เมืองดีทรอยต์ของสหรัฐ ที่เคยเป็นเมืองอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งใหญ่ของโลก ได้ยื่นขอล้มละลายเมื่อวันพฤหัสบดี
พร้อมหนี้มหาศาลอย่างน้อย 450,000 ล้านบาท ทำให้กลายเป็นเมืองที่ล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ
เควิน ออร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีล้มละลายที่แต่งตั้งโดยรัฐมิชิแกนตั้งแต่เดือน มี.ค. เพื่อกอบกู้วิกฤติการเงินในเมืองดีทรอต์
ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์สินตามกฎหมายล้มละลาย หลังจากเมืองประสบวิกฤติ
การเงินมาตลอดหลายปี เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นรายได้หลักซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถสะสางหนี้สิน
ที่มีตัวเลขสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 4 แสน 5 หมื่นล้านบาทได้
หากศาลอุนมัติ ก็จะทำให้สามารถขายสินทรัพย์ของเมืองเพื่อชำระหนี้คืนให้เจ้าหนี้และจ่ายเงินบำนาญ
เดฟ บิง นายกเทศมนตรีเมืองดีทรอยต์ บอกว่า วันนี้เป็นที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขา และชาวเมืองทุกคน
ตลอด 4 ปีที่เขารับตำแหน่ง ดีทรอยต์ประสบวิกฤตการเงินอย่างหนัก แต่ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เขาให้คำมั่นว่างานบริการสาธารณชนทั้งหลายจะยังดำเนินต่อไปและข้าราชการจะได้รับเงินเดือนตามปกติ
เมื่อเดือนที่แล้ว ดีทรอยต์ได้เริ่มพักการชำระหนี้บางอย่างลงชั่วคราว ระหว่างที่ ออร์ เดินหน้าเจรจากับบรรดาเจ้าหนี้
ซึ่งเขาหวังว่าในการเจรจาครั้งนั้น เหล่าเจ้าหนี้จะยอมรับดอกเบี้ย 10 เซนต์ ต่อทุกๆ 1 ดอลลาร์ของเงินกู้ แต่กองทุนบำนาญ 2 แห่ง
ไม่ยอมรับข้อเสนอ ทำให้เวลานั้น ออร์ยอมรับแล้วว่ามีโอกาสที่จะต้องยื่นล้มละลายถึง 50-50 และคาดว่าหนี้ระยะยาวอาจสูงถึง 17,000-20,000
ล้านดอลลาร์
เมืองดีทรอยต์กลายเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่ยื่นล้มละลาย หลังจาก 3 เมืองเล็กๆในรัฐแคลิฟอร์เนียยื่นล้มละลายเมื่อปีที่แล้ว
และอีกเมืองหนึ่งในรัฐเพนซิลเวเนียยื่นล้มละลายในปี 2554 ดีทรอยต์ประสบปัญหาขาดเงินสดอย่างหนัก
ทำให้ต้องตัดลดงบประมาณด้วยการลดจำนวนตำรวจ ส่งผลให้สถิติอาชญากรรมพุ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในเมืองเต็มไปด้วยตึกร้างเก่ากว่า 78,000 แห่ง ครึ่งหนึ่งอยู่ในสภาพเสี่ยงพังถล่ม จำนวนรถพยาบาลดเหลือหนึ่งในสาม
ชนชั้นกลางและคนรวยส่วนใหญ่แห่อพยพไปอยู่เมืองอื่นจนจำนวนประชากรลดลงกว่าครึ่งจากจำนวน 1.ล้าน 8 แสนคนเมื่อปี 2493 เหลือเพียงเกือบ 7 แสนคนในปัจจุบัน
ขณะที่บริษัทจีเอ็ม ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐที่ผ่านพ้นการยื่นล้มละลายมาแล้ว บอกว่า การยื่นละล้มละลายของเมืองดีทรอยต์ครั้งนี้
จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และยังคงภาคภูมิใจที่จะเรียกดีทรอยต์ว่าบ้าน
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=875163