ขอความเห็นเรื่องม้าดัมเบลครับ...

[zamphol]

ผมขอแนะนำให้เล่นโยคะครับ ไม่เหมาะที่จะเล่นเวต อายุมากขึ้นกระดูกก็เสื่อมตามวัยครับ ยิ่งมีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลัง+หมอนรองกระดูกพวกนี้ อย่าเสี่ยงเลยครับ อันตราย

ผมแนะนำให้ดูคลิปนึง ดูให้จบนะครับ เป็นเรื่องราวของ อดีตทหารผ่านศึก ได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดร่ม สันหลัง+หัวเข่ากระแทกพื้นแรงไปหน่อย เป็นอัมพฤษ์ท่อนล่าง

เดินไม่ได้ หมอเซย์โน บอกไม่มีทางกลับมาเดินได้อีก เป็นเวลากว่าสิบปี ต้องใช้ไม้ค้ำเดิน ออกกำลังกายก็ไม่ได้ น้ำหนักตัวก็เพิ่มปัญหาขึ้นมาอีก ในที่สุดได้เจอกับครูสอนโยคะ

ซึ่งเป็นอดีตนักมวยปล้ำ เล่นโยคะไม่นาน เขาก็วิ่งได้ โดยไม่ต้องกินยาไม่ต้องผ่าตัด เดินเหิรเป็นปกติ หุ่นกลับมาฟิตและเฟิร์มเหมือนเดิม...เขาว่ากันว่า คลิปนี้เรียกน้ำตาคนทั้งโลก...

http://www.youtube.com/watch?v=qX9FSZJu448

[bobphasit-รักในหลวง]

    ขอบคุณ  คุณ zamphol ครับ

[zamphol]

เล่นใหม่ๆยังประเมินไม่ออก เลยต้องเตีอนกันเท่านั้นเองครับ.

แรกๆผมเคยเฉียดฉิว กับท่านี้มาแล้วครับ อัดมากจนล้า พอถึงจุดที่กล้ามเนื้อมันไม่เอากับเรา ใจสั่งได้ก็จริง แต่มันไม่ยอมทำตาม เฉียดหน้าไปนิดเดียว  

[dignitua-รักในหลวง]

เล่นใหม่ๆยังประเมินไม่ออก เลยต้องเตีอนกันเท่านั้นเองครับ.

แรกๆผมเคยเฉียดฉิว กับท่านี้มาแล้วครับ อัดมากจนล้า พอถึงจุดที่กล้ามเนื้อมันไม่เอากับเรา ใจสั่งได้ก็จริง แต่มันไม่ยอมทำตาม เฉียดหน้าไปนิดเดียว 

แล้วการนอนคว่ำหน้าลงกับม้าดัมเบลซึ่งปรับเอียงที่ 45 องศา แล้วยกดัมเบลจนข้อศอกอยู่ในแนวเดียวกับหัวไหล่ ใช้กล้ามเนื้อชุดเดียวกันหรือเปล่าครับ..

[naisomchai]

นอนคว่ำหน้ายกดัมเบลขึ้น จะใช้กล้ามหน้าแขนครับ... ส่วนท่านอนหงายตามรูปของคุณ zamphol นั่นใช้กล้ามเนื้อหลังแขนครับ...

หากยกเหวท 8 ท่าฝึกทั้งตัวในวันเดียวกัน ท่านี้จะเป็นท่าสุดท้ายบนม้ายกน้ำหนัก ก่อนไปยืนเล่นกล้ามน่อง แล้วนอนซิตอัพเล่นกล้ามท้องครับ... เหตุผลคือหลังแขนเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กสุดรองจากกล้ามหน้าแขนที่เพิ่งเล่นก่อนท่านี้...

โดยเขามีหลักอยู่ว่า 1) ให้เล่นกล้ามใหญ่ก่อนกล้ามเล็ก เพราะต้องการให้หัวใจสูบฉีดโลหิตแรงปลุกให้ตื่นตัว และ 2) อยากให้กล้ามไหนโตเร็วสุดให้เล่นก่อน... ทีนี้ตามลำดับ 8 ท่าพื้นฐานเขาให้เล่นกล้ามไหล่ก่อน เพราะไหล่โตมองเห็นทะลุเสื้อได้ และเล่มกล้ามไหล่จะวอร์มขา+หลัง แล้วถัดไปจะเล่นกล้ามขา กับกล้ามหลัง...

กล้ามหลังแขนจะโดนวอร์มด้วยท่าเบ็นช์เพรส... แต่ให้ยกกล้ามหน้าแขนก่อนเพราะหน้าแขนเห็นชัดกว่าเวลาสวมเสื้อยืดครับ, แล้วลำดับถัดมาก็ยกหลังแขน เพราะจะช่วยให้ต้นแขนโต เน้นให้เห็นกล้ามหน้าแขนเวลาสวมเสื้อยืด...

[naisomchai]

เล่นกล้ามใหม่ๆ ร่างกายจะขึงแนวกระดูกให้ได้แนวตรงตามธรรมชาติ... ใครขาโก่ง หลังไม่ค่อยตรง จะโดนกล้ามเนื้อขึงให้ตรงครับ...

นายสมชายขาโก่งตั้งแต่สมัยวัยรุ่น โดนกล้ามเนื้อดึงให้ตรง และอาการเจ็บหัวเข่าที่เกิดจากจ๊อกกิ้งเป็นประจำเกินกว่า 20 ปี ค่อยๆหายไปจนลืมเลยว่าตัวเองเคยมีปัญหาหัวเข่า... อาการเจ็บหลังก็ค่อยๆหายไป...

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเพิ่มน้ำหนักตามสูตรครับ ห้ามเพิ่มเร็วโดยเด็ดขาด เพราะร่างกายต้องพัฒนาเอ็นยึดหัวกระดูกตามข้อต่อให้สามารถรับน้ำหนักได้เพิ่มขึ้นตามกล้ามเนื้อที่พัฒนาพร้อมกันด้วยครับ... หากเพิ่มน้ำหนักเร็วเกิน ระวังเจ็บตามข้อต่อ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นเรียกว่า"บาดเจ็บ"ครับ, ให้หยุดพัก 2 - 3 สัปดาห์จนกว่าอาการเจ็บตามข้อหายไปแล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่...

[Society Bad Only]

 

[naisomchai]

โห... ไม่คุยอะไรกันบ้างเลยหรือครับ, กดไอค่อนลูกเดียวเลย... เย้...

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?action=profile;u=216433;sa=showPosts

[dignitua-รักในหลวง]

นอนคว่ำหน้ายกดัมเบลขึ้น จะใช้กล้ามหน้าแขนครับ... ส่วนท่านอนหงายตามรูปของคุณ zamphol นั่นใช้กล้ามเนื้อหลังแขนครับ...

หากยกเหวท 8 ท่าฝึกทั้งตัวในวันเดียวกัน ท่านี้จะเป็นท่าสุดท้ายบนม้ายกน้ำหนัก ก่อนไปยืนเล่นกล้ามน่อง แล้วนอนซิตอัพเล่นกล้ามท้องครับ... เหตุผลคือหลังแขนเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กสุดรองจากกล้ามหน้าแขนที่เพิ่งเล่นก่อนท่านี้...

โดยเขามีหลักอยู่ว่า 1) ให้เล่นกล้ามใหญ่ก่อนกล้ามเล็ก เพราะต้องการให้หัวใจสูบฉีดโลหิตแรงปลุกให้ตื่นตัว และ 2) อยากให้กล้ามไหนโตเร็วสุดให้เล่นก่อน... ทีนี้ตามลำดับ 8 ท่าพื้นฐานเขาให้เล่นกล้ามไหล่ก่อน เพราะไหล่โตมองเห็นทะลุเสื้อได้ และเล่มกล้ามไหล่จะวอร์มขา+หลัง แล้วถัดไปจะเล่นกล้ามขา กับกล้ามหลัง...

กล้ามหลังแขนจะโดนวอร์มด้วยท่าเบ็นช์เพรส... แต่ให้ยกกล้ามหน้าแขนก่อนเพราะหน้าแขนเห็นชัดกว่าเวลาสวมเสื้อยืดครับ, แล้วลำดับถัดมาก็ยกหลังแขน เพราะจะช่วยให้ต้นแขนโต เน้นให้เห็นกล้ามหน้าแขนเวลาสวมเสื้อยืด...

ขอบคุณมากครับพี่สมชาย... พอจะเริ่มเข้าใจขึ้นเรื่อยๆครับ...

วันนี้เริ่มจากอกล่าง บาร์เบล 30 Kg. ยก 8 ครั้ง 2 เซต พัก 1 นาที, แล้วก็เปลี่ยนเป็นอกกลาง อกบน.. ผลเซตสุดท้ายของอกบนเกือบได้ต้องทิ้งบาร์เบล คือได้ 7 ทีแล้วไปต่อไม่ไหวเลยตัดสินใจแขวนไว้ก่อน..

วันนี้ลดน้ำหนักดัมเบลเหลือ 7 Kg. เพื่อยกท่าอื่นๆ เพราะคิดว่าแขนจะไปไม่ไหวครับ...

ปล. ลองท่าคุณ zamphol ดู โดยนอนขวางม้าดัมเบลใช้ไหล่พาดม้าขายันพื้น เข้าท่าดีครับ...

[zamphol]

หากเพิ่มน้ำหนักเร็วเกิน ระวังเจ็บตามข้อต่อ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นเรียกว่า"บาดเจ็บ"ครับ,

ขออนุญาตขยายความพี่สมชายนะครับ....สำหรับผู้ป่วยข้อ เอ็น กระดูก กล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาท ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ การทำกายภาพบำบัดนั้น

ต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการแพทย์นะครับ จะมานั่งนึกเล่นเอง อันตรายครับ ต้องอยู่ในกำกับของนักวิทยาศาสตร์การกีฬา หรือนักเทคนิกกายภาพเฉพาะทาง

การที่ผู้ป่วยจะมาเปิดตำรา เล่นตามนักเพาะกายที่แข็งแรง....ผมมองว่าเสียมากกว่าได้นะครับ อย่างถ้าจะเล่นโยคะ ต้องรู้ระดับตัวเอง มีครูฝึกคอยกำกับเป็นพี่เลี้ยงตลอด

จนกว่าคุณจะเก่ง หรือการเล่นเวทยกน้ำหนัก ไม่ใช่ว่าจะเล่นได้ทุกอย่างที่ใจปรารถนานะครับ....ผมอยากให้ดูคลิปนี้ หลายๆท่านคงเคยดูแล้ว ความผิดพลาดมาจาก

หนึ่งเจ้าตัวไม่รู้กำลังตัวเอง เล่นตามใจอยาก สองขาดเทรนเนอร์หรือครูฝึกที่ดี และสามพี่เลี้ยง(สองคนที่ยืนข้างๆ)ไม่ทำหน้าที่ ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและครอบครัวด้วยนะครับ...RIP

http://www.youtube.com/watch?v=PQx7bDQdvBY

[dignitua-รักในหลวง]

หากเพิ่มน้ำหนักเร็วเกิน ระวังเจ็บตามข้อต่อ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นเรียกว่า"บาดเจ็บ"ครับ,

ขออนุญาตขยายความพี่สมชายนะครับ....สำหรับผู้ป่วยข้อ เอ็น กระดูก กล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาท ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ การทำกายภาพบำบัดนั้น

ต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการแพทย์นะครับ จะมานั่งนึกเล่นเอง อันตรายครับ ต้องอยู่ในกำกับของนักวิทยาศาสตร์การกีฬา หรือนักเทคนิกกายภาพเฉพาะทาง

การที่ผู้ป่วยจะมาเปิดตำรา เล่นตามนักเพาะกายที่แข็งแรง....ผมมองว่าเสียมากกว่าได้นะครับ อย่างถ้าจะเล่นโยคะ ต้องรู้ระดับตัวเอง มีครูฝึกคอยกำกับเป็นพี่เลี้ยงตลอด

จนกว่าคุณจะเก่ง หรือการเล่นเวทยกน้ำหนัก ไม่ใช่ว่าจะเล่นได้ทุกอย่างที่ใจปรารถนานะครับ....ผมอยากให้ดูคลิปนี้ หลายๆท่านคงเคยดูแล้ว ความผิดพลาดมาจาก

หนึ่งเจ้าตัวไม่รู้กำลังตัวเอง เล่นตามใจอยาก สองขาดเทรนเนอร์หรือครูฝึกที่ดี และสามพี่เลี้ยง(สองคนที่ยืนข้างๆ)ไม่ทำหน้าที่ ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและครอบครัวด้วยนะครับ...RIP

http://www.youtube.com/watch?v=PQx7bDQdvBY

 

[แอบดูที่รูเดิม]

สยองจริง...

[bigbang]

เนื่องจากผมหนุ่มน้อยแล้ว555  ไม่จำเป้นต้องเล่นแบบเพิ่มน้ำหนักมากเพื่อเร่งกล้ามเนื้อ  เอาแบบ fit & firm
อย่างเช่น บาร์เบล เล่นแบบน้ำหนักที่พอยกได้ประจำประมาณ 35 กก 3 เซตๆละ 15 ครั้ง แบบกล้ามเนื้อตึงๆ
แต่เทรนเนอร์บางคนแนะว่าให้ ยกจังหวะช้าลง และเพิ่มจำนวนยก หรือ เซต ทำให้กล้ามเนื้อแน่นขึ้น
เคยลองแล้วรู้สึกว่ายกจังหวะช้าลงยากมากแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวที่จะเพิ่มจำนวนยกหรือเซท กล้ามเนื้อล้ามาก
เกรงว่าจะหมดแรงและหลุดตอนเซตหลัง อันตรายครับ
คุณสมชาย และ คุณzamphol เคยลองดูรึยัง และมีความเห็นอย่างไรครับ

[zamphol]

เล่นตามสภาพร่างกายของเราครับ....ไม่ไหวก็หยุด เปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่น แต่ก็อย่าละทิ้งเป้าหมาย เป้าหมายของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก พอใจระดับไหนหละ....

สภาพความแข็งแรง และความพร้อมของร่างกาย+จิตใจ แต่ละคนไม่เท่ากัน เทรนเนอร์ ครูฝึก เขาเล่นจนเป็นอาชีพ กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่ง่ายๆครับ...

ตัวอย่างนายแบบในหนังสือ คือคนที่เล่นเป็นอาชีพ จนเรียกได้ว่าเป็นโปรเฟสชั่นนอล เขาเชี่ยวชาญ ทำได้ทุกอย่าง....ถ้าเราจะทำตามเขาทั้งหมด ก็ยังไม่ได้เลยซะทีเดียว

ผมยังไม่เคยเห็นใคร ที่เริ่มต้นหัดเล่น แล้วเขียนหนังสือออกแนะนำ มีแต่พวกมืออาชีพทั้งนั้น เขาเล่นจนเก่งแล้ว และจบได้แบบเฮฟปี้เอ็นดิ้ง เราเห็นเขาแค่ตอนจบครับ

เขาก็เลยเอาตอนจบสวยๆ มาหลอกล่อให้เราฝันหวานตาม.....

[naisomchai]

เนื่องจากผมหนุ่มน้อยแล้ว555  ไม่จำเป้นต้องเล่นแบบเพิ่มน้ำหนักมากเพื่อเร่งกล้ามเนื้อ  เอาแบบ fit & firm
อย่างเช่น บาร์เบล เล่นแบบน้ำหนักที่พอยกได้ประจำประมาณ 35 กก 3 เซตๆละ 15 ครั้ง แบบกล้ามเนื้อตึงๆ
แต่เทรนเนอร์บางคนแนะว่าให้ ยกจังหวะช้าลง และเพิ่มจำนวนยก หรือ เซต ทำให้กล้ามเนื้อแน่นขึ้น
เคยลองแล้วรู้สึกว่ายกจังหวะช้าลงยากมากแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวที่จะเพิ่มจำนวนยกหรือเซท กล้ามเนื้อล้ามาก
เกรงว่าจะหมดแรงและหลุดตอนเซตหลัง อันตรายครับ
คุณสมชาย และ คุณzamphol เคยลองดูรึยัง และมีความเห็นอย่างไรครับ

ยกให้จังหวะช้าลงและเพิ่มจำนวนครั้งให้มากขึ้น นั่นคือการเบิร์นไขมันออกเพื่อให้เห็นลายกล้ามเนื้อชัดขึ้นและเพิ่มความทนทานครับ... เทคนิคนี้พวกนักมวยเขาใช้กันเพื่อให้น้ำหนักน้อยที่สุดในพิกัด โดยเหลือแต่กล้ามเนื้อล้วนๆ กับได้ความทนทานยืนชกได้โดยไม่หมดแรงจนถึงยกสุดท้ายไงครับ...

สำหรับคุณ bigbang ยกเซ็ตละ 15 ครั้งนี่หากประสงค์จะเพิ่มน้ำหนักนี่ง่ายมากเลยครับ... เพราะเพิ่มน้ำหนักข้างละ 2.5 กก.(กล้ามหน้าอกเบ็นช์เพรส) แล้วลดเหลือเซ็ตละ 12 - 10 - 8 ครั้งรับรองยกได้สบายๆ(เซ็ตแรก 8 ครั้งพัก 1 นาที ยกเซ็ต 2 ให้ได้ 10 ครั้ง พัก 1 นาทีแล้วยกเซ็ต 3 ให้ได้ 8 ครั้ง), พอยกได้เบาแล้ว เช่นยกได้ครบสัปดาห์โดยไม่มีเบรคระหว่างเซ็ต ก็เพิ่มอีกข้างละ 2.5 กก. แล้วลดเหลือเซ็ตละ 10 - 8 - 6 ครั้ง(เมื่อยกเบาก็เพิ่มครั้งอีก)...

หากเพิ่มน้ำหนักได้ตามย่อหน้าข้างบน รับรองว่ากล้ามเนื้อโตกว่าเดิมไปอีกหนึ่งขั้นเชียวครับ... คือนายสมชายไม่เชื่อว่าคนยกเหวทจะไม่อยากเพิ่มกล้ามเนื้อ หากมีโอกาสโดยไม่เสี่ยงมากเกินฯ... แฮ่ๆ...

ข้างล่างนี่สำหรับท่านอื่นที่ไม่ได้ยกมานานเหมือนคุณ Bigbang... คือนายสมชายลืมบอกตั้งแต่แรกว่าเวลาเรายกไม่ไหวให้ทำอย่างไงน่ะครับ...

หากยกเซ็ตละ 15 ครั้ง เวลาเราไม่ไหวนี่มันจะเริ่มป้อแป้ตั้งแต่ครั้งที่ 10 แล้วครับ แล้วมันก็ล้าเพิ่มขึ้นจนหมดแรงเอาครั้งที่ 15 พอดี, นี่คือสเกลความล้ามันละเอียดระหว่างครั้งที่ 11 ไป 12 ความล้ามันแตกต่างกันนิดเดียว... สำหรับให้มือใหม่ยกแค่ 12 - 10 - 8 ครั้งโดยเพิ่มน้ำหนักนิดหน่อยจะยกง่ายกว่าครับ, คือเสกลความ"ไม่ไหว"มันจะเพิ่มพรวดเอาชนิดที่บอกตัวเองได้ทันทีว่าครั้งนี้ฉันเหวี่ยงไปเกี่ยวตะขอเอาไว้ก่อน แล้วครั้งหน้าไม่ยกแหล่ว ขอนอนพักดีกว่า... ฮา...

แล้วภ้าเรายกไปไม่ไหวแล้ว ให้รีบแขวนบาร์กับตะขอฯ แล้วนอนพักเอาแรง 1 นาที แล้วยกใหม่ให้ครบ Set นั้นครับ... เมื่อเช่น Set แรกจะต้องยกให้ได้ 12 ครั้ง แต่ยกได้แค่ 8 หมดแรงเสียก่อน ให้พัก 1 นาทีแล้วยกเพิ่มอีก 4 ครั้งเป็นอันจบเซ็ตแรก, แล้วพัก 1 นาทีเริ่มยก 2 ซึ่งจะต้องยกให้ได้ 10 ครั้ง(หากไม่สะดุดอีก)...

เมื่อไหร่ยกได้ไม่สะดุดครบทั้ง 3 เซ็ต ไปจนได้ 1 สัปดาห์... ก็เพิ่มน้ำหนักอีก"ไม่เกิน"ข้างละ 2.5 กก. แล้วลดลงเหลือ 10 - 8 - 6 จนครบไม่สะดุดก็เพิ่มเป็น 12 - 10 - 8 จนไม่สะดุดก็ถึงวงรอบเพิ่มน้ำหนักใหม่อีกครั้งครับ...