เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 14, 2024, 10:40:35 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าเช้านี้ ของผมเอง  (อ่าน 2539 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 07:12:54 AM »

วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงต้อนรับทีมนักศึกษาพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่ไดรับรางวัลชนะเลิศหุ่นยนต์กู้ภัยโลกจากประเทศเนเธอแลนด์
มีท่านใดทราบไหมครับ ทีมของมจพ.เป็นแชมป์มาเจ็ดสมัยแล้ว เก่งมาก  แต่วันไปรับที่สนามบินมีเพียงเพื่อนๆอาจารย์และอธิการไปรับที่สนามบิน  วันเลี้ยงต้อนรับมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาเป็นเกียรติ  นายพินิจ จ. อดีตรองนายกฯขึ้นไปกล่าวแสดงความยินดีเกือบครึ่งชั่วโมง  เนื้อหากว่า90%เป็นการพูดถึงแต่ผลงานตนเองสมัยเป็นเสนาบดี ลีลาการพูดเหมือนการหาเสียงตามชุมชนไม่มีผิด  ด้านหลังของงานมีการออกร้านอาหารเกือบสามสิบร้าน เจ้าหน้าที่มหาลัยและแขกทั่วไปทานอาหารกันแบบไม่เกรงใจใคร เหมือนได้รับคำสั่งมาว่า ทานเยอะๆอย่าให้เหลือ เอากลับบ้านด้วย ซึ่งไม่แปลกตรงไหน
ผมและแขกสองสามคนนั่งคุยกันอยู่บนที่นั่งด้านบนหลังหอประชุม มองลงมาแล้วพูดกันว่า  ห้องนี้เหมือนประเทศไทยในเวลานี้กล่าวคือ
๑. คนทำงานก็ทำงานไปตามหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน
๒.คนเสียสละทำงานด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นเพื่อชื่อเสียงส่วนรวมก็ทำงานโดยแทบไม่มีใครเหลียวแล  ถ้าทำดีมีผลงานก็จะได้รับคำชมเชยชั่วครู่ หลังจากนั้นก็หันหลังให้เช่นเคย  ถ้าทำพลาดก็โดนเขี่ยแน่ๆ
๓.คนที่สร้างภาพสร้างผลงานฉกฉวยโอกาศบนความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคนอื่นก็ทำได้ไม่แคร์สื่อ
๔.คนกินก็กินอย่างตะกละตะกลาม มูมมามโดยไม่สนใจสายตาคนที่นั่งมองอยู่  กินทิ้งกินข้วางเหมือนไม่เคยได้กินของดีๆ
๕.คนที่ไม่คิดจะทำอะไร ได้แต่นั่งมองตาปริบๆแล้วถอนหายใจแบบพวกผมที่นั่งข้างบนก็ทำได้แค่นั้น
ที่ว่ามานี้เหมือนบรรยากาศในประเทศของเราเวลานี้เลย เพียงแต่มันเกืดขึ้นในเวลาสั้นๆแล้วจบไป
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 07:21:16 AM »

ก็เลือกเขามา
ในวาระ ๔ ปี
เมื่อเป็นแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ก็ทำอะไรลำบาก
ระบบของเรา เป็นแบบนกแก้วนกขุนทอง
ไปตามลำดับขั้น
ใครคิดนอกกรอบ เป็นโดนแขวะ
ดี รอดตัว ไม่ดี ทับถม
เราก็เลยเป็นอยู่อย่างนี้
ไม่พัฒนา เพราะถูกปลูกฝัง มาโดยตลอด
รอเพียงแต่ ใครจะเป็นหนูเอากระดิ่งไปผูกคอแมว
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
babygun
Full Member
***

คะแนน 57
ออฟไลน์

กระทู้: 402


« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 08:59:17 AM »

ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุธเจ้า ก็จะเป็นแบบบัจจุบันนี้แหละครับ(แค่ทางสายกลางก็พอครับ) ประเทศกำลังคืบคลานไปสู่แบบและธรรมเนียมของฝรั่ง อยู่อย่างตัวใครตัวมัน ไม่รู้จักญาติ ไม่รู้จักใคร แต่ฝรั่งกลับเริ่มเลียนแบบเราในสมัยก่อนๆ ไหว้ ไหว้ ไหว้ เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6603


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 09:16:20 AM »

ขอบคุณที่คุณoil เอาภาพมุมสูงที่เห็นมาเล่าและสะท้อนถึงสังคมปัจจุบัน
กลายเป็นเรื่องธรรมดาแล้วครับ คนทำงานไม่เก่งมักจะโตมาด้วยจากการสอพลอ 
ส่วนคนเก่งกับถูกเบียดบังจนท้อใจ
ส่วนคนร่วมงานส่วนใหญ่หรือคนธรรมดาทั่วไป ก็ไม่ได้หวังที่จะมาหาความรู้ หรือ
ค้นหาแรงบันดาลใจ จากคนที่ประสบความสำเร็จ กับมาหาประโยชน์จากการกินเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดไปวันๆ 
กินไม่ว่า ยังกินทิ้งกินกว้าง หมามันยังไม่ทำกันเลย
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 09:54:05 AM »

วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงต้อนรับทีมนักศึกษาพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่ไดรับรางวัลชนะเลิศหุ่นยนต์กู้ภัยโลกจากประเทศเนเธอแลนด์
มีท่านใดทราบไหมครับ ทีมของมจพ.เป็นแชมป์มาเจ็ดสมัยแล้ว เก่งมาก  แต่วันไปรับที่สนามบินมีเพียงเพื่อนๆอาจารย์และอธิการไปรับที่สนามบิน  วันเลี้ยงต้อนรับมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาเป็นเกียรติ  นายพินิจ จ. อดีตรองนายกฯขึ้นไปกล่าวแสดงความยินดีเกือบครึ่งชั่วโมง  เนื้อหากว่า90%เป็นการพูดถึงแต่ผลงานตนเองสมัยเป็นเสนาบดี ลีลาการพูดเหมือนการหาเสียงตามชุมชนไม่มีผิด  ด้านหลังของงานมีการออกร้านอาหารเกือบสามสิบร้าน เจ้าหน้าที่มหาลัยและแขกทั่วไปทานอาหารกันแบบไม่เกรงใจใคร เหมือนได้รับคำสั่งมาว่า ทานเยอะๆอย่าให้เหลือ เอากลับบ้านด้วย ซึ่งไม่แปลกตรงไหน
ผมและแขกสองสามคนนั่งคุยกันอยู่บนที่นั่งด้านบนหลังหอประชุม มองลงมาแล้วพูดกันว่า  ห้องนี้เหมือนประเทศไทยในเวลานี้กล่าวคือ
๑. คนทำงานก็ทำงานไปตามหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน
๒.คนเสียสละทำงานด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นเพื่อชื่อเสียงส่วนรวมก็ทำงานโดยแทบไม่มีใครเหลียวแล  ถ้าทำดีมีผลงานก็จะได้รับคำชมเชยชั่วครู่ หลังจากนั้นก็หันหลังให้เช่นเคย  ถ้าทำพลาดก็โดนเขี่ยแน่ๆ
๓.คนที่สร้างภาพสร้างผลงานฉกฉวยโอกาศบนความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคนอื่นก็ทำได้ไม่แคร์สื่อ
๔.คนกินก็กินอย่างตะกละตะกลาม มูมมามโดยไม่สนใจสายตาคนที่นั่งมองอยู่  กินทิ้งกินข้วางเหมือนไม่เคยได้กินของดีๆ
๕.คนที่ไม่คิดจะทำอะไร ได้แต่นั่งมองตาปริบๆแล้วถอนหายใจแบบพวกผมที่นั่งข้างบนก็ทำได้แค่นั้น
ที่ว่ามานี้เหมือนบรรยากาศในประเทศของเราเวลานี้เลย เพียงแต่มันเกืดขึ้นในเวลาสั้นๆแล้วจบไป

มันเป็นเช่นนั้นมานานแล้วครับ คีย์เวิร์ดคือคนโง่มันแยะเกิน วิธีแก้โง่คือต้องฝึกฝนการเรียนรู้ ใช้สมองคิดตามสิ่งที่ได้เรียนรู้ หากไม่เข้าใจให้ถาม แล้วจดจำความรู้ไว้ใช้ประโยชน์(สุ - จิ -ปุ - ลิ)...

ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือต้องเริ่มต้นเรียนรู้ด้วยการอ่านแยะๆ ซึ่งเรื่องนี้คีย์เวิร์ดคือ"การใช้ภาษาไทย"... นายสมชายเริ่มชักจูง หลอกล่อ ยั่วเย้า ยุแหย่ โยงใย ยุ่มย่าม มาแล้วเยอะแยะ ทั้งในเว็บนี้และทุกแห่งที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในเวลาอันสั้นๆ, ถึงแม้บางแห่งและบางครั้งในเว็บนี้จะโดนมองว่าตั้งใจจับผิดผู้อื่นที่ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องก็ตาม...

คนโง่จะพูดไม่รู้เรื่อง อธิบายไม่ได้ ฟังไม่รู้ความ ฯลฯ, ทั้งหมดแก้ได้ด้วยการอ่านแยะๆครับ...

เพราะคนโง่มันแยะ ในประเทศไทยเลยมีแต่คนมือยาวสาวได้สาวเอา เพราะคิดไปว่าเรือลำใหญ่ไม่จมง่ายๆหรอก กะอีแค่ฉันเจาะรูรั่วแค่รูเดียวเท่านั้นเอง... กว่าจะรู้ตัวว่ามีรูรั่วแล้ว 50 ล้านรูฯ, เรือจะจมลงอย่างรวดเร็วแบบหนีไม่ทัน...
บันทึกการเข้า
zamphol
ปืน-อยู่-ที่-ปาก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 831
ออฟไลน์

กระทู้: 2628


ชีวิต-ดั่ง-ละคร


« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 11:45:52 AM »

คนล่าสุดก็นักแบตฯพอเป็นข่าวดัง ก็เอามาเข้าฉากถ่ายรูปมอบเงิน คนเฮี้ยๆ ก็พลอยกลายเป็นคนดีมีความสามารถไปด้วย

จึงไม่แปลกที่สังคมไทยจะมีนักประชาสัมพันธ์อย่าง สอระย้วย พูดกรอกหูชาวบ้านทุกวัน เน้นข่าว ควายห้าขา กล้วยร้อยหวี ใบ้หวย พอใครดังก็รีบเกาะกระแส ฉวยโอกาสทุกสถานการณ์
บันทึกการเข้า
Earthworm
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 211
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1359


« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 02:29:32 PM »

วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงต้อนรับทีมนักศึกษาพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่ไดรับรางวัลชนะเลิศหุ่นยนต์กู้ภัยโลกจากประเทศเนเธอแลนด์
มีท่านใดทราบไหมครับ ทีมของมจพ.เป็นแชมป์มาเจ็ดสมัยแล้ว เก่งมาก  แต่วันไปรับที่สนามบินมีเพียงเพื่อนๆอาจารย์และอธิการไปรับที่สนามบิน  วันเลี้ยงต้อนรับมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาเป็นเกียรติ  นายพินิจ จ. อดีตรองนายกฯขึ้นไปกล่าวแสดงความยินดีเกือบครึ่งชั่วโมง  เนื้อหากว่า90%เป็นการพูดถึงแต่ผลงานตนเองสมัยเป็นเสนาบดี ลีลาการพูดเหมือนการหาเสียงตามชุมชนไม่มีผิด  ด้านหลังของงานมีการออกร้านอาหารเกือบสามสิบร้าน เจ้าหน้าที่มหาลัยและแขกทั่วไปทานอาหารกันแบบไม่เกรงใจใคร เหมือนได้รับคำสั่งมาว่า ทานเยอะๆอย่าให้เหลือ เอากลับบ้านด้วย ซึ่งไม่แปลกตรงไหน
ผมและแขกสองสามคนนั่งคุยกันอยู่บนที่นั่งด้านบนหลังหอประชุม มองลงมาแล้วพูดกันว่า  ห้องนี้เหมือนประเทศไทยในเวลานี้กล่าวคือ
๑. คนทำงานก็ทำงานไปตามหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน
๒.คนเสียสละทำงานด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นเพื่อชื่อเสียงส่วนรวมก็ทำงานโดยแทบไม่มีใครเหลียวแล  ถ้าทำดีมีผลงานก็จะได้รับคำชมเชยชั่วครู่ หลังจากนั้นก็หันหลังให้เช่นเคย  ถ้าทำพลาดก็โดนเขี่ยแน่ๆ
๓.คนที่สร้างภาพสร้างผลงานฉกฉวยโอกาศบนความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคนอื่นก็ทำได้ไม่แคร์สื่อ
๔.คนกินก็กินอย่างตะกละตะกลาม มูมมามโดยไม่สนใจสายตาคนที่นั่งมองอยู่  กินทิ้งกินข้วางเหมือนไม่เคยได้กินของดีๆ
๕.คนที่ไม่คิดจะทำอะไร ได้แต่นั่งมองตาปริบๆแล้วถอนหายใจแบบพวกผมที่นั่งข้างบนก็ทำได้แค่นั้น
ที่ว่ามานี้เหมือนบรรยากาศในประเทศของเราเวลานี้เลย เพียงแต่มันเกืดขึ้นในเวลาสั้นๆแล้วจบไป

มันเป็นเช่นนั้นมานานแล้วครับ คีย์เวิร์ดคือคนโง่มันแยะเกิน วิธีแก้โง่คือต้องฝึกฝนการเรียนรู้ ใช้สมองคิดตามสิ่งที่ได้เรียนรู้ หากไม่เข้าใจให้ถาม แล้วจดจำความรู้ไว้ใช้ประโยชน์(สุ - จิ -ปุ - ลิ)...

ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือต้องเริ่มต้นเรียนรู้ด้วยการอ่านแยะๆ ซึ่งเรื่องนี้คีย์เวิร์ดคือ"การใช้ภาษาไทย"... นายสมชายเริ่มชักจูง หลอกล่อ ยั่วเย้า ยุแหย่ โยงใย ยุ่มย่าม มาแล้วเยอะแยะ ทั้งในเว็บนี้และทุกแห่งที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในเวลาอันสั้นๆ, ถึงแม้บางแห่งและบางครั้งในเว็บนี้จะโดนมองว่าตั้งใจจับผิดผู้อื่นที่ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องก็ตาม...

คนโง่จะพูดไม่รู้เรื่อง อธิบายไม่ได้ ฟังไม่รู้ความ ฯลฯ, ทั้งหมดแก้ได้ด้วยการอ่านแยะๆครับ...

เพราะคนโง่มันแยะ ในประเทศไทยเลยมีแต่คนมือยาวสาวได้สาวเอา เพราะคิดไปว่าเรือลำใหญ่ไม่จมง่ายๆหรอก กะอีแค่ฉันเจาะรูรั่วแค่รูเดียวเท่านั้นเอง... กว่าจะรู้ตัวว่ามีรูรั่วแล้ว 50 ล้านรูฯ, เรือจะจมลงอย่างรวดเร็วแบบหนีไม่ทัน...


         ปีที่ผ่านมา ลูกชายคนโต(ม.1)ผมสอบได้ที่ 1 ในชั้น(คะแนนเฉลี่ย)  ทั้งที่เทอม1 และเทอม 2 ไม่เคยได้ที่ 1 เลย   วันหนึ่งมีเพื่อนของลูกผมแนะนำลูกผมกับพ่อเขาว่า ไอ้คนนี้น่ะสอบได้ที่1 พ่อเขาเลยถามว่าทำอย่างไรถึงได้ที่ 1  ลูกชายผมเลยบอกไปว่า " พ่อผมไม่ให้เล่นเฟซบุ๊คครับ " วันรุ่งขึ้นมาโรงเรียนลูกผมก็โดนเพื่อนรุมด่ากันใหญ่เลย เพราะพ่อเพื่อนคนที่ว่าเที่ยวไปบอกกับใครต่อใครเกือบทั้งห้องว่า เด็กคนที่ได้ที่ 1 เพราะพ่อไม่ให้เล่นเฟซบุ๊ค
       หลังจากที่โดนรุมด่าจากเพื่อนทั้งห้องแล้ว ไอ้ลูกชายผมมันก็เลยบอกว่าจะไปแก้ข่าวให้กับบรรดาพ่อๆแม่ๆ ของเพื่อนๆทั้งหลายในห้อง ว่าจริงๆแล้วพ่อไม่ได้ห้ามเล่นเน็ต เล่นเกมส์ อะไรหรอก ที่พูดไปบอกผิด คือถ้าอยากเล่นเกมส์หรือเล่นคอมฯ พ่อจะให้อ่านหนังสือแลกชั่วโมงเอา คือ ถ้าอ่านหนังสือสองชั่วโมงก็ได้ชั่วโมงเล่นหนึ่งชั่วโมง  เดี๋ยวจะไปบอกพ่อแม่ของพวกมรึงให้ เท่านั้นแหละครับ ลูกผมก็โดนขู่ว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกพ่อแม่เขา งานนี้จากโดนรุมด่าจะโดนเปลี่ยนเป็นโดนรุมตื๊บแทน 
     ที่เล่าให้ฟังนี้ อยากจะบอกครับว่า จริงๆแล้วที่ลูกผมอ่าน ไม่เกี่ยวกับหนังสือเรียนเลยครับ อ่านการ์ตูน(พวกแฝงความรู้) อ่านสารคดี ฯลฯ  แต่ที่บังคับให้อ่าน ก็อยากให้เขาติดนิสัยรักการอ่านมากๆครับ เผื่อบางทีอาจได้ค้นพบตัวเองว่าอนาคตเขาอยากจะเป็นอะไร เพราะทุกวันนี้ ถามว่าอยากเป็นอยากเรียนอะไร ยังเยอะแยะจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับ
           เห็นด้วยล้าน% กับน้าสมชายเรื่องการอ่านทำให้คนฉลาดขึ้นครับ แต่จะเป็นคนฉลาดที่เป็นคนดี เอาความฉลาดมาใช้ในทางที่ถูกที่ควรด้วยหรือไม่นั้น อันนี้ไม่รู้ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 03:40:34 PM »

           เห็นด้วยล้าน% กับน้าสมชายเรื่องการอ่านทำให้คนฉลาดขึ้นครับ แต่จะเป็นคนฉลาดที่เป็นคนดี เอาความฉลาดมาใช้ในทางที่ถูกที่ควรด้วยหรือไม่นั้น อันนี้ไม่รู้ครับ ไหว้

อ่านแล้วฉลาดคิด ฉลาดสรุปเรื่องราวได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นให้เราสามารถ"สอน"ลูกได้ครับ... ส่วนไอ้เด็กที่อ่านหนังสือน้อยนั่นสอนมันไม่ได้หรอก เพราะมันไม่รู้เรื่องราว จะสรุปอะไรให้เราฟังก็ทำไม่ได้ ครั้นเราจะเล่าอะไรให้มันฟังมันก็โยงเรื่องราวสาวประเด็นไม่เป็น แล้วมันก็โมโหหรือไม่ก็น้อยใจ(ไปกันใหญ่)...

เด็กโมโห หรือเด็กน้อยใจ จนพ่อแม่สอนไม่ได้นั่นเกิดจาก Content ในหัวมีน้อยครับ... วิธีเพิ่ม Content ก็ต้องอ่าน อ่าน และอ่านครับ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 03:43:27 PM »

เฟสบุค และบรรดาแชตทั้งหลายนั้นขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ของเด็กฯ... เพราะมีแต่ประโยคสั้นๆ เรื่องตื้นๆ ไม่สามารถโยงตรรกะต่อกันยาวเป็นสายโซ่ เรื่องราวที่คุยกันเลยมีแต่เรื่องตื้นๆ แล้วก็เน้นอารมณ์เพื่อเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าผ่านทางภาษาวิบัติ หรือเน้นเรื่องเหนือชีวิตจริง(เพ้อเจ้อ)...
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 03:44:42 PM »

        ปีที่ผ่านมา ลูกชายคนโต(ม.1)ผมสอบได้ที่ 1 ในชั้น(คะแนนเฉลี่ย)  ทั้งที่เทอม1 และเทอม 2 ไม่เคยได้ที่ 1 เลย  

ยินดีด้วย เป็นความน่าชื่นชมอย่างหนึ่งสำหรับใครมีลูกเรียนเก่ง Grin Grin Grin พ่อแม่ก็ดีใจ

เรื่องสังคมเราอย่างท่าน oil ว่าเลยครับ ทำดีแต่รอบข้างนี่เอาผลประโยชน์ด้วย และไม่คิดทำอะไรแบบยั่งยืน
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 03:47:13 PM »

           เห็นด้วยล้าน% กับน้าสมชายเรื่องการอ่านทำให้คนฉลาดขึ้นครับ แต่จะเป็นคนฉลาดที่เป็นคนดี เอาความฉลาดมาใช้ในทางที่ถูกที่ควรด้วยหรือไม่นั้น อันนี้ไม่รู้ครับ ไหว้

อ่านแล้วฉลาดคิด ฉลาดสรุปเรื่องราวได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นให้เราสามารถ"สอน"ลูกได้ครับ... ส่วนไอ้เด็กที่อ่านหนังสือน้อยนั่นสอนมันไม่ได้หรอก เพราะมันไม่รู้เรื่องราว จะสรุปอะไรให้เราฟังก็ทำไม่ได้ ครั้นเราจะเล่าอะไรให้มันฟังมันก็โยงเรื่องราวสาวประเด็นไม่เป็น แล้วมันก็โมโหหรือไม่ก็น้อยใจ(ไปกันใหญ่)...

เด็กโมโห หรือเด็กน้อยใจ จนพ่อแม่สอนไม่ได้นั่นเกิดจาก Content ในหัวมีน้อยครับ... วิธีเพิ่ม Content ก็ต้องอ่าน อ่าน และอ่านครับ...

มีวิธีเพิ่ม Content อีกอย่างหนึ่งคือให้ดูหนังครับ... หากไม่รู้ว่าจะเอาหนังอะไรให้ดู ก็เลือกจากเรตติ้งใน IMDB ให้เรตติ้งสูงๆครับ...
บันทึกการเข้า
อิติปิโสธงชัย รักในหลวง
The best it yet to be......
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2734



« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 05:27:30 PM »

 ไหว้ขอบคุณครับ กับมุมมองที่ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เราเเทบจะมองไม่เห็นในสังคม ไหว้
บันทึกการเข้า

ผมก็คือส่วนหนึ่งของความไม่เป็นกลาง เพราะผมอยู่ข้างในหลวง
supreme
Hero Member
*****

คะแนน 127
ออฟไลน์

กระทู้: 1187



« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 06:53:30 PM »

วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงต้อนรับทีมนักศึกษาพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่ไดรับรางวัลชนะเลิศหุ่นยนต์กู้ภัยโลกจากประเทศเนเธอแลนด์
มีท่านใดทราบไหมครับ ทีมของมจพ.เป็นแชมป์มาเจ็ดสมัยแล้ว เก่งมาก  แต่วันไปรับที่สนามบินมีเพียงเพื่อนๆอาจารย์และอธิการไปรับที่สนามบิน  วันเลี้ยงต้อนรับมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาเป็นเกียรติ  นายพินิจ จ. อดีตรองนายกฯขึ้นไปกล่าวแสดงความยินดีเกือบครึ่งชั่วโมง  เนื้อหากว่า90%เป็นการพูดถึงแต่ผลงานตนเองสมัยเป็นเสนาบดี ลีลาการพูดเหมือนการหาเสียงตามชุมชนไม่มีผิด  ด้านหลังของงานมีการออกร้านอาหารเกือบสามสิบร้าน เจ้าหน้าที่มหาลัยและแขกทั่วไปทานอาหารกันแบบไม่เกรงใจใคร เหมือนได้รับคำสั่งมาว่า ทานเยอะๆอย่าให้เหลือ เอากลับบ้านด้วย ซึ่งไม่แปลกตรงไหน
ผมและแขกสองสามคนนั่งคุยกันอยู่บนที่นั่งด้านบนหลังหอประชุม มองลงมาแล้วพูดกันว่า  ห้องนี้เหมือนประเทศไทยในเวลานี้กล่าวคือ
๑. คนทำงานก็ทำงานไปตามหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน
๒.คนเสียสละทำงานด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นเพื่อชื่อเสียงส่วนรวมก็ทำงานโดยแทบไม่มีใครเหลียวแล  ถ้าทำดีมีผลงานก็จะได้รับคำชมเชยชั่วครู่ หลังจากนั้นก็หันหลังให้เช่นเคย  ถ้าทำพลาดก็โดนเขี่ยแน่ๆ
๓.คนที่สร้างภาพสร้างผลงานฉกฉวยโอกาศบนความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคนอื่นก็ทำได้ไม่แคร์สื่อ
๔.คนกินก็กินอย่างตะกละตะกลาม มูมมามโดยไม่สนใจสายตาคนที่นั่งมองอยู่  กินทิ้งกินข้วางเหมือนไม่เคยได้กินของดีๆ
๕.คนที่ไม่คิดจะทำอะไร ได้แต่นั่งมองตาปริบๆแล้วถอนหายใจแบบพวกผมที่นั่งข้างบนก็ทำได้แค่นั้น
ที่ว่ามานี้เหมือนบรรยากาศในประเทศของเราเวลานี้เลย เพียงแต่มันเกืดขึ้นในเวลาสั้นๆแล้วจบไป

ไม่รู้ว่าผมเห็นภาพแบบนี้มายาวนานเกินไปรึเปล่า  คือผมว่า มันปกติน่ะครับ จริงๆมันก็ไม่ดีนั่นแหละ แต่เมื่อมีปัจจัยเดิมๆ  มันก็ได้ผลซ้ำๆเดิมๆ อยู่ร่ำไปน่ะครับ

ผมว่า คนที่ไม่มีหน้าที่อะไร เขาก็จะคิดว่าตัวเองเป็นแขก เมื่อพวกเขาเจอบุฟเฟ่ต์เข้า ผมว่าคนไทยร้อยทั้งร้อย จะมีพฤติกรรมตักมาสะสมก่อน  หรือรีบๆกินเพื่อไปเมนูอื่น แต่ผมก็เชื่อว่า ครั้งแรกที่พวกเขาเจอบุฟเฟ่ต์เขาไม่ได้มีนิสัยแบบนี้แน่นอน  แต่สมรภูมิที่ผ่านมามันทำให้เขาต้องโหด   จนบางทีลืมคิดไปว่า เจ้าภาพเขาไม่ได้จะเลี้ยงให้อิ่มนะโว้ย

ผมว่า คนไทยที่ตั้งใจทำงาน  มักจะมีนิสัยอันนึงที่ติดตัวมาด้วยก็คือ  ไม่ชอบเสนอผลงานของตัวเอง ผมก็ไม่รู้ว่าเหมาะไหมกับคนยุคนี้  หรือว่าสมัยก่อนมันอาจจะดูดี และฟ้ายังมีตาอยู่ก็ได้   แต่ปัจจุบันคนที่อยู่ฝ่ายบริหาร เขามักจะตัดสินใจจากอารมณ์ และสิ่งที่เขาเห็นแล้วสามารถเอาไปต่อยอดความก้าวหน้าของตัวเองได้  แล้วมันก็จะมีพวกนึงที่มันจะอ่านใจผู้บริหารได้  มันก็จะจัดเต็มให้ไม่ว่าจะงานหรือนอกงาน  ผู้บริหารก็ไม่ต้องไม่ลำบากใจที่จะพูดความในใจออกมา

นอกจากนี้ คนเก่งหลายคนที่ผมรู้จัก  เขามักจะเป็นคนแนวหยิ่งๆ พูดจาเหมือนไม่ค่อยง้อคน  แถมขี้โมโหเพิ่มขึ้นมาด้วย  ยิ่งพวกที่แกคุยด้วยแล้วรู้สึกว่า มันโง่ในเรื่องง่ายๆ  โง่แต่เสือกได้ดีกว่า  บางคนก็จะทำตัวห่างเหิน เย็นชา บางคนก็ออกแนวด่าเหน็บตลอด  มันก็เลยทำให้คนเก่งพวกนี้ถูกดอง  เพราะ การงานปกติก็ไม่ได้ต้องการคนเก่งสุดๆขนาดนั้น  เอาคนโง่ไม่มาก แต่อ่อนน้อม  มาทำงานด้วยสบายใจกว่าเยอะ  แต่ถ้ามีงานที่ต้องการความสามารถของคนเก่งๆเหล่านี้  ผู้บริหารก็จะมอบหมายไปแบบเฉพาะกิจ  แต่เรื่องความดีความชอบจะโดนหักคะแนนออกครึ่งนึง ฮิฮิ  เรียกว่า ผลงานไม่ดีมากจริงๆ อย่าหวัง

ทีนี้พอเวลาผ่านไป ไอ้พวกที่มันจูนผู้บริหารรุ่นแรกติด  มันก็จะถูกเลือกเข้ามาทำงานใกล้ชิด  ทำงานสบาย ความก้าวหน้าสูงพิเศษ  อนาคตได้สืบทอดตำแหน่งด้วย  แล้วจุดเริ่มต้นของอนุกรมที่แข็งแกร่งก็เกิดขึ้น  และขยายออกทางแนวนอนและแนวลึกไปอีกยาวนาน     จนบางทีการระเบิดมันทิ้งแล้วเริ่มต้นสร้างใหม่จากศูนย์คือ วิธีที่ได้ผลที่สุด   Grin
บันทึกการเข้า

การศึกษาโดยไม่คิด ไร้ประโยชน์    การคิดโดยไม่ศึกษา เป็นอันตราย
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 07:35:37 PM »

ผมก็เห็นหลายท่านไปในฐานะแขกที่ได้รับเชิญครับ  แต่แขกประเภทนี้สำนึกสาธารณะต่ำหรือด้อยจนมองไม่เห็นถึงวัตถุประสงค์การมาเป็นแขก  หรือบางทีทำจนชินติดเป็นสันดารถาวร เห็นเป็นเรื่องปกติ  เช่นการขับขี่รถยนต์ของคนในเมืองใหญ่ที่เห็นการฝ่าฝืนกฏจราจรเป็นเรื่องทำมะดา ใครก็ทำกัน
ส่วนพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องพูดถึง เป็นเจ้าบ้านไม่ดูแลแขก ดูแลปากท้องตัวเอง  ที่สำคัญไม่ให้เกียรติเด็กที่ทุ่มเทสร้างชื่อเสียงให้ที่ทำงานตนเอง ผมว่ายิ่งกว่าพวกขอส่วนบุญ
ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมชื่นชมคนทำงานที่ดูแลแขกและอาหารการกิน รวมทั้งแม่บ้านภารโรงที่ต้องรอเก็ยขยะเศษอาหารเหลือทิ้งมากมาย 
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 08:50:45 PM »

อ้าว เด็กแข่งโรบ็อตทีมไหนล่ะเนี่ย สงสัยมีกันหลายทีม หลายคณะ เห็นเด็กที่เรียนแผนก Robotics Engineering and Automation System หลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ
จะไปแข่งหุ่นยนต์ที่โคราช บอกว่าไม่มีสปอนเซอร์ ออกตังค์ ออกทุน ทำกันเอง ไปแข่งแบบไม่หวังผล แต่ขอแค่มีส่วนร่วมเท่านั้นเพราะเพิ่งเป็นสาขาใหม่แค่สองปีเอง
มาขอทุนพ่อทุนแม่อยู่ แม่เค้าเพิ่งโอนไปให้ห้าพันห้าร้อยบาทวันนี้เอง อนาถากันน่าดูเลย ไม่มีคนเชียร์ ไม่มีแนวร่วม มาบอกผมว่า พ่อช่วยไปเชียร์เป็นหน้าม้าให้หนูหน่อย คิก คิก

http://www.pe.kmutnb.ac.th/index.php/2010-09-15-10-22-42/2545
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2013, 09:01:13 PM โดย Southlander » บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.126 วินาที กับ 22 คำสั่ง