เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 26, 2024, 11:41:35 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เชือดขรก.เบี้ยวหนี้ ล้มละลายต้องออก ก่อหนี้ทะลัก1ล้านล.  (อ่าน 5414 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #60 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 04:47:39 PM »


รัฐบาลต้องหาวิธีแก้โจทย์   ให้ข้าราชการมีรายได้เพิ่มขึ้นครับ
คือหาวิธีไม่ให้ล้มละลาย,

ไม่ใช่มาลงดาบเอา   เพราะเหมาว่าล้มละลายคือความผิด
อย่างนี้มันไม่ค่อยเข้าท่าครับ.    แต่ที่มาล้มละลายก็เพราะไม่โกงไม่กินฯ....
.

คนที่เป็นข้าราชการ  เฉลี่ยแล้วสมองดีกว่าคนทั่วไปในภาคเอกชนแยะครับ(สอบเข้ารับราชการยากมาก),



การเป็นข้าราชการนั้นถือว่าเป็นความเสียสละส่วนหนึ่งด้วย
เพราะรายได้ในตำแหน่ง/ความสามารถ  ที่เทียบระดับกันได้ในเอกชนนั้น เอกชนสูงกว่ามากครับ...

ตัวอย่างเช่นตำแหน่ง C8 เทียบได้กับ ผจก. ทั่วไป
ประสบการณ์ 10 ปีขึ้นไปนั่น เงินเดือนแสนบาทขึ้นไปครับ...


Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  จานโฉมชาย(ฮา)  อ่ะ ฮา

จะทำยังงัยดีอ่ะ  ทำให้ "ข้าราชการ"  มีรายได้เพิ่มขึ้น ฮา
งบประมาณ ของประเทศ  80%  ถูกจ่ายให้พวกเขาเหล่านี้ อ่ะ ฮา
ส่วนที่เหลือ 20 %  มันเป็น ค่าใช้จ่ายอื่นๆ  อ่ะ ฮา

ไม่ว่ารัฐบาลไหน  เขาก็คิดได้แต่ ขึ้น หรือ "ปรับ" เงินเดือนให้แค่นั้นอ่ะ ฮา

ไอ้ตัวอักษรสีแดง  ยายว่า  "ผิดแน่ๆ"  ผิดแน่นวน อ่ะ ฮา
มันเป็น "หนี้ ส่วนบุคคล" ที่สร้างกันเอง ฟุ้งเพ้อ ตามกระแสสังคมอ่ะ ฮา
เป็นการไม่ระมัดระวัง  วางแผนการใช้เงิน ของเขาเองอ่ะ ฮา

ส่วนที่บอก  "ล้มละลาย เพราะไม่โกงกิน"  ฮา
ยายคิดว่า  ไม่มีตำราเล่มไหน เขียนให้โกงกิน อ่ะ ฮา
เพราะฉะนั้น  "ตรรกะ"  นี้ ผิด  อ่ะ ฮา

ความจริง การไม่รู้จักประมานตน  เป็นสาเหตุหลัก ต้นเหตุหลัก อ่ะ ฮา

กระบวนการ  การ"ฟ้องล้มละลาย"  หมายความว่า ผ่านขั้นตอน ศาลแพ่งมาแล้ว อ่ะ ฮา
พอศาลแพ่งสั่ง  แล้วลูกหนี้ ไม่มีทรัพย์เพียงพอ  หรือ ยักย้ายถ่ายเท ไปที่อื่น ฮา
เจ้าหนี้ สถาบันการเงิน  เขาก็เสียหาย  ได้แต่คำสั่งศาลใบเดียว แต่ "บังคับไม่ได้" อ่ะ ฮา
ไอ้กระดาษใบนี้  เอาไปทำอะไรไม่ได้  นอกจาก "แปะ"  ข้างฝา แทน wall paper อ่ะ ฮา
ลงบัญชี  ตัด "หนี้สูญ"  ก็ไม่ได้ อ่ะ ฮา

มีวิธีเดียวที่จะใช้ประโยชน์จาก กระดาษใบนี้ คือต้องฟ้องล้มละลายอ่ะ ฮา
พอฟ้องปุ๊บ  มีคำสั่งให้ "ล้ม"  ก็เอาคำสั่งนี้ มาตัดหนี้สูญ  ทางบัญชีได้เลยอ่ะ ฮา

เหมือนอย่างคำ พังเพย บอกว่า  " ผีถึงป่าช้า "  ถ้าไม่เผา ก็ต้องฝังอ่ะ ฮา

ที่นี้ "ลูกหนี้"  ที่โดนคำสั่ง ล้มละลาย ไม่ว่า ข้าราชการ หรือเอกชน ฮา
มันโดนเืรื่อง  "ขาดคุณสมบัติ"  การทำงาน ทั้งสิ้น ไม่มีใครจ้าง อ่ะ ฮา

ส่วนมาตราการ ให้ออก  หรือสมัครใจ ออก  ก่อนที่จะโดนคดีล้ม ฮา
ยายว่าเป็นประโยชน์ ต่อตัวลูกหนี้เอง อ่ะ ฮา

เพราะว่ายังมี ช่องทาง  ยักย้าย ถ่ายเท  " เงินก้อนสุดท้าย" หนี เจ้าหนี้ อ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #61 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 06:00:42 PM »

ขอนอกหัวข้อนิดๆ......เพราะเห็นประเด็นการถกเรื่องรายรับรายจ่ายและหนี้ ผมก็นึกถึงการทำบัญชี
มันช่วยให้เห็นว่าเงินเข้าอย่างไร ออกทางไหน เท่าไร .... เวลาผ่านไป สินทรัพย์เพิ่มหรือลด ..... เป็นเครื่องมือในการบริหารชีวิต
มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ใช้เยอะแยะ     ต้องเริ่มก้าวแรก   มีวินัยและอดทนในการเก็บบันทึกข้อมูลจนเป็นนิสัย

Cash flow / Itemized / Net worth เรียกดูได้แค่ปลายนิ้ว ไว้เตือนตัว...... แต่มีคนไทยสักกี่คนที่ทำบัญชีส่วนตัว/บัญชีครอบครัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  เศร้า

 ไหว้ แฮะๆ พี่ธำรงครับ ผมทำมานับสิบปีครับ รู้ไส้รู้พุงดีครับ มีน้อยก้ใช้น้อย มีมากก็กินดีหน่อย ไม่มีเงินพอก็อย่าไปซื้อ  คิก คิก


ไอ้ตัวดีที่ตกหล่น ใช้บ่อย ใช้เยอะ ใช้ถี่ ก็พวกเข้าห้าง,ร้านสะดวกซื้อ ที่ขยายเปิดกันนับพันนับหมื่นแห่ง เข้าทีร้อย หลายร้อย เดือนนึงเป็นหมื่นๆนะครับ ตรงนี้ล่ะ ที่มันดูดเงินเยอะ  ดูดเงินในกระเ๋ป๋าทีละ2-3ร้อย ทุกๆวัน พอเข้าไป อันนี้ก็น่ากิน อันนั่นก็น่าซื้อ  เยาะเย้ย

อยากจะกระซิบเบาๆ สำหรับปุถุชนที่ไม่มีร่ำรวยนัก ถ้าไม่อยากเงินหมดเร็วก่อนสิ้นเดือน หัดเข้าร้านสะดวกซื้อ,ห้างใหญ่ ห้างน้อย น้อยๆลงครับ กะว่าครอบครัวจะไปกี่ครั้ง ต่อเดือน  1-2ครั้งหรืออาทิตย์ครั้ง  ไม่ใช่เข้าทุกวัน  ไหว้




บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #62 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 06:02:25 PM »

+ ทุกท่านอีกรอบครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
sombat_
Full Member
***

คะแนน -166
ออฟไลน์

กระทู้: 382


หูดับตับไหม้


« ตอบ #63 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 07:38:50 PM »

ยังนึกไม่ออกว่างานราชการนี่ทำอีท่าไหนถึงล้มละลายได้ครับ ยิ่งว่าไม่โกงไม่กินแล้วล้มละลายยิ่งนึกไม่ออก

น่าจะเป็นหนี้ภายนอกที่ไม่หักผ่านเงินเดือนกระมังครับ

ตามข้อมูลในรูปภาพนั่นแหละครับ... หนี้กู้บ้านแยะสุด มันเกิดจากหนี้ครั้งแรกเอาบ้านเข้าแบ็งค์แล้วเอาเงินเดือนผ่อน, แล้วสักพักบ้านก็ราคาขึ้น เขาก็เอารีไฟแนนซ์กันเข้าไปอีกเอาเงินออกมาใช้จ่าย...

เงินที่เอามาใช้จ่ายมักเป็นรถยนต์ กับเอาส่งลูกเรียนราคาแพงๆ(อาจมีเรื่องไม่มีวินัยใช้เงินเข้ามาด้วย)... ทีนี้เวลามีหนี้แยะๆ ก็มักเอาไปลงทุนด้านอื่น แต่ด้วยที่เป็นข้าราชการมานานก็มักไม่มีทักษะเรื่อง"การหาเงิน"แล้วก็ไปไม่รอด...

หนี้บ้านฯ มักทิ้งบ้านไม่ได้(ต้องอยู่อาศัย) เลยพอกหางหมูถึงขั้นล้มละลาย... แต่ถ้าหนี้ของอย่างอื่นเช่นรถยนต์ มันยอมให้ยึดง่ายกว่าครับ เพราะขึ้นรถเมล์แทนได้...

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 28, 2013, 12:48:41 PM โดย sombat_ » บันทึกการเข้า

babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #64 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 09:21:19 PM »

ผมสตาร์ทเงินเดือนเดอนแรกที่ ๖,๓๖๐ ครับ...  Grin Grin Grin

5,740-

ตอนนี้กะลังสู้กับเงินประจำตำแหน่ง 3,500-  กับเงินเพิ่มตามระยะเวลาการทำงาน 3,000+


ผมหน้าตาดี หลวงเลยให้มากกว่า สตาร์ท 7,630  Grin

ถ้าไม่บรรจุหลังผมหลายปี... ก็แสดงว่าเด็กทุน สค.วค. ไม่ก็ครูห้าปี... ใช่มั๊ยครับ... ไหว้




ธรรมดาไม่ใส่ไข่ครับ บรรจุครั้งแรก ปี 48 ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส  Grin
บันทึกการเข้า
Hang Forever
Hero Member
*****

คะแนน 349
ออฟไลน์

กระทู้: 2215


« ตอบ #65 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 09:47:27 PM »

คนที่พ่อแม่รวย แบ๊กดี สอบได้มีรถขี่ ไม่มีหนี้ไม่แปลกครับ เยี่ยม
คนมาจากรากหญ้า พ่อแม่รอใช้เงินเดือนด้วย ไม่กู้แล้วจะต้องเก็บเงินกี่ชาติ ถึงจะมีเงินสร้างบ้านให้พ่อแม่ อ๋อย
พวกอวดมี อวดเทรนด์ อวดไฮเทค แล้วจมลงจน ผมว่าสมน้ำหน้า แลบลิ้น
แต่พวกมีภาระเลี้ยงพ่อแม่ ส่งน้องเรียน เลี้ยงเมียและลูกเล็ก เพราะเมียไม่ใช่ขรก. นี่มันจนแบบจำเป็นจริงๆ ไหว้

ผมบรรจุสตาร์ท 2765บาท ส่งพ่อแม่ เลี้ยงเมีย+ลูก จนๆมาหลายปี พอจะลืมตาอ้าปากได้ ก็ตอนมีเมียคนที่ 3 นี่แหละ Grin
ถ้ารวยแล้วใครจะอยากมีหนี้เนาะ บู่
บันทึกการเข้า
ต.แม่สาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 490
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6544



« ตอบ #66 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 10:16:40 PM »

เมื่อก่อนตอนแรกบรรจุ ปี43 ที่ อ.แม่สาย ผมได้เงินเดือน 7,210 บาท เมื่อก่อนก็กิน ๆ ใช้ ๆ ไปเรื่อย ๆ อยู่บ้านพักในหน่วย เสาร์อาทิตย์ ไม่กลับบ้าน ใช้มอเตอร์ไซค์คันเก่า ๆ เงินเก็บก็มีบ้าง แต่ไม่ค่อยเก็บทุกเดือน ไม่กู้ทั้งสหกรณ์และสวัสดิการแม่สั่งห้ามไว้  หลายปีผ่านไป แต่งงานมีลูก ซื้อบ้าน ซื้อรถ (ผ่อนตามระเบียบ) ก็ไม่ได้มีเก็บอะไรมากมาย    จนหลายปีก่อนไปเข้าโรงพยาบาล หมอบอกติดเชื้อไวรัส อะไรไม่รู้ เป็นไข้ตัวร้อน นอนโรงพยาบาล เป็นสิบคืน เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ แสนห้า ช่วงนั้นโชคดีผมขายที่ดินที่ซื้อไว้ได้พอดี และทำประกันสุขภาพไว้วงเงินค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท เลยเอาเป็นค่ารักษาพยาบาลได้พอดี  (ตอนนี้ทำประกันสุขภาพใหม่เป็นวงเงิน 300,000 แล้วครับ)  

ตั้งแต่ออกโรงพยาบาลวันนั้น ผมนึกถึงเรื่องมดกับตั๊กแตน ที่เล่าให้ลูกฟัง มดอดทนทำงานตลอดปี เพื่อสะสมอาหารไว้ในฤดูหนาว  ตั๊กแตน ร้องรำทำเพลงเล่นไปตลอดปี พอถึงฤดูหนาวไม่มีอาหารก็อดตาย เหมือนชีวิตคนเรา ช่วงที่ยังมีแรงทำงานถ้าไม่รู้จักเก็บออม พอถึงวันต้องออกจากงานมาไม่มีงานทำ แล้วจะเอาอะไรกิน  

ผมเริ่มเก็บเงินทุกเดือน พอเงินเดือนออก เก็บหักไว้ 10% ทุกเดือนเมื่อได้รับรายได้อื่นผมเก็บหักไว้ 50%  มันเหมือนจะไม่มาก แต่เชื่อหรือเปล่าครับ กว่าจะเก็บหมื่นสองหมื่นแรกยากมาก พอได้เงินถึงแสนดีใจมาก พอได้แสนแรกแล้ว แสนต่อ ๆ ตามมาง่ายนิดเดียวครับ  เงินส่วนนี้ผมเอาไปซื้อสลากออมสินครับ บางทีไปเปิดเวบบังคับคดีเจอที่ดินสวย ๆ ก็ขายสลากเอาไปซื้อที่ดิน  ขายที่ดินได้ก็เอาไปซื้อสลาก วน ๆ เวียน ๆ ไปครับ  

เงินอีกก้อนหนึ่งที่ผมสะสมไว้ คือ เอาไปลงทุนซื้อหุ้นหลายคนมองว่าเป็นการพนัน ผมก็ว่าใช่ แต่มองอีกมุมหนึ่งคือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง พร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย (ถ้าคิดว่าพร้อมที่จะเสียเงินก้อนนี้ไปได้) เมื่อก่อนผมโชคดีเจอพี่ที่ทำงานด้วยกันมาจากบริษัทหลักทรัพย์ที่เจ้งช่วงต้มยำกุ้ง แกสอนอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับหุ้น เหมือนกับที่ อ.สมชาย สอนน้อง ๆ ทุกวันนี้   วันดีคืนดี แกก็กระซิบบอก ช่วงนี้ดูหุ้นตัวนี้ ช่วงนี้ดูหุ้นตัวนี้    พอขายได้มีกำไร ผมก็แบ่งกำไรออกมาจากกองหุ้นนี้ ครึ่งหนึ่ง ไปสะสมในกองสลากออมสิน  พอร์ตของเงินสะสมก็จะเพิ่มขึ้น พอร์ตของเงินลงทุนก็เพิ่มขึ้น

แต่บางครั้งก็ไม่ประหยัดเสมอไปครับ บางทีบางอารมณ์ อยากได้ นู่นนี่นั้นบ้าง ก็เอาไปซื้อบ้างเหมือนกันครับ สนองตัณหา  ชอบถ่ายรูป สะสมภาพ พระ ถ้ามีบุญวาสนาต่อกันก็เก็บสะสมไว้ครับ เรื่องเที่ยวกินเหล้ากลางคืน แม่เสือล่ามโซ่ไว้ที่บ้านนานแล้วครับ  นาน ๆ ถึงขออนุญาตออกบ้านได้เป็นกรณีพิเศษครับ 5 5 5
บันทึกการเข้า

ผู้ใดทำใจให้เป็นกลางได้ ผู้นั้นจะพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #67 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 10:46:51 PM »

ผมสตาร์ทเงินเดือนเดอนแรกที่ ๖,๓๖๐ ครับ...  Grin Grin Grin

5,740-

ตอนนี้กะลังสู้กับเงินประจำตำแหน่ง 3,500-  กับเงินเพิ่มตามระยะเวลาการทำงาน 3,000+


ผมหน้าตาดี หลวงเลยให้มากกว่า สตาร์ท 7,630  Grin

ถ้าไม่บรรจุหลังผมหลายปี... ก็แสดงว่าเด็กทุน สค.วค. ไม่ก็ครูห้าปี... ใช่มั๊ยครับ... ไหว้




ธรรมดาไม่ใส่ไข่ครับ บรรจุครั้งแรก ปี 48 ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส  Grin

ผมว่าแล้ว... ผมบรรจุ ๒๕๔๖ พอได้ปีเดียว... เขาปรับฐานเงินเดือน... คนบรรจุหลังแซงหน้าไปก็มีครับ... พอดีช่วงบรรจุปีแรกๆ ผมย้ายบ่อย... สองปีสามโรงเรียน... ในสามเขตฯ สองจังหวัด... Grin Grin Grin

บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #68 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 11:37:03 PM »

เมื่อก่อนตอนแรกบรรจุ ปี43 ที่ อ.แม่สาย ผมได้เงินเดือน 7,210 บาท เมื่อก่อนก็กิน ๆ ใช้ ๆ ไปเรื่อย ๆ อยู่บ้านพักในหน่วย เสาร์อาทิตย์ ไม่กลับบ้าน ใช้มอเตอร์ไซค์คันเก่า ๆ เงินเก็บก็มีบ้าง แต่ไม่ค่อยเก็บทุกเดือน ไม่กู้ทั้งสหกรณ์และสวัสดิการแม่สั่งห้ามไว้  หลายปีผ่านไป แต่งงานมีลูก ซื้อบ้าน ซื้อรถ (ผ่อนตามระเบียบ) ก็ไม่ได้มีเก็บอะไรมากมาย    จนหลายปีก่อนไปเข้าโรงพยาบาล หมอบอกติดเชื้อไวรัส อะไรไม่รู้ เป็นไข้ตัวร้อน นอนโรงพยาบาล เป็นสิบคืน เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ แสนห้า ช่วงนั้นโชคดีผมขายที่ดินที่ซื้อไว้ได้พอดี และทำประกันสุขภาพไว้วงเงินค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท เลยเอาเป็นค่ารักษาพยาบาลได้พอดี  (ตอนนี้ทำประกันสุขภาพใหม่เป็นวงเงิน 300,000 แล้วครับ) 

ตั้งแต่ออกโรงพยาบาลวันนั้น ผมนึกถึงเรื่องมดกับตั๊กแตน ที่เล่าให้ลูกฟัง มดอดทนทำงานตลอดปี เพื่อสะสมอาหารไว้ในฤดูหนาว  ตั๊กแตน ร้องรำทำเพลงเล่นไปตลอดปี พอถึงฤดูหนาวไม่มีอาหารก็อดตาย เหมือนชีวิตคนเรา ช่วงที่ยังมีแรงทำงานถ้าไม่รู้จักเก็บออม พอถึงวันต้องออกจากงานมาไม่มีงานทำ แล้วจะเอาอะไรกิน 

ผมเริ่มเก็บเงินทุกเดือน พอเงินเดือนออก เก็บหักไว้ 10% ทุกเดือนเมื่อได้รับรายได้อื่นผมเก็บหักไว้ 50%  มันเหมือนจะไม่มาก แต่เชื่อหรือเปล่าครับ กว่าจะเก็บหมื่นสองหมื่นแรกยากมาก พอได้เงินถึงแสนดีใจมาก พอได้แสนแรกแล้ว แสนต่อ ๆ ตามมาง่ายนิดเดียวครับ  เงินส่วนนี้ผมเอาไปซื้อสลากออมสินครับ บางทีไปเปิดเวบบังคับคดีเจอที่ดินสวย ๆ ก็ขายสลากเอาไปซื้อที่ดิน  ขายที่ดินได้ก็เอาไปซื้อสลาก วน ๆ เวียน ๆ ไปครับ 

เงินอีกก้อนหนึ่งที่ผมสะสมไว้ คือ เอาไปลงทุนซื้อหุ้นหลายคนมองว่าเป็นการพนัน ผมก็ว่าใช่ แต่มองอีกมุมหนึ่งคือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง พร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย (ถ้าคิดว่าพร้อมที่จะเสียเงินก้อนนี้ไปได้) เมื่อก่อนผมโชคดีเจอพี่ที่ทำงานด้วยกันมาจากบริษัทหลักทรัพย์ที่เจ้งช่วงต้มยำกุ้ง แกสอนอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับหุ้น เหมือนกับที่ อ.สมชาย สอนน้อง ๆ ทุกวันนี้   วันดีคืนดี แกก็กระซิบบอก ช่วงนี้ดูหุ้นตัวนี้ ช่วงนี้ดูหุ้นตัวนี้    พอขายได้มีกำไร ผมก็แบ่งกำไรออกมาจากกองหุ้นนี้ ครึ่งหนึ่ง ไปสะสมในกองสลากออมสิน  พอร์ตของเงินสะสมก็จะเพิ่มขึ้น พอร์ตของเงินลงทุนก็เพิ่มขึ้น

แต่บางครั้งก็ไม่ประหยัดเสมอไปครับ บางทีบางอารมณ์ อยากได้ นู่นนี่นั้นบ้าง ก็เอาไปซื้อบ้างเหมือนกันครับ สนองตัณหา  ชอบถ่ายรูป สะสมภาพ พระ ถ้ามีบุญวาสนาต่อกันก็เก็บสะสมไว้ครับ เรื่องเที่ยวกินเหล้ากลางคืน แม่เสือล่ามโซ่ไว้ที่บ้านนานแล้วครับ  นาน ๆ ถึงขออนุญาตออกบ้านได้เป็นกรณีพิเศษครับ 5 5 5

 เยี่ยมครับพี่ต.แม่สาย  ปี43-46ข้าวแกง20 แกงถุง20 ก๋วยเตี๋ยว20  ปี45มีตังค์ร้อยนึง กินได้ทั้งวัน ผมจำได้ครับ  คิก คิก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #69 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 12:54:17 AM »

ขอยกกระทู้นี้มาประกอบครับ  Grin


<a href="http://www.youtube.com/v/aYWjkrclUR8?version=3&amp;hl=th_TH" target="_blank">http://www.youtube.com/v/aYWjkrclUR8?version=3&amp;hl=th_TH</a>



http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=229534.0
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #70 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 08:43:56 AM »

ผมสตาร์ทเงินเดือนเดอนแรกที่ ๖,๓๖๐ ครับ...  Grin Grin Grin

5,740-

ตอนนี้กะลังสู้กับเงินประจำตำแหน่ง 3,500-  กับเงินเพิ่มตามระยะเวลาการทำงาน 3,000+


ผมหน้าตาดี หลวงเลยให้มากกว่า สตาร์ท 7,630  Grin

ถ้าไม่บรรจุหลังผมหลายปี... ก็แสดงว่าเด็กทุน สค.วค. ไม่ก็ครูห้าปี... ใช่มั๊ยครับ... ไหว้




ธรรมดาไม่ใส่ไข่ครับ บรรจุครั้งแรก ปี 48 ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส  Grin

ผมว่าแล้ว... ผมบรรจุ ๒๕๔๖ พอได้ปีเดียว... เขาปรับฐานเงินเดือน... คนบรรจุหลังแซงหน้าไปก็มีครับ... พอดีช่วงบรรจุปีแรกๆ ผมย้ายบ่อย... สองปีสามโรงเรียน... ในสามเขตฯ สองจังหวัด... Grin Grin Grin



สังเกตหลายครั้งแล้ว ผมยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ทีว่า ทำไมเวลาปรับฐานเงินเดือนข้าราชการแล้ว ราคาข้าวของต่าง ๆ จะขอปรับขึ้นด้วยทั้ง ๆ ที่ข้าราชการก็ไม่ใช่ชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ตอนนี้ไปผูกกับราคาน้ำมัน ค่อยมีเหตุผลหน่อย Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2013, 08:45:48 AM โดย babor » บันทึกการเข้า
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #71 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 09:27:30 AM »


รัฐบาลต้องหาวิธีแก้โจทย์   ให้ข้าราชการมีรายได้เพิ่มขึ้นครับ
คือหาวิธีไม่ให้ล้มละลาย,

ไม่ใช่มาลงดาบเอา   เพราะเหมาว่าล้มละลายคือความผิด
อย่างนี้มันไม่ค่อยเข้าท่าครับ.    แต่ที่มาล้มละลายก็เพราะไม่โกงไม่กินฯ....
.

คนที่เป็นข้าราชการ  เฉลี่ยแล้วสมองดีกว่าคนทั่วไปในภาคเอกชนแยะครับ(สอบเข้ารับราชการยากมาก),



การเป็นข้าราชการนั้นถือว่าเป็นความเสียสละส่วนหนึ่งด้วย
เพราะรายได้ในตำแหน่ง/ความสามารถ  ที่เทียบระดับกันได้ในเอกชนนั้น เอกชนสูงกว่ามากครับ...

ตัวอย่างเช่นตำแหน่ง C8 เทียบได้กับ ผจก. ทั่วไป
ประสบการณ์ 10 ปีขึ้นไปนั่น เงินเดือนแสนบาทขึ้นไปครับ...


Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  จานโฉมชาย(ฮา)  อ่ะ ฮา

จะทำยังงัยดีอ่ะ  ทำให้ "ข้าราชการ"  มีรายได้เพิ่มขึ้น ฮา
งบประมาณ ของประเทศ  80%  ถูกจ่ายให้พวกเขาเหล่านี้ อ่ะ ฮา
ส่วนที่เหลือ 20 %  มันเป็น ค่าใช้จ่ายอื่นๆ  อ่ะ ฮา


ไม่ว่ารัฐบาลไหน  เขาก็คิดได้แต่ ขึ้น หรือ "ปรับ" เงินเดือนให้แค่นั้นอ่ะ ฮา

ไอ้ตัวอักษรสีแดง  ยายว่า  "ผิดแน่ๆ"  ผิดแน่นวน อ่ะ ฮา
มันเป็น "หนี้ ส่วนบุคคล" ที่สร้างกันเอง ฟุ้งเพ้อ ตามกระแสสังคมอ่ะ ฮา
เป็นการไม่ระมัดระวัง  วางแผนการใช้เงิน ของเขาเองอ่ะ ฮา

ส่วนที่บอก  "ล้มละลาย เพราะไม่โกงกิน"  ฮา
ยายคิดว่า  ไม่มีตำราเล่มไหน เขียนให้โกงกิน อ่ะ ฮา
เพราะฉะนั้น  "ตรรกะ"  นี้ ผิด  อ่ะ ฮา

ความจริง การไม่รู้จักประมานตน  เป็นสาเหตุหลัก ต้นเหตุหลัก อ่ะ ฮา

กระบวนการ  การ"ฟ้องล้มละลาย"  หมายความว่า ผ่านขั้นตอน ศาลแพ่งมาแล้ว อ่ะ ฮา
พอศาลแพ่งสั่ง  แล้วลูกหนี้ ไม่มีทรัพย์เพียงพอ  หรือ ยักย้ายถ่ายเท ไปที่อื่น ฮา
เจ้าหนี้ สถาบันการเงิน  เขาก็เสียหาย  ได้แต่คำสั่งศาลใบเดียว แต่ "บังคับไม่ได้" อ่ะ ฮา
ไอ้กระดาษใบนี้  เอาไปทำอะไรไม่ได้  นอกจาก "แปะ"  ข้างฝา แทน wall paper อ่ะ ฮา
ลงบัญชี  ตัด "หนี้สูญ"  ก็ไม่ได้ อ่ะ ฮา

มีวิธีเดียวที่จะใช้ประโยชน์จาก กระดาษใบนี้ คือต้องฟ้องล้มละลายอ่ะ ฮา
พอฟ้องปุ๊บ  มีคำสั่งให้ "ล้ม"  ก็เอาคำสั่งนี้ มาตัดหนี้สูญ  ทางบัญชีได้เลยอ่ะ ฮา

เหมือนอย่างคำ พังเพย บอกว่า  " ผีถึงป่าช้า "  ถ้าไม่เผา ก็ต้องฝังอ่ะ ฮา

ที่นี้ "ลูกหนี้"  ที่โดนคำสั่ง ล้มละลาย ไม่ว่า ข้าราชการ หรือเอกชน ฮา
มันโดนเืรื่อง  "ขาดคุณสมบัติ"  การทำงาน ทั้งสิ้น ไม่มีใครจ้าง อ่ะ ฮา

ส่วนมาตราการ ให้ออก  หรือสมัครใจ ออก  ก่อนที่จะโดนคดีล้ม ฮา
ยายว่าเป็นประโยชน์ ต่อตัวลูกหนี้เอง อ่ะ ฮา

เพราะว่ายังมี ช่องทาง  ยักย้าย ถ่ายเท  " เงินก้อนสุดท้าย" หนี เจ้าหนี้ อ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก


80% ที่ว่า หมายถึง เงินเดือนข้าราชการ หรือ งบบริหารจัดการพัฒนาประเทศในแต่ละหน่วยงาน ถ้าหมายถึง เงินเดือน ผมว่าไม่น่าจะใช่ Grin
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #72 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2013, 07:28:15 AM »

กระทู้นี้ครูขัยนุ้ยออกตัวแรงจัง   เยาะเย้ย
บันทึกการเข้า

                
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #73 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2013, 09:02:48 AM »

อยากคุยเรื่องจริง ข้อมูลจริง น่ะลุง จะได้เข้าใจกันจริง ไม่ต้องนึกกันไปเอง ว่าอันไหนเป็นอย่างไร  เยาะเย้ย
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #74 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2013, 09:43:40 AM »

80% ที่ว่า หมายถึง เงินเดือนข้าราชการ หรือ งบบริหารจัดการพัฒนาประเทศในแต่ละหน่วยงาน ถ้าหมายถึง เงินเดือน ผมว่าไม่น่าจะใช่ Grin

คงจะไม่ใช่
งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจประกอบด้วย
งบบุคคลากร
งบดำเนินงาน
งบลงทุน
งบเงินอุดหนุน
งบรายจ่ายอื่น ๆ

เงินที่ จนท.ของรัฐได้รับ ก็คือเงินเดือน ค่าจ้างจากงบบุคคลากร  และค่าตอบแทน (เงินตำแหน่ง, เบี้ยประชุม ฯลฯ ทั้งหมดประมาณ 25 รายการ) จากงบดำเนินงาน ซึ่งที่จริงก็เป็นเงินก้อนใหญ่มาก  แต่ไม่ถึง 80% ของรายจ่ายทั้งหมด  คืออาจจะเป็น 80% ของงบทรงชีพหน่วยงาน  แต่ไม่ใช่งบประมาณรายจ่ายทั้งหมด

ดูเป็นภาพรวมดีกว่าครับ  พอดีมีสรุปงบประมาณเฉลี่ย 10 ปี (2543-2552) ของ ดร.สกนธ์ วรัญญวัฒนาอยู่ในมือ
งบบุคคลากร 363,067.08
งบดำเนินงาน 123,516.70
งบลงทุน 154,490.68
งบเงินอุดหนุน 295,729.23
งบรายจ่ายอื่น ๆ 240,609.32

ยอดรวมงบประมาณรายจ่าย
2543 :-    762,277.60
2552 :- 1,582,340.10
2555 :- 2,380,000.- (จาก Face book ของ นายกฯ)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.1 วินาที กับ 22 คำสั่ง