เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 29, 2024, 01:50:38 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ขอศาลสั่งให้เป็นผู้จัดการมรดกลูกแต่เพียงผู้เดียว  (อ่าน 1269 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
black-army
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 827
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4100



เว็บไซต์
« เมื่อ: มกราคม 27, 2014, 11:28:11 PM »

  พ่อเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ขอศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งให้เป็นผู้จัดการมรดกของบุตรชายเพียงผู้เดียว โดยศาลนัดเปิดเผยบัญชีบุตรชาย-ภรรยา 20 มี.ค. นี้ ยัน ไม่ต้องการทรัพย์สิน แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรม
 
          วันนี้ (27 มกราคม 2557) เวลาประมาณ 14.00 น. ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้พิจารณาคดีแพ่งที่นายมานพ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 67 ปี บิดาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทยที่ถูกยิงเสียชีวิต ที่มายื่นต่อศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก เนื่องจากชื่อในทะเบียนบ้านของนายจักรกฤษณ์ อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายสำเภา ประจวบเหมาะ อดีต ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเจ้าบ้าน
 
          ทั้งนี้ ในสำเนาคำร้องผู้จัดการมรดก นายมานพต้องการให้ศาลสั่งให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายจักรกฤษณ์เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งในการพิจารณาคดีในวันนี้ นายมานพก็ได้เดินทางมาด้วย ขณะที่ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยาของนายจักรกฤษณ์ ได้มอบอำนาจให้ทีมทนายความมาคัดค้านการยื่นคำร้อง ซึ่งฝ่ายนี้มีจุดประสงค์ต้องการให้มีคำสั่งศาลเพื่อตั้งผู้จัดการมรดกร่วม
 
          อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าคดีนี้สามารถพอเจรจาให้ตกลงกันได้ และได้ไกล่เกลี่ยให้แบ่งปันทรัพย์สินให้มีข้อยุติโดยเร็ว โดยเสนอให้สรรหาบุคคลที่ 3 มาเป็นคนกลางในการเจรจา แต่นายมานพไม่ยอม ดังนั้น ศาลจึงนัดคู่ความมาพร้อมกันเพื่อสืบพยานครั้งแรกในวันที่ 20 มีนาคมนี้ โดยขอให้ทีมทนายความผู้ร้องรวบรวมบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดที่มีร่วมกันระหว่างนายจักรกฤษณ์และ พญ.นิธิวดีมาเปิดเผยต่อศาล แต่ถ้าหากทั้งสองฝ่ายมีการเจรจาในการแบ่งทรัพย์สินได้ก่อนพิจารณาคดี ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากกว่า
 
          ด้านนายมานพ เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกร่วม เป็นเพราะ พญ.นิธิวดี และมารดา ตกเป็นผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ รวมถึงยังมีคดีลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสารที่ สน.บางชัน เรื่องการเปิดตู้เซฟของธนาคารกสิกรไทยอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่ พญ.นิธิวดีไม่มีอำนาจเลย อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่ต้องการทรัพย์สินของบุตรชาย เนื่องจากมีอายุมากแล้ว สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่ร่ำรวย เพียงแต่ว่าต้องการให้เกิดความเป็นธรรมต่อทรัพย์สินบุตรชาย และทรัพย์สินที่ใช้ชื่อร่วมกับ พญ.นิธิวดี เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สงสัยว่า ทำไมต้องนำพระเครื่องที่มีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท นำออกจากตู้เซฟธนาคารอีกด้วย
 
          สุดท้าย นายมานพ ยังระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ พญ.นิธิวดี ได้พยายามนำหลานมาพบที่บ้าน แต่ตนก็ได้ปฏิเสธ เพราะไม่มีทางใจอ่อนแน่นอน และทางที่ดีไม่ควรมาเจอกับตนและครอบครัวตนเป็นอันขาด


http://hilight.kapook.com/view/96958
บันทึกการเข้า

           
จากกุ๊ยข้างถนน    ดิ้นรนรับใช้ชาติ   ไพรีจงพินาศ  มิได้ขลาดเพื่อชาติพลี
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 08:36:57 AM »

นายสมชายว่าแปลก...

แปลกตรงที่ศาลให้ความเห็นว่าสามารถพอเจรจาตกลงแบ่งทรัพย์สินกันยังไหวอยู่, สงสัยศาลพูดเองหรือผู้ไกล่เกลี่ยในขั้นตอนการประนีประนอมยอมความเป็นผู้ให้ความเห็น หรือนักข่าวเขียนข่าวไปเอง... ประเด็นคือ พญ.นิธิวดีฯ และพวก ยังเคลียร์ตัวเองไม่ออกเรื่องคดีทั้ง 2 คดี ทั้งเรื่องคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ กับคดีลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสารฯ ซึ้งทั้ง 2 คดีสามารถเอามาเกี่ยวพันกันระหว่างพิจารณาคดีทั้งคู่ได้อีกด้วย...

มองภาพรวมคดีนี้ ทำให้เห็นสัจธรรมมนุษย์ครับ... มีทรัพย์มากเกินทำให้ทรัพย์นั้นเรียกอันตรายใส่ตัว แค่ไหนมากเกินฯ นั่นขึ้นอยู่กับเรื่องหลายเรื่อง, ตามท้องเรื่องในกระทู้นี้ทรัพย์ไม่มากเท่าไหร่ก็สร้างปัญหาได้แล้ว...

ที่นายสมชายว่าไม่มากเท่าไหร่ ก็เพราะเส้นแบ่งอยู่ที่ตัว พญ.นิธิวดีฯ เองก็มีศักยภาพหาเงินได้ปีละเกิน 10 ล้านบาท เพราะแพทย์ด้านความงามที่ขยันฯ สามารถหารายได้หลายแสน/ปริ่มล้านต่อเดือน... ตามข่าวนี้ ทรัพย์ทั้งหมดของเอ็กซ์อยู่แค่ระดับหลักร้อยล้านเท่านั้นเอง ซึ่งอยู่ในวิสัย พญ.นิธิวดีฯ หาได้ไม่กี่ปี...

บันทึกการเข้า
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 09:42:26 AM »

หาเองหายาก รับมรดกง่ายกว่าเยอะครับ กรณีตกเป็นผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน ยังไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย หรือร้องคัดค้านนะครับ เอาความรู้สึกมาใช้กับข้อกฏหมายไม่ได้ อาจารย์สอนไว้
การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ไต่สวนประเด็นตามกฏหมายแพ่ง ว่าด้วยครอบครัว มรดกคือ
๑. ผู้ร้องต้องเกี่ยวพันเป็นทายาทโดยชอบด้วยกฏหมาย ถ้าเป็นบิดาหรือภรรยา  ก็ต้องพิสูจน์ว่าผู้ตายเป็นบุตรโดยชอบหรือนอกสมรส และภรรยาสมรสโดยชอบหรืออยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา
๒.ขณะถึงแกความตาย เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาในเขตอำนาจศาลหรือไม่ อันนี้ดูจากทะเบียนบ้านผู้ตาย
๓.ทรัพย์มรดกที่รวบรวมได้มีอะไรบ้าง ทำบัญชีทรัพย์มา
๔.ผู้ร้องได้รับความยินยอมจากทายาทอื่นๆแล้วหรือไม่  ต้องมีหนังสือยินยอมมาแสดง พร้อมบัญชีเครือญาติ
๕.ผู้ร้องไม่ขาดคุณสมบัติ คือไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ฯ ไม่เคยถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย
ถ้าว่าตามตัวบท ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย หรือผู้ที่เคยถูกศาลตัดสินจำคุก ไม่มีระบุในข้อกฏหมายว่าขาดคุณสมบัติ
แต่ถ้าพ่อผู้ตาย จะคัดค้านภรรยาผู้ตาย โดยยกเหตุผลเรื่องความสามารถในการจัดการทรัพย์สินและการแบ่งปันทรัพย์สินแก่ทายาททุกคน ก็เป็นเรื่องของทนายผู้ร้อง(พ่อ)
อย่างไรก็ตามผู้ตายมีลูกเป็นผู้สืบสันดาน นับเป็นทายาทลำดับแรก  ภรรยา บิดา มารดา รับปันส่วนเท่าๆกันได้เช่นเดียวกับทายาทชั้นลูก  น่าจะหารสี่
แต่กรณีนี้ ผมว่าพ่อจะไม่แบ่งลูกสะใภ้เลยเพราะความโกรธแค้น  ส่วนเมียก็จะเอาหมด หรือแบ่งให้พ่อแม่น้อยๆ เพราะอ้างว่าเป็นสินรสได้มาระหว่างอยู่กินกัน ไม่ใช่ทรัพย์มรดกผู้ตาย  งานนนี้หนังม้วนยาววววววว




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2014, 09:48:40 AM โดย oil » บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 10:16:36 AM »


นายสมชายว่าแปลก...

แปลกตรงที่ศาลให้ความเห็นว่า  สามารถพอเจรจาตกลงแบ่งทรัพย์สินกันยังไหวอยู่,
สงสัยศาลพูดเอง  หรือผู้ไกล่เกลี่ยในขั้นตอนการประนีประนอมยอมความเป็นผู้ให้ความเห็น

หรือนักข่าวเขียนข่าวไปเอง...

ประเด็นคือ พญ.นิธิวดีฯ และพวก ยังเคลียร์ตัวเองไม่ออกเรื่องคดีทั้ง 2 คดี
ทั้งเรื่องคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ กับคดีลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสารฯ
ซึ้งทั้ง 2 คดีสามารถเอามาเกี่ยวพันกันระหว่างพิจารณาคดีทั้งคู่ได้อีกด้วย...

มองภาพรวมคดีนี้ ทำให้เห็นสัจธรรมมนุษย์ครับ...
มีทรัพย์มากเกินทำให้ทรัพย์นั้นเรียกอันตรายใส่ตัว
แค่ไหนมากเกินฯ นั่นขึ้นอยู่กับเรื่องหลายเรื่อง,
ตามท้องเรื่องในกระทู้นี้ทรัพย์ไม่มากเท่าไหร่ก็สร้างปัญหาได้แล้ว...

ที่นายสมชายว่าไม่มากเท่าไหร่ ก็เพราะเส้นแบ่งอยู่ที่ตัว พญ.นิธิวดีฯ เอง
ก็มีศักยภาพหาเงินได้ปีละเกิน 10 ล้านบาท เพราะแพทย์ด้านความงามที่ขยันฯ
สามารถหารายได้หลายแสน/ปริ่มล้านต่อเดือน...
ตามข่าวนี้ ทรัพย์ทั้งหมดของเอ็กซ์อยู่แค่ระดับหลักร้อยล้านเท่านั้นเอง
ซึ่งอยู่ในวิสัย พญ.นิธิวดีฯ หาได้ไม่กี่ปี...





บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 10:31:31 AM »

หาเองหายาก รับมรดกง่ายกว่าเยอะครับ กรณีตกเป็นผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน ยังไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย หรือร้องคัดค้านนะครับ เอาความรู้สึกมาใช้กับข้อกฏหมายไม่ได้ อาจารย์สอนไว้
การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ไต่สวนประเด็นตามกฏหมายแพ่ง ว่าด้วยครอบครัว มรดกคือ
๑. ผู้ร้องต้องเกี่ยวพันเป็นทายาทโดยชอบด้วยกฏหมาย ถ้าเป็นบิดาหรือภรรยา  ก็ต้องพิสูจน์ว่าผู้ตายเป็นบุตรโดยชอบหรือนอกสมรส และภรรยาสมรสโดยชอบหรืออยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา
๒.ขณะถึงแกความตาย เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาในเขตอำนาจศาลหรือไม่ อันนี้ดูจากทะเบียนบ้านผู้ตาย
๓.ทรัพย์มรดกที่รวบรวมได้มีอะไรบ้าง ทำบัญชีทรัพย์มา
๔.ผู้ร้องได้รับความยินยอมจากทายาทอื่นๆแล้วหรือไม่  ต้องมีหนังสือยินยอมมาแสดง พร้อมบัญชีเครือญาติ
๕.ผู้ร้องไม่ขาดคุณสมบัติ คือไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ฯ ไม่เคยถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย
ถ้าว่าตามตัวบท ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย หรือผู้ที่เคยถูกศาลตัดสินจำคุก ไม่มีระบุในข้อกฏหมายว่าขาดคุณสมบัติ
แต่ถ้าพ่อผู้ตาย จะคัดค้านภรรยาผู้ตาย โดยยกเหตุผลเรื่องความสามารถในการจัดการทรัพย์สินและการแบ่งปันทรัพย์สินแก่ทายาททุกคน ก็เป็นเรื่องของทนายผู้ร้อง(พ่อ)
อย่างไรก็ตามผู้ตายมีลูกเป็นผู้สืบสันดาน นับเป็นทายาทลำดับแรก  ภรรยา บิดา มารดา รับปันส่วนเท่าๆกันได้เช่นเดียวกับทายาทชั้นลูก  น่าจะหารสี่
แต่กรณีนี้ ผมว่าพ่อจะไม่แบ่งลูกสะใภ้เลยเพราะความโกรธแค้น  ส่วนเมียก็จะเอาหมด หรือแบ่งให้พ่อแม่น้อยๆ เพราะอ้างว่าเป็นสินรสได้มาระหว่างอยู่กินกัน ไม่ใช่ทรัพย์มรดกผู้ตาย  งานนนี้หนังม้วนยาววววววว

ตามตัวบทมันน่าจะหาร 4 นั่นก็ใช่ครับ... แต่ความเห็นศาลบอกว่า"สามารถพอเจรจาตกลงแบ่งทรัพย์สินกันได้"นี่แปลกฯ เพราะศาลก็รู้ว่าพ่อคนตายก็น่าจะรู้ตั้งแต่ก่อนคัดค้านแล้วว่าตัวบทเป็นเช่นไร ทนายฯก็น่าจะบอกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ยังค้านอยู่ก็เพราะแค้นเลยลากขึ้นศาลให้ยุ่งยากเล่นๆ...

สำหรับยายบ๊าบน่ะ... โจรขี้อิจฉา... ฮา...
บันทึกการเข้า
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 12:06:34 PM »



ตามตัวบทมันน่าจะหาร 4 นั่นก็ใช่ครับ...
แต่ความเห็นศาลบอกว่า"สามารถพอเจรจาตกลงแบ่งทรัพย์สินกันได้"นี่แปลกฯ
เพราะศาลก็รู้ว่าพ่อคนตายก็น่าจะรู้ตั้งแต่ก่อนคัดค้านแล้วว่าตัวบทเป็นเช่นไร
ทนายฯก็น่าจะบอกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ยังค้านอยู่ก็เพราะแค้นเลยลากขึ้นศาลให้ยุ่งยากเล่นๆ...

สำหรับยายบ๊าบน่ะ... โจรขี้อิจฉา... ฮา...


5555 จ๊านโฉมชาย (ฺฮา)   จบ  " ปอสอง ครึ่ง "  จะไปรู้อารัย อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
Victor&Sugus
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 85
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1062


รักสนุกทุกถนัด เฉพาะเรื่องปืน.....


« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 05:18:02 PM »

นายสมชายว่าแปลก...

แปลกตรงที่ศาลให้ความเห็นว่าสามารถพอเจรจาตกลงแบ่งทรัพย์สินกันยังไหวอยู่, สงสัยศาลพูดเองหรือผู้ไกล่เกลี่ยในขั้นตอนการประนีประนอมยอมความเป็นผู้ให้ความเห็น หรือนักข่าวเขียนข่าวไปเอง... ประเด็นคือ พญ.นิธิวดีฯ และพวก ยังเคลียร์ตัวเองไม่ออกเรื่องคดีทั้ง 2 คดี ทั้งเรื่องคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ กับคดีลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสารฯ ซึ้งทั้ง 2 คดีสามารถเอามาเกี่ยวพันกันระหว่างพิจารณาคดีทั้งคู่ได้อีกด้วย...

มองภาพรวมคดีนี้ ทำให้เห็นสัจธรรมมนุษย์ครับ... มีทรัพย์มากเกินทำให้ทรัพย์นั้นเรียกอันตรายใส่ตัว แค่ไหนมากเกินฯ นั่นขึ้นอยู่กับเรื่องหลายเรื่อง, ตามท้องเรื่องในกระทู้นี้ทรัพย์ไม่มากเท่าไหร่ก็สร้างปัญหาได้แล้ว...

ที่นายสมชายว่าไม่มากเท่าไหร่ ก็เพราะเส้นแบ่งอยู่ที่ตัว พญ.นิธิวดีฯ เองก็มีศักยภาพหาเงินได้ปีละเกิน 10 ล้านบาท เพราะแพทย์ด้านความงามที่ขยันฯ สามารถหารายได้หลายแสน/ปริ่มล้านต่อเดือน... ตามข่าวนี้ ทรัพย์ทั้งหมดของเอ็กซ์อยู่แค่ระดับหลักร้อยล้านเท่านั้นเอง ซึ่งอยู่ในวิสัย พญ.นิธิวดีฯ หาได้ไม่กี่ปี...




ผมก็คิดอย่างนั้นแหละครับ ยิ่งขอจัดการมรดกไปเหมือนยิ่งเพิ่มหลักฐานมัดตัวเองเกี่ยวกับคดีที่ค้างอยู่ หาเงินเองต่อไปจะดีกว่า...
บันทึกการเข้า

☀ <º))))><.·´¯`·. h £ ® ß € ¯|¯ •·.·´¯`·.·• .·´¯`·.><((((º> —(•·÷[ ]÷·•)—·‡±±‡±÷· Oº°‘¨ ¨‘°ºO •°o.O O.o°• ¨°o.O O.o°¨ —¤÷(`[¤* *¤]´)÷¤— •·.·´¯`·.·• •·.·´¯`·.·• «·´`·.(`·.¸ ¸.·´).·´`·» ׺°”˜`”°º× ׺°”˜`”°º× »-(¯`v´¯)✿*Maxx™❀●• ♬✿❀●• ♬
รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือสมบัติของผู้มีอารยธรรม
Hero Member
*****

คะแนน 239
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1115



« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 06:55:02 PM »

ข้อเท็จจริงเท่าที่ผมทราบมาคือ เอ็กซ์กับหมอนิ่มไม่ได้จดทะเบียนเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ฉะนั้นหมอนิ่มจึงไม่อาจถือเป็นทายาทโดยธรรมตามมาตรา 1629 วรรคสอง ป.พ.พ. ได้ แต่ลูกของเอ็กซ์กับพ่อแม่เอ็กซ์มีสิทธิตามมาตรา 1629 ป.พ.พ. อนุมาตรา (1) และ (2) ตามลำดับ

ฉะนั้นหมอนิ่มจึงต้องหันไปสู้ในประเด็นกรรมสิทธิ์ร่วมแทน ซึ่งภาระการพิสูจน์จะตกอยู่กับฝ่ายหมอนิ่มมากที่สุดในการนำสืบให้สมอ้างกับพยานหลักฐานด้วย งานนี้ดราม่าชามโตสู้กัน 3 ชั้นศาลแน่นอนครับ
บันทึกการเข้า

...การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารัก มันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่คน...

คิดถึงทุกปี-บินหลา สันกาลาคีรี
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 28, 2014, 07:05:39 PM »


ข้อเท็จจริงเท่าที่ผมทราบมาคือ
เอ็กซ์กับหมอนิ่มไม่ได้จดทะเบียนเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย
ฉะนั้นหมอนิ่มจึงไม่อาจถือเป็นทายาทโดยธรรมตามมาตรา 1629 วรรคสอง ป.พ.พ. ได้

แต่ลูกของเอ็กซ์กับพ่อแม่เอ็กซ์มีสิทธิตามมาตรา 1629 ป.พ.พ. อนุมาตรา (1) และ (2) ตามลำดับ

ฉะนั้นหมอนิ่มจึงต้องหันไปสู้ในประเด็นกรรมสิทธิ์ร่วมแทน
ซึ่งภาระการพิสูจน์จะตกอยู่กับฝ่ายหมอนิ่มมากที่สุดในการนำสืบ
ให้สมอ้างกับพยานหลักฐานด้วย งานนี้ดราม่าชามโตสู้กัน 3 ชั้นศาลแน่นอนครับ



555555  ยาย ฮา  จานโฉมชาย (ฮา)  มากที่ซู๊ด อ่ะ ฮา

ข้อเท็จจริงคือ  "หมอนิ่ม"  ไม่ได้ถูกดำเนินคดี หรือตกเป็นผู้ต้องหา อ่ะ ฮา
แม่หมอนิ่ม  ต่างหาก  ที่เข้ารับ "สมอ้าง" ว่าเป็นคนดำเนินการเรื่องจ้างวานฆ่าเอ็กซ์ อ่ะ ฮา

เพราะฉะนั้น  เมื่อคดี เดินหน้าไปสู่ศาล  "ภาระ การดูแลเลี้ยงดูบุตร"  คงจะเป็นของหมอ อ่ะ ฮา
เมื่อภาระนั้น  "ตกอยู่ในความครอบครอง" ของเธอ  สมบัติของเอ็กซ์  ก็อยู่ในมือเธอเช่นกัน อ่ะ ฮา


5555 เฮียโก๋ ท่าทางบริโภค "แห้ว"  ตอนอายุ 70  ถ้าเขายังมีชีวิตเหลืออยู่ อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 29, 2014, 12:56:56 PM »


นายสมชายว่าแปลก...

แปลกตรงที่ศาลให้ความเห็นว่า  สามารถพอเจรจาตกลงแบ่งทรัพย์สินกันยังไหวอยู่,
สงสัยศาลพูดเอง  หรือผู้ไกล่เกลี่ยในขั้นตอนการประนีประนอมยอมความเป็นผู้ให้ความเห็น

หรือนักข่าวเขียนข่าวไปเอง...

ประเด็นคือ พญ.นิธิวดีฯ และพวก ยังเคลียร์ตัวเองไม่ออกเรื่องคดีทั้ง 2 คดี
ทั้งเรื่องคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ กับคดีลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสารฯ
ซึ้งทั้ง 2 คดีสามารถเอามาเกี่ยวพันกันระหว่างพิจารณาคดีทั้งคู่ได้อีกด้วย...

มองภาพรวมคดีนี้ ทำให้เห็นสัจธรรมมนุษย์ครับ...
มีทรัพย์มากเกินทำให้ทรัพย์นั้นเรียกอันตรายใส่ตัว
แค่ไหนมากเกินฯ นั่นขึ้นอยู่กับเรื่องหลายเรื่อง,
ตามท้องเรื่องในกระทู้นี้ทรัพย์ไม่มากเท่าไหร่ก็สร้างปัญหาได้แล้ว...

ที่นายสมชายว่าไม่มากเท่าไหร่ ก็เพราะเส้นแบ่งอยู่ที่ตัว พญ.นิธิวดีฯ เอง
ก็มีศักยภาพหาเงินได้ปีละเกิน 10 ล้านบาท เพราะแพทย์ด้านความงามที่ขยันฯ
สามารถหารายได้หลายแสน/ปริ่มล้านต่อเดือน...
ตามข่าวนี้ ทรัพย์ทั้งหมดของเอ็กซ์อยู่แค่ระดับหลักร้อยล้านเท่านั้นเอง
ซึ่งอยู่ในวิสัย พญ.นิธิวดีฯ หาได้ไม่กี่ปี...








555 ยาย ฮา  "จานโฉมชาย"  อีกรอบ อ่ะ ฮา

ในคดีที่เกี่ยวกับ "ครอบครัว"  เมื่อเดินไปศาล ฮา
ศาลท่านเห็นว่า เป็นคนใกล้ชิด คนกันเอง อ่ะ ฮา

เบื้องแรก ไปโน่น  "ห้องไกล่เกลี่ย" ที่มีผู้พิพากษาสมทบ นั่งรับฟัง อ่ะ ฮา

55555  เมื่อโน้มน้าว  ไม่สำเร็จ  ก็ทำการเปิด  "ศาล ไคฟง" อ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 29, 2014, 01:33:22 PM »

ประเด็นที่ยายบ๊าบเถียงมันอยู่ตรงไหนหว่า... อ่านแล้วก็ไม่รู้ว่ายายบ๊าบจะเถียงอะไร เถียงตรงไหน?(ยายบ๊าบต้องหัดอ่านเอาเรื่อง/จับประเด็น)...

ศาลยังไม่ได้พูดอะไรร๊อก, ก็คดีมันยังอยู่ที่ขั้นตอนประนีประนอมยอมความ ขั้นนี้ยังไม่ได้เห็นไพ่เลยซักใบนึง, มีแต่ต่างฝ่ายต่างพยายามเกทับบลั๊ปแหลก/กั๊กข้อมูล(หรือล้วงข้อมูล)จากฝ่ายตรงข้าม... หากใครที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประนีประนอมยอมความแบบนี้น่ะ บอกได้เลยว่าหากฝ่ายไหนไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่าชัดเจนเจ๋งเป้งกันจริงๆแล้ว "ผู้ประนีประนอม"ยอมความจะลากทะลุ่มทะลุ่ยให้ตกลงกันเองแบบน้ำขุ่นๆ ทำนองฟ้องเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท แต่ยอมความกันแค่ 5 พันบาท... ฮา...

ใครไม่เคยเกี่ยวข้องกับคดีความ หรือไม่เคยมีคดีขึ้นศาลจะไม่รู้หรอก ว่าขั้นตอนประนีประนอมนี่มันก็แค่เล่นเกมส์เกทับ บลั๊ฟแหลก เขย่าขวัญสั่นประสาท ฯลฯ... มีตั้งเยอะแยะไปที่"ผู้ประนีประนอม"กล่อมทะลุ่มทะลุ่ย คุ่ยๆ ให้ฝ่ายหนึ่งยอมความแทบตาย ทั้งขู่ทั้งปลอบจนขวัญหนีดีฝ่อ(ใครขวัญไม่ดีมีเขวเอาง่ายๆ), แต่เมื่อพิจารณาคดีในห้องพิจารณาจริงแล้วกลับตาลปัดเหมือนหนังคนละเรื่อง... ฮา...

ยายบ๊าบอย่ามาทำคุยรู้ดีเรื่องโรงศาล/กฎหมายเล๊ย... โถ... โจรขี้อิจฉา... ฮา...
บันทึกการเข้า
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 29, 2014, 01:40:19 PM »

งั้นผมพอกระแอมได้บ้างแล้วสินะ  ขึ้นไต่สวนตั้ง ผจก.มรดก  เก็บแต้มมาสามเคสแล้ว  วันที่สิบนี้ไปศาลมีนฯอีก
แต่กว่าจะรู้ความ...ท่านเอ๋ย..โดนท่านฯเตือนเบาๆกลางศาลต่อหน้าธารกำนัลจนเหงื่อก้นแฉะ
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 29, 2014, 01:51:39 PM »

งั้นผมพอกระแอมได้บ้างแล้วสินะ  ขึ้นไต่สวนตั้ง ผจก.มรดก  เก็บแต้มมาสามเคสแล้ว  วันที่สิบนี้ไปศาลมีนฯอีก
แต่กว่าจะรู้ความ...ท่านเอ๋ย..โดนท่านฯเตือนเบาๆกลางศาลต่อหน้าธารกำนัลจนเหงื่อก้นแฉะ

โห... ใครจะกล้าเถียงทนายเล่าครับ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 29, 2014, 01:54:45 PM »

555 ยาย ฮา  "จานโฉมชาย"  อีกรอบ อ่ะ ฮา
ในคดีที่เกี่ยวกับ "ครอบครัว"  เมื่อเดินไปศาล ฮา
ศาลท่านเห็นว่า เป็นคนใกล้ชิด คนกันเอง อ่ะ ฮา
เบื้องแรก ไปโน่น  "ห้องไกล่เกลี่ย" ที่มีผู้พิพากษาสมทบ นั่งรับฟัง อ่ะ ฮา
55555  เมื่อโน้มน้าว  ไม่สำเร็จ  ก็ทำการเปิด  "ศาล ไคฟง" อ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

เพิ่งเห็นประเด็นของยายบ๊าบฯ... ฮา...

ใกล้ช๊งใกล้ชิดอาไร๊... เขาลากให้ไกล่เกลี่ยทุกคดีแหละ คนไม่รู้จักกันไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันก็ลากเข้าห้องไกล่เกลี่ยโม๊ด(นัดไกล่เกลี่ยแล้วคู่ความไม่มาตามนัดทั้งคู่ก็มีออกบ่อย)... ฮา...
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 20 คำสั่ง