ไทยนิยมเปิบ "แมลงเขมร" โรงเกลือคึกปีละ 700 ตัน

นักกีฏวิทยากรมอุทยานเผยตลาดโรงเกลือแหล่งซื้อแมลงนำเข้าจากกัมพูชา คนไทยนิยมกินปีละกว่า 700 ตัน มูลค่า 40 ล้านบาท มีพ่อค้ารับซื้อกว่า 10 ราย มีห้องเย็นเป็นของตัวเอง ชี้สะอาดปราศจากยาฆ่าแมลง

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นางนันทิยา รัตนจันทร์ นักกีฏวิทยา สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ได้เก็บข้อมูลทำวิจัยเรื่องแมลง และแมงป่องกินได้ ที่ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา (ตลาดโรงเกลือ) พบข้อมูลที่น่าสนใจมากว่า มีการนำเข้าแมลงกินได้จากประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชา จำนวน 17 ชนิด คือ ตั๊กแตนขาเหล็ก ตั๊กแตนเขียวใหญ่ ตั๊กแตนปาทังก้า ตั๊กแตนข้าว ตั๊กแตนเล็ก จิ้งหรีดทองแดง จิ้งหรีดทองดำ จิ้งโกร่ง แมลงกระชอน แมลงมัน ตั๊กโต่ง ด้วงดิ่ง แมลงเหนี่ยง แมลงนูน แม่เป้ง และไข่มดแดง ส่วนแมงป่องที่กินได้นำเข้าเพียงชนิดเดียวคือ แมงป่องช้าง การนำเข้าแมลงและแมงเหล่านี้มีมากถึงปีละ 727.89 ตัน ในจำนวนนี้ดักแด้ไหมนำเข้ามากที่สุด คือ 267.29 ตัน มูลค่า 11.58 ล้านบาท รองลงมาคือ จิ้งหรีดทองแดง 225.07 ตัน 8.74 ล้านบาท และตั๊กแตนขาเหล็ก 101.04 ตัน 4.12 ล้านบาท รวมมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดประมาณ 40.01 ล้านบาท

นางนันทิยากล่าวว่า แมลงกินได้ที่ถูกนำมาปรุงด้วยวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะการทอด และวางขายอยู่ทั่วประเทศเวลานี้ส่วนใหญ่จะเป็นแมลงที่ถูกซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิ้น โดยเฉพาะกัมพูชาและเวียดนามทั้งสิ้น โดยเฉพาะกัมพูชาเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทุ่งโล่งที่แมลงพวกนี้อาศัยอยู่จำนวนมาก ที่สำคัญคือ ยังไม่มีการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงแพร่หลายเหมือนในประเทศไทย จากการสอบถามจากพ่อค้าผู้รับซื้อแมลงเหล่านี้ ที่บริเวณด่านศุลกากร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ข้อมูลว่า บางวันมีปริมาณการนำเข้าถึงวันละ 6-7 ตัน โดยปริมาณจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล

"สำหรับราคาการซื้อขายแมลงแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการจับ ช่วงเวลาและปริมาณในธรรมชาติ เช่น ดักแด้ไหม มีราคากิโลกรัมละ 17-65 บาท ในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน มีราคา 60-65 บาท จิ้งหรีดทองมีราคา 15-50 บาท ในเดือนมกราคม ส่วนเดือนธันวาคมมีราคาสูงถึง 20-110 บาท ตั๊กแตนขาเหล็ก ราคา 100-320 บาท ตั๊กแตนเขียว ราคา 70-180 บาท ขณะที่แมลงดานามีราคาตัวละ 3-5 บาท หรือกิโลกรัมละ 400 บาท ส่วนตั๊กแตนปาทังก้ามีราคา 70-320 บาท" นางนันทิยากล่าว

นักกีฏวิทยาจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า ที่บริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จะมีพ่อค้ารายใหญ่ที่รับซื้อแมลงเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 10 ราย แต่ละรายจะมีห้องเย็นเป็นของตัวเอง เมื่อรับซื้อแมลงจากพ่อค้ารายย่อยชาวกัมพูชามาแล้ว จะนำแมลงไปเก็บในห้องเย็น แล้วเอาออกมาทยอยขาย โดยพ่อค้าชาวไทยจะพยายามกว้านซื้อแมลงไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้พอขายตลอดทั้งปี ทั้งนี้ มีจะมีพ่อค้า แม่ค้ารายย่อยคนไทยจากทั่วประเทศสั่งซื้อแมลงเหล่านี้ไปขายตลอดทั้งปี

"ประชาชนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน ที่จับแมลงพวกนี้มาขายเขาจะทำอย่างชำนาญและเป็นมืออาชีพอย่างมาก ได้รับการบอกเล่าว่า วิธีการได้มาซึ่งแมลงเหล่านั้นเป็นวิธีพื้นบ้านมาก มีตั้งแต่การไล่จับกับมือ และใช้ตาข่าย เมื่อได้มาแล้ว จะแยกตามชนิด ใส่กระสอบมาส่งให้ตลาดฝั่งประเทศไทย เมื่อมาถึงประเทศไทย พ่อค้าก็จะนำแมลงที่ได้มาไปทำความสะอาด เด็ดปีก หรือเด็ดขาออก หลังจากนั้น ก็จะแพคเข้าห้องเย็น และค่อยๆ ทยอยออกขาย ผู้ประกอบการห้องเย็นแมลงให้ข้อมูลว่า มีแมลงมาขายเท่าไรก็จะรับซื้อไว้ทั้งหมด เพราะเวลานี้ แมลงกินได้เป็นที่ต้องการในตลาดคนไทยทั่วประเทศมาก ทั้งนี้ เมื่อแมลงเหล่านี้ถูกส่งมายังตลาดในเมืองไทย ราคาก็จะสูงขึ้นอีก เคยไปสำรวจตลาดคลองเตย พบว่า แมลงดานานั้นตัวละ 7-10 บาท ทีเดียว" นางนันทิยากล่าว

ด้าน น.ส.องุ่น ลิ่ววานิช นักกีฏวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการศึกษาคุณค่าทางอาหารของแมลงในประเทศไทย และเนื้อสัตว์ต่างๆ ต่อน้ำหนัก 100 กรัม พบว่า แมลงตับเต่า มีโปรตีน 21 กรัม ไขมัน 7.1 กรัม ตั๊กแตนเล็ก มีโปรตีน 20.6 กรัม มีโปรตีน 6.1 กรัม แมลงดานา มีโปรตีน 19.8 กรัม มีไขมัน 8.3 กรัม ไข่มดแดง มีโปรตีน 7 กรัม มีไขมัน 3.2 กรัม ขณะที่เนื้อไก่มีโปรตีน 20.2 กรัม มีไขมัน 12.6 กรัม เนื้อวัว มีโปรตีน 18.8 กรัม มีไขมัน 14.6 กรัม เนื้อหมู มีโปรตีน 14.1 กรัม ไขมัน 35 กรัม ปลาดุกมีโปรตีน 23 กรัม มีไขมัน 2.4 กรัม และไข่ไก่ มีโปรตีน 12.7 กรัม มีไขมัน 11.9 กรัม

"ช่วง 5-6 ปี ที่ผ่านมา ความนิยมในการบริโภคแมลงในประเทศไทยมีมากและมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปริมาณแมลงในธรรมชาติเริ่มลดลง อีกทั้งในพื้นที่การเกษตรเกือบทุกแห่งมีการใช้สารเคมีกำจัดแมลง แมลงในธรรมชาติจึงไม่เพียงพอสำหรับการนำมาขาย ตนเห็นว่า แมลงบางชนิดสามารถเพาะเลี้ยงเพื่อนำมากินได้ เช่น จิ้งหรีด หรือดักแด้ไหม รวมไปถึงหนอนไม้ไผ่ ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง หากส่งเสริมการเลี้ยงอย่างจริงจังก็จะสร้างรายได้ให้ผู้เลี้ยง สร้างอาชีพ และเพิ่มปริมาณอาหารทางเลือกให้กับคนไทยอีกด้วย" น.ส.องุ่นกล่าว

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1368935957

ไม่ได้กินนานแล้ว กลัวยาฆ่าแมลง ที่ดูจะปลอดภัยก็รถด่วนนะ อยู่ในบ่องไม้ไผ่ คงไม่มียา Grin

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ไทยนิยมเปิบ "แมลงเขมร" โรงเกลือคึกปีละ 700 ตัน (อ่าน 996 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้