ครม.ไทย จะให้ กัญชา ถูกกฎหมาย ผลิตส่งออก นักวิจัยแสดงความยินดี หลัง ครม. หันมาพิจารณา กัญชา ในแง่ของพืชเศรษฐกิจ พร้อมแนะแยกแยะ
ใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรม มากกว่าระบุเป็นยาเสพติด เพราะมีฤทธิ์ต่ำมากและควบคุมได้
เมื่อ วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา รศ.อาคม กาญจนประโชติ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ผู้ประสานงานฝ่ายพืชไร่ สถาบันพัฒนาพื้นที่สูงกล่าวภายหลังทราบว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ
รับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับกรอบแนวทางการพิจารณาเพื่อการควบคุมและส่ง เสริมการปลูกพืชกัญชง
(เฮมพ์) เป็นพืชเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เมื่อ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า ในฐานะนักวิจัย
มีความยินดีมากที่ ครม. เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ของพืชกัญชง จากในอดีตที่กัญชงถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ
ในประเภท 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษก่อน
ทั้งนี้ ในต่างประเทศมีการพัฒนาพืชกัญชงกันอย่างกว้างขวาง เพราะเปลือกเป็นไฟเบอร์ ลำต้น เมล็ด
สามารถสกัดนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ทั้งน้ำมันและโดยเฉพาะเส้นใยที่นำมาทำเครื่องนุ่งห่ม วัสดุบอร์ด
อุตสาหกรรมหนัก วัสดุทดแทนไม้เนื้อแข็ง แต่ที่ผ่านมาไทยมีความเป็นห่วงเรื่องสารเสพติดที่มีอยู่ในตัวพืชกัญชง
แต่จากการวิจัยมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ทำให้ทราบว่า พืชกัญชงมีสารเสพติดในปริมาณที่ต่ำมาก
และควบคุมได้ ดังนั้นจึงควรวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืชกัญชง เพื่อเพิ่มผลผลิต คุณภาพ และแปรรูปมากขึ้น
รศ.อาคม กล่าวอีกว่า กัญชงปลูกได้ดีในพื้นที่เขตร้อน หากมีระบบชลประทานก็สามารถปลูกได้ทั้งปี
ต่างจากยุโรปและเขตหนาวที่ปลูกได้เพียงปีละครั้ง แต่ปัจจุบันไทยยังปลูกไม่ได้ เพราะต้องมีใบอนุญาต
ดังนั้นขณะนี้จึงทำได้เฉพาะการวิจัยที่ต้องแจ้งพิกัดพื้นที่ปลูก แต่ในแง่ของพืชภูมิปัญญาของชาวไทยบนพื้นที่สูง
โดยเฉพาะม้งพบว่าจะมีการปลูกเพื่อใช้ตามวัฒนธรรมพื้นถิ่นตั้งแต่เกิดจนตาย และบางพื้นที่ในกองทัพภาคที่ 3
ด้านอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ต่อไปหากมีการอนุญาตควรได้รับการส่งเสริมเพื่อทำเป็นอุตสาหกรรมสร้างรายได้
ของเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม อยากฝากคณะกรรมการยกร่างปรับปรุง พ.ร.บ. ว่า ควร ยกเว้นพืชกัญชงในแง่ของสารเสพติด
หรือควบคุมพื้นที่แปลงปลูก หากมีการนำมาทำเสื้อผ้า หรือเครื่องนุ่งห่ม แต่ในแง่ของเมล็ดพันธุ์ควรมีใบอนุญาต
และควบคุมไว้ เพื่อป้องกันการนำไปผลิตในทางที่ผิด ความจริงกัญชงแตกต่างจากกัญชาที่ไม่มีกลิ่นหอม
ใบเรียวเล็กกว่า สัมผัสด้วยมือก็จะทราบได้ ยางไม่เหนียว และแปลงปลูกจะถี่กว่า คือ 1 ตารางเมตรปลูกได้
300-400 ต้น และไม่มีปล้องมาก เพราะใช้เส้นใยในการนำไปทำประโยชน์ ที่สำคัญสารเสพติดต่ำกว่า ขณะนี้
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว ได้นำไปปลูกจนเกือบเต็มประเทศ โดยนำองค์ความรู้ที่เราวิจัยไว้ไปพัฒนา
ต่อยอดโดยไม่ต้องลงทุน เพราะเขาไม่กำหนดให้เป็นพืชเสพติดแบบไทย
http://www.pchanneltv.com/knowledge-id4458.htmlดีครับ ดูดแล้วคนไทยจะได้อารมณ์ดี เครียดจากเรื่องการเมืองมามากแล้ว
ว่าแต่กัญชงนี่ก็มีสารเสพติดแต่ว่ามีปริมาณน้อยกว่ากัญชาใช่มั้ยครับ เพิ่มปริมาณซักหน่อยจะเหมือนดูดกัญชารึเปล่า