตะคีบ เพราะ
>> >>> > ฉะนั้นเห็นเลือดเต็มๆ) เค้าเดินกะโผลกกะเผลกเดินขึ้นบันไดมา
>> >>> > ก็มีผู้ชายคนนึงแต่งตัวดี ชี้บอกเค้าว่าให้
>> >>> > เดินขึ้นลิฟท์สิ แล้วก็เดินจากไปไม่ใส่ใจเค้า มีอีกหลายๆ
>> >>>> คนที่เดินตามขึ้นมา
>> >>> > บางคนเดินสวนลงไป ที่ได้
>> >>> > แต่มอง แต่ก็เดินจากไปไม่มีใครสนใจ แต่ชั้นเนี่ย
>>>> >> เผอิญว่ามีคุณสมบัติสนใจเรื่องของชาวบ้านสูงมาก
>> >>> > หลังจากรีๆ รอๆ ยืนมองซักพัก ชั้นก็แถเข้าไปบอกเค้าว่า "พี่ >
>> >>> ขึ้นลิฟท์สิคะ"
>> >>> > เค้า
>> >>> > (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกเขาว่า พี่เลือดโชกก็แล้วกัน)
>> >>> > ก็บอก "ไม่เป็นไรครับๆ"
>> >>> >
>>>> >> ระหว่างนั้นก็เหลือแค่ชั้นกับฝรั่งคู่นึง
>> >> (เป็นแฟนกัน อายุประมาณ 20 ปลายๆ)
>> >>> > ยืนดูเหตุการณ์อยู่
>> >>> แล้วชั้นก็คะยั้นคะยอพี่เลือดโชกให้ขึ้นลิฟท์ต่อไป
>> >>> > แต่เค้าก็เจียมเนื้อเจียมตนมากเลย
>> >>> > บอกแต่ว่าไม่เป็นไรครับ ผมไม่กล้าไปขึ้นของเค้าหรอก โหย
>> >>> > แล้วบันไดตรงนั้นนะสูงชันคอตั้งบ่าเลย ชั้น
>> >>> > ได้แต่นึกในใจว่า แล้วเมื่อไหร่พี่เค้าจะปีนขึ้นไปถึงวะ...
>> >>> >
>> >>> > หลังจากรีรอซักพัก พี่เลือดโชกก็ถามชั้นว่า หมอชิดไปทางไหน
>>>> >> ชั้นก็โหไม่รู้หรอกว่าทิศไหนเป็นทิศไหน ก็
>> >>> > บอกเค้าไปว่า เนี่ยพี่ขึ้นลิฟท์ไปนะ
>> >>> > แล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปสุดปลายทางเลยก็ถึงหมอชิดแล้ว
>> >>> พี่เค้าก็บอกว่า
>> >>> > ไม่เป็นไร กะว่าจะเดินไป ชั้นก็ เฮ้ย จะบ้าเหรอ
>> >>> > เดินไปเมื่อไหร่มันจะถึงล่ะเนี่ย แถมขาก็เดี้ยงเลือดโชกขนาดนี้
>> >>> > คุยกันซักพักเค้าก็บอกเค้าไม่มีเงินขึ้นรถไฟฟ้าหรอก
>> >>> >
>> >>> ชั้นก็ > อ๋อ
>> >>> > มุขนี้นี่เอง แต่เอาวะ ด้วย
>> >>> > ความสงสารถ้าจะโดนหลอกก็ให้แม่งไปเหอะ ก็เลยควักมาให้เค้า 40 บาท
>> >>> > บอกให้เอาไปขึ้นรถไฟฟ้าไป
>> >>> > หมอชิต แต่ขอโทษ ผิดคาดครับผิดคาด พี่เลือดโชก ไม่เอาตังค์
>> >>> > ยืนกรานว่าไม่ได้ขอตังค์ แค่อยากรู้ว่า
>> >>> > ควรจะไปทางไหน แล้วเดี๋ยวจะเดินไปเอง
>> >>> เพื่อจะไปขอโบกรถกลับบ้านเอาแถวๆ
>> >>> > นั้นเอง ระหว่างนั้น
>> >>> > ฝรั่งคู่รักก็ยังไม่ไปไหนนะ คอยถามชั้นว่า อะไรเหรอ
>> >>> เค้าว่าอะไรเหรอ
>> >>> > เค้าไม่เอาเงินเหรอ ชั้นก็เลย
>> >>> > ทุลักทุเลมาก ไหนจะต้องคอยสอดรู้เรื่องพี่เลือดโชก
>> >>> > ไหนจะต้องใช้สมองน้อยนิดกลั่นกรองแปลเป็นภาษา
>> >>> > ฝรั่งให้คู่นี่ฟังอีก
>> >>> >
>> >>> > จนถึงตอนนี้พี่เลือดโชกก็ยังไม่ยอมรับเงินจากชั้นนะ
>> >>> > แต่เค้าเล่าเรื่องสนองนี้ดความอยากรู้อยากเห็นของ
>> >>> > ชั้นว่า เค้าโดนเหล็กทิ่มขา แล้วก็โดนไล่ลงจากรถ
>> >>> อะไรประมาณนี้แหละ
>> >>> > แล้วก็พยายามหาทางกลับบ้าน
>> >>> > อยู่ ฟังแล้วชั้นน้ำตาซึมเลย คิดดูสิ ถ้าเป็นเราล่ะ
>> >>> > ถ้าเราอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไม่มีตังค์ บาดเจ็บ
>>แถม
>> >>> > ไม่มีหมาตัวไหนมาสนใจเลย บ้านก็อยากกลับ ทำไง ทำไงดี
>> >>> > แล้วเค้าก็บอกว่า ไม่เอาตังค์หรอก
>> >>> > แต่ช่วยพาข้ามถนนไปหน่อยได้ไหม
>> >>> > ชั้นก็เลยหันไปขอความช่วยเหลือ
>> >>> > จากพี่ฝรั่งเค้า พี่ฝรั่งก็แสนดี รีบ OK >
>> >>>บอกให้พี่เลือดโชกมาเกาะบ่าเค้าเลย
>> >>> > เค้าจะช่วยพยุงข้ามไป พี่
>> >>> > เลือดโชกก็ตามเคย เกรงใจ ไม่เป็นไรครับ
>>>> >> ระหว่างกะโผลกกะเผลกกันไป
>> >>> > ชั้นก็สัมภาษณ์ต่อว่า พี่ บ้าน
>> >>> >
>> >>> > พี่อยู่ไหนเนี่ย / อยู่สุรินทร์ครับ / แล้วค่ารถเท่าไหร่ / 345 บาทครับ
>> >>> > พอข้ามฟากไปเสร็จ
>> >>>ชั้นก็ตัดใจควักกระเป๋าตังค์ออกมายื่นให้พี่เลือดโชกไป 300
>> >>> > บาท 300 บาทสำหรับ
>> >>> > คนงกๆ อย่างชั้นเนี่ยมันเยอะนะ (ขอโทษเหอะ ก่อนหน้านั้นน่ะ
>> >>> จะกินเค้กก้อนละ
>> >>> > 80 บาทยังเสียดายตัง ค์เลย แต่ก็เป็นครั้ง
>> >>> แรกที่ชั้นบีบบังคับใครให้เอาเงินของชั้นไปใช้ทีเถอะ
>> >>> > แต่พี่เค้าก็ไม่ยอมรับนะ ยืนยัน
>> >>> > ว่าจะเดินไปโบกรถไปจนกว่าจะถึงบ้าน โอ้มายก้อด
>> >>> เมื่อไหร่จะถึงบ้านล่ะเนี่ย
>> >>> > จะตายก่อนไหมเนี่ย แล้ว
>> >>> > สภาพแบบนี้ใครจะอยากรับขึ้นรถ
>> >>> >
>> >>> > ในที่สุดชั้นก็ทำสำเร็จ บีบบังคับให้เค้ารับเงินจากชั้นไป 300
>> >>> > ก่อนจะเดินจากมาชั้นยังรู้สึกผิดอยู่เลยที่ให้
>> >>> > เค้าอีก 45 บาทไม่ได้ เพราะชั้นเหลือแต่แบงค์ 1000 แล้ว >
>> >>> ถ้าให้ก็หมดตัวแล้ว
>> >>> > รู้สึกผิดจังที่ไม่สามารถ
>> >>> > ให้เงินครบแบบที่เค้าจะกลับบ้านได้สบายๆ แต่ก็ได้แต่หวังว่า
>> >>> > มันอาจจะให้เค้าไปหาหมอได้ กินข้าว หรือ
>> >>> > อะไรก็ได้ ไอ้จะขอฝรั่งอีก 45 บาท ก็ไม่กล้าซะอีก
>> >>> ก็เลยแยกจากกันไป
>> >>> > พร้อมกับขอให้โชคดีนะพี่
>> >>> > พอข้ามถนนกลับมา แยกกับฝรั่งคู่รักแล้ว ชั้นก็มุดลงรถใต้ดิน
>> >>> >
>> >>> > แล้วก็โทรหาไอ้เพื่อนตัวที่แยกกันเมื่อกี้ เพื่อ
>> >>> > เล่าเรื่องสะเทือนใจให้มันฟัง เล่าไปได้แค่ 2 ประโยค
>> >>> > เรื่องรูปร่างหน้าตาลักษณะของพี่เลือดโชก มันก็
>> >>> > สอดขึ้นมาว่า
>> >>> > "ขาเจ็บใช่มะ เลือดไหลด้วยใช่ปะ
>> >>>ไม่มีเงินกลับบ้านต่างจังหวัดใช้มั้ย
>> >>> > ไม่ยอมรับเงินแกด้วยล่ะสิ แกต้อง
>> >>> > คะยั้นคะยอให้เค้ารับเงินแกใช่มั้ย" โอ้โฮ
>>>> >>>เพื่อนเราตาทิพย์มากๆ
>> >>> > ระหว่างอึ้งในความสามารถของเพื่อน
>> >>> > พร้อมกับตระหนักว่า
>>>> >>>"กูโดนหลอก"
>> >>> > อยู่ เพื่อนมันก็ใส่ต่อว่า ชั้นเจอพี่คนนี้มาแล้ว 2 ครั้ง
>> >>> > คาดว่าแผนการตลาดของพี่เค้าเนี่ย จะใช้
>> >>> > โลเคชั่นแถวรถไฟฟ้า
>>>> >>>ที่คิดว่ากลุ่มเป้าหมายพอจะมีกำลังซื้อหน่อย
>> >>> >
>> >>> > กลยุทธ์ก็จะขายภาพพจน์ความเป็นคนดี
>> >>> > สำนึกรักบ้านเกิด แต่ไม่มีทุนทรัพย์ในการกลับไปรักบ้านได้
>> >>> > แต่ก็หยิ่งมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมรับเงินของใครง่ายๆ
>> >>> > เรียกว่า เล็กๆ ไม่(รับ) ใหญ่ๆ เอา (เอามาเลยอีโง่)
>> >>> > เพื่อนชั้นเคยเจอที่สถานีอ่อนนุช ครั้งนึง
>> >>> > อีกครั้งเจอที่สถานีอะไรจำไม่ได้ ซักประมาณเป็นปีมาแล้ว
>> >>> > ถึงตอนนี้ชั้นเริ่มหายอึ้ง แล้วก็พรั่งพรูความแค้นออกมา
>> >>> > ให้พรพี่เลือดโชกไปหนึ่งล็อตใหญ่ แล้วก็ค่อยๆ สงบ
>> >>> > สติอารมณ์ แล้วก็คิดว่า เอาเถอะ ให้เค้าไปแล้ว
>> >>> > ตอนที่ให้ไปชั้นให้ไปด้วยความตั้งใจดีๆ
>> >>> >
>>>> >>>จริงๆ อย่างที่
>> >>> > บอกว่าถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะ ถ้าเป็นเราล่ะ
>> >>> > เราคงอยากให้ใครมีน้ำใจกับเราใช่มั๊ย สิ่งที่ชั้นทำลงไปไม่ใช่
>> >>> > เรื่องผิดเลย อาจมีคนมองว่าโง่ ก็คงใช่ แต่ไม่ใช่เรื่องผิดเลย
>> >>> > ถ้าชั้นไม่ให้สิ จนถึงวันนี้ชั้นคงยังรู้สึกผิด
>> >>> > อยู่ เงิน 300 บาทแลกกับความรู้สึกผิดที่จะฝังใจอีกนาน
>> >>> มันคุ้มแสนคุ้ม
>> >>> > ถูกแสนถูกสำหรับชั้น แล้วบาป
>>>> >> กรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นมันตกอยู่กับพี่เลือดโชกคนเดียวเท่านั้น >
>> >>> ไม่ว่าเงิน 300 บาทนั่นจะกลายไปเป็นค่า
>> >>> > เหล้า ค่าเล่นไพ่ หรืออาจเป็นค่ากับข้าวให้ลูกๆ ของเค้า
>> >>> > หรืออาจจะเป็นค่ายาของแม่ที่เจ็บป่วยอยู๋ ไม่
>> >>> > เป็นไรเลย ไม่ว่าเค้าจะเอาไปใช้ด้วยวัตถุประสงค์ไหนก็ตาม
>> >>> > มันก็ยังตกเป็นผลกรรมของเค้าอยู่ดี
>> >>> > ชั้นทำ สิ่งที่คิดว่าดีที่สุด ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ
>> >>> > คิดว่าอาจมีหลายคนที่ตกเป็นลูกค้าของพี่เลือดโชกแล้ว
>> >>> > หรืออาจจะกำลังจะเป็นก็ได้ ถ้าเพื่อนๆ ไม่เหลือ
>> >>> > บ่ากว่าแรงก็ลอง forward เมล์นี้ต่อๆ ไปหน่อย
>> >>> >
>> >>> > เผื่อว่าใครได้เจอพี่เลือดโชกตามสถานีรถไฟฟ้าไหนๆ
>> >>> > ก็อาจจะได้รู้เท่าทันกลยุทธ์การตลาดของพี่เค้าบ้าง
>> >>> แล้วถ้าใครเจออีก
>> >>> > ก็ฝากบอกเค้าด้วยว่า ชั้นเป็นห่วง
>> >>> > ยังไม่ถึงบ้านอีกเรอะ นี่มันก็นานพอดูแล้วนะ >
>> >>> คงเดินหลงทางไม่ถึงหมอชิดซักที
>> >>> > เลือดก็คงยังไม่หยุดไหลสิ
>> >>> > ท่า โถคงเจ็บน่าดู
>> >>> > แต่ก็เอาเถอะ ขอให้ขากุดจริงๆ พี่เลือดโชก
>> >>> >
>> >>> >แต่ที่ไม่ชอบก็คือ..การอาศัยความรู้สึกดีๆของคนอื่นหากิน..