มีน้องที่ขี่ KLX ลงสนามแข่งบ้าง
น้องเขาก็มีล้อโมตาร์ดอีกชุดเอาไว้เปลี่ยน
ความเห็นผม มีวิบากแล้วเปลี่ยนล้อโมตาร์ด คุ้มค่ากว่า
เพราะเวลาอยากโดด อยากลุยก็ไม่ต้องไปยุ่งกับโช๊คหน้ามากนัก
คาวาโช๊คปรับได้ ใช้โช๊คตัวเดียวกัน(หลัง) ต่างกันตรงตั้งค่า
ลองดูวิธีปรับตั้งครับ
ขออนุญาตพี่เชาว์xchaoด้วยครับ
****************************************
เห็นมีคนถามกันเยอะ เรื่องปรับโช๊ค วันนี้มาชี้แจงแถลงไขให้นะครับ สำหรับ DTX และ KLX
การปรับจะมี 2 คำที่เกี่ยวข้องคือ Compression และ Rebound
Compression คือ ความหนืดของการยุบตัว เช่นถ้าเจอเนินหรือการกระแทก โช๊คจะยุบตัวด้วยความเร็วเท่าใด ถ้ายุบมาก ก็ช่วยซับแรงได้เยอะ แต่ถ้ายุบน้อยก็ซับแรงได้น้อย
Rebound คือ ความหนืดของการคืนตัว หลังจากโช๊คยุบตัวแล้วมันก็ต้องเด้งกลับ แต่จะเด้งกลับด้วยความเร็วเท่าใด ถ้าเด้งกลับเร็วมาก รถก็ออกส่ายๆ ถ้าเด้งกลับช้าก็คอนโทรลรถยาก
การปรับเลยต้องให้มีความสัมพันธ์กัน ทั้งน้ำหนักคนขี่ สไตล์การใช้รถ สังเกตุรถทางเรียบค่าทั้งสองจะหนืดมาก เพื่อให้รถนิ่งเมื่อความเร็วสูง แต่ก็นั่งไม่สบาย
ส่วนรถวิบากก็จะปรับให้หนืดน้อย เพื่อจะได้ซับแรงกระแทกจากหลุมต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ท้องใส้จะได้ไม่ปั่นป่วน
ทีนี้ ค่าโรงงานที่ตั้งมานั้นจะเป็นมาตรฐานสำหรับคนขี้น้ำหนัก ประมาณ 68 กิโลกรัม (ถ้าผมจำไม่ผิด) ทำให้คนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ ขี่แล้วมันนิ่มไป
มาเข้าเรื่องการปรับดีกว่า เริ่มที่โช๊คหน้าก่อน
การปรับโช๊คหน้าจะปรับได้แค่
Damping ต้องปรับที่ด้านล่างของโช๊คอัพหน้าทั้งสองข้าง ตามรูป
การปรับให้ขันสกรูตามเข็มนาฬิกาเข้าไปจนสุด จะอยู่ที่ตำแหน่ง A ของรูป
C คือแข็งสุด (หนืดสุด
ยุบตัวยาก)
D คืออ่อนสุด (หนืดน้อย
ยุบตัวง่าย)
ค่ามาตรฐานอยู่ที่ B คือหมุนออกมาทวนเข็มนาฬิกา 12 คลิก (ทั้ง DTX และ KLX)
การปรับโช๊คหลังจะปรับได้ทั้ง Compression และ Rebound
เริ่มจาก
Compression จะอยู่ที่ด้านบนของกระบอกโช๊คหลัง ข้างๆฝั่งแบตเตอร์รี่ ตามรูป
การปรับให้ขันสกรูตามเข็มนาฬิกาเข้าไปจนสุด จะอยู่ที่ตำแหน่ง A ของรูป
D คือแข็งสุด (หนืดสุด
ยุบตัวยาก)
C คืออ่อนสุด (หนืดน้อย
ยุบตัวง่าย)
ค่ามาตรฐานอยู่ที่ B คือหมุนออกมาทวนเข็มนาฬิกา 16 คลิก (ทั้ง DTX และ KLX)
ในส่วนของ
Rebound จะอยู่ที่ด้านล่างของกระบอกโช๊ค ข้างใต้สวิงอาร์มฝั่งท่อไอเสีย ตามรูป
การปรับให้ขันสกรูตามเข็มนาฬิกาเข้าไปจนสุด จะอยู่ที่ตำแหน่ง A ของรูป
E คือแข็งสุด (หนืดสุด
คืนตัวยาก)
D คืออ่อนสุด (หนืดน้อย
คืนตัวง่าย)
ค่ามาตรฐาน KLX อยู่ที่ B คือหมุนออกมาทวนเข็มนาฬิกา 12 คลิก
ค่ามาตรฐาน DTX อยู่ที่ C คือหมุนออกมาทวนเข็มนาฬิกา 8 คลิก
ไม่ยากใช่มั๊ยครับ ลองไปปรับกันตามความชอบใจดูนะครับ
เพิ่มเติมปรับสปริงโช๊คหลังนะครับตามรูปเลย
Standard:
KLX250S 107.5 mm (4.232 in.)
KLX250V 119.5 mm (4.705 in.)
Adjustable Range:
KLX250S 101 ∼ 123 mm (3.98 ∼ 4.84 in.)
KLX250V 111 ∼ 133 mm (4.37 ∼ 5.24 in.)
ป.ล. KLX250V=DTX นะครับ
ส่วน KLX และ DTX ค่าความแข็งสปริงโช๊คหน้า มันต่างกันนะครับ ถ้าจะปรับให้ DTX นิ่มเท่า KLX คงยาก และถ้าจะปรับให้ KLX แข็งเท่า DTX ก็คงยากเหมือนกันครับ
เพิ่มเติมการถอดโช๊คหลังที่หน้า 4 นะครับ
และแถมเรื่องเปลี่ยนน้ำมันโช๊คหน้า ที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.dtrackerthailand.com/board/index.php?topic=39915.0 byee byee byee byee
ใจผมอะชอบฮอนด้า แต่คาวาคือตัวเลือกที่จับต้องได้ในช่วงเวลาที่ผมพร้อม