เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 16, 2024, 11:34:25 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เชิญชวนอ่านเรื่องในหลวง ที่เราไม่เคยรู้  (อ่าน 1255 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
black-army
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 827
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4100



เว็บไซต์
« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2013, 09:42:36 PM »

เชิญชวนอ่านเรื่องในหลวง ที่เราไม่เคยรู้
บางเรื่องเราไม่เคยรู้เลยจริง ๆ อ่านกันให้จบน่ะครับ

เรารักในหลวง

จดหมายฉบับนี้ยาวมากหากรัก ‘พระองค์ท่าน ‘ กรุณาอ่านให้จบด้วยครับ

เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้

1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.

2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์

3.พระนาม ‘ภูมิพล‘ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช

5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก

6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษาทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า ‘H.H Bhummibol Mahidol’หมายเลขประจำตัว 449

7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า ‘แม่‘

8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง

9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม

10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทยทรงตั้งชื่อให้ว่า‘บ๊อบบี้ ‘

12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ

13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ทีมากเกินไป 2 ทีพอแล้ว

14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ

15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก ‘การให้ ‘ โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า ‘กระป๋องคนจน ‘ เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก ‘เก็บภาษี ‘ หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน

16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า ‘ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน‘

17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา

18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง

19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก ‘การเล่น ‘ สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง

20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์

21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)

22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้

23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส

24.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ ‘แสงเทียน ‘ จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง

25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง ‘เราสู้‘

26. รู้ไหม…? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5

27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯรพ.ภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย

28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง ‘นายอินทร์ ‘ และ ‘ติโต ‘ ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ ‘พระมหาชนก‘ ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์

29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘กีฬาซีเกมส์‘) ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510

30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน

31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ ‘กังหันชัยพัฒนา ‘ เมื่อปี 2536

33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ! ปีแล้ว

34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง

35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า ‘น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง

37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท

37. หลังอภิเษกสมรส ทรง ‘ฮันนีมูน ‘ที่หัวหิน

38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน

39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น

41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา

42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ

43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม

44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้าพอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับเมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นานค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง

45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ

46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ

47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน

48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน

49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน

50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้

51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด

52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า ‘ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก! บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือ บ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ’

53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน

54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา

55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย

56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก

57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง

58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง

59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก

60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
บันทึกการเข้า

           
จากกุ๊ยข้างถนน    ดิ้นรนรับใช้ชาติ   ไพรีจงพินาศ  มิได้ขลาดเพื่อชาติพลี
อิติปิโสธงชัย รักในหลวง
The best it yet to be......
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2734



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 02:59:39 AM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

ผมก็คือส่วนหนึ่งของความไม่เป็นกลาง เพราะผมอยู่ข้างในหลวง
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 07:26:10 AM »

ขออนุญาตใช้คำศัพท์พื้นๆนะครับ

ประมาณ 27 ปีที่แล้ว นายทหารรุ่นน้องผมคนหนึ่งเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ มีโอกาสที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิต(ผมยังอิจฉามันอยู่เลย) .................. เขาเป็นหนึ่งในทหารรักษาพระองค์พิเศษที่ได้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดในหลวง .................ใกล้ชิดขนาดเฝ้าหน้าห้องทรงงาน

มีวันหนึ่งช่วงหัวค่ำ ในหลวงทรงงานอยู่ตามปกติประจำวัน ท่านเกิดประชวรขึ้นมา(เป็นลม)

ทุกอย่างมีการประสานงานอย่างเรียบร้อย รถพยาบาลวิ่งมาจอดรอหน้าพระตำหนัก รุ่นน้องผมกับนายทหารอีกท่านหนึ่งที่รูปร่างเตี้ยกว่าเขา ช่วยกันประคองพระองค์ท่านนอนลงบนเปล แล้วกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตยกเปล โดยเจ้าน้องคนนี้ยกด้านพระเศียร .....................อีกคนที่รูปร่างเล็กกว่ายกทางด้านพระบาท
ในหลวงทรงตรัสกับรุ่นน้องว่า ให้เปลี่ยนไปยกทางปลายเท้า...................

รุ่นน้องผมเห็นว่าตัวเขาสูงใหญ่ ไปยกทางปลายพระบาท แนวเปลจะเทลงไปทางพระเศียร .................... มันเลยไม่ยอม กราบบังคมทูลว่า ไม่พระพุทธเจ้าข้า

ในหลวงทรงแย้มพระสรวล(ขนาดพระองค์ท่านประชวรนะ) ................... ส่ายพระเศียร พร้อมกับตรัสว่า คนหนุ่มนี่มันดื้อนะ เอาๆ จะไปไหนก็ไป

จากนั้นนายทหารสองนาย รีบยกเปลนำพระองค์ท่านลงมาที่รถพยาบาลหน้าพระตำหนัก .................. รถพยาบาลก็รีบนำพระองค์ท่านเสด็จไปโรงพยาบาล ซึ่งในช่วงเช้ามืดก็นำพระองค์เสด็จกลับมาที่ตำหนักก่อนสว่าง ................กลับมาบรรทมพักผ่อนพระวรกาย

ช่วงเที่ยงวันนั้น พระองค์ท่านก็ตื่นบรรทม และออกมาทรงงานตามปกติ

เจ้ารุ่นน้องผม สงสัยเรื่องที่พระองค์ท่านให้เขาไปยกเปลทางด้านพระบาท เลยไปคุยกับหมอๆบอกว่า คนเป็นลม ต้องยกปลายเท้าให้สูงกว่าศีรษะ .................พอฟังได้ดังนั้น ก็ตาเหลือกบอก ฉิบหายแล้ว ผมแม่งโคตรโง่เลย............

เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ก็น้ำตาคลอ....................บอกว่า ในหลวงท่านทรงทราบนะ ว่าคนเป็นลม ต้องยกปลายเท้าให้สูงกว่าศีรษะ แต่เขาดื้อไม่ยอมทำตามที่พระองค์ตรัสเพราะเข้าใจผิด พระองค์ท่านก็ไม่ได้ทรงตรัสว่าอะไร แถมยังหยอกเขาว่า คนหนุ่มนี่มันดื้อนะ (เขาบอกว่าพระสุรเสียงของพระองค์ท่าน ยังติดตราอยู่ในหัวจนถึงทุกวันนี้)

หลังจากนั้น นายทหารรุ่นน้องผมก็ยังถวายงานหน้าที่นี้ต่อไปอีกสามเดือนจนครบวาระการปฎิบัติหน้าที่นี้ ................. ซึ่งระหว่างนั้นพระองค์ท่านไม่เคยตรัสเรื่องราวที่เขาทำบกพร่องเลย มีแต่จะทรงตรัสทักทายและตรัสหยอกล้อ นายทหารในตำหนักด้วยความเมตตาตลอดเวลา

พระองค์ท่านเปี่ยมด้วยพระเมตตา ไม่ถือโทษโกรธเคืองที่นายทหารผู้นี้ทำผิดขั้นตอนเลย แถมยังทรงตรัสหยอกแกมเหน็บแบบทรงเอ็นดูเสียอีก

เขาเล่าให้ผมฟังแล้ว ผมโคตรอิจฉามันจริงๆ ไอ้เราเคยแต่ที่ใกล้ชิดที่สุด ก็ตอนถวายอารักขาเป็นชุดแซงเสด็จ อยู่ใกล้พระองค์ท่านที่สุดแค่ 3-5 เมตรเท่านั้น ................... แต่รุ่นน้องผมคนนี้มันได้ประคองพระวรกายของพระองค์ท่านด้วย

 หลงรัก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 09, 2013, 07:29:34 AM โดย มะขิ่น-รักในหลวง » บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 07:45:52 AM »

 ไหว้
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

แอบดูที่รูเดิม
เกิดเป็นคน ควรรู้จักกตัญญู
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 622
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3747


ปลวกน้อยกัดกินบ้าน..นักการเมืองคอรัปชั่นกัดกินชาติ


« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 08:00:53 AM »

ทรงงานหนักเพื่อนคนไทยจริงๆครับ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
บันทึกการเข้า
dig5712
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 119
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1801



« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 08:14:17 AM »

 ไหว้
บันทึกการเข้า
GUNRUNNER
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13331



« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 10:09:15 AM »

ขออนุญาตใช้คำศัพท์พื้นๆนะครับ
ประมาณ 27 ปีที่แล้ว นายทหารรุ่นน้องผมคนหนึ่งเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ มีโอกาสที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิต(ผมยังอิจฉามันอยู่เลย) .................. เขาเป็นหนึ่งในทหารรักษาพระองค์พิเศษที่ได้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดในหลวง .................ใกล้ชิดขนาดเฝ้าหน้าห้องทรงงาน
มีวันหนึ่งช่วงหัวค่ำ ในหลวงทรงงานอยู่ตามปกติประจำวัน ท่านเกิดประชวรขึ้นมา(เป็นลม)
ทุกอย่างมีการประสานงานอย่างเรียบร้อย รถพยาบาลวิ่งมาจอดรอหน้าพระตำหนัก รุ่นน้องผมกับนายทหารอีกท่านหนึ่งที่รูปร่างเตี้ยกว่าเขา ช่วยกันประคองพระองค์ท่านนอนลงบนเปล แล้วกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตยกเปล โดยเจ้าน้องคนนี้ยกด้านพระเศียร .....................อีกคนที่รูปร่างเล็กกว่ายกทางด้านพระบาท
ในหลวงทรงตรัสกับรุ่นน้องว่า ให้เปลี่ยนไปยกทางปลายเท้า...................
รุ่นน้องผมเห็นว่าตัวเขาสูงใหญ่ ไปยกทางปลายพระบาท แนวเปลจะเทลงไปทางพระเศียร .................... มันเลยไม่ยอม กราบบังคมทูลว่า ไม่พระพุทธเจ้าข้า
ในหลวงทรงแย้มพระสรวล(ขนาดพระองค์ท่านประชวรนะ) ................... ส่ายพระเศียร พร้อมกับตรัสว่า คนหนุ่มนี่มันดื้อนะ เอาๆ จะไปไหนก็ไป
จากนั้นนายทหารสองนาย รีบยกเปลนำพระองค์ท่านลงมาที่รถพยาบาลหน้าพระตำหนัก .................. รถพยาบาลก็รีบนำพระองค์ท่านเสด็จไปโรงพยาบาล ซึ่งในช่วงเช้ามืดก็นำพระองค์เสด็จกลับมาที่ตำหนักก่อนสว่าง ................กลับมาบรรทมพักผ่อนพระวรกาย
ช่วงเที่ยงวันนั้น พระองค์ท่านก็ตื่นบรรทม และออกมาทรงงานตามปกติ
เจ้ารุ่นน้องผม สงสัยเรื่องที่พระองค์ท่านให้เขาไปยกเปลทางด้านพระบาท เลยไปคุยกับหมอๆบอกว่า คนเป็นลม ต้องยกปลายเท้าให้สูงกว่าศีรษะ .................พอฟังได้ดังนั้น ก็ตาเหลือกบอก ฉิบหายแล้ว ผมแม่งโคตรโง่เลย............
เขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ก็น้ำตาคลอ....................บอกว่า ในหลวงท่านทรงทราบนะ ว่าคนเป็นลม ต้องยกปลายเท้าให้สูงกว่าศีรษะ แต่เขาดื้อไม่ยอมทำตามที่พระองค์ตรัสเพราะเข้าใจผิด พระองค์ท่านก็ไม่ได้ทรงตรัสว่าอะไร แถมยังหยอกเขาว่า คนหนุ่มนี่มันดื้อนะ (เขาบอกว่าพระสุรเสียงของพระองค์ท่าน ยังติดตราอยู่ในหัวจนถึงทุกวันนี้)
หลังจากนั้น นายทหารรุ่นน้องผมก็ยังถวายงานหน้าที่นี้ต่อไปอีกสามเดือนจนครบวาระการปฎิบัติหน้าที่นี้ ................. ซึ่งระหว่างนั้นพระองค์ท่านไม่เคยตรัสเรื่องราวที่เขาทำบกพร่องเลย มีแต่จะทรงตรัสทักทายและตรัสหยอกล้อ นายทหารในตำหนักด้วยความเมตตาตลอดเวลา
พระองค์ท่านเปี่ยมด้วยพระเมตตา ไม่ถือโทษโกรธเคืองที่นายทหารผู้นี้ทำผิดขั้นตอนเลย แถมยังทรงตรัสหยอกแกมเหน็บแบบทรงเอ็นดูเสียอีก
เขาเล่าให้ผมฟังแล้ว ผมโคตรอิจฉามันจริงๆ ไอ้เราเคยแต่ที่ใกล้ชิดที่สุด ก็ตอนถวายอารักขาเป็นชุดแซงเสด็จ อยู่ใกล้พระองค์ท่านที่สุดแค่ 3-5 เมตรเท่านั้น ................... แต่รุ่นน้องผมคนนี้มันได้ประคองพระวรกายของพระองค์ท่านด้วย
 หลงรัก


ขอบพระคุณผู้การครับ  สำหรับเรื่องราวที่ประทับใจเช่นนี้
ผมขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อไปได้ไหมครับ ขอบคุณครับ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
[/color]
บันทึกการเข้า

ปืน...ดีทุกกระบอก...ขอให้คนยิงยิงให้ดีก็แล้วกัน...
          ...พวกอินเดียนแดงเค้าบอกไว้นานแล้วครับ...
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 11:43:15 AM »

ได้ครับ ........
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 11:57:25 AM »

ผมยังไม่เคยเห็นพระองค์จริงท่านเลยครับ เห็นแต่ในทีวี มีสมเด็จพระเทพพระองค์เดียวครับที่ผมมีบุญได้เห็นพระองค์ท่านจริงๆครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
GUNRUNNER
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13331



« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 12:16:06 PM »

ได้ครับ ........

ขอบคุณครับผม
                ไหว้
บันทึกการเข้า

ปืน...ดีทุกกระบอก...ขอให้คนยิงยิงให้ดีก็แล้วกัน...
          ...พวกอินเดียนแดงเค้าบอกไว้นานแล้วครับ...
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 03:33:09 PM »

ตอนอยู่ที่ทำงานเ่ก่า เคยได้ถวายงานสมเด็จพระเทพฯครั้งหนึ่ง

ทำหน้าที่เป็นนายช่างฯ คอยเปลี่ยนไฟล์นำเสนอในงานสัมมนาทางวิชาการระดับอาเซียน

เพราะไฟล์ที่เอามานำเสนอ มีหลากหลายฟอร์แมท จากหลากหลายประเทศ ผู้นำเสนอเปลี่ยนเองไม่ได้

รองอธิการบดีที่ถวายงานอยู่ด้วย เตือนว่า ให้ปิดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เสียด้วย แต่อย่าปิดเครื่อง มีอะไรจะได้ติดต่อได้

เพราะในห้องสัมมนา ห้ามมีเสียงอื่น    ....  ผมก็ปิดเสียง เหลือแต่ระบบสั่น.... 



เจ้ากรรม ...!! ขณะกำลังเดินสั่น ๆ ออกไปเปลี่ยนไฟล์ เบื้องพระพักตร์ เสียงเตือนเมสเสจก็ดังขึ้น....สนั่นไปทั้งห้องสัมมนาที่เงียบสงัด  ตกใจหน้าซีด



.....สมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงสนทนาอยู่กับนักวิชาการต่างชาติ ผินพระพักตร์มา.....  โอย..ใจไปอยู่ตาตุ่ม

ในท้องในใส้ มันปั่นป่วนมวนไปหมด  กว่าจะเปลี่ยนไฟล์ให้ผู้นำเสนอคนต่อไปเสร็จ (สักครึ่งนาทีได้มั๊ง) รู้สึกมันเนิ่นนานเหลือเกิน

ถวายความเคารพ แล้วถอยออกมา ยังอุตส่าห์ทันเห็นสมเด็จพระเทพฯ ผินพระพักตร์ทอดเนตร แล้วแย้มสรวล....  หัวเราะร่าน้ำตาริน


มาอยู่หลังเวที ผมโดนรองอธิการเฉ่งชุดใหญ่..... ผมก็ว่า ไม่ไหวแล้วครับ ให้คนอื่นแทนเถอะ ท้องใส้ผมกำลังเกิดสงครามโลก...

รองฯไม่ยอม  เพราะคนอื่น เห็นชะตากรรมของผมที่โดนเฉ่งแล้ว ไม่มีใครยอมมาทำแทน  ผมก็เลยต้องทำจนเสร็จ

....ด้วยความภาคภูมิใจและแฝงด้วยความอับอาย   

ตอนหลัง ผมเอาโทรศัพท์มาปิดเครื่องแล้วใส่กระเป๋าเครื่องมือไว้หลังเวทีเลย



มีพระจริยวัตรอย่างหนึ่งที่ผมสังเกตุเห็นด้วยความทึ่งในองค์พระเทพฯ  คือ

ตลอดเวลาที่สัมมนา พระเทพฯ เป็นพระองค์เดียว ที่ทรงตั้งใจฟังและจดบันทึกตลอดเวลา  ตั้งแต่ต้นจนจบการสัมมนา  ไหว้

ในขณะที่ผู้เข้าร่วมท่านอื่น ๆ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับสาขาของเขา เขาก็ไม่สนใจ

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่งหลัง  ๆ ที่เป็นนักศึกษา คณาจารย์และนักวิชาการทั่วไป ไม่ได้แสดงอาการว่าจะสนใจการสัมมนาเลย

บันทึกการเข้า
GUNRUNNER
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13331



« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 03:36:37 PM »

นี่ก็ไม่ได้แล้ว สำหรับท่านPandanus ที่ต้องขออนุญาตนำเรื่องราวประทับใจเช่นนี้นำไปเผยแพร่ต่อไป
ขออนุญาตด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า

ปืน...ดีทุกกระบอก...ขอให้คนยิงยิงให้ดีก็แล้วกัน...
          ...พวกอินเดียนแดงเค้าบอกไว้นานแล้วครับ...
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #12 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 05:33:07 PM »

ครั้งหนึ่ง ในงานเดิน-วิ่งเทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 5 ธันวามหาราชปีหนึ่ง.............

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า(รร.จปร.) จ.นครนายก ได้จัดขึ้น และได้กราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเทพฯ ในฐานะ ผู้อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์ ส่วนการศึกษา รร.จปร.  และพระอาจารย์ เป็นองค์ประธานในการเดิน-วิ่งเทอดพระเกียรติฯ .................

ตื่นกันเช้ามืดครับ ตี3 ตี4 ................ ตั้งแถวรอเสด็จพระองค์ท่านตอน 6 โมงเช้า

พอขบวนรถเสด็จมาถึง ทูลกระหม่อมพระอาจารย์ เสด็จลงมา ทรงฉลองพระองค์ชุดวอร์มของ รร.จปร. .............. พอการกล่าวถวายรายงานตามลำดับเสด็จ พระองค์ท่านก็มีพระปฏิสันถารกับผู้มารับเสด็จ ................ตอนนั้นสายตาผู้รับเสด็จส่วนหนึ่ง มองไปที่ข้อพระบาทของพระองค์ท่านผมก็มองตาม

ปรากฎว่าท่านทรงถุงเท้า(ราชาศัพท์เรียกอะไรหว่า) ข้างหนึ่งสีฟ้า อีกข้างหนึ่งสีชมพู ......................ทุกคนที่เห็นก็อมยิ้มกัน (ผมคาดว่าทูลกระหม่อมพระอาจารย์ทรงใส่ในบนรถในขณะที่เสด็จมาแน่ๆ)

พระองค์ท่านทรงสังเกตุเห็น ว่าผู้คนอมยิ้มกันและคงมาเห็นถุงเท้าท่าน ...............เลยทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า

อ๋อ ถุงเท้าหรือ ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ ที่บ้านยังมีอีกคู่หนึ่ง ................ งานนั้นเล่นเอาผู้รับเสด็จฮากันครืน พระองค์ท่านก็ทรงพระสรวลแบบงอหาย

วันนั้นเป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมีความสุขมากๆครับ
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
คมขวาน รักในหลวง
"จากดินแดนที่ราบสูงแห่งใบขวาน ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเล(ถ้านั่งเครื่อง) ข้ามภูเขา สู่ดินแดนแห่งด้ามขวาน "
Hero Member
*****

คะแนน 1830
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19896


ดนตรี คืออาภรณ์ของปราชญ์


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 06:38:15 PM »

        เคยนำวงโยฯไปรับเสด็จ
 สมเด็จพระเทพฯ  สถานที่รับเสด็จค่อนข้างแคบ 
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนิน  ผ่านด้านหลังผม 
เด็กได้เห็นชัดเต็มตาเลย  แต่ผมยืนหันหลังอำนวยเพลง
เสร็จงานทุกคนพูดเสียงเดียวกันว่าเป็นความภาคภูมิใจและเป็นศิริมงคลสูงสุดของชีวิต ครับ
อ้อ ตอนเสด็จฯกลับ  พระองค์ท่านทรงมีพระราชปฏิสันฐานกับประชาชนผู้มารับเสด็จอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองมาก
บันทึกการเข้า

คลิ๊ก ทริปจักรยาน   "บินเดี่ยว ทางไกล ตามใจฝัน"     ลูกอิสาน พลัดถิ่น  จากแดนดิน  "ไหปลาแดก"  เร่ร่อน รอนแรม เดินทางดั้นด้น  มาสู่  "โคนต้นสะตอ"
schamp
Sr. Member
****

คะแนน 131
ออฟไลน์

กระทู้: 583


« ตอบ #14 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2013, 07:04:07 PM »

 ไหว้ขอบคุณครับ+1ให้ทุกท่านครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.087 วินาที กับ 22 คำสั่ง