ถั่วเป็นพืชมหัศจรรย์หลายอย่าง เช่น มีโปรตีนสูง มีไขมันชนิดดี
มีเส้นใยหรือไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำสูง การดูดซึมน้ำตาลจากถั่ว
เข้าสู่กระแสเลือดช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างช้าๆ สูงนาน
ทำให้อิ่มนาน (ค่าดัชนีน้ำตาล หรือ glycemic index ต่ำ,
เหมาะกับท่านที่ต้องการลดความอ้วน ควบคุมน้ำตาล)นมถั่วเหลืองมีดีตรงที่ไม่มีน้ำตาลแลคโทส ทำให้คนที่ไม่มีน้ำย่อยน้ำตาลนมมากพอ
ดื่มนมถั่วเหลืองได้สบายๆ
การศึกษาใหม่จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ทำการศึกษาในหนูผอม
และหนูอ้วน ผลการศึกษาพบว่า โปรตีนถั่วเหลือง ซึ่งพบมากในเต้าหู้ (tofu),
นมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ มีส่วนช่วยป้องกันไขมันร้ายที่ชอบไปเกาะในเซลล์ตับในหนูอ้วน
โดยลดไขมันในตับได้ 20%
แถมยังลดระดับไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides / TG)
ซึ่งเป็นผู้ช่วยฝ่ายร้าย ที่ทำให้โคเลสเตอรอลฝ่ายร้าย (LDL) แทรกซึมออกจาก
กระแสเลือด ผ่านผนังหลอดเลือด ไปสะสมเป็นคราบไขใต้ผนังหลอดเลือด
ทำให้เกิดการอักเสบ และเพิ่มเสี่ยงหลอดเลือดตีบตันโรคไขมันเกาะตับ (fatty liver disease) ทำให้การทำงานของตับแย่ลง
เพิ่มเสี่ยงเบาหวาน ตับอักเสบ และตับแข็ง
โรคอ้วน, อ้วนลงพุง (เส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม.ในผู้ชาย, 80 ซม.ในผู้หญิง),
ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงเพิ่มเสี่ยงไขมันเกาะตับ ซึ่งมักจะพบหลังดื่มหนัก
หรือกินอาหารมื้อใหญ่ โดยเฉพาะอาหารที่มีแป้ง-น้ำตาลสูงการศึกษาก่อนหน้านี้จากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ พบว่า การดื่มนมถั่วเหลือง 2 แก้ว/วัน
ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (hot flushes) หลังหมดประจำเดือนได้ 20%,
และลดความรุนแรงของโลกได้ 26% อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นนาน 4 นาทีโดยเฉลี่ย
ผู้หญิงบางรายมีอาการเหงื่อแตก และอาจรบกวนการนอนหลับ
นับเป็นความทุกข์ใหญ่ของผู้ที่มีอาการนี้
วิธีเลือกนมถั่วเหลืองที่สำคัญ คือ ควรดูฉลากอาหาร 1. น้ำตาลต่ำหรือไม่ > ชนิดเติมน้ำตาลมากไม่ค่อยดี
2. ไขมันอิ่มตัว > นมถั่วเหลืองมีไขมันถั่วเหลือง ซึ่งมีไขมันอิ่มตัวต่ำ,
นมถั่วเหลืองที่มีไขมันอิ่มตัวสูง มักจะเติมครีมเทียมที่ทำจากน้ำมันปาล์ม
หรือเติมน้ำมันปาล์ม (ทำให้รสชาติหวานมันเพิ่ม แต่ไม่ดีกับสุขภาพ)
3. เสริมแคลเซียมหรือไม่ > ชนิดเสริมแคลเซียมมีแนวโน้มจะดีกว่าชนิดไม่เสริม
และควรเสริมให้ถึงระดับ 20-25% ของที่ร่างกายต้องการใน 1 วันจึงจะดี
เครดิต
http://women.thaiza.com/