เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 6424
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50462
|
|
« เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 11:36:03 PM » |
|
ผู้ตรวจการแผ่นดินเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง ส.ส.-ส.ว.ผลักดันออกกฎหมายนิติกรรมอำพราง แก้ปัญหาต่างชาติถือครองที่ดินในเมืองไทย ตะลึงพบข้อมูลต่างชาติยึดครองที่ดินไปแล้วถึง 1 ใน 3 ของประเทศ คิดเป็นกว่า 100 ล้านไร่ โดยเฉพาะชายหาดสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต สมุย หรือแม้แต่ระยอง กว่า 90% เป็นของต่างด้าว และตอนนี้ลามไปถึงภาคเกษตรกรรมแล้ว ใช้วิธีแต่งงานกับคนไทย หรือให้คนไทยถือครองแล้วทำสัญญาจำนอง-เช่าระยะยาว เป็นประกัน เน้นเพิ่มโทษตัวการให้จำคุก 5-20 ปี รวมทั้งพวกทนายที่คอยช่วยเหลือ และตัวแทนถือครองร่วมรับผิดด้วย เผยขุนค้อนร่วมหนุนเร่งออกกฎหมายยึดที่ดินกลับคืนมาเป็นของคนไทยตามเดิม
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่มีอำนาจในการเสนอกฎหมายและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ ส.ส., ส.ว. คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน เป็นต้น เพื่อรับฟังความคิดเห็นและร่วมกันผลักดันร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดลักษณะตัวแทนอำพราง พ.ศ.... ซึ่งร่างต้นแบบกฎหมายดังกล่าวที่มีทั้งสิ้น 40 มาตรา
สาระสำคัญคือมีคณะกรรมการธุรกรรมอำพราง คณะกรรมการกองทุนเพื่อการให้สินบนนำจับ เพิ่มโทษคนต่างชาติที่เป็นตัวการ ผู้จัดการ หรือกรรมการที่มีส่วนทำนิติกรรมอำพราง ให้จำคุก 5-20 ปี หรือปรับ 5 แสนถึง 2 ล้านบาท ขยายโทษไปถึงคนไทยที่เป็น ผู้สนับสนุน ช่วยเหลือในการทำนิติกรรมอำพราง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักกฎหมาย หรือทนาย ให้มีความผิดมีโทษจำและปรับ เป็น 2 ใน 3 ของตัวการ และมีมาตรการผ่อนปรน ด้วยบทเฉพาะกาล ให้ผู้เลี่ยงกฎหมายสามารถจัดการหรือปรับธุรกรรมให้ถูกต้องภายใน 1 ปี จะยกเว้นไม่ต้องรับผิด
นายศรีราชากล่าวว่า จากผลการศึกษาพบว่าการทำธุรกรรมในลักษณะตัวแทนอำพราง (Nominee) ที่เกี่ยวกับการครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ สามารถพบการกระทำในรูปแบบการสมรสกับคนไทย แล้วให้คู่สมรสผู้มีสัญชาติไทยถือครองที่ดินแทน แต่สิทธิในการใช้ประโยชน์ในที่ดินยังคงเป็นของคนต่างด้าว โดยให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยเป็น ผู้ซื้อที่ดินและทำสัญญากู้ยืมเงิน จำนอง หรือทำสัญญาเช่าไว้กับคนต่างด้าวเพื่อเป็นหลักประกัน การทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยการจดทะเบียนและมีหลักฐานทางทะเบียนเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย แต่ในทางปฏิบัติปรากฏว่าอำนาจในการควบคุมกิจการยังเป็นของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวมี หุ้นบุริมสิทธิซึ่งมีสิทธิพิเศษในการควบคุม (Control) การบริหารจัดการบริษัท
"ปัจจุบันที่ดินสวยๆ ริมทะเลใน จ.ภูเก็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เกาะช้าง จ.ตราด กว่าร้อยละ 90 ตกเป็นของคนต่างด้าว หรือแม้แต่หาดบ้านเพ จ.ระยอง ที่นายก อบต. 15 ตำบลก็ยังระบุว่าหาดเพ ยาว 10 ก.ม. กลายเป็นของต่างชาติไปแล้ว 9 ก.ม. ที่น่าเป็นห่วงคือในภาคการเกษตร ก่อนหน้านี้สิงคโปร์เข้ามาขออนุญาตกรมที่ดินปลูกผลไม้ แล้วไปขึ้นโฆษณาในเครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์ เชิญชวนนักท่องเที่ยวว่าหากอยากกินผลไม้อร่อย ต้องกินที่สิงคโปร์ ทั้งๆ ที่ผลไม้นั้นปลูกบนแผ่นดินไทย" นายศรีราชากล่าวผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวอีกว่า อนาคตที่ เราจะเปิดประชาคมอาเซียนนโยบายของรัฐ จะปล่อยเฉยไม่ได้ ต่างชาติเขาจะเข้ามายึดหมด ซึ่งไม่ได้ยึดเฉพาะที่ดินอย่างเดียว แต่จะมาประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย และที่ยังไม่ตื่นตัวกันในขณะนี้ก็คือภาคเกษตรกรรม เพราะแหล่งเพาะปลูกอาหารของโลกมันลดน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่โซนเพาะปลูกที่ดีที่เป็นครัวของโลกก็คือโซนของประเทศไทย ลาว พม่า ฉะนั้นถ้าเราดูแลไม่ดีไม่สามารถทำให้สิทธิประโยชน์และผลประโยชน์ตกเป็นของคนไทย ตรงนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาของชาติในที่สุด นายศรีราชายังกล่าวอีกว่า หน่วยงานที่เข้าร่วมระดมความคิดเห็นต่างแสดงความเห็นด้วยในการควบคุมการยึดครองที่ดินของคนต่างด้าว แต่ก็มีข้อท้วงติงว่าขณะนี้นโยบายของรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน เพราะการจำกัดการถือครองทรัพย์สินในประเทศไทยของคนต่างด้าวมักจะถูกมองว่าอาจจะไปขัดกับหลักการส่งเสริมการลงทุน อีกทั้งการยกร่างกฎหมายใหม่โดยทำเป็นกฎหมายเฉพาะนั้นต้องใช้เวลานาน และถ้าเป็นกฎหมายแล้วไม่มีการบังคับใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ดังนั้น น่าจะเป็นเรื่องง่ายและทำได้รวด เร็วกว่า หากใช้วิธีการปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมและเข้มข้นยิ่งกว่า เช่น อาจจะผลักดันให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามการฟอกเงิน โดยให้เรื่องการถือครองที่ดินของคนต่างด้าวเพิ่มเข้าไปเป็นอีกมูลฐานความผิดหนึ่งของกฎหมายฟอกเงิน ด้านนายประสพ บุษราคัม อดีตส.ส. ในฐานะประธานกรรมการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายการได้มาซึ่งที่ดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินและการบังคับใช้กฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เห็นด้วยกับการมีกฎหมายดังกล่าว ซึ่งนายสมศักดิ์ เกียรติ สุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้นโยบายกับคณะกรรมการที่ตนเป็นประธานว่า ประเทศไทยมีที่ดินที่มีโฉนดทั้งหมด 320 ล้านไร่ แต่ขณะนี้ 100 กว่าล้านไร่กลายเป็นของคนต่างชาติแล้ว จึงควรพิจารณาตรากฎหมาย หรือปรับปรุงกฎหมายเพื่อที่จะไล่ล่าทวงคืนที่ดิน 100 กว่าล้านไร่นี้ให้กลับคืนมาเป็นของคนไทย ซึ่งอยากเสนอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินนำร่างกฎหมายดังกล่าวไปเสนอยังพรรค การเมืองทุกพรรค เพื่อให้เกิดการผลักดันเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ต่อไป นายศรีราชากล่าวภายหลังการหารือว่า จะนำข้อเสนอต่างๆ ไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้ และเห็นว่าจำเป็นต้องผลักดันให้เป็นกฎหมายเฉพาะ เพราะถ้าจะแก้ไขโดยไปเพิ่มเป็นมูลฐานความผิดในกฎหมายฟอกเงินก็เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ซึ่งก็จะพยายามเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวไปที่ นายกฯ สภา และส.ส.ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ในปลายสมัยการประชุมสภานี้ [/color][/size] Cr...ที่มา : ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th/https://www.facebook.com/photo.php?fbid=487249841369882&set=a.253708621390673.59439.251594288268773&type=1 สิ้นชาติของจริง คนไทยตาดำๆ เป็นแค่ลูกจ้างต่างชาติ ฮุบแผ่นดินไปหมด เพราะกฎหมายล้าหลัง เศร้าครับ ทุกวันนี้เข้าได้ที่ไหน ชายหาดสวยๆ เขาทั้งลูกชายทะเล คนไทยห้ามเข้า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2013, 11:41:20 PM โดย เบิ้ม »
|
บันทึกการเข้า
|
"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
|
|
|
babygun
Full Member
คะแนน 57
ออฟไลน์
กระทู้: 402
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 11:39:34 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 6424
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50462
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 11:48:12 PM » |
|
หมดจริงๆครับ มัวแต่ทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย แต่เรื่องนี้คนรู้เยอะแยะ แต่ปัดสวะว่าไม่ใช่เรื่องของเรา อยากซื้อก็ซื้อไป ตกลงประเทศนี้ของใครกันเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
|
|
|
อิติปิโสธงชัย รักในหลวง
The best it yet to be......
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 537
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2734
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 12:10:46 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมก็คือส่วนหนึ่งของความไม่เป็นกลาง เพราะผมอยู่ข้างในหลวง
|
|
|
Pandanus
Hero Member
คะแนน 6378
ออฟไลน์
กระทู้: 40175
เรื่องบังเอิญไม่มีจริง
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 01:06:10 AM » |
|
หึ หึ
ตีฆ้องเรียกราคา ขอค่าขนมเพิ่มซะล่ะมั๊ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 3692
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 62457
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 07:11:17 AM » |
|
หุหึ ท่านผู้ตรวจเอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naisomchai
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 09:30:25 AM » |
|
กฎหมายที่มีอยู่แล้วก็สามารถใช้ได้ครับ เพียงแต่การบังคับใช้กฎหมายต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าอำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่ใคร แล้วการพิสูจน์มันยากหน่อย เช่นต้องไปหารายงานการประชุมในเรื่องสำคัญ ไปหาหลักฐานในนิติกรรมใหญ่ๆของบริษัทฯ เช่นใบ PO ที่สำคัญของบริษัทฯ... แล้วมันก็มีเรื่องเถียงกันในคอกพยานอีก... เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดในประเทศที่เจริญแล้วครับ เพราะเมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้มาปุ๊บ ก็จะมีคำพิพากษาวางหลักการเอาไว้แบบขาวขาดดำขาด เมื่อเกิดเรื่องในภายหลังเขาก็อ้างคำพิพากษานั้นไปบังคับใช้กฎหมายได้ง่าย... แต่ประเทศไทยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ"การใช้ภาษาไทย"ครับ... เอาตัวอย่างคำอธิบายและการร้อยเรียงตรรกะจนทำให้มองไม่เห็นภาพรวม แล้วทำให้ผู้อ่านเข้าใจประเด็นไม่กระจ่าง ก็กรณีอดีตนายกฯท่านหนึ่ง ต้องคำพิพากษาคดีรับผลประโยชน์จากรายการทำอาหารแบบชิมๆบ่นๆ นั่นแหละครับ... ก็มีผู้คนไม่เข้าใจประเด็นในคำพิพากษาว่าหลุดตำแหน่งเพราะแค่ทำอาหารออกทีวี!!!... รายละเอียดอยู่นี่ครับ, นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ กล่าวว่า... ในการวินิจฉัยครั้งนั้น เมื่อตุลาการแถลงคดีด้วยวาจาเสร็จ ก็นำผลดังกล่าวมาเขียนในคำวินิจฉัยกลางออกมานั้น อ่านโดยทันที ซึ่งตรงนี้มีบ้างข้อความที่ไม่ควรเขียนลงไปให้คำวินิจฉัย เลยออกมาดูไม่ดี ดังนั้นในเรื่องของรูปแบบการเขียนคำวินิจฉัยจะต้องร้อยเรียงคำวินิจฉัยให้ถูกต้อง เพราะการเขียนคำวินิจฉัยกลางจะต้องมีการใช้เวลาในการเขียนและตรวจดูถ้อยคำที่สมควรใช้ เลยอาจจะมีความผิดพลาดในส่วนนี้เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า เนื้อหาที่วินิจฉัยไปนั้นผิดพลาด... ที่มา... http://www.dailynews.co.th/politics/190838 ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naisomchai
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 09:31:20 AM » |
|
นายสมชายสรุปว่า...
ในเมื่อการบังคับใช้กฎหมายมีปัญหา ก็แก้กฎหมายให้มันขาวขาดดำขาดไปเสียเลยก็ดีครับ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 2329
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 84478
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 10:37:32 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SEEZ ..รักในหลวง..
Hero Member
คะแนน 108
ออฟไลน์
กระทู้: 1453
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 12:05:35 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 6424
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50462
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 12:52:42 PM » |
|
+ทุกท่านครับ
ถ้าไม่ภาครัฐไม่ทำไร คงหมดจริงๆครับ หลายปีนี้หนักมาก ต่อไปคงต้องเรียกเขตปกครองพิเศษของต่างชาติแทน แฮ่ๆ ลูกหลานต่อไปคงก้มหน้าก้มตารับใช้เจ้านายต่างชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ,ทหาร,ข้าราชการ วิ่งรับใช้เจ้านายต่างชาติ แล้วจะรู้สึก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
|
|
|
rambo1th
Hero Member
คะแนน 143
ออฟไลน์
กระทู้: 1349
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 01:35:18 PM » |
|
จริงๆ เรื่องนี้นะ กรมที่ดินเองน่าจะมีข้อมูลในมือที่รู้จริงมากที่สุด ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ควรจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงในหายสงสัย ส่วนเรื่องชาวต่างชาติแอบซื้อที่ดินในเมืองไทยนะ โดยใช้ชื่อคนไทยแทนบ้าง ชื่อเมียแทนบ้างนะ มีมานานแล้ว ที่สวยๆ ริมทะเลนะไปดูสิอยู่ในมือต่างชาติทั้งนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naisomchai
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 01:51:46 PM » |
|
จริงๆ เรื่องนี้นะ กรมที่ดินเองน่าจะมีข้อมูลในมือที่รู้จริงมากที่สุด ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ควรจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงในหายสงสัย ส่วนเรื่องชาวต่างชาติแอบซื้อที่ดินในเมืองไทยนะ โดยใช้ชื่อคนไทยแทนบ้าง ชื่อเมียแทนบ้างนะ มีมานานแล้ว ที่สวยๆ ริมทะเลนะไปดูสิอยู่ในมือต่างชาติทั้งนั้น
เรื่องนอมินี่ฯ มันไม่ขาวขาดดำขาดเหมือนขับรถยนต์ฝ่าไฟแดงที่ถ่ายรูปเห็นแล้วเถียงไม่ออกครับ... สมมติว่าจะไปห้ามใครทำสัญญานิติกรรมซื้อขายที่ดิน ก็ต้องมีหลักฐานประกอบให้ชัดเจนเสียก่อนว่าเป็นนิติกรรมอำพรางฯ เช่นมีหลักฐานการกู้เงิน(เช่นตามกระทู้นี้) แล้วสัญญาทั้งหลายนี่หากไม่มีหมายศาลไปขอดู เขาก็ไม่ให้ใครดูกันง่ายๆครับ(มันต้องเกิดเรื่องเป็นคดีกันเสียก่อน)... นี่ยังไม่นับเรื่องที่ไม่มีสัญญากู้เงินเป็นหลักฐานเอาไว้ แต่ใช้วิธีอื่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยไม่มีเอกสารหลักฐานด้วยครับ... พวกที่มีทนายเก่งคอยดูแลฯ มันก็จะดูแลทุกอย่างไม่ให้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเลย(เช่นควบคุมผ่านกลไกบริหารงานบุคคล) แม้แต่รายงานการประชุมบริษัทฯ ก็ไม่ชัดเจน, ตำแหน่งงานในใบอนุญาตทำงานก็เป็นแค่ที่ปรึกษาเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นต้นฯ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naisomchai
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 02:10:24 PM » |
|
ที่จริงมีประเด็นเรื่อง"พรบ.ส่งเสริมการลงทุนฯ" ด้วยครับ... อันนี้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แล้วก็มีสภาพเป็นกฎหมายพิเศษฯ ก็คือจะง้างกฎหมายอื่นได้ด้วย โดยปล่อยให้ สนง.คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียดว่าทาง BOI เขามีการออกมาตรการควบคุมเอาไว้อย่างไรครับ...
สรุปสาระฯ ในกฎหมาย BOI ก็คือ... ทาง BOI เขาจะพิจารณาว่ามีกิจการประเภทใดที่เป็นประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ แล้วก็อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแบบถือหุ้นได้เกินครึ่ง, โดยจะมีการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนให้ เพื่อรับรองสิทธิตามกฎหมาย...
เมื่อได้บัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว ก็ใช้สิทธิข้างในนั้น โดยสิทธิประการหนึ่งคือสามารถถือครองกรรมสิทธิในที่ดินได้ด้วย ในระยะเวลาตามที่กำหนด(โดยปรกติจะได้ตลอดเท่าที่ไม่เลิกกิจการฯ)... แล้วต่างชาติเจ้าของเงินทุนก็สามารถได้ใบอนุญาตทำงานในตำแหน่งกรรมผู้จัดการ(Managing Director) ด้วยครับ...
เรื่องกฎหมาย BOI นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งตามกระทู้นี้...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 6424
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 50462
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 06:00:36 PM » |
|
ที่จริงมีประเด็นเรื่อง"พรบ.ส่งเสริมการลงทุนฯ" ด้วยครับ... อันนี้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แล้วก็มีสภาพเป็นกฎหมายพิเศษฯ ก็คือจะง้างกฎหมายอื่นได้ด้วย โดยปล่อยให้ สนง.คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียดว่าทาง BOI เขามีการออกมาตรการควบคุมเอาไว้อย่างไรครับ...
สรุปสาระฯ ในกฎหมาย BOI ก็คือ... ทาง BOI เขาจะพิจารณาว่ามีกิจการประเภทใดที่เป็นประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ แล้วก็อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแบบถือหุ้นได้เกินครึ่ง, โดยจะมีการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนให้ เพื่อรับรองสิทธิตามกฎหมาย...
เมื่อได้บัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว ก็ใช้สิทธิข้างในนั้น โดยสิทธิประการหนึ่งคือสามารถถือครองกรรมสิทธิในที่ดินได้ด้วย ในระยะเวลาตามที่กำหนด(โดยปรกติจะได้ตลอดเท่าที่ไม่เลิกกิจการฯ)... แล้วต่างชาติเจ้าของเงินทุนก็สามารถได้ใบอนุญาตทำงานในตำแหน่งกรรมผู้จัดการ(Managing Director) ด้วยครับ...
เรื่องกฎหมาย BOI นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งตามกระทู้นี้...
ที่ดินเป็นทรัพยากรสำคัญ ถ้าต่างชาติเข้ามาซื้อได้ตามใจชอบ ประเทศเรานิดเดียวในแผนที่โลก อีกหน่อยก็หมดครับ กฎหมายกำหนดให้ต่างชาติซื้อแนวตั้ง ไม่ได้ให้ซื้อแนวราบ แต่ก็ซื้อได้เพราะกฎระเบียบเอื้อ กฎหมายล้าหลัง แต่จริงๆเช็คไม่ยาก เช่น..นายมี นางมา จุจู่เอาเงินมาจากไหน กว้านซื้อที่ดินเป็นร้อยล้าน พันล้าน ทั้งที่ชั่วชีวิตมีเงินฝากแบงค์ไม่กี่หมื่นบาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
|
|
|
|