เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 06, 2024, 08:40:55 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชาวนามีบุญคุณจริงหรือไม่  (อ่าน 8578 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 30 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
...แมวคราว...
Full Member
***

คะแนน 69
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 362



« ตอบ #60 เมื่อ: มิถุนายน 23, 2013, 10:54:24 PM »

ผมมองของผม โดยเนื้อแท้ชาวนามีบุญคุณครับ...เนื่องจากชาวนาผลิตสินค้าที่เป็นอาหารหลักของมนุษย์ (ยกเว้นเผ่าพันธุ์ที่กินข้าวไม่เป็น)
ไม่มีข้าวกินชีวิตอยู่ไม่ได้... ขาดแคลนสินค้าและบริการอย่างอื่นชีวิตเพียงแค่ขาดความหรูหราสะดวกสบายเท่านั้นเอง
.....หากไม่มีชาวนามืออาชีพมาทำนาปลูกข้าวให้อาชีพอื่นได้กินกันแล้ว คงได้ปลูกข้าวกินเองกันทุกอาชีพเป็นแน่
บันทึกการเข้า
kpai
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 109
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 694



« ตอบ #61 เมื่อ: มิถุนายน 23, 2013, 11:15:05 PM »

ชาวสวนยางพาราก็พระคุณครับ เพราะทุกคนใช้ผลิตภัณฑ์จากยางโดยเพาะล้อรถ แล้วทำไมไม่รับจำนำยางพาราแบบขาดทุนป่นปี้แบบข้าวบ้าง
ผิดห้อง ผิดประเด็นไหมนี่ เศร้า
บันทึกการเข้า
อิติปิโสธงชัย รักในหลวง
The best it yet to be......
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2734



« ตอบ #62 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 01:39:24 AM »

 ขำก๊ากน้างูเอาของฮามาให้ดูอีกเเล้ว ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

ผมก็คือส่วนหนึ่งของความไม่เป็นกลาง เพราะผมอยู่ข้างในหลวง
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #63 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 05:03:36 AM »

ชาวสวนยางพาราก็พระคุณครับ เพราะทุกคนใช้ผลิตภัณฑ์จากยางโดยเพาะล้อรถ แล้วทำไมไม่รับจำนำยางพาราแบบขาดทุนป่นปี้แบบข้าวบ้าง
ผิดห้อง ผิดประเด็นไหมนี่ เศร้า

ลำไย เงาะ ทุเรียน Grin Grin Grin เกษตรกรเหมือนกัน ต้องแยกไหมว่าข้าวอย่างเดียวที่มีบุญคุณ 5555  แล้วพวกเลี้ยงสัตว์ล่ะ หรือจะเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูกินเอง

ผมมองของผม โดยเนื้อแท้ชาวนามีบุญคุณครับ...เนื่องจากชาวนาผลิตสินค้าที่เป็นอาหารหลักของมนุษย์ (ยกเว้นเผ่าพันธุ์ที่กินข้าวไม่เป็น)
ไม่มีข้าวกินชีวิตอยู่ไม่ได้... ขาดแคลนสินค้าและบริการอย่างอื่นชีวิตเพียงแค่ขาดความหรูหราสะดวกสบายเท่านั้นเอง
.....หากไม่มีชาวนามืออาชีพมาทำนาปลูกข้าวให้อาชีพอื่นได้กินกันแล้ว คงได้ปลูกข้าวกินเองกันทุกอาชีพเป็นแน่

ปลูกเองอาจได้กินของดีกว่านี้เป็นไปได้ไหม
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #64 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 07:43:19 AM »



ปลูกเองอาจได้กินของดีกว่านี้เป็นไปได้ไหม


Ha Ha Ha  ฮา  " Oh yes "  ฮา

5555 ถ้าปลูกใน  "ทำเนียบ"  ยิ่งน่ากิน  น่าอร่อย อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

เอ้ออออ.....อีกที่นึง  ก็  "สนามหลวง"  อ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
SA-KE
เมื่อเดินผิด ย่อมมิใช่มนุษย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 702
ออฟไลน์

กระทู้: 3612


เรารักในหลวง


« ตอบ #65 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 09:10:33 AM »

ในอดีตเราสามารถพูดได้เต็มปากว่า "ข้าว" คือ อาหารหลักของประเทศเราและ "ชาวนา"  คือ กระดูกสันหลังของประเทศนี้

อาชีพชาวนา เป็นอาชีพที่เสมือนต้องคำสาบอาชีพหนึ่งเลยที่เดียวก็ว่าได้ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน  ทั้งๆที่เป็นอาชีพที่ไม่ใช่ใครๆก็จะทำกันได้ง่ายๆ  

ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยน วิธีคิดของคนก็เปลี่ยนไป แล้วยิ่งอ้างการเมืองด้วย มันก็เลยเพี้ยนกันไปหมด  มันไม่ผิดหรอกครับหากจะมองเพียงแค่ "ข้าว"  คือ วัตถุบริโภคชนิดหนึ่ง

หรือคิดแบบวัตถุนิยม ก็แค่การแลกเปลี่ยนที่ไม่มีบุญทุนต้องทดแทนกัน  เพราะทุกอย่างในระบบมันต้องเกื้อกลูซึ่งกันและกัน ในสถานะภาพที่สมมุติว่าเท่าเทียมกัน

หากเป็นเมื่อ 2-300 ปี ในประวัติศาสตร์บ้านเราที่ต้อพึ่งพาข้าว และวัวควายที่ใช้ทำนาเป็นหลัก ..จะมีสักกี่คนที่จะกล้าพูดเช่นนี้หนอ?  
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 24, 2013, 09:13:23 AM โดย SA-KE » บันทึกการเข้า

คนต่างกับสัตว์ที่ "ความคิด"  ,  คนต่างกับมนุษย์ที่ "ศีลธรรม"
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #66 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 09:23:54 AM »


  คนทุกคน ไม่ว่าอาชีพไหนๆ ถ้ามีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ผมเคารพและนับถือว่ามีบุญคุณกับผมทุกคน.. ไหว้
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #67 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 09:59:55 AM »

ในอดีตเราสามารถพูดได้เต็มปากว่า "ข้าว" คือ อาหารหลักของประเทศเราและ "ชาวนา"  คือ กระดูกสันหลังของประเทศนี้

อาชีพชาวนา เป็นอาชีพที่เสมือนต้องคำสาบอาชีพหนึ่งเลยที่เดียวก็ว่าได้ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน  ทั้งๆที่เป็นอาชีพที่ไม่ใช่ใครๆก็จะทำกันได้ง่ายๆ   

ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยน วิธีคิดของคนก็เปลี่ยนไป แล้วยิ่งอ้างการเมืองด้วย มันก็เลยเพี้ยนกันไปหมด  มันไม่ผิดหรอกครับหากจะมองเพียงแค่ "ข้าว"  คือ วัตถุบริโภคชนิดหนึ่ง

หรือคิดแบบวัตถุนิยม ก็แค่การแลกเปลี่ยนที่ไม่มีบุญทุนต้องทดแทนกัน  เพราะทุกอย่างในระบบมันต้องเกื้อกลูซึ่งกันและกัน ในสถานะภาพที่สมมุติว่าเท่าเทียมกัน

หากเป็นเมื่อ 2-300 ปี ในประวัติศาสตร์บ้านเราที่ต้อพึ่งพาข้าว และวัวควายที่ใช้ทำนาเป็นหลัก ..จะมีสักกี่คนที่จะกล้าพูดเช่นนี้หนอ? 
 

2-400ปีก่อนข้าราชการที่ทุจริตส่วยข้าว โทษตายสถานเดียวครับพี่

หลายๆอย่างเปลี่ยนไปตามยุคสมัยจริงๆครับ สมัยก่อนข้าวเป็นสินค้าควบคุมในภูมิภาคนี้เหตุหนึ่งเพราะป้องกันการขายออกไปให้ประเทศศัตรู ต่อให้เกิดภัยธรรมชาติถึงขั้นขาดแคลนอาหารก็ยังไม่มีการค้าขายข้าวในภูมิภาคเดียวกันก็มีน้อยมาก(ยกเว้นเขมรที่โดนสยามยึดครองพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อส่วนข้าว และทาส)

ทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว .... ข้าวที่ปลูก เพื่อขายให้คนไทยกินแค่42% เพื่อการส่งออกถึง58%

ข้าวปลูกบนแผ่นดินไทย ใช้เงินสนับสนุนจากภาษีคนไทย ใช้น้ำจากเขื่อน/แม่น้ำลำคลองที่ปันส่วนมาจากความต้องการใช้ของไทย ปล่อยสารเคมีปนเปื้อนลงแห่ลงน้ำและผืนดินไทย.......แต่คนไทยยังต้องซื้อกินในราคาเดียวกันกับที่ส่งออก

จะบอกว่าเรื่องนี้ชาวนาไม่รู้เรื่อง ชาวนาไม่ได้ทำ......แล้วทำไมอาชีพสวนส้ม สวนยาง สวนปาล์มเขาถึงไม่ได้รับการจุนเจือถึงขนาดนี้ ไม่เกิดเรื่องเหม็นเน่าฉาวโฉ่เท่าอาชีพนี้?

.......ยอดขายจากอาชีพอื่นๆอาจทำตัวเลขเบื้องต้นได้ไม่สูงขนาดนี้ แต่พอนับเป็นผลกำไรจากการผลิตกลับสูงกว่าลิบๆ และไม่ได้ใช้ทรัพยากรของไทยแบบใช้ล้างใช้ผลาญขนาดนี้ด้วย

บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #68 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 10:09:20 AM »

ถ้าชาวนาไทยปลูกข้าวได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นเป็น2เท่าจนมีประสิทธิภาพเท่าเวียตนาม อาชีพนี้ก็ยังน่าสนับสนุนอยู่

เพราะมันจะลดการใช้พื้นที่ ทรัพยากร , ลดมลภาวะที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ , ลดการล้างผลาญเงินสนับสนุนฯลฯลงได้ครึ่งนึง



ผมถามอย่างคนไม่เคยทำนา ว่าถ้ารัฐฯไม่ได้สนับสนุนสารพัดสิ่งให้ ตั้งกองทุนกู้ยืมให้ชักดาบได้บ่อยๆ วงจรนี้เขาจะกระหน่ำปลูกข้าวเพื่อการส่งออกถึง58%ของผลผลิตกันแบบนี้ไหม พวกเขาจะปรับปรุงนิสัยในการผลิตของตัวเองให้มันดีขึ้นกว่านี้กันไหม?

เพราะฉะนั้น อาชีพปลูกข้าวก็เป็นแค่อาชีพหนึ่ง ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับผมมากมายไปกว่าชาวประมง ชาวสวนส้ม
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #69 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 10:22:55 AM »

 Cheesy
ผมยังเห็นว่าชาวนามีบุญคุณอยู่ครับ
มีบุญคุณที่ยังคงทำอาชีพนี้อยู่
ผมว่าอาชีพนี้มันเหนื่อย  ผลตอบแทนก็ไม่มากนัก
ปีไหนพลาดก็เป็นหนี้เป็นสิน
ปีถัดๆไปพอได้กำรี้กำไรบ้างก็ต้องมาทะยอยจ่ายหนี้สินที่กู้ไว้สำหรับปีที่พลาด
ที่คิดว่ามีบุญคุณมากๆคือ  บ้านผมยังกินข้าวอยู่
แกงป่าไก่กินกับลองกอง หรือเงาะหรือทุเรียนไม่อร่อยครับ  น้ำพริกก็เช่นกัน  มิพักต้องพูดถึงยางพาราที่กินแทนข้าวไม่ได้
ตอนฟองสบู่แตกปี 40 ค่าเงินบาทลดทะรูดทะราด
ลองจินตนาการว่าถ้าเมืองไทยปลูกข้าวไม่พอกิน  บางส่วนหรือส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
มันคงสาหัสสากรรจ์มากยามที่ต้องใช้เงินเยอะไปแลกเป็นดอลลาร์แล้วไปซื้อข้าวเข้ามากิน
เหมือนอินโดนีเซียน่ะครับ
.... แต่ก็ด่านโยบายรับจำนำข้าวที่มุ่งแต่จะฉ้อราษฏร์บังหลวงกันนะครับ
การช่วยชาวนามันคนละเรื่องกันกับการขอฉกกินแบบมูมมาม
อันนี้ควรต้องติดคุก
ที่ทำใจไม่ได้เลยคือการที่มีนโยบายรับจำนำข้าวที่ราคาสูงกว่าตลาดโลกมาก
แล้วปรากฏว่าไทยอิมพอร์ตข้าวเข้าจากกัมพูชาเนี่ย
มันข้าวสวมสิทธิ์กันเห็นๆ  ภาษีเราต้องไปอุ้มชาวนาเขมร พ่อค้าเขมรและไทยเนี่ย...รับไม่ไหวครับ
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #70 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 10:26:21 AM »

มีอีกเรื่องนึงที่นายสมชายอยากพูดสักหน่อยครับ ถึงแม้ว่าอาจทำให้ชาวนารู้สึกไม่ดี แต่มันเป็นความจริงครับ... ชาวนาไม่ได้เป็นผู้เสียสละทำนองเดียวกับทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการพลเรือนอื่นที่รับราชการอยู่ และรับค่าตอบแทนน้อยกว่าเอกชนในสายงานอาชีพที่เทียบกันได้หรอกครับ...

เรื่องนี้ต้องลงดูในรายละเอียดในสายงานอาชีพด้วย ตัวอย่างเช่นแพทย์ในโรงพยาบาลหลวงเทียบกับแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชน, นักบริหารระดับสูง/ระดับกลางในส่วนราชการ(และองค์การปกครองท้องถิ่น) เทียบกับผู้บริหารบริษัทที่รับผิดชอบงบประมาณจำนวนเท่ากัน, ทหาร/ตำรวจ เทียบกับรายได้นักสืบเอกชนในสายงานคดีเหมือนกัน ฯลฯ ... จะเห็นว่ารายละเอียดมันต่างกันครับ แต่เอาไปเทียบไม่ได้กับข้าราชการทั่วไปที่เช้าชามเย็นชามไม่ได้ ซึ่งอย่างหลังนี่ไม่ใช่ผู้เสียสละให้แผ่นดิน...

เส้นแบ่งคือหากใครที่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพอย่างอื่น แต่ยังทนรับค่าตอบแทนในระดับต่ำ เพราะสาเหตุอะไรก็ตามแต่ เช่นกินอุดมการณ์ หรือต้องการความมั่นคงในชีวิต ฯลฯ... ทั้งที่ตัวเองมีทางเลือกอย่างอื่นให้ลาออกจากราชการได้ แต่ไม่ลาออกไม่ใช่เพราะไม่มีที่ไป, อย่างนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นผู้เสียสละให้แก่ประเทศชาติครับ...

ส่วนชาวนานั่นหากไม่พอใจในอาชีพตนเอง ก็สามารถไปประกอบอาชีพอื่นได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็มีชาวนาทิ้งที่นาไปตลอดเวลาที่ผ่านมาอยู่ตลอดเวลา จนพื้นที่ทำนาของประเทศเหลือน้อยลง ซึ่งกลับเป็นผลดีแก่ผู้ที่ยังทำนาข้าวอยู่ เพราะดีมานด์เพิ่ม แต่ซับพลายด์ลดลง... ซึ่งสรุปได้ว่าเป็นไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่ง, แต่อีกส่วนหนึ่งคือชาวนามีจำนวนหัวมากกว่าอาชีพอื่น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยนอกเหนือจากเรื่องมูลค้าข้าวที่มีมหาศาลจนตัวเหลือบชอบเข้ามาแฝงเกาะกิน...

เพราะชาวนามีจำนวนหัวมากกว่าอาชีพอื่นทั้งประเทศ... ดังนั้นในระบอบประชาธิปไตยชนิดนับจำนวนหัวไม่สนใจเหตุผล จึงมีนักการเมืองชอบมาหลอกเอาผลประโยชน์จาก"คนส่วนใหญ่"ครับ...

คือหลอกชาวนาง่าย ปลุกอารมณ์ขึ้นง่ายนั่นเอง...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #71 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 10:31:11 AM »

แล้วนายสมชายยังนึกต่อไปว่า... ทำไมไม่ส่งเสริมอาชีพอื่นให้ชาวนาที่มีศักยภาพพอ ให้ทิ้งอาชีพนี้ไปจนเหลือน้อยลงครับ...

ให้จำนวนผลผลิตต่อหัวเพิ่มมากขึ้น เพราะมีตัวหารน้อยลงเนื่องจากดีมานด์ยังคงเดิม แต่จำนวนซับพลายด์น้อยลง, รายได้ต่อหัวจึงมากขึ้น... ชาวนาข้าวที่ยังคงทำนาข้าวอยู่ จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น...

แต่ปัญหาคือ... ชาวนาข้าวส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาไปอาชีพอื่นครับ เพราะศักยภาพไม่ถึง...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #72 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 10:36:08 AM »

ที่ว่าหากชาวนาไม่ทำนาข้าวแล้วใครจะปลูกข้าวให้เรากิน... นายสมชายยังเชื่อเรื่องกลไกดีมานด์ซับพลายด์ครับ...

ขยายความได้ว่า เมื่อไหร่ผลตอบแทนจากการทำนาข้าวมันสูงพอคุ้มค่าแล้ว... เราอาจได้เห็นวิศวกร เห็นนายแพทย์ เห็นอดีตทหาร/ตำรวจ เปลี่ยนอาชีพมาทำนาข้าวครับ, ที่ตอนนี้เขาไม่ทำกันเพราะมันไม่คุ้มค่า...

สรุปว่าหากชาวนาข้าวมีความสามารถ จะไปทำอาชีพอื่นก็ไปเมื่อใดก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนทำนาข้าวเลี้ยงประเทศ... เพราะผู้อื่นเขาจะมาทำนาแทน เมื่อผลตอบแทนมันคุ้มค่าพอครับ...
บันทึกการเข้า
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #73 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 10:38:45 AM »

ที่ว่าหากชาวนาไม่ทำนาข้าวแล้วใครจะปลูกข้าวให้เรากิน... นายสมชายยังเชื่อเรื่องกลไกดีมานด์ซับพลายด์ครับ...

ขยายความได้ว่า เมื่อไหร่ผลตอบแทนจากการทำนาข้าวมันสูงพอคุ้มค่าแล้ว... เราอาจได้เห็นวิศวกร เห็นนายแพทย์ เห็นอดีตทหาร/ตำรวจ เปลี่ยนอาชีพมาทำนาข้าวครับ, ที่ตอนนี้เขาไม่ทำกันเพราะมันไม่คุ้มค่า...

สรุปว่าหากชาวนาข้าวมีความสามารถ จะไปทำอาชีพอื่นก็ไปเมื่อใดก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนทำนาข้าวเลี้ยงประเทศ... เพราะผู้อื่นเขาจะมาทำนาแทน เมื่อผลตอบแทนมันคุ้มค่าพอครับ...


ก่อนถึงตอนนั้น คงได้ซื้อข้าวเวียตนาม-เขมรกินกันพลางๆครับ

ผมไม่มีปัญหา ไม่มีกำแพงภาษีซะด้วย เผลอๆราคาจะถูกกว่า
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #74 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 10:39:10 AM »

มีอีกเรื่องนึงที่นายสมชายอยากพูดสักหน่อยครับ ถึงแม้ว่าอาจทำให้ชาวนารู้สึกไม่ดี แต่มันเป็นความจริงครับ... ชาวนาไม่ได้เป็นผู้เสียสละทำนองเดียวกับทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการพลเรือนอื่นที่รับราชการอยู่ และรับค่าตอบแทนน้อยกว่าเอกชนในสายงานอาชีพที่เทียบกันได้หรอกครับ...

เรื่องนี้ต้องลงดูในรายละเอียดในสายงานอาชีพด้วย ตัวอย่างเช่นแพทย์ในโรงพยาบาลหลวงเทียบกับแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชน, นักบริหารระดับสูง/ระดับกลางในส่วนราชการ(และองค์การปกครองท้องถิ่น) เทียบกับผู้บริหารบริษัทที่รับผิดชอบงบประมาณจำนวนเท่ากัน, ทหาร/ตำรวจ เทียบกับรายได้นักสืบเอกชนในสายงานคดีเหมือนกัน ฯลฯ ... จะเห็นว่ารายละเอียดมันต่างกันครับ แต่เอาไปเทียบไม่ได้กับข้าราชการทั่วไปที่เช้าชามเย็นชามไม่ได้ ซึ่งอย่างหลังนี่ไม่ใช่ผู้เสียสละให้แผ่นดิน...

เส้นแบ่งคือหากใครที่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพอย่างอื่น แต่ยังทนรับค่าตอบแทนในระดับต่ำ เพราะสาเหตุอะไรก็ตามแต่ เช่นกินอุดมการณ์ หรือต้องการความมั่นคงในชีวิต ฯลฯ... ทั้งที่ตัวเองมีทางเลือกอย่างอื่นให้ลาออกจากราชการได้ แต่ไม่ลาออกไม่ใช่เพราะไม่มีที่ไป, อย่างนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นผู้เสียสละให้แก่ประเทศชาติครับ...

ส่วนชาวนานั่นหากไม่พอใจในอาชีพตนเอง ก็สามารถไปประกอบอาชีพอื่นได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็มีชาวนาทิ้งที่นาไปตลอดเวลาที่ผ่านมาอยู่ตลอดเวลา จนพื้นที่ทำนาของประเทศเหลือน้อยลง ซึ่งกลับเป็นผลดีแก่ผู้ที่ยังทำนาข้าวอยู่ เพราะดีมานด์เพิ่ม แต่ซับพลายด์ลดลง... ซึ่งสรุปได้ว่าเป็นไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่ง, แต่อีกส่วนหนึ่งคือชาวนามีจำนวนหัวมากกว่าอาชีพอื่น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยนอกเหนือจากเรื่องมูลค้าข้าวที่มีมหาศาลจนตัวเหลือบชอบเข้ามาแฝงเกาะกิน...

เพราะชาวนามีจำนวนหัวมากกว่าอาชีพอื่นทั้งประเทศ... ดังนั้นในระบอบประชาธิปไตยชนิดนับจำนวนหัวไม่สนใจเหตุผล จึงมีนักการเมืองชอบมาหลอกเอาผลประโยชน์จาก"คนส่วนใหญ่"ครับ...

คือหลอกชาวนาง่าย ปลุกอารมณ์ขึ้นง่ายนั่นเอง...



คำตอบนี้ผมเข้าใจอะไรขึ้นเยอะครับ  

ขอบคุณพี่สมชายมากครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.068 วินาที กับ 22 คำสั่ง