นี่แหละครับ พบถามหลายๆท่าน
+ให้ทุกท่านที่กรุณาให้ความคิดเห็นครับ
บางท่านก็ว่า ปล่อยให้เขาดำเนินคดีไปก็ได้ ไม่หนักหนาอะไรหรอก เพราะยังเป็นเยาวชนเป็นนักเรียนอยู่
บางท่านก็ว่า มันหนักตรงที่ว่าไปตีหัวเขาก่อนนี่แหละ
บางท่านก็ว่า มันหัวหมอ ก็แจ้งกลับไปมั่งสิ ข้อหาเดียวกัน เคยบาดเจ็บเหมือนกันนี่
ผมละหนักใจ+เหนื่อยใจจริงๆครับ เห้ออออ
นายสมชายสรุปภาพรวมนะครับ...
"ตำรวจ"จะเป็นผู้สรุปและรวมรวม"ข้อเท็จจริง"ทั้งหมด ทำเป็นสำนวนให้อัยการส่งฟ้องศาล จากนั้นศาลจะพิจารณาตาม"ข้อเท็จจริง"ที่ได้จากสำนวนฟ้อง... เวลาพิจารณานั้นก็จะต้องมีการสืบพยานทั้งพยานบุคคล เอกสาร และพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งอันไหนจริงหรือไม่จริงก็ต้องไปเถียงกันในศาล...
แล้วที่แสบก็คือว่าข้อเท็จจริงข้างถนนกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์กันในห้องพิจารณานั้นอาจเหมือนกันหรือไม่เหมือนกันก็ได้ ซึ่งแล้วแต่ว่าชั้นเชิงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ของฝ่ายไหนจะเก่งกว่ากัน... พูดภาษาบ้านๆ ก็คือทนายเก่งๆ สามารถทำให้ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนกลายเป็นมะลิลาก็ได้ครับ... ไม่ฮา...
ย่อหน้าข้างบน... นายสมชายอยากบอกว่าหากปล่อยให้คดีขึ้นศาลแล้ว ให้ระวังอุบัติเหตุในข้อเท็จจริงครับ อันไหนมะลิซ้อนอันไหนเป็นมะลิลานั่นแหละน่ากลัว...
สำหรับค่าทนายอาญาระดับไม่งี่เง่า(งี่เง่าคือจับประเด็นไม่ได้ ลูกล่อลูกชนไม่มี โดนยั่วบนศาลแล้วโมโห ฯลฯ), เขาว่ากันที่ขั้นต่ำสุด 3 หมื่นบาทครับ(มีต่ำกว่านี้หากเป็นทนายมือใหม่หาลูกค้าไม่ได้)... แล้วทนายที่เก่งๆ จะเริ่มทำงานตั้งแต่ชั้นสอบสวนบนโรงพักแล้วครับ, คือทนายที่เก่งๆ จะไม่ปล่อยให้สำนวนลูกความหลุดขึ้นชั้นศาลเป็นอันขาด หากไม่เห็นทางชนะใสๆครับ...
คติเรื่องนี้มีอยู่ว่า... มีเรื่องอย่าให้ถึงตำรวจ หากถึงตำรวจก็อย่าให้ถึงอัยการ หากถึงอัยการก็อย่าให้ถึงศาล หากถึงศาลก็อย่าให้ถึงกำหนดโทษ หากกำหนดโทษก็อย่าให้รอลงอาญา(หมายถึงอย่าให้เกิดคดีใหม่) หากรอลงอาญาก็อย่าให้ลงจริงๆ(หมายถึงอย่าให้เกิดคดีใหม่)...
อ่านแล้วพิจารณาเองครับ... แฮ่ๆ...