เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 15, 2024, 11:07:49 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผงะต่างชาติฮุบทีดินไทย 100 ล้านไร่ทั่วภูเก็ต-สมุย ผู้ตรวจฯเสนอกม.ยึดคืน  (อ่าน 1277 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 11:36:03 PM »

ผู้ตรวจการแผ่นดินเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง ส.ส.-ส.ว.ผลักดันออกกฎหมายนิติกรรมอำพราง แก้ปัญหาต่างชาติถือครองที่ดินในเมืองไทย ตะลึงพบข้อมูลต่างชาติยึดครองที่ดินไปแล้วถึง 1 ใน 3 ของประเทศ คิดเป็นกว่า 100 ล้านไร่ โดยเฉพาะชายหาดสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต สมุย หรือแม้แต่ระยอง กว่า 90% เป็นของต่างด้าว และตอนนี้ลามไปถึงภาคเกษตรกรรมแล้ว ใช้วิธีแต่งงานกับคนไทย หรือให้คนไทยถือครองแล้วทำสัญญาจำนอง-เช่าระยะยาว เป็นประกัน เน้นเพิ่มโทษตัวการให้จำคุก 5-20 ปี รวมทั้งพวกทนายที่คอยช่วยเหลือ และตัวแทนถือครองร่วมรับผิดด้วย เผยขุนค้อนร่วมหนุนเร่งออกกฎหมายยึดที่ดินกลับคืนมาเป็นของคนไทยตามเดิม

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่มีอำนาจในการเสนอกฎหมายและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ ส.ส., ส.ว. คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน เป็นต้น เพื่อรับฟังความคิดเห็นและร่วมกันผลักดันร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดลักษณะตัวแทนอำพราง พ.ศ.... ซึ่งร่างต้นแบบกฎหมายดังกล่าวที่มีทั้งสิ้น 40 มาตรา

สาระสำคัญคือมีคณะกรรมการธุรกรรมอำพราง คณะกรรมการกองทุนเพื่อการให้สินบนนำจับ เพิ่มโทษคนต่างชาติที่เป็นตัวการ ผู้จัดการ หรือกรรมการที่มีส่วนทำนิติกรรมอำพราง ให้จำคุก 5-20 ปี หรือปรับ 5 แสนถึง 2 ล้านบาท ขยายโทษไปถึงคนไทยที่เป็น ผู้สนับสนุน ช่วยเหลือในการทำนิติกรรมอำพราง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักกฎหมาย หรือทนาย ให้มีความผิดมีโทษจำและปรับ เป็น 2 ใน 3 ของตัวการ และมีมาตรการผ่อนปรน ด้วยบทเฉพาะกาล ให้ผู้เลี่ยงกฎหมายสามารถจัดการหรือปรับธุรกรรมให้ถูกต้องภายใน 1 ปี จะยกเว้นไม่ต้องรับผิด

นายศรีราชากล่าวว่า จากผลการศึกษาพบว่าการทำธุรกรรมในลักษณะตัวแทนอำพราง (Nominee) ที่เกี่ยวกับการครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ สามารถพบการกระทำในรูปแบบการสมรสกับคนไทย แล้วให้คู่สมรสผู้มีสัญชาติไทยถือครองที่ดินแทน แต่สิทธิในการใช้ประโยชน์ในที่ดินยังคงเป็นของคนต่างด้าว โดยให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยเป็น ผู้ซื้อที่ดินและทำสัญญากู้ยืมเงิน จำนอง หรือทำสัญญาเช่าไว้กับคนต่างด้าวเพื่อเป็นหลักประกัน การทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยการจดทะเบียนและมีหลักฐานทางทะเบียนเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย แต่ในทางปฏิบัติปรากฏว่าอำนาจในการควบคุมกิจการยังเป็นของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวมี หุ้นบุริมสิทธิซึ่งมีสิทธิพิเศษในการควบคุม (Control) การบริหารจัดการบริษัท

"ปัจจุบันที่ดินสวยๆ ริมทะเลใน จ.ภูเก็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เกาะช้าง จ.ตราด กว่าร้อยละ 90 ตกเป็นของคนต่างด้าว หรือแม้แต่หาดบ้านเพ จ.ระยอง ที่นายก อบต. 15 ตำบลก็ยังระบุว่าหาดเพ ยาว 10 ก.ม. กลายเป็นของต่างชาติไปแล้ว 9 ก.ม. ที่น่าเป็นห่วงคือในภาคการเกษตร ก่อนหน้านี้สิงคโปร์เข้ามาขออนุญาตกรมที่ดินปลูกผลไม้ แล้วไปขึ้นโฆษณาในเครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์ เชิญชวนนักท่องเที่ยวว่าหากอยากกินผลไม้อร่อย ต้องกินที่สิงคโปร์ ทั้งๆ ที่ผลไม้นั้นปลูกบนแผ่นดินไทย" นายศรีราชากล่าว


ผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวอีกว่า อนาคตที่ เราจะเปิดประชาคมอาเซียนนโยบายของรัฐ จะปล่อยเฉยไม่ได้ ต่างชาติเขาจะเข้ามายึดหมด ซึ่งไม่ได้ยึดเฉพาะที่ดินอย่างเดียว แต่จะมาประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย และที่ยังไม่ตื่นตัวกันในขณะนี้ก็คือภาคเกษตรกรรม เพราะแหล่งเพาะปลูกอาหารของโลกมันลดน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่โซนเพาะปลูกที่ดีที่เป็นครัวของโลกก็คือโซนของประเทศไทย ลาว พม่า ฉะนั้นถ้าเราดูแลไม่ดีไม่สามารถทำให้สิทธิประโยชน์และผลประโยชน์ตกเป็นของคนไทย ตรงนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาของชาติในที่สุด


นายศรีราชายังกล่าวอีกว่า หน่วยงานที่เข้าร่วมระดมความคิดเห็นต่างแสดงความเห็นด้วยในการควบคุมการยึดครองที่ดินของคนต่างด้าว แต่ก็มีข้อท้วงติงว่าขณะนี้นโยบายของรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน เพราะการจำกัดการถือครองทรัพย์สินในประเทศไทยของคนต่างด้าวมักจะถูกมองว่าอาจจะไปขัดกับหลักการส่งเสริมการลงทุน อีกทั้งการยกร่างกฎหมายใหม่โดยทำเป็นกฎหมายเฉพาะนั้นต้องใช้เวลานาน และถ้าเป็นกฎหมายแล้วไม่มีการบังคับใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์

ดังนั้น น่าจะเป็นเรื่องง่ายและทำได้รวด เร็วกว่า หากใช้วิธีการปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมและเข้มข้นยิ่งกว่า เช่น อาจจะผลักดันให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามการฟอกเงิน โดยให้เรื่องการถือครองที่ดินของคนต่างด้าวเพิ่มเข้าไปเป็นอีกมูลฐานความผิดหนึ่งของกฎหมายฟอกเงิน

ด้านนายประสพ บุษราคัม อดีตส.ส. ในฐานะประธานกรรมการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายการได้มาซึ่งที่ดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินและการบังคับใช้กฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เห็นด้วยกับการมีกฎหมายดังกล่าว ซึ่งนายสมศักดิ์ เกียรติ สุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้นโยบายกับคณะกรรมการที่ตนเป็นประธานว่า ประเทศไทยมีที่ดินที่มีโฉนดทั้งหมด 320 ล้านไร่ แต่ขณะนี้ 100 กว่าล้านไร่กลายเป็นของคนต่างชาติแล้ว จึงควรพิจารณาตรากฎหมาย หรือปรับปรุงกฎหมายเพื่อที่จะไล่ล่าทวงคืนที่ดิน 100 กว่าล้านไร่นี้ให้กลับคืนมาเป็นของคนไทย ซึ่งอยากเสนอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินนำร่างกฎหมายดังกล่าวไปเสนอยังพรรค การเมืองทุกพรรค เพื่อให้เกิดการผลักดันเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ต่อไป

นายศรีราชากล่าวภายหลังการหารือว่า จะนำข้อเสนอต่างๆ ไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้ และเห็นว่าจำเป็นต้องผลักดันให้เป็นกฎหมายเฉพาะ เพราะถ้าจะแก้ไขโดยไปเพิ่มเป็นมูลฐานความผิดในกฎหมายฟอกเงินก็เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ซึ่งก็จะพยายามเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวไปที่ นายกฯ สภา และส.ส.ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ในปลายสมัยการประชุมสภานี้
[/color][/size]
Cr...ที่มา : ข่าวสดออนไลน์ http://www.khaosod.co.th/
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=487249841369882&set=a.253708621390673.59439.251594288268773&type=1


สิ้นชาติของจริง คนไทยตาดำๆ เป็นแค่ลูกจ้างต่างชาติ ฮุบแผ่นดินไปหมด เพราะกฎหมายล้าหลัง เศร้าครับ ทุกวันนี้เข้าได้ที่ไหน ชายหาดสวยๆ เขาทั้งลูกชายทะเล คนไทยห้ามเข้า
 เศร้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2013, 11:41:20 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
babygun
Full Member
***

คะแนน 57
ออฟไลน์

กระทู้: 402


« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 11:39:34 PM »

จะทำได้หรือครับ ในสมัยที่เงินซื้ออะไรได้เกือบทุกอย่าง เศร้า เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2013, 11:48:12 PM »

จะทำได้หรือครับ ในสมัยที่เงินซื้ออะไรได้เกือบทุกอย่าง เศร้า เศร้า เศร้า

หมดจริงๆครับ มัวแต่ทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย แต่เรื่องนี้คนรู้เยอะแยะ แต่ปัดสวะว่าไม่ใช่เรื่องของเรา อยากซื้อก็ซื้อไป ตกลงประเทศนี้ของใครกันเนี่ย  เศร้า
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
อิติปิโสธงชัย รักในหลวง
The best it yet to be......
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2734



« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 12:10:46 AM »

 ยิ้มีเลศนัยลองคิตซิว่าใครคือทุนนิยมตัวจริงเสียงจริง ตราบใดที่รัฐบาลเน้นทุนนิยมมากๆ ก็ไม่มีทางทีมันจะเเก้กฎหมายหรอกครับ จะเเก้เเต่สิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเท่านั้น บู่ บู่ บู่ บู่ บู่
บันทึกการเข้า

ผมก็คือส่วนหนึ่งของความไม่เป็นกลาง เพราะผมอยู่ข้างในหลวง
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 01:06:10 AM »

หึ หึ

ตีฆ้องเรียกราคา ขอค่าขนมเพิ่มซะล่ะมั๊ง
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 07:11:17 AM »

หุหึ ท่านผู้ตรวจเอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย
บันทึกการเข้า

                
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 09:30:25 AM »

กฎหมายที่มีอยู่แล้วก็สามารถใช้ได้ครับ เพียงแต่การบังคับใช้กฎหมายต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าอำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่ใคร แล้วการพิสูจน์มันยากหน่อย เช่นต้องไปหารายงานการประชุมในเรื่องสำคัญ ไปหาหลักฐานในนิติกรรมใหญ่ๆของบริษัทฯ เช่นใบ PO ที่สำคัญของบริษัทฯ... แล้วมันก็มีเรื่องเถียงกันในคอกพยานอีก...

เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดในประเทศที่เจริญแล้วครับ เพราะเมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้มาปุ๊บ ก็จะมีคำพิพากษาวางหลักการเอาไว้แบบขาวขาดดำขาด เมื่อเกิดเรื่องในภายหลังเขาก็อ้างคำพิพากษานั้นไปบังคับใช้กฎหมายได้ง่าย... แต่ประเทศไทยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ"การใช้ภาษาไทย"ครับ...

เอาตัวอย่างคำอธิบายและการร้อยเรียงตรรกะจนทำให้มองไม่เห็นภาพรวม แล้วทำให้ผู้อ่านเข้าใจประเด็นไม่กระจ่าง ก็กรณีอดีตนายกฯท่านหนึ่ง ต้องคำพิพากษาคดีรับผลประโยชน์จากรายการทำอาหารแบบชิมๆบ่นๆ นั่นแหละครับ... ก็มีผู้คนไม่เข้าใจประเด็นในคำพิพากษาว่าหลุดตำแหน่งเพราะแค่ทำอาหารออกทีวี!!!...

รายละเอียดอยู่นี่ครับ, นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ กล่าวว่า... “ในการวินิจฉัยครั้งนั้น เมื่อตุลาการแถลงคดีด้วยวาจาเสร็จ ก็นำผลดังกล่าวมาเขียนในคำวินิจฉัยกลางออกมานั้น อ่านโดยทันที ซึ่งตรงนี้มีบ้างข้อความที่ไม่ควรเขียนลงไปให้คำวินิจฉัย  เลยออกมาดูไม่ดี ดังนั้นในเรื่องของรูปแบบการเขียนคำวินิจฉัยจะต้องร้อยเรียงคำวินิจฉัยให้ถูกต้อง  เพราะการเขียนคำวินิจฉัยกลางจะต้องมีการใช้เวลาในการเขียนและตรวจดูถ้อยคำที่สมควรใช้  เลยอาจจะมีความผิดพลาดในส่วนนี้เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า เนื้อหาที่วินิจฉัยไปนั้นผิดพลาด”...

ที่มา... http://www.dailynews.co.th/politics/190838 ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 09:31:20 AM »

นายสมชายสรุปว่า...

ในเมื่อการบังคับใช้กฎหมายมีปัญหา ก็แก้กฎหมายให้มันขาวขาดดำขาดไปเสียเลยก็ดีครับ...
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 10:37:32 AM »

ใครรวย ท้องที่ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
SEEZ ..รักในหลวง..
Hero Member
*****

คะแนน 108
ออฟไลน์

กระทู้: 1453


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 12:05:35 PM »

ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพิ่งจะตื่นรึไงเนี้ยะ แลบลิ้น แลบลิ้น แลบลิ้น
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 12:52:42 PM »

+ทุกท่านครับ

ถ้าไม่ภาครัฐไม่ทำไร คงหมดจริงๆครับ หลายปีนี้หนักมาก ต่อไปคงต้องเรียกเขตปกครองพิเศษของต่างชาติแทน แฮ่ๆ ลูกหลานต่อไปคงก้มหน้าก้มตารับใช้เจ้านายต่างชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ,ทหาร,ข้าราชการ วิ่งรับใช้เจ้านายต่างชาติ แล้วจะรู้สึก
  แลบลิ้น
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
rambo1th
Hero Member
*****

คะแนน 143
ออฟไลน์

กระทู้: 1349


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 01:35:18 PM »

จริงๆ เรื่องนี้นะ กรมที่ดินเองน่าจะมีข้อมูลในมือที่รู้จริงมากที่สุด ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ควรจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงในหายสงสัย ส่วนเรื่องชาวต่างชาติแอบซื้อที่ดินในเมืองไทยนะ โดยใช้ชื่อคนไทยแทนบ้าง ชื่อเมียแทนบ้างนะ มีมานานแล้ว ที่สวยๆ ริมทะเลนะไปดูสิอยู่ในมือต่างชาติทั้งนั้น
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 01:51:46 PM »

จริงๆ เรื่องนี้นะ กรมที่ดินเองน่าจะมีข้อมูลในมือที่รู้จริงมากที่สุด ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ควรจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงในหายสงสัย ส่วนเรื่องชาวต่างชาติแอบซื้อที่ดินในเมืองไทยนะ โดยใช้ชื่อคนไทยแทนบ้าง ชื่อเมียแทนบ้างนะ มีมานานแล้ว ที่สวยๆ ริมทะเลนะไปดูสิอยู่ในมือต่างชาติทั้งนั้น

เรื่องนอมินี่ฯ มันไม่ขาวขาดดำขาดเหมือนขับรถยนต์ฝ่าไฟแดงที่ถ่ายรูปเห็นแล้วเถียงไม่ออกครับ... สมมติว่าจะไปห้ามใครทำสัญญานิติกรรมซื้อขายที่ดิน ก็ต้องมีหลักฐานประกอบให้ชัดเจนเสียก่อนว่าเป็นนิติกรรมอำพรางฯ เช่นมีหลักฐานการกู้เงิน(เช่นตามกระทู้นี้) แล้วสัญญาทั้งหลายนี่หากไม่มีหมายศาลไปขอดู เขาก็ไม่ให้ใครดูกันง่ายๆครับ(มันต้องเกิดเรื่องเป็นคดีกันเสียก่อน)...

นี่ยังไม่นับเรื่องที่ไม่มีสัญญากู้เงินเป็นหลักฐานเอาไว้ แต่ใช้วิธีอื่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยไม่มีเอกสารหลักฐานด้วยครับ... พวกที่มีทนายเก่งคอยดูแลฯ มันก็จะดูแลทุกอย่างไม่ให้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเลย(เช่นควบคุมผ่านกลไกบริหารงานบุคคล) แม้แต่รายงานการประชุมบริษัทฯ ก็ไม่ชัดเจน, ตำแหน่งงานในใบอนุญาตทำงานก็เป็นแค่ที่ปรึกษาเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นต้นฯ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 02:10:24 PM »

ที่จริงมีประเด็นเรื่อง"พรบ.ส่งเสริมการลงทุนฯ" ด้วยครับ... อันนี้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แล้วก็มีสภาพเป็นกฎหมายพิเศษฯ ก็คือจะง้างกฎหมายอื่นได้ด้วย โดยปล่อยให้ สนง.คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียดว่าทาง BOI เขามีการออกมาตรการควบคุมเอาไว้อย่างไรครับ...

สรุปสาระฯ ในกฎหมาย BOI ก็คือ... ทาง BOI เขาจะพิจารณาว่ามีกิจการประเภทใดที่เป็นประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ แล้วก็อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแบบถือหุ้นได้เกินครึ่ง, โดยจะมีการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนให้ เพื่อรับรองสิทธิตามกฎหมาย...

เมื่อได้บัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว ก็ใช้สิทธิข้างในนั้น โดยสิทธิประการหนึ่งคือสามารถถือครองกรรมสิทธิในที่ดินได้ด้วย ในระยะเวลาตามที่กำหนด(โดยปรกติจะได้ตลอดเท่าที่ไม่เลิกกิจการฯ)... แล้วต่างชาติเจ้าของเงินทุนก็สามารถได้ใบอนุญาตทำงานในตำแหน่งกรรมผู้จัดการ(Managing Director) ด้วยครับ...

เรื่องกฎหมาย BOI นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งตามกระทู้นี้...
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 06:00:36 PM »

ที่จริงมีประเด็นเรื่อง"พรบ.ส่งเสริมการลงทุนฯ" ด้วยครับ... อันนี้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แล้วก็มีสภาพเป็นกฎหมายพิเศษฯ ก็คือจะง้างกฎหมายอื่นได้ด้วย โดยปล่อยให้ สนง.คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียดว่าทาง BOI เขามีการออกมาตรการควบคุมเอาไว้อย่างไรครับ...

สรุปสาระฯ ในกฎหมาย BOI ก็คือ... ทาง BOI เขาจะพิจารณาว่ามีกิจการประเภทใดที่เป็นประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ แล้วก็อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแบบถือหุ้นได้เกินครึ่ง, โดยจะมีการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนให้ เพื่อรับรองสิทธิตามกฎหมาย...

เมื่อได้บัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว ก็ใช้สิทธิข้างในนั้น โดยสิทธิประการหนึ่งคือสามารถถือครองกรรมสิทธิในที่ดินได้ด้วย ในระยะเวลาตามที่กำหนด(โดยปรกติจะได้ตลอดเท่าที่ไม่เลิกกิจการฯ)... แล้วต่างชาติเจ้าของเงินทุนก็สามารถได้ใบอนุญาตทำงานในตำแหน่งกรรมผู้จัดการ(Managing Director) ด้วยครับ...

เรื่องกฎหมาย BOI นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งตามกระทู้นี้...



ที่ดินเป็นทรัพยากรสำคัญ ถ้าต่างชาติเข้ามาซื้อได้ตามใจชอบ ประเทศเรานิดเดียวในแผนที่โลก อีกหน่อยก็หมดครับ กฎหมายกำหนดให้ต่างชาติซื้อแนวตั้ง ไม่ได้ให้ซื้อแนวราบ แต่ก็ซื้อได้เพราะกฎระเบียบเอื้อ กฎหมายล้าหลัง แต่จริงๆเช็คไม่ยาก เช่น..นายมี นางมา จุจู่เอาเงินมาจากไหน กว้านซื้อที่ดินเป็นร้อยล้าน พันล้าน ทั้งที่ชั่วชีวิตมีเงินฝากแบงค์ไม่กี่หมื่นบาท
ไหว้
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 22 คำสั่ง