เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 16, 2024, 02:55:49 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความยากจนในสหรัฐอเมริกา  (อ่าน 1958 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2013, 01:58:35 PM »

ใน Post ข้างบนนั่นบอกว่า ดร.โกร่งพูดความจริงไม่หมดเรื่อง US. และตามตัวแดงข้างล่างนี่ ก็คือสิ่งที่ ดร.โกร่งพูดความจริงไม่หมดของเกษตรกรไทยครับ...

ไม่เหมือนบ้านเรา ถ้าตกงานก็สามารถกลับบ้าน ไปช่วยพ่อแม่พี่ป้าน้าอาทำไร่ไถนา ทำงานหัตถกรรม ภาคเกษตรกรรมของเราเป็นระบบเปิดเสรี ไม่ใช่ระบบปิดโดยรัฐแบบอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นระบบที่เกษตรกรก็คือเกษตรกร ไม่ใช่เกษตรกรก็ไม่ใช่เกษตรกร แยกกันชัดเจนเด็ดขาด

ตามตัวแดง ที่บอกว่าหากตกงานก็สามารถกลับบ้าน ไปช่วยครอบครัวทำเกษตรกรรม ทำงานหัตถกรรมก็สามารถอยู่รอดได้นั่นไม่เป็นความจริงครับ เพราะจะทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องมีความรู้พอตัวเลยทีเดียว... ไม่เช่นนั้นก็เหมือนกลับไปเผชิญกับเงื่อนไขที่โดนเอาเปรียบจากนายทุนทั้งหลาย และในที่สุดก็จะสูญเสียที่ดินทำกินที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษฯ...

ชาวไร่ชาวนาที่เป็นเจ้าของที่ดิน อุตส่าห์หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินจนมีที่ทำกินกว้างใหญ่ แต่ถ้าครอบครัวไหนพลาดท่า ไม่ยอมส่งลูกหลานให้ได้รับการศึกษาที่ดี ก็ไม่สามารถรักษาที่ทำกินเอาไว้ได้หรอกครับ... มีตัวอย่างเยอะแยะ ที่เจ้าของที่ดินที่กลายเป็นหมู่บ้านจัดสรร(แถวชานเมือง กทม. นั่นแหละ - ตัวอย่างที่ดีเลย), คือเจ้าของที่คนแรกๆ ขายที่ดินไม่ได้เงินเท่าไหร่หรอกครับ แล้วคนที่รวยคือเจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรต่างหาก...

ตัวอย่างรายละเอียดเรื่องนี้มันมีแยะ เช่นสมัยนี้ไม่ได้ทำนาด้วยควาย ก็ต้องซื้อน้ำมันรถไถ, ซื้อยาฆ่าแมลง(นาอื่นเขาพ่นยา ถ้านาฉันไม่พ่นยา แมลงฯมันก็จะหนียาฆ่าแมลง มากินนาฉันจนเกลี้ยง), ซึ้อน้ำมันใส่เครื่องสูบน้ำ(เพราะลำรางสาธารณะเหลือแต่ตัวหนังสือในโฉนด - โดนถมเป็นถนน/เป็นหมู่บ้านฯหมดแล้ว) แล้วก็ต้องซื้อ ฯลฯ... ในที่สุดก็ต้องไปพึ่งพาเงินกู้(ทั้งใน/นอกระบบฯ), แล้วผลสุดท้ายก็รักษาที่นาเอาไว้ไม่ได้(ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องขายข้าวไม่ได้ราคาอีกต่างหาก)...

แต่ถ้าลูกหลานบ้านไหนพ่อแม่ฉลาดหน่อย ก็ส่งลูกหลานได้เรียนหนังสือสูงๆ(อาจขายนาบางส่วนส่งเรียนฯ)... ก็ยังสามารถรักษาที่นาเอาไว้ได้เพราะมีความรู้ หากทำเกษตรก็โดนเอาเปรียบน้อย แต่ถ้าหางานทำในเมืองก็มีความรู้พอรับจ้างมีเงินเดือนดีๆ, และในที่สดก็ไม่ต้องเสียที่นา แล้วหากอดทนรอได้จนความเจริญมาถึง ก็สามารถ"หาเงินจากที่ดิน"ได่โดยไม่ต้องเสียกรรมสิทธิ์...

สรุปว่า ดร.โกร่งฯ พูดไม่หมด เหมือนหลอกคนรากหญ้าไปเรื่อยๆ... คีย์เวิร์ดคือการศึกษาครับ, และหน้าที่ของ ดร.โกร่งในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ก็ต้องหาวิธีลดอัตราการว่างงาน แต่ไม่ใช่หลอกชาวบ้านไปวันๆ แล้วก็กู้อีกแล้ว 2 ล้านๆ บาท... ฮ่วย...
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2013, 04:36:41 PM »

เพื่อนเรียนหนังสือ หนีทำงานอยู่ที่นั่น 20 ปีแล้ว  Grin Grin Grin  เห็นเขาพาหมาเจ้าของบ้านคนรวยเดินเหมือนกัน
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2013, 05:21:17 PM »

 ไหว้  +ทุกท่านครับ  หลงรัก หลงรัก หลงรัก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
คนตัวอ้วน+ผมรักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1057
ออฟไลน์

กระทู้: 3266



« ตอบ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2013, 05:33:16 PM »

คนอมเริกา จะรวยจะจน ศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ของเขาดูจะเท่าเทียมกัน...บ้านเรา คนรวยต้องมาก่อน คนจนรอทีหลัง...เมื่อวานผมไปธนาคารสีชมพู ชาวบ้านชาวช่องกดบัตรคิวรอคิวประมาณ ๒๐ คิว ผมก็เป็นหนึ่งใน ๒๐ คิวนั้น...มีเฒ่าแก่ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เดินดุ่มๆเข้ามาในธนาคาร บัตรคิวไม่กด เดินไปที่เค้าท์เตอร์พร้อมยื่นแบ๊งค์พันสองปึกให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร(น่าจะสองแสน)เพื่อแรกแบ๊งค์ร้อย ต่อหน้าต่อตาลุงคนนึงที่ถึงคิวแกแล้ว และกำลังจะยื่นใบถอนเงินธนาคาร(ถอนเงินคนแก่)...เจ้าหน้าที่ก็ยกมือไหว้เฒ่าแก่นั่นพร้อมพูดว่ามาแลกเงินหรือค่ะเฮีย...พูดจบ จนท.ธ.ก็หันไปบอกลุงคนนั้นว่ารอสักครู่นะลุง...ผมว่าลุงแก่อายุน่าจะ ๗๐ ปีกว่าๆ ใบถอนเงินผมก็เป็นคนเขียนให้ลุงแกเพราะแกเขียนหนังสือไม่เป็น...ลุงแกยืนรอการแลกเงินของเฮียคนนั้น ประมาณ ๕ นาที เพราะ จนท.ธ. นับเงินด้วยมือ (เครื่องนับแบ๊งค์อยู่ข้างหลังทำไมเขาไม่ใช้ฟร๊ะ) ๕ นาที หลายคนคงนึกว่า ก็ไม่นานนี่ แต่ลุงแก ๗๐ กว่านะครับ ยื่นรอ ๕ นาที คนแก่จะเป็นลมเอาง่ายๆ...
บันทึกการเข้า

จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2013, 05:55:17 PM »

คนอมเริกา จะรวยจะจน ศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ของเขาดูจะเท่าเทียมกัน...บ้านเรา คนรวยต้องมาก่อน คนจนรอทีหลัง...เมื่อวานผมไปธนาคารสีชมพู ชาวบ้านชาวช่องกดบัตรคิวรอคิวประมาณ ๒๐ คิว ผมก็เป็นหนึ่งใน ๒๐ คิวนั้น...มีเฒ่าแก่ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เดินดุ่มๆเข้ามาในธนาคาร บัตรคิวไม่กด เดินไปที่เค้าท์เตอร์พร้อมยื่นแบ๊งค์พันสองปึกให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร(น่าจะสองแสน)เพื่อแรกแบ๊งค์ร้อย ต่อหน้าต่อตาลุงคนนึงที่ถึงคิวแกแล้ว และกำลังจะยื่นใบถอนเงินธนาคาร(ถอนเงินคนแก่)...เจ้าหน้าที่ก็ยกมือไหว้เฒ่าแก่นั่นพร้อมพูดว่ามาแลกเงินหรือค่ะเฮีย...พูดจบ จนท.ธ.ก็หันไปบอกลุงคนนั้นว่ารอสักครู่นะลุง...ผมว่าลุงแก่อายุน่าจะ ๗๐ ปีกว่าๆ ใบถอนเงินผมก็เป็นคนเขียนให้ลุงแกเพราะแกเขียนหนังสือไม่เป็น...ลุงแกยืนรอการแลกเงินของเฮียคนนั้น ประมาณ ๕ นาที เพราะ จนท.ธ. นับเงินด้วยมือ (เครื่องนับแบ๊งค์อยู่ข้างหลังทำไมเขาไม่ใช้ฟร๊ะ) ๕ นาที หลายคนคงนึกว่า ก็ไม่นานนี่ แต่ลุงแก ๗๐ กว่านะครับ ยื่นรอ ๕ นาที คนแก่จะเป็นลมเอาง่ายๆ...

 แต่แลกเงินก็ควรกดบัตรคิวครับ คนอื่นเค้าก็รอเหมือนกัน  Tongue Tongue Tongue
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2013, 02:42:31 AM »

มาเติมให้  นายสมชาย(ฮา) อีกนิด ครับ

ใน อเมริกา แต่ละเมือง ค่าครองชีพ ไม่เท่ากัน ถึงแม้จะอยู่ อพาตเม้น ขนาดเท่ากัน แต่ ค่าเช่า ต่างกันมาก ตอน อยู่ โอกลา ผม อยู่้ อพาตเม้น 1 ห้องนอน (อย่างหรู) จ่าย 400 เหรียญ/เดือน ตอนมาทำงานที่ ซานโฮเซ่ อยู่ สตูดิโอ แคบกว่า ที่โอกลา ครึ่งหนึ่ง แต่จ่ายค่าเช่า 1,000 เหรียญ/เดือนหาก หาที่อยู่ หรูเท่าโอกลา ต้องมี 2,000 เหรียญ/เดือน ค่าอาหาร ก็ไม่เท่า ที่ ซานโฮเซ่ แพงกว่ามาก แต่ไม่ถึงกับ เป็นเท่าตัว อย่างที่พัก

ตอน อยู่ โอกลา ผม ทำงาน ส่งไก่ KFC ได้เงินค่าชั่วโมง + ค่าเที่ยว + ทิพ สามารถ อยู่ได้สบาย แถม มีเงินเก็บด้วย แต่ถ้าผม ได้รายได้เท่านั้น ไม่มีทางอยู่ที่ ซานโฮเซ่ ได้เลย
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.091 วินาที กับ 21 คำสั่ง