เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 17, 2024, 05:36:44 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สหรัฐอเมริกาถังแตก เริ่มปิดหน่วยงานรัฐบาลแล้ว!!!  (อ่าน 16112 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #30 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 10:01:22 AM »

แต่ ของไทย

บินไปทั่ว....
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #31 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 10:13:45 AM »

แต่ ของไทย

บินไปทั่ว....




บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
zamphol
ปืน-อยู่-ที่-ปาก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 831
ออฟไลน์

กระทู้: 2628


ชีวิต-ดั่ง-ละคร


« ตอบ #32 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 11:42:04 AM »

สหรัฐเป็นประเทศที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตรครับ
เขาใช้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นหลักประกัน
เทียบกับประเทศไทยแบบง่าย ๆ  ก็คือเราขายของที่เป็นวัตถุดิบ เช่นยางพารา, ไม้ หรืออย่างเก่งก็เม็ดพลาสติค ซึ่งขายได้ในราคาของวัตถุดิบ
ส่วนสหรัฐซื้อเม็ดพลาสติคของเรา เอาไปทำไอโฟน  ต้นทุนวัตถุดิบคงราว ๆ สองร้อยบาท แต่ขายได้สองหมื่นห้าพันบาท


ชัดเจนมากครับท่าน  เยี่ยม เยี่ยม ไหว้
บันทึกการเข้า
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #33 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 11:51:27 AM »

Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  พี่ yod  อ่ะ ฮา

"เธอ"  บินอีกแล้ว  ท่าทางใช้ทรัพยากร  "เปลือง"  น่าดู อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1381033845&grpid=03&catid=&subcatid=
 "ยิ่งลักษณ์"เหินฟ้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21    

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.40 น.
วันที่ 6 ตุลาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

และคณะรัฐมนตรี อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

ได้เดินออกจากท่าอากาศสุวรรณภูมิ
เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 21
และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่เมืองบาหลี อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 6-8 ตุลาคมนี้


หัวข้อหลักของการประชุมคือ

"เอเชียแปซิฟิกที่แข็งแกร่ง แรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก"
(Resilient Asia-Pacific, Engine of Global Growth)
มีประเด็นหลัก 3 ประเด็นที่ให้ความสำคัญ

1.การบรรลุเป้าหมายโบกอร์

2.การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม

และ 3.การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค
เน้นให้เกิดการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการค้า
และการจัดทำเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ


นอกจากนี้ ทันทีที่เดินทางถึง
น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดพบหารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน

จากนั้นวันที่ 7 ตุลาคม
น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดการหารือกับนายโทนีย์ แอ็บบ็อต
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลีย
รวมทั้งพบปะหารือกับคณะนักธุรกิจชั้นนำสหรัฐ-เอเปค
เพื่อส่งเสริมการค้ารลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐด้วย
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 01:44:27 PM »

 Smiley ลองอ่านกันครับ...

ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยน
ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือพลิกเป็นหลังมือ : หน้าต่างอาเซียน โดยทนง ขันทอง

              หลังจากที่ระบบการเงินสหรัฐอเมริกาล้มเมื่อปี 2008 มีการพิมพ์เงินโดยธนาคารกลางเฟดเดอรัล รีเซิร์ฟ ออกมาอย่างอุตลุดเพื่อรักษาระบบไม่ให้พัง ไม่มีการเอาหนี้เสียจากธนาคารออกมาเลหลังขาย หรือปฏิรูปสถาบันการเงิน ระเบียบบัญชีได้รับการผ่อนคลายเพื่อว่าจะไม่ต้องโชว์ความเสียหายของมูลค่าทรัพย์สินที่เสื่อมลงหลังจากฟองสบู่แตก

              เฟดรับซื้อหนี้เสียจนงบดุลปูดขึ้นมาจาก 6-7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนช่วงวิกฤติ เป็น 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้ สิ้นปีนี้งบดุลของเฟดคาดว่าจะไปถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ

              ทางประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็อุ้มวอลล์สตรีท รวมทั้งออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนทำให้หนี้รัฐบาลกลางพุ่งจาก 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 100% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติในปัจจุบัน มีผลทำให้การคลังสหรัฐยืนอยู่ปากเหวมองไปข้างหน้างบประมาณจะขาดดุลกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทุกปี อีก 10 ปีก็ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติโตแค่ปีละ 2% อย่างเก่งหรือเพิ่มขึ้น 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขว่างงานล่าสุดขยับขึ้นไปเป็น 7.9%

              อาการป่วยทางเศรษฐกิจแบบนี้ดูไม่ออกว่าจะฟื้นอย่างไร และความเชื่อมันในค่าเงินดอลลาร์ในฐานะเป็นเงินสกุลหลักของโลกกำลังลดถอยลงทุกวัน ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่สำคัญ 2 เรื่องคือ

              1.จีนต้องเร่งวางโครงสร้างระบบการเงินและสร้างความร่วมมือทางการเงินการค้ากับประเทศคู่ค้าหลักเพื่อเตรียมการลอยตัวค่าหยวน เพื่อให้หยวนเป็นเงินสกุลหลักอีกสกุลหนึ่งของโลก

              2.ในขณะเดียวกันมีการพูดกันมากขึ้นถึงบทบาทของทองคำที่จะเป็นเงินสกุลหลักของโลกที่แท้จริงเพราะว่า ไม่มีใครพิมพ์ทองจากอากาศได้ ทำให้มีวินัยการเงินการคลังที่แท้จริง

              ขณะนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเฟดอย่างเดียวที่ต้องพิมพ์เงินออกมาเดือนละ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อมาช่วยลดภาระต้นทุนของแบงก์ด้วยการซื้อหนี้เสียออกมาและอุดงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลกลาง นโยบายการพิมพ์เงินของเฟดออกมาเปล่าๆ จากกลางอากาศโดยไม่มีทองหรือทรัพย์สินอะไรหนุนหลังแบบนี้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เสื่อมค่าหมดความน่าเชื่อถือ เป็นการทำสงครามการเงินไปในตัว เพราะว่าแบงก์หรือพวกนักบริหารการเงินสามารถกู้เงินสกุลดอลลาร์ได้ถูกที่ 0.75%-1.0% แล้วเอามาพยุงหุ้นดาวโจนส์รักษาฐานะทรัพย์สินของคนอเมริกันและยังสามารถเอาดอลลาร์ถูกไปถล่มค่าเงิน หรือปั่นตลาดหุ้นตลาดการเงินประเทศอื่นๆ ได้อีกด้วย

              ถึงแม้ว่าระบบการเงินของโลกมีปัญหาหนักหน่วง แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างจะสงบ เงินยูโร/ดอลลาร์ซื้อขายกันอยู่ในช่วง 1.40-1.25 ในขณะที่ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 76-82 หยวน/ดอลลาร์อยู่ที่ 6.4-6.2 ดอลลาร์/ปอนด์อังกฤษอยู่ที่ 1.54-1.62 และสวิสฟรังค์/ยูโรอยู่ที่ 1.20

              ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนบ้านเราก็มีเสถียรภาพพอสมควร บาท/ดอลลาร์อยู่ในช่วง 30-31 แต่สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงเมื่อญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นจากการซบเซามามากว่า 20 ปี หนึ่งในนโยบายที่สำคัญคือจะบังคับให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นพิมพ์เงินเพิ่ม เพื่อทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นจาก 1% เป็น 2% และทำให้ค่าเงินเยนอ่อนตัว เงินที่เคยอยู่ช่วง 76-82 ต่อดอลลาร์ อ่อนตัวลงอย่างกะทันหัน มาแตะที่ 90-91 ในช่วงที่ผ่านมา ไม่นานอาจจะถึง 100 ก็เป็นไปได้

              ค่าเงินบาทในช่วงต้นปีที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 3% กว่า ตอนนี้แตะ 29 แล้ว ทั้งปี 2012 บาทแข็งค่าขึ้น 3%

              การรวมหัวกันทำสงครามการเงินโดยสหรัฐและญี่ปุ่นครั้งนี้ ทำให้รัสเซีย เยอรมนี เกาหลีใต้ รวมทั้งประเทศอื่นๆ ออกมาโวยเพราะการบีบค่าเงินดอลลาร์และเยนให้อ่อนตัวลง จะทำให้ค่าเงินประเทศอื่นแข็งค่าขึ้น ความสามารถในการแข็งขันในการส่งออกจะลดลง ถ้าจะลดค่าเงินตัวเองลงเพื่อแข่งกับดอลลาร์ เยนก็จะพากันไปตายกันเสียหมด เพราะท้ายที่สุดจะไม่มีใครชนะกำไรในการขายของไม่มี เงินเฟ้อกินหมด

              ไทยเรากำลังติดหางเลขไปด้วย ยังหาทางออกไม่เจอว่าจะแก้เกมกันอย่างไรเพราะยังมัวดูตำราอยู่ รัฐบาลอยากให้ค่าบาทอ่อน แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าแทรกแซงมาก เพราะยิ่งแทรกแซงยิ่งขาดทุน ที่จริงประเทศเล็กๆ อย่างไทยคงจะทำอะไรมากไม่ได้เพราะสึนามิทางการเงินกำลังมา จะพึ่งพาการส่งออกเหมือนในอดีตไม่ได้ ตอนนี้คงต้องดูแลทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐให้ดีๆ ด้วยการตุนทองและทำสวอปบาท/หยวนเพื่อปกป้องตัวเอง เหลือดอลลาร์แค่พอทำการค้าระหว่างประเทศ

              เพราะระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือพลิกเป็นหลังมือ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 06, 2013, 01:49:18 PM โดย วัฒน์ » บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #35 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 06:16:50 PM »

Smiley ลองอ่านกันครับ...

ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยน
ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือพลิกเป็นหลังมือ : หน้าต่างอาเซียน โดยทนง ขันทอง

พวกเงินเดือนประจำตายก่อนเพื่อนเลยครับ... พวกซื้อมาขายไปยังยืดออกไปได้ระยะหนึ่ง จนกว่าจะขายของไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังซื้อ แล้วเงินก็ฝืด เพราะทุกคนเก็บเงินหมด...

แล้ววงรอบก็หมุนกลับใหม่... แต่ที่แสบที่สุดคือ"วงรอบ"มันมีขึ้นลงก็จริง ที่แย่ของความแสบคือเวลามันลงจะลงยาวและลึกกว่าขึ้น หากพล็อตเป็นกราฟจะเห็นว่าหัวมันเตี้ยลงทุกครั้งที่มันเกิดวงรอบขึ้นสลับลง...

พวกเล่นหุ้นรู้ดีครับ... ทุกวันนี้กราฟดัชนีหุ้นมันเป็นวงรอบอย่างที่ว่านั่นแหละ แล้วก้นเหวมันลึกลงมากกว่าเดิมทุกครั้งที่หักหัวขึ้นเขา แล้วยอดเขาลูกหลังๆ มันเตี้ยกว่ายอดครั้งก่อนที่เพิ่งผ่านมาได้ทุกครั้งได้ระยะหนึ่งแล้วครับ...

นายสมชายบอกมาตั้งนานแล้วว่าให้ดูระบบเศรษฐกิจในอนาคตจากกราฟดัชนีหุ้น เพราะตลาดหุ้นคือความเชื่อมันในระบบเศรษฐกิจ เมื่อคนเชื่อว่าวันหน้าจะดีกว่าวันนี้ เขาจะเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่คาดหวังว่าจะดีกว่าปัจจุบัน... แต่ในวันนี้ผู้คนต่างเชื่อว่าวันหน้าจะแย่กว่า, เลยเหลือแต่คนเล่นหุ้นระยะสั้นเต็มตลาด ไม่มีใครอยากถือหุ้นระยะยาวอีกต่อไปแล้ว ได้กำไรนิดหน่อยก็จะขายทิ้งเอากำไรไว้ก่อน รอให้รอบใหม่หุ้นไปขึ้นใหม่จากข้างล่างที่ลึกกว่าเดิม...

ประเทศไทยระยะใกล้ๆนี่มองเห็นโอกาสจะไหลลงเหวมากกว่าโอกาศจะฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจได้... ประเด็นหลักคือประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทยไม่รู้วิธีหาทางออก และเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไปเข้าใจผิดว่าเรื่องเลวทรามต่ำช้า แต่ถ้ามีคนทำเช่นนั้นแยะๆ แล้วก็จะพากันเห็นผิดเป็นชอบทำตามโดยไม่แยกแยะดีชั่วฯ แล้วในที่สุดจะลากประเทศไทยลงเหว หายนะแห่งระบบเศรษฐกิจ...

เอาเรื่องใกล้ตัวพวกเราเลยครับ... เพื่อนเราหลายท่านมองไม่เห็นความเสื่อมอันเกิดจากการให้สินบนเพื่อให้ได้ใบ ป.3, มีเหตุผลสารพัดเอามาอ้าง แต่ในที่สุดมักหนีไม่พ้นคำว่า"ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น"...

เรื่องใบ ป.3 นี่เป็นแค่เรื่องเดียวที่เอามาพูด... แล้วในข้อเท็จจริงรอบตัวมันมีมากกว่านั้นแยะครับ...
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #36 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 06:48:25 PM »

การบริหารประเทศยากจริงๆครับ ประชาก็ชอบนิยม นักเลือกตั้งก็เข็ญประชานิยมมาให้เลือก เหมือนกันทั้งโลก ในขณะที่คนทำงานเสียภาษีเป็นคนกลุ่มน้อยในสังคม กลุ่มคนไม่เสียฯ กลับอยากได้นั่น อยากได้นี่ เรียกร้องไม่จบไม่สิ้นทุกๆปี ถนนก็จะเอา ราดคอนกรีตถึงหน้าบ้าน ปลูกอะไรฉันก็จะเอาราคาดีๆเอาเงินภาษีมาอุดหนุน โรงบาล,โรงเรียน.....ฯลฯ จะเอากันอย่างเดียว ภาษีอะเสียกันบ้างมั้ย  แบร่  แลบลิ้น

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #37 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 08:35:01 PM »

การบริหารประเทศยากจริงๆครับ ประชาก็ชอบนิยม นักเลือกตั้งก็เข็ญประชานิยมมาให้เลือก เหมือนกันทั้งโลก ในขณะที่คนทำงานเสียภาษีเป็นคนกลุ่มน้อยในสังคม กลุ่มคนไม่เสียฯ กลับอยากได้นั่น อยากได้นี่ เรียกร้องไม่จบไม่สิ้นทุกๆปี ถนนก็จะเอา ราดคอนกรีตถึงหน้าบ้าน ปลูกอะไรฉันก็จะเอาราคาดีๆเอาเงินภาษีมาอุดหนุน โรงบาล,โรงเรียน.....ฯลฯ จะเอากันอย่างเดียว ภาษีอะเสียกันบ้างมั้ย  แบร่  แลบลิ้น

หากบริหารกันตามตำรารัฐประศาสนศาสตร์จริงๆแล้วไม่ยากครับ เพราะกลไกของประเทศมีไว้พร้อมมูลแล้ว... เอาแค่รักษาให้ฟันเฟืองอะไรมันหมุนไปตามหน้าที่ของมันใน"ระบบ"ที่กำหนดเอาไว้ครับ...

นักการเมืองมีหน้าที่อย่างเดียวคือเป็นผู้ใช้อำนาจเพื่อ"รักษาหน้าที่ของฟันเฟืองให้ทำงานต่อไป"ได้ไม่โดนบิดเบือนจากพลังอื่นที่ฉุดรั้ง หรือเบี่ยงเบนไม่ให้ระบบทำงานของมันเป็นปรกติครับ... ตัวอย่างเช่นเรื่องบางเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะเส้นสายทางธุรกิจ หรือนักการเมืองขี้โกงผลักดัน, นักการเมืองที่เป็น"Stateman"ต้องกางร่มปกป้องลมฝนให้ข้าราชการดีทำงานได้ และข้าราชการชั่วต้องโดนลงโทษครับ...

ประเทศไทยเคยมียุค"โชตช่วงชัชวาล"เป็นต้นทุนให้นักการเมืองขี้โกงมาอาศัยประโยชน์กิน"บุญเก่า"จนกระทั่งลูกโป่งแตกจนเศรษฐกิจฟุบ... ผู้นำประเทศที่พาประเทศไทยเข้าสู่ช่วงโชติช่วงชัชวาลนั่น ท่านไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่งหัวโต๊ะในที่ประชุม แล้วนั่งถามซ้ายถามขวาหาข้อสรุป สรุปได้แล้วก็ถามกลับว่าระเบียบ/ขั้นตอนเรื่องนี้มีว่าอย่างไร? แล้วท่านก็สั่งผู้คนให้ทำโน่นทำนี่ไปตามระเบียบทั้งนั้น...

คราวหน้าประชุมเรื่องเดิมก็ถามอีก ว่าทำไปตามระเบียบหรือไม่ ได้ผลอย่างไรสรุปให้ฟังที... ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนในระเบียบหมด แล้วระเบียบมันก็ขับฟันเฟืองตัวเล็กตัวน้อยให้หมุนไป แม้กระทั่งนโยบายริเริ่มต่างๆ ก็ถูกเข็นออกมาจาก"ฟันเฟืองส่วนที่มีหน้าที่คิดนโยบาย"(ยุคนั้นคือทีมงานจากนิด้า กับทีมงานจากสภาพัฒน์)...

ดังนั้นในที่สุดก็สรุปได้เป็นประโยคเดียวคือ... "บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ"ให้ได้ผลครับ...
บันทึกการเข้า
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7665
ออฟไลน์

กระทู้: 9988



« ตอบ #38 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 11:31:32 PM »

Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  พี่ yod  อ่ะ ฮา

"เธอ"  บินอีกแล้ว  ท่าทางใช้ทรัพยากร  "เปลือง"  น่าดู อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1381033845&grpid=03&catid=&subcatid=
 "ยิ่งลักษณ์"เหินฟ้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21    

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.40 น.
วันที่ 6 ตุลาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

และคณะรัฐมนตรี อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

ได้เดินออกจากท่าอากาศสุวรรณภูมิ
เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 21
และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่เมืองบาหลี อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 6-8 ตุลาคมนี้


หัวข้อหลักของการประชุมคือ

"เอเชียแปซิฟิกที่แข็งแกร่ง แรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก"
(Resilient Asia-Pacific, Engine of Global Growth)
มีประเด็นหลัก 3 ประเด็นที่ให้ความสำคัญ

1.การบรรลุเป้าหมายโบกอร์

2.การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม

และ 3.การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค
เน้นให้เกิดการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการค้า
และการจัดทำเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ


นอกจากนี้ ทันทีที่เดินทางถึง
น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดพบหารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน

จากนั้นวันที่ 7 ตุลาคม
น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดการหารือกับนายโทนีย์ แอ็บบ็อต
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลีย
รวมทั้งพบปะหารือกับคณะนักธุรกิจชั้นนำสหรัฐ-เอเปค
เพื่อส่งเสริมการค้ารลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐด้วย

ลองดูนักธุรกิจที่ร่วมคณะสิ เจ้าของพรรคตัวจริงทั้งนั้น อุตสาหกรรมทั้งหลาย อ้อมีอัญมณีด้วย อิอิ
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #39 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2013, 12:14:13 AM »

การบริหารประเทศยากจริงๆครับ ประชาก็ชอบนิยม นักเลือกตั้งก็เข็ญประชานิยมมาให้เลือก เหมือนกันทั้งโลก ในขณะที่คนทำงานเสียภาษีเป็นคนกลุ่มน้อยในสังคม กลุ่มคนไม่เสียฯ กลับอยากได้นั่น อยากได้นี่ เรียกร้องไม่จบไม่สิ้นทุกๆปี ถนนก็จะเอา ราดคอนกรีตถึงหน้าบ้าน ปลูกอะไรฉันก็จะเอาราคาดีๆเอาเงินภาษีมาอุดหนุน โรงบาล,โรงเรียน.....ฯลฯ จะเอากันอย่างเดียว ภาษีอะเสียกันบ้างมั้ย  แบร่  แลบลิ้น

หากบริหารกันตามตำรารัฐประศาสนศาสตร์จริงๆแล้วไม่ยากครับ เพราะกลไกของประเทศมีไว้พร้อมมูลแล้ว... เอาแค่รักษาให้ฟันเฟืองอะไรมันหมุนไปตามหน้าที่ของมันใน"ระบบ"ที่กำหนดเอาไว้ครับ...

นักการเมืองมีหน้าที่อย่างเดียวคือเป็นผู้ใช้อำนาจเพื่อ"รักษาหน้าที่ของฟันเฟืองให้ทำงานต่อไป"ได้ไม่โดนบิดเบือนจากพลังอื่นที่ฉุดรั้ง หรือเบี่ยงเบนไม่ให้ระบบทำงานของมันเป็นปรกติครับ... ตัวอย่างเช่นเรื่องบางเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะเส้นสายทางธุรกิจ หรือนักการเมืองขี้โกงผลักดัน, นักการเมืองที่เป็น"Stateman"ต้องกางร่มปกป้องลมฝนให้ข้าราชการดีทำงานได้ และข้าราชการชั่วต้องโดนลงโทษครับ...

ประเทศไทยเคยมียุค"โชตช่วงชัชวาล"เป็นต้นทุนให้นักการเมืองขี้โกงมาอาศัยประโยชน์กิน"บุญเก่า"จนกระทั่งลูกโป่งแตกจนเศรษฐกิจฟุบ... ผู้นำประเทศที่พาประเทศไทยเข้าสู่ช่วงโชติช่วงชัชวาลนั่น ท่านไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่งหัวโต๊ะในที่ประชุม แล้วนั่งถามซ้ายถามขวาหาข้อสรุป สรุปได้แล้วก็ถามกลับว่าระเบียบ/ขั้นตอนเรื่องนี้มีว่าอย่างไร? แล้วท่านก็สั่งผู้คนให้ทำโน่นทำนี่ไปตามระเบียบทั้งนั้น...

คราวหน้าประชุมเรื่องเดิมก็ถามอีก ว่าทำไปตามระเบียบหรือไม่ ได้ผลอย่างไรสรุปให้ฟังที... ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนในระเบียบหมด แล้วระเบียบมันก็ขับฟันเฟืองตัวเล็กตัวน้อยให้หมุนไป แม้กระทั่งนโยบายริเริ่มต่างๆ ก็ถูกเข็นออกมาจาก"ฟันเฟืองส่วนที่มีหน้าที่คิดนโยบาย"(ยุคนั้นคือทีมงานจากนิด้า กับทีมงานจากสภาพัฒน์)...

ดังนั้นในที่สุดก็สรุปได้เป็นประโยคเดียวคือ... "บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ"ให้ได้ผลครับ...

 ไหว้  เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เข้าใจ แต่ทำลำบากมั้งครับพี่อ.สมชาย นักการเมืองต้องทำไงถึงจะได้คะแนน ได้สนองฐานเสียงของตน

แม้แต่แม่แบบของปชต.ยังต้องยืนหน้าเหวแบบนี้

ผมว่าวิชาการนี่มีทุกชาติไม่แพ้กัน นักวิชาการไปเรียนเมืองนอกมาเยอะแยะ แต่ทำไงชาติถึงเจริญ เอาชาติเป็นตัวตั้ง เช่นญี่ปุ่น,จีน,สิงคโปร,เยอรมัน,เกาหลี...ฯลฯ เพราะเค้ารักชาติมากกว่าสิ่งอื่นรึเปล่าครับ ? ชาตินิยมสูง ชาติมาก่อน ไม่ศรีธนชัย

"บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ"บ้านเราทำไมทำไม่ได้ ทั้งที่มีกฎหมาย มีตรวจเงินแผ่นดิน มีหน่วยงานสารพัด

คอรัปชั่นบ้านเรายังแทรกซึมไปทุกอณู  เศร้า +ครับ
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #40 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2013, 12:21:30 AM »

Smiley ลองอ่านกันครับ...

ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยน
ระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือพลิกเป็นหลังมือ : หน้าต่างอาเซียน โดยทนง ขันทอง

พวกเงินเดือนประจำตายก่อนเพื่อนเลยครับ... พวกซื้อมาขายไปยังยืดออกไปได้ระยะหนึ่ง จนกว่าจะขายของไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังซื้อ แล้วเงินก็ฝืด เพราะทุกคนเก็บเงินหมด...

แล้ววงรอบก็หมุนกลับใหม่... แต่ที่แสบที่สุดคือ"วงรอบ"มันมีขึ้นลงก็จริง ที่แย่ของความแสบคือเวลามันลงจะลงยาวและลึกกว่าขึ้น หากพล็อตเป็นกราฟจะเห็นว่าหัวมันเตี้ยลงทุกครั้งที่มันเกิดวงรอบขึ้นสลับลง...

พวกเล่นหุ้นรู้ดีครับ... ทุกวันนี้กราฟดัชนีหุ้นมันเป็นวงรอบอย่างที่ว่านั่นแหละ แล้วก้นเหวมันลึกลงมากกว่าเดิมทุกครั้งที่หักหัวขึ้นเขา แล้วยอดเขาลูกหลังๆ มันเตี้ยกว่ายอดครั้งก่อนที่เพิ่งผ่านมาได้ทุกครั้งได้ระยะหนึ่งแล้วครับ...

นายสมชายบอกมาตั้งนานแล้วว่าให้ดูระบบเศรษฐกิจในอนาคตจากกราฟดัชนีหุ้น เพราะตลาดหุ้นคือความเชื่อมันในระบบเศรษฐกิจ เมื่อคนเชื่อว่าวันหน้าจะดีกว่าวันนี้ เขาจะเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่คาดหวังว่าจะดีกว่าปัจจุบัน... แต่ในวันนี้ผู้คนต่างเชื่อว่าวันหน้าจะแย่กว่า, เลยเหลือแต่คนเล่นหุ้นระยะสั้นเต็มตลาด ไม่มีใครอยากถือหุ้นระยะยาวอีกต่อไปแล้ว ได้กำไรนิดหน่อยก็จะขายทิ้งเอากำไรไว้ก่อน รอให้รอบใหม่หุ้นไปขึ้นใหม่จากข้างล่างที่ลึกกว่าเดิม...

ประเทศไทยระยะใกล้ๆนี่มองเห็นโอกาสจะไหลลงเหวมากกว่าโอกาศจะฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจได้... ประเด็นหลักคือประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทยไม่รู้วิธีหาทางออก และเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไปเข้าใจผิดว่าเรื่องเลวทรามต่ำช้า แต่ถ้ามีคนทำเช่นนั้นแยะๆ แล้วก็จะพากันเห็นผิดเป็นชอบทำตามโดยไม่แยกแยะดีชั่วฯ แล้วในที่สุดจะลากประเทศไทยลงเหว หายนะแห่งระบบเศรษฐกิจ...

เอาเรื่องใกล้ตัวพวกเราเลยครับ... เพื่อนเราหลายท่านมองไม่เห็นความเสื่อมอันเกิดจากการให้สินบนเพื่อให้ได้ใบ ป.3, มีเหตุผลสารพัดเอามาอ้าง แต่ในที่สุดมักหนีไม่พ้นคำว่า"ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น"...

เรื่องใบ ป.3 นี่เป็นแค่เรื่องเดียวที่เอามาพูด... แล้วในข้อเท็จจริงรอบตัวมันมีมากกว่านั้นแยะครับ...

แค่เรื่องนี้ผมก็ไม่อยากเดินหอบเอกสารไปอำเภอแล้วครับ เคยเอาไป เค้าเอาไปดอง2เดือน พอไปถาม เค้าบอกหาไม่เจอ หายไปไหนไม่รู้  แบร่
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6603


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #41 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2013, 07:14:07 AM »


ลองดูนักธุรกิจที่ร่วมคณะสิ เจ้าของพรรคตัวจริงทั้งนั้น อุตสาหกรรมทั้งหลาย อ้อมีอัญมณีด้วย อิอิ

ธุรกิจกับการเมืองแยกกันไม่ออก  แต่พวกนี้ใช้ภาษีของเราแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง
อยากให้ตายยกลำจริงๆ 555
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #42 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2013, 08:18:41 AM »



สหรัฐเป็นประเทศที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตรครับ
เขาใช้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นหลักประกัน
เทียบกับประเทศไทยแบบง่าย ๆ  ก็คือเราขายของที่เป็นวัตถุดิบ เช่นยางพารา, ไม้ หรืออย่างเก่งก็เม็ดพลาสติค ซึ่งขายได้ในราคาของวัตถุดิบ
ส่วนสหรัฐซื้อเม็ดพลาสติคของเรา เอาไปทำไอโฟน  ต้นทุนวัตถุดิบคงราว ๆ สองร้อยบาท แต่ขายได้สองหมื่นห้าพันบาท
[/quote]
ความรู้ใหม่เลยนะครับเนี๊ย ขอบพระคุณครับพี่ ไหว้
บันทึกการเข้า

สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #43 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2013, 09:06:14 AM »



สหรัฐเป็นประเทศที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตรครับ
เขาใช้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นหลักประกัน
เทียบกับประเทศไทยแบบง่าย ๆ  ก็คือเราขายของที่เป็นวัตถุดิบ เช่นยางพารา, ไม้ หรืออย่างเก่งก็เม็ดพลาสติค ซึ่งขายได้ในราคาของวัตถุดิบ
ส่วนสหรัฐซื้อเม็ดพลาสติคของเรา เอาไปทำไอโฟน  ต้นทุนวัตถุดิบคงราว ๆ สองร้อยบาท แต่ขายได้สองหมื่นห้าพันบาท
ความรู้ใหม่เลยนะครับเนี๊ย ขอบพระคุณครับพี่ ไหว้
[/quote]

นี่ขนาดคนแบงค์เอง
แต่ไม่ใช่อเมริกาไม่มีทอง  จริง ๆ แล้วมีมากด้วย แต่ไม่ได้ใช้เป็นหลักประกันโดยตรง เพราะไม่จำเป็น
นอกจากนั้นอเมริกายังเป็นประเทศที่รับฝากทองคำของประเทศอื่น  ของไทยเราเองก็ต้องแบ่งฝากไว้ที่นิวยอร์กกับที่สวิส   เพราะถ้าเก็บไว้ในประเทศ ก็จะไม่มีใครเชื่อว่าเรามีทองจำนวนนี้อยู่จริง ๆ  ค่าเงินบาทก็จะตกลง เพราะไม่ได้รับความเชื่อถือตั้งแต่ตัวหลักประกันแล้ว

ส่วนเงินที่เป็นเหรียญโลหะ ไม่ต้องมีหลักประกัน เพราะเนื้อโลหะมีราคาในตัวเอง  เหรียญบาทไทยถึงได้เล็กลง ๆ ทุกที  และตอนนี้ยังต้องผสมเหล็กเข้าไปด้วย เพราะทำให้เล็ก และบางกว่านี้ไม่ได้แล้ว
บันทึกการเข้า
Victor&Sugus
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 85
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1062


รักสนุกทุกถนัด เฉพาะเรื่องปืน.....


« ตอบ #44 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2013, 09:11:22 AM »

ช่วงนี้เข้าสู่เศรษฐกิจซบเซาอีกแล้ว ห้างร้านบ่นกันว่าเงียบ แต่หนี้ที่เป็นอยู่ มีแต่เพิ่มขึ้น
พนักงานเงินเดือนทำไปก็มีแต่เงินเดือนดีกว่าพักงาน.....ถ้าอเมริกาถึงขั้นปิดหน่วยงานรัฐบาล
เทียบกับถ้าเกิดเป็นประัเทศไทย คงต้องยุบกระทรวงกันเป็นแน่..ก่อนที่หนี้มหาศาลกำลัีงจะมา...
บันทึกการเข้า

☀ <º))))><.·´¯`·. h £ ® ß € ¯|¯ •·.·´¯`·.·• .·´¯`·.><((((º> —(•·÷[ ]÷·•)—·‡±±‡±÷· Oº°‘¨ ¨‘°ºO •°o.O O.o°• ¨°o.O O.o°¨ —¤÷(`[¤* *¤]´)÷¤— •·.·´¯`·.·• •·.·´¯`·.·• «·´`·.(`·.¸ ¸.·´).·´`·» ׺°”˜`”°º× ׺°”˜`”°º× »-(¯`v´¯)✿*Maxx™❀●• ♬✿❀●• ♬
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.095 วินาที กับ 21 คำสั่ง