ตำรวจและฝ่ายปกครองภูเก็ต

ฮึ่มฟันตร.ภูเก็ต ไม่ปราบมาเฟีย กฎเหล็กผบ.ตร. บี้'ฝรั่ง'ฟอกเงิน

ผบ.ตร.มอบหมายพล.ต.อ. วุฒิ ที่ปรึกษา (สบ 10) คุมแก้อาชญากรรมอาละวาดเมืองท่องเที่ยวประสานผู้ว่าฯ ตม. ตร.ท่องเที่ยวลุยใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองเคร่งครัด สกรีนต่างชาติแฝงตัว เชื่อแค่เฉพาะในภูเก็ตก็มีเป็นแสนแล้ว พร้อมงัดมาตรการทางภาษีและฟอกเงินเอาผิด เตรียมเชือดด้วยเจ็ตสกี สกู๊ตเตอร์ แท็กซี่ขี้โกงข่มขู่ตั้งราคาเกินจริง สั่งการ ตร.เอาผิดได้เลยตาม กม.คุ้มครองผู้บริโภค ด้านผบ.ตร.ลั่นเชือดแน่ ผกก.ในภูเก็ตผลงานไม่เข้าตา สั่งพัฒนาโรงพักให้พร้อมสมเป็นเมืองท่องเที่ยว ฝาก ปชช.ช่วยประเมิน เงื้อดาบฟันโยกย้ายต.ค.นี้

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 10 ส.ค. ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต (บก.ภ.จว.ภูเก็ต) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมร่วมระหว่างตำรวจกับภาครัฐและเอกชนเพื่อรับทราบปัญหาและรับทำแผนเพื่อขับเคลื่อนงานตำรวจรองรับการท่องเที่ยว โดยมีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัติ อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต และสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมด้วย

พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า จากการประชุมฯ เน้นว่านักท่องเที่ยวต้องได้รับความสะดวก เที่ยวอย่างปลอดภัย ไม่ต้องหวาดระแวงต่อกลุ่มแก๊งอาชญากรรม และเมื่อเกิดปัญหาได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ตนมอบหมาย พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) เข้ามาคุมเรื่องแก้ปัญหาและจัดการดูแลนักท่องเที่ยวใน 3 พื้นที่ คือ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และพัทยา จ.ชลบุรี บูรณาการทุกส่วนระดับ ตร.กับตำรวจในพื้นที่ เพื่อดำเนินการทุกด้านรองรับนักท่องเที่ยวให้เกิดประสิทธิภาพ เชื่อมโยงเอกชนและท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันจะดำเนินการสืบสวนปราบปรามแก๊งอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ผู้มีอิทธิพล ตลอดจนตรวจการฟอกเงินในพื้นที่ด้วย

ผบ.ตร.กล่าวว่า จากนี้ ตร.จะพิจารณาออกแผนการเพิ่มกำลังพลให้สอดคล้องประชากร ปรับภาพลักษณ์ตำรวจพร้อมบริการประชาชน รถสายตรวจ ป้ายแสดงต่างๆ สถานที่ทำงาน ป้อมตำรวจ เครื่องแบบ ลักษณะท่าทีของตำรวจต้องปรับภาพลักษณ์ให้ดีขึ้นเข้ากับสากลรับนักท่องเที่ยว จะสรรหางบประมาณพัฒนาตรงนี้ก่อนเป็นจุดเปลี่ยนแรก ขณะที่ต้องใช้มาตรการตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองจัดการประชากรแฝงให้อยู่อย่างถูกกฎหมาย

"ด้านจราจรอำนวยความสะดวก ลดอุบัติเหตุ นำวิศวะจราจรมาใช้เพื่อให้การเดินทางสะดวก ไม่เกิดอุบัติเหตุ เข้าจัดการดูแลการขับขี่ของนักท่องเที่ยวด้วย" พล.ต.อ. อดุลย์กล่าว และว่า จุดประสงค์ต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวต่อ ตำรวจพื้นที่ต้องทำการบ้าน บช.ภ.8 ต้องมีพอยต์จัดการปัญหาในจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ต้องเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์การแก้ปัญหาของนักท่องเที่ยว แต่เนื่องจากพล.ต.ต.โชติจะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ต้องมอบหมายรองผู้บังคับการคนหนึ่งมารองรับงานนี้ ภายใต้การขับเคลื่อนของพล.ต.อ.วุฒิ

"สำหรับ ผกก.สถานีตำรวจใน จ.ภูเก็ต ต้องพัฒนาสถานีตำรวจให้ดีสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว ผมจะประเมินใช้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายเดือนตุลาคมนี้ จะดูว่าพร้อมหรือไม่ มือไม่ถึงไม่ต้องอยู่ภูเก็ตเมืองใหญ่ อย่ากินบุญเก่า ไปทำโรงพักให้ดี ฝากภาคประชาชนประเมินให้ตำรวจมีประสิทธิภาพการทำงานด้วย" ผบ.ตร.กล่าว

ด้านนายไมตรีกล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลบริหารจัดการปัญหาการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นการเฉพาะ โดยรวมทุกหน่วยงานภาครัฐเข้ามา อย่างไรก็ตาม หน่วยที่ตั้งขึ้นต้องสามารถลดขั้นตอนการประสานระหว่างหน่วยงานได้ เป็นศูนย์ที่คุมอาชญากรรมแก้ไขจัดการเบ็ดเสร็จ และเห็นด้วยที่ควรเพิ่มสมรรถนะการทำงานบุคลากร โดยเสนอให้นำกล้องวงจรปิดที่มีประสิทธิภาพมาใช้ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว รองรับและจัดการปัญหาที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวที่มีนับแสนคนในพื้นที่ให้ได้ นอกจากนี้ อยากให้จัดการปัญหาการจราจรและกวดขันวินัยจราจรของนักท่องเที่ยว เพราะมีบ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุเพราะไม่สวมหมวกกันน็อก

ด้านตัวแทนสมาคมผู้ประกอบการการท่องเที่ยวกล่าวว่า อัตราการท่องเที่ยวขยายตัวทุกด้าน แต่พบว่าจำนวนตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีเพียง 1,097 นาย เทียบกับประชากรและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่แล้วตำรวจ 1 นายต้องดูแลประชากรถึง 7,000 คน เป็นสัดส่วนที่ไม่สมดุล ขณะที่มีผลสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ตต้องการจราจรที่สะดวกและความปลอดภัย

วันเดียวกัน พล.ต.อ.วุฒิ ที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวภายหลังได้รับมอบหมายจากผบ.ตร.ให้รับผิดชอบขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอาชญากรรมในแหล่งท่องเที่ยว ว่า ได้ประสานนายไมตรี ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ให้นำกฎหมายพ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมืองมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด โดยให้สำรวจข้อมูลชาวต่างชาติซึ่งเป็นประชากรแฝงในพื้นที่ตรวจสอบ 3 กลุ่ม คือ 1.อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.อยู่เกินอนุญาต หรือโอเวอร์สเตย์ 3.ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่แล้วยังหลบซ่อนอยู่ในราชอาณาจักร และให้รายงานภายใน 7 วัน คาดว่ามีชาวต่างชาติที่อยู่โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวนร่วมแสนคน โดยเฉพาะกลุ่มโอเวอร์สเตย์ พอทราบกลุ่มคนต้องสงสัยแล้วจะตรวจสอบต่อว่าใครเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิทธิพล เพื่อที่จะได้ใช้กฎหมายข้ออื่นๆ ดำเนินการ หากตรวจสอบพบผิดพ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ก็ต้องผลักดันออกนอกประเทศ หากรายใดผิดกฎหมายอื่นๆ ก็ต้องดำเนินคดี ทั้งนี้ ปัญหาชาวต่างชาติอยู่อย่างผิดกฎหมายเป็นเรื่องใหญ่ โดยพบมากในพัทยา และในแหล่งท่องเที่ยวรอบภูเก็ต มีจำนวนเป็นแสนราย น่าสงสัยว่าเป็นพวกใช้นอมินีทำธุรกิจในไทย

"ตำรวจจะใช้ทั้งพ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ร.บ.การทำงานคนต่างด้าว พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยว ดำเนินการทางกฎหมาย นอกจากนี้มีมาตรการทางภาษีและการฟอกเงิน สืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้ที่ละเมิด ส่วนปัญหาเรื่องเจ็ตสกี สกู๊ตเตอร์ หรือแท็กซี่ข่มขู่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ตำรวจสามารถเอาผิดได้ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค โดยยึดหลักว่านักท่องเที่ยวควรได้รับบริการและสินค้าในราคาที่สมเหตุสมผล หากพบถูกเอาเปรียบขายแพงเกินจริงเอาผิดตามกฎหมายได้ ซึ่งได้ขอให้ผบ.ตร.ดึงกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และกองบังคับการปรามปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญา กรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) มาร่วมด้วย เพื่อให้การแก้ปัญหาครอบคลุมทุกด้าน พร้อมทั้งจะเชิญตำรวจจังหวัดภูเก็ต ผบก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และผบก.ภ.จว.ชลบุรี ประชุมหารือและวางมาตรการแนวทางร่วมกันต่อไป" พล.ต.อ.วุฒิกล่าว..........ข่าวสารฉับไว ภาพจุใจ” ต้องเฟสบุ๊คส์ นสพ.ภูเก็จอันดามัน http://www.facebook.com/Phuketandamannews.FC และเพื่อเป็นกำลังใจ กรุณากด “ถูกใจ” ที่แฟนเพจด้วยคับ ขอบคุณครับ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=483095541785312&set=a.253708621390673.59439.251594288268773&type=1&theater

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ตำรวจและฝ่ายปกครองภูเก็ต (อ่าน 1522 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้