ชีวิตสมรสจะยืนยาว ถ้าหญิงฉลาดกว่าชายกี่เปอร์เซ็นต์ " พิศณุ นิลกลัด" มีคำตอบ

[เบิ้ม]

คอลัมน์ คลุกวงใน/พิศณุ นิลกลัด   (มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 28 มิ.ย.-4 ก.ค.2556)

 

เมื่อกลางเดือนมิถุนายน รูเพิร์ต เมอร์ดอก อภิมหาเศรษฐีชาวออสเตรเลีย วัย 82 ปี เจ้าของธุรกิจสื่อสารมวลชนทั้งสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ในหลายประเทศทั่วโลก ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นคนรวยอันดับ 91 ของโลกประจำปีนี้ มีทรัพย์สิน 336,000 ล้านบาท ตัดสินใจยื่นฟ้องหย่า เวนดี้ เติ้ง ภรรยาชาวจีน วัย 44 ปี เพียงไม่กี่วันก่อนจะถึงครบรอบแต่งงาน 14 ปี ในวันที่ 25 มิถุนายน

เรื่องราวความรักของ เวนดี้ เติ้ง กับ รูเพิร์ต เมอร์ดอก มีอยู่ว่า สมัยเวนดี้เป็นเด็กฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ของเมอร์ดอกในฮ่องกง มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับ เมอร์ดอก เวนดี้ ซึ่งเรียนจบ MBA จาก Yale ถามคำถามฉลาด เป็นที่ถูกใจเมอร์ดอก

เมื่อประชุมเสร็จ เวนดี้ก็เข้าไปแนะนำตัวกับเมอร์ดอก หลังจากนั้น เวนดี้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นล่ามภาษาจีนประจำตัวเมอร์ดอก

ตอนนั้นมีข่าวซุบซิบทั่วสถานีโทรทัศน์ว่าเมอร์ดอกซึ่งยังแต่งงานอยู่กินกับภรรยาคนที่ 2 แอบมีสัมพันธ์ลับกับเวนดี้

ต่อมาเมอร์ดอกก็ออกมายอมรับว่าเขาเป็นแฟนกับเวนดี้จริง และทำเรื่องฟ้องหย่ากับภรรยาคนที่ 2 ซึ่งแต่งงานกันมานานถึง 31 ปี การหย่าร้างครั้งนั้นสร้างสถิติการหย่าที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก โดยเมอร์ดอกต้องแบ่งสินสมรสจำนวน 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือ 51,000 ล้านบาท ให้ภรรยา

หลังการหย่าอย่างถูกต้องตามกฎหมายผ่านไปได้เพียง 17 วัน มอร์ดอกก็เข้าพิธีแต่งงานกับเวนดี้



สมัยที่เวนดี้กับเมอร์ดอกแต่งงานกันใหม่ๆ เธอถูกวิจารณ์อยู่เสมอว่าแต่งงานเพราะเห็นแก่เงิน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Gold digger แต่มอร์ดอกก็ออกมาปกป้องโดยบอกว่าตัวเขาต้องวิงวอนโน้มน้าวเวนดี้อยู่นานกว่าเธอจะใจอ่อนยอมแต่งงานด้วย

ไม่ว่าเวนดี้จะแต่งงานเพราะรักหรือเห็นแก่เงิน การหย่าร้างของเวนดี้กับอภิมหาเศรษฐีเมอร์ดอกก็เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่า ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตแต่งงานมีความสุขเสมอไป

ข่าววงในซุบซิบว่าความสัมพันธ์ของเมอร์ดอกกับเวนดี้คลอนแคลนมาเป็นปี และจากคำฟ้องหย่าของเมอร์ดอกก็ระบุว่า ชีวิตแต่งงานของเขาร้าวฉานมากว่า 6 เดือนแล้ว



มีการศึกษาหาสูตรการเลือกคู่ครองที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้การแต่งงานมีความสุขและยืนยาว ซึ่งพบว่าเรื่องเงินทองไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุด แต่เรื่องของช่องห่างระหว่างวัย พื้นฐานทางวัฒนธรรม และระดับการศึกษาของคู่แต่งงาน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น ไม่จบลงด้วยการหย่าร้างในภายหลัง

จากการศึกษาคู่แต่งงาน 1,074 คู่ อายุระหว่าง 19-75 ปี ของ GenevaSchool of Business ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้สรุปออกมาเป็นสูตรที่จะทำให้ชีวิตแต่งงานราบรื่นดังนี้

1. ภรรยาควรมีอายุน้อยกว่าสามี 5 ปี

2. มีพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน

3. ทั้งสองฝ่ายไม่เคยผ่านการหย่าร้างมาก่อน

4. ภรรยาฉลาดกว่าสามี 27 เปอร์เซ็นต์ โดยภรรยาควรมีปริญญาบัตร ส่วนสามีไม่จำเป็นต้องเรียบจบมหาวิทยาลัย

หากหาคู่ชีวิตได้ตามนี้ คณะผู้ศึกษาบอกว่าจะช่วยยืดอายุชีวิตแต่งงานได้นานขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์

หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมภรรยาควรฉลาดกว่าสามี 27 เปอร์เซ็นต์ นักจิตวิทยาให้คำตอบว่าย้อนไปสมัยดึกดำบรรพ์ ผู้ชายมีสัญชาตญาณแห่งการขยายเผ่าพันธุ์ ส่วนผู้หญิงมีสัญชาตญาณแห่งการรักษาเผ่าพันธุ์ให้มั่นคง

ซึ่งมาถึงสมัยปัจจุบัน ภรรยาต้องมีไหวพริบในการควบคุมสัญชาตญาณแห่งการขยายเผ่าพันธุ์ของสามี หรือพูดอีกอย่างก็คือกระชับพื้นที่ความเจ้าชู้ให้อยู่หมัด

ถ้าภรรยารู้จักใช้อำนาจ ปัญญา และความดี ทำให้สามีรักครอบครัว ไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง ชีวิตแต่งงานก็จะมั่นคง

ซึ่งไม่ใช่งานง่ายนัก!!!

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01qWTJNak14TlE9PQ==&sectionid=

[carrera]

เมอร์ด๊อก พร้อมแต่งอีกแล้วสิ     ยินดีด้วย

[เบิ้ม]

เมอร์ด๊อก พร้อมแต่งอีกแล้วสิ    ยินดีด้วย

ไม่รู้ปู่เอาแรงมาจากไหนนะครับพี่คาร์ 

[PU45™]

ไม่เข้าใจ แต่งๆหย่าๆ ทำไปทำไม

[เบิ้ม]

ไม่เข้าใจ แต่งๆหย่าๆ ทำไปทำไม

สถิติล่าสุดพี่ไทย แต่ง3หย่า1ครับ ไม่น้อยหน้าประเทศใดเช่นกันครับ เวลาแต่งจัดงานใหญ่โต คนรู้ทั้งจังหวัด

ตอนหย่าแอบไปเงียบๆ มองซ้ายมองขวา มีคนรู้จักรึเปล่า     

[naisomchai]

เมียต้องฉลาดครับ เมื่อแก่ตัวแล้วหันซ้ายก็เจอเมีย หันขวาก็เจอเมีย เพราะเพื่อนฝูงมันจะหายหน้ากันไปทีละคนสองคน... หากเจอหน้าเมียแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง จะทำให้อยู่บ้านไม่มีความสุขแล้วก็ต้องออกไปหาคนคุยด้วยนอกบ้าน นั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาครอบครัวครับ...

แต่ปัญหาคือผู้หญิงฉลาดๆ ก็มักพยายามเลือกผู้ชายที่ฉลาดกว่า มันเลยแย่อีตรงคนฉลาดกว่าเรามักไม่ค่อยสนใจเรา ทำให้ต้องใช้เลห์กลสารพัดเพื่อมัดหัวใจให้อยู่หมัด... แล้วเธอก็มักแสบที่แก้ทางได้ทุกเรื่อง ก็เพราะเธอฉลาดกว่านี่เองครับ...

เวลาเจอใครที่อายุยังน้อย มีเรื่องที่ยังไม่รู้อยู่มากมาย เราก็เลยไม่ค่อยรู้ว่าคนนั้นจะฉลาดหรือโง่ในอนาคต(โง่แปลว่าไม่รู้ เมื่อรู้ปุ๊บก็ฉลาดปั๊บ), เราจึงมีวิธีดูว่าคนนั้นจะฉลาดหรือจะโง่ในอนาคตด้วยการสังเกตุการ"อ่านเอาเรื่อง"ครับ ซึ่งกินความไปถึงเรื่องการ"รับฟังแล้วสรุปเรื่อง"ด้วย... ซึ่งกระบวนการที่ว่านั่นคือ สุ - จิ - ปุ - ลิ นั่นเอง...

"สุ" หมายถึงกระบวนการรับ Input เข้าไปประมวลผลในสมอง, หากใครสรุปเรื่องไม่เป็น อ่านหนังสือช้า หรือฟังแล้วไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว... คนแบบนี้อย่าเอามาเป็นเมียครับ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเท่ากัน ฐานข้อมูลในสมองจะโตช้ากว่าผู้อื่นในช่วงเวลาที่เท่ากัน แล้วเมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นช่องว่างก็จะห่างกันมากขึ้น จนในที่สุดคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วครับ...

นายสมชายโชคดีที่สวมครุยสองแถบ แต่เมียนายสมชายสวมครุยรับปริญญาสามแถบ... ก็เลยมีปัญหาคิดตามเมียไม่ค่อยทันครับ... เฮ้อ...

[เบิ้ม]

เมียต้องฉลาดครับ เมื่อแก่ตัวแล้วหันซ้ายก็เจอเมีย หันขวาก็เจอเมีย เพราะเพื่อนฝูงมันจะหายหน้ากันไปทีละคนสองคน... หากเจอหน้าเมียแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง จะทำให้อยู่บ้านไม่มีความสุขแล้วก็ต้องออกไปหาคนคุยด้วยนอกบ้าน นั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาครอบครัวครับ...

แต่ปัญหาคือผู้หญิงฉลาดๆ ก็มักพยายามเลือกผู้ชายที่ฉลาดกว่า มันเลยแย่อีตรงคนฉลาดกว่าเรามักไม่ค่อยสนใจเรา ทำให้ต้องใช้เลห์กลสารพัดเพื่อมัดหัวใจให้อยู่หมัด... แล้วเธอก็มักแสบที่แก้ทางได้ทุกเรื่อง ก็เพราะเธอฉลาดกว่านี่เองครับ...

เวลาเจอใครที่อายุยังน้อย มีเรื่องที่ยังไม่รู้อยู่มากมาย เราก็เลยไม่ค่อยรู้ว่าคนนั้นจะฉลาดหรือโง่ในอนาคต(โง่แปลว่าไม่รู้ เมื่อรู้ปุ๊บก็ฉลาดปั๊บ), เราจึงมีวิธีดูว่าคนนั้นจะฉลาดหรือจะโง่ในอนาคตด้วยการสังเกตุการ"อ่านเอาเรื่อง"ครับ ซึ่งกินความไปถึงเรื่องการ"รับฟังแล้วสรุปเรื่อง"ด้วย... ซึ่งกระบวนการที่ว่านั่นคือ สุ - จิ - ปุ - ลิ นั่นเอง...

"สุ" หมายถึงกระบวนการรับ Input เข้าไปประมวลผลในสมอง, หากใครสรุปเรื่องไม่เป็น อ่านหนังสือช้า หรือฟังแล้วไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว... คนแบบนี้อย่าเอามาเป็นเมียครับ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเท่ากัน ฐานข้อมูลในสมองจะโตช้ากว่าผู้อื่นในช่วงเวลาที่เท่ากัน แล้วเมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นช่องว่างก็จะห่างกันมากขึ้น จนในที่สุดคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วครับ...

นายสมชายโชคดีที่สวมครุยสองแถบ แต่เมียนายสมชายสวมครุยรับปริญญาสามแถบ... ก็เลยมีปัญหาคิดตามเมียไม่ค่อยทันครับ... เฮ้อ...

      ขอบคุณครับพี่สมชาย +

[dignitua-รักในหลวง]

ผมว่าปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่เงินครับ..

พอไม่มีเงิน ดูแลครอบครัวอดๆอยากๆ ส่วนใหญ่ก็ไปกันไม่รอด..

พอมีเงิน ก็ไม่รู้จักพอ....

[naisomchai]

ยืนยันเหมือนเดิมครับ... ให้น้าเบิ้มไปหาเมียแถวๆ สนามกีฬา/สวนสุขภาพ ก่อนเลย, เพราะคนสุขภาพดีสันนิฐานก่อนว่าฉลาดครับ อย่างน้อยก็ฉลาดรู้จักรักษาสุขภาพตัวเองครับ... เย้...

ส่วนสถานอบายมุข เช่นสถานบันเทิงคนเที่ยวกลางคืนไม่เหมาะเอามาทำเมียถาวรครับ... แฮ่ๆ...

[naisomchai]

ผมว่าปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่เงินครับ..

พอไม่มีเงิน ดูแลครอบครัวอดๆอยากๆ ส่วนใหญ่ก็ไปกันไม่รอด..

พอมีเงิน ก็ไม่รู้จักพอ....

อันนี้กฎเหล็กครับ... ขัดสนไปหมดเดี๋ยวก็หงุดหงิดทะเลาะกัน... แฮ่ๆ...

[เบิ้ม]

ผมว่าปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่เงินครับ..

พอไม่มีเงิน ดูแลครอบครัวอดๆอยากๆ ส่วนใหญ่ก็ไปกันไม่รอด..

พอมีเงิน ก็ไม่รู้จักพอ....

คนมีเงินก็มีปัญหาของคนมีเงินครับคุณตั้ว คนจนก็มีปัญหาแบบคนจน 

[Southlander]

มันไม่ง่ายเลย ที่จะมีเมียที่ฉลาดกว่า



ไม่ใช่กลัวจะเสียหน้าที่มีเมียฉลาดกว่าหรอก
แต่ถ้าหญิงไหนฉลาดกว่ามรันไม่ยอมมาเป็นเมียตรูหรอก....มันไม่ง่ายเลย

[SOAP47 รักในหลวง]

งั้นหาโง่ๆจะได้แต่งหลายหนอิอิ

[chonthai-รักในหลวง]

เห็นด้วยครับว่าเมียต้องฉลาดกว่า

[เบิ้ม]

มันไม่ง่ายเลย ที่จะมีเมียที่ฉลาดกว่า



ไม่ใช่กลัวจะเสียหน้าที่มีเมียฉลาดกว่าหรอก
แต่ถ้าหญิงไหนฉลาดกว่ามรันไม่ยอมมาเป็นเมียตรูหรอก....มันไม่ง่ายเลย

ฉลาดแบบมีอ่อนบ้าง แข็งบ้าง น่ารักบ้าง จะดีนะครับพี่ดุล ฉลาดมาก เถียงกันทุกเรื่อง ไม่ไหว