เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 16, 2024, 10:01:51 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 45 46 47 [48] 49
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาดูกันว่า ราคายางพารา 55 บาท ชาวสวนยางจะอยู่กันได้หรือไม่ ???  (อ่าน 67852 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #705 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 08:00:27 PM »

เดี๋ยวตรูจะลบแต้มให้หมด  ยี๊ ยี๊ ยี๊


เก่งจริงก็ทำหนังสือถึงรัฐบาลโน่นไป

หรือไม่ก็ไปคุยเลยกับพวกแกนนำชาวสวนยางทั้งหลาย ว่าต้องทำอย่างงี้ๆ

ไม่ใช่มุดหัวโชว์พาวอยู่แต่ในเวปนี้



อย่านะ  อย่ายังงี้อีกนะ...   เครดิตอาจารย์ผมครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #706 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 08:13:20 PM »

 อ๋อย  หันหลังแป๊บเดียว เล่นตรูแระ....   บู่
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #707 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2014, 05:20:29 PM »

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #708 เมื่อ: ธันวาคม 25, 2014, 06:37:19 PM »

ข่าวดี! ราคายางทะลุ 60 บาท/กก. หลังรัฐบาลอัดเงินบัฟเฟอร์ฟันด์ก้อนแรก 6 พันล้านไล่ซื้อ ดันราคาพุ่ง

Prev
1 of 1
Next

คลิกภาพเพื่อขยาย

updated: 25 ธ.ค. 2557 เวลา 15:04:21 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

รัฐบาลโล่งอก วันนี้ราคายางทะลุ 60 บาทต่อกิโลกรัมเป็นครั้งแรก บรรลุเป้าหมายก่อนปีใหม่ ด้านสถาบันวิจัยยางชี้ปัจจัยเสี่ยงราคาน้ำมันลดลง นักลงทุนชะลอซื้อช่วงวันหยุดยาว

สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร รายงานสถานการณ์ราคายางในวันนี้ (25 ธันวาคม 2557) ว่า ราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาขึ้นไปถึงระดับ 60 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว โดยวันนี้ราคาขยับขึ้นถึง 2 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนยางแผ่นดิบ ราคา 55 บาทต่อกิโลกรัม ขยับขึ้น 1 บาท น้ำยางสด ณ โรงงาน ราคา  43 บาทต่อกิโลกรัม

สถาบันวิจัยยาง ระบุว่า มีปัจจัยบวกจากอุปทานยางออกสู่ตลาดลดลง เนื่องจากยังมีฝนตกชุกและภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ปลูกยางทางภาคใต้ของไทย เช่นเดียวกับมาเลเซีย ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นราคายางของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ราคายางยังมีปัจจัยเสี่ยงจากราคาชี้นำตลาดล่วงหน้าโตเกียวและราคาน้ำมันปรับตัวลดลง รวมทั้งนักลงทุนชะลอการซื้อเพราะตลาดในหลายประเทศหยุดยาวในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ขยับขึ้นไปถึง 60 บาทต่อกิโลกรัม บรรลุเป้าหมายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้ว่าจะทำให้ราคายางสูงขึ้นที่ 60 บาทต่อกิโลกรัมภายในสิ้นปีนี้ให้ได้ โดยให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ใช้เงินกองทุนมูลภัณฑ์กันชน หรือ Buffer Fund นำไปซื้อขายยางพาราในตลาด ที่ผ่านมามีการไล่ซื้อยางในราคานำตลาดวันละ 1 บาทต่อกิโลกรัมอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับกองทุนมูลภัณฑ์กันชน ได้รับวงเงินมาทั้งหมด 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งล็อตแรกนี้ อ.ส.ย.ได้รับเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 6,000 ล้านบาท

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7665
ออฟไลน์

กระทู้: 9988



« ตอบ #709 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2014, 01:13:22 AM »

เค้าจาเอา 80 ง่ะ
บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #710 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2014, 04:31:22 PM »

บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #711 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2014, 04:55:04 PM »






ณ. โรงงาน กว่าจะถึงมือชาวสวน น้ำยางสดเหลือ ๓๕ บาทไหมครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #712 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2014, 01:42:56 AM »

เกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ตอนล่างโอดน้ำท่วมสวนยางล่ม ไม่ได้อานิสงส์ยางขึ้น 60.50 บาท/กก. ด้านพ่อค้าทุนหนารับเละ

นายไพรัช เจ้ยชุม ประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า วันนี้ (26 ธ.ค.57) ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ ราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่ 60.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) แต่ปรากฏว่าสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ตอนล่าง เช่น สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กำลังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยางอย่างหนัก ทำให้สหกรณ์ยางพารา กลุ่มสถาบันเกษตรกร ไม่สามารถนำยางพาราเข้าไปจำหน่ายในตลาดกลางได้ เนื่องจากไม่มียางพารา เพราะอยู่ในช่วงหน้าฝนไม่สามารถกรีดยางได้ และยังถูกน้ำท่วมหนักอีกด้วย

"ตอนนี้ยางที่เข้าสู่ตลาดกลาง จึงเป็นยางพาราของกลุ่มธุรกิจเอกชน ที่ไปรับซื้อน้ำยางสดจากฝั่งอันดามัน เช่น ตรัง กระบี่ มาผลิตเป็นยางแผ่นรมควันแล้วเข้ามาประมูลซื้อขายที่ตลาดกลางหาดใหญ่ โดยมีปริมาณยางพาราเข้าสู่ตลาดกลางทั่วภาคใต้เฉลี่ย 1,000 – 2,000 ตัน /วัน"

ทั้งนี้ พ่อค้าจะรับซื้อน้ำยางสดอยู่ที่ 43 บาท/กก. แล้วนำไปผลิตเป็นยางแผ่นรมควัน มีค่าบริหารจัดการประมาณ 5 บาท/กก. ทำให้มีส่วนต่างกว่า 10 บาท/กก. ตอนนี้เอกชนที่เข้าไปรับซื้อน้ำยางสดฝั่งอันดามันสามารถทำกำไรได้ แต่สถาบันเกษตรกร  สหกรณ์ ไม่ได้อะไรในช่วงนี้

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1419591030
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7665
ออฟไลน์

กระทู้: 9988



« ตอบ #713 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2014, 01:51:21 AM »

แล้วตามไปดูถึงบ.รับซื้อยางแล้วขายส่งไปโรงงานผลิตต่างๆบ้างบางโรงงานมีสวนยางและบ.รับซื่อของตัวเองเลยนะ
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #714 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2014, 09:49:02 AM »

เดี๋ยวตรูจะลบแต้มให้หมด  ยี๊ ยี๊ ยี๊


เก่งจริงก็ทำหนังสือถึงรัฐบาลโน่นไป

หรือไม่ก็ไปคุยเลยกับพวกแกนนำชาวสวนยางทั้งหลาย ว่าต้องทำอย่างงี้ๆ

ไม่ใช่มุดหัวโชว์พาวอยู่แต่ในเวปนี้



อย่านะ  อย่ายังงี้อีกนะ...   เครดิตอาจารย์ผมครับ



ตอกย้ำครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #715 เมื่อ: มกราคม 06, 2015, 07:07:04 PM »

วันที่ 6 มกราคม 2558 นายสาย อิ่นคำ กรรมการสมาคมยางพารา สถาบันเกษตรกรยางพาราไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้พ้นช่วงเทศกาลปิดยาวส่งท้ายปีเก่า 2557 และต้อนรับปีใหม่ 2558 มาแล้ว หน่วยงานราชการและองค์กรภาคเอกชนทุกแห่งเปิดทำงานและให้บริการตามปกติ รวมทั้งตลาดการซื้อขายยางพาราทั่วประเทศ แต่สถานการณ์ราคายางพาราก็ไม่ดีขึ้น

ราคายางก้อนถ้วยวันนี้ (6 ม.ค.) ราคาอยู่ที่ กก.ละ 17-18 บาท มีขยับหลังปีใหม่เล็กน้อย 1 บาท เท่านั้น ส่วนสถานการณ์ราคายางพาราแผ่นดิบยังไม่กระเตื้อง นิ่งสงบปิดตายอยู่ที่ กก.ละ 43-44 บาท เท่านั้น ที่สำคัญไม่มีการซื้อขายยางพาราแผ่นดิบเลย ชาวบ้านที่ทำก็เก็บไว้รอเวลาที่ราคาจะขยับขึ้น ขณะที่แรงงานรับจ้างกรีดยางก็ลดน้อยลงทุกขณะ กว่าร้อยละ 50 เจ้าของสวนกรีดเองไม่จ้างแรงงาน เพราะรายได้ที่จะต้องแบ่งมีน้อยลง

"สถานการณ์ดังกล่าวไม่สามารถทำให้เกษตรกรยางพาราในจังหวัดพะเยาหยุดนิ่งได้อีกต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มแกนนำเกษตรกรพยายามติดต่อและประสานงานขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไปทุกช่องทางแล้ว ผมตัดสินใจขอสายตรงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาทันทีภายในสัปดาห์นี้ ว่าจังหวัดจะมีมาตรการเร่งด่วนรองรับเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เกษตรกรชาวสวนยางอย่างไรบ้าง เพราะตลาดซื้อขายยางพาราแผ่นดิบในพื้นที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ" นายสายกล่าว

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1420524715

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #716 เมื่อ: มกราคม 30, 2015, 08:11:33 PM »

ใครมีข้อเสนออะไรจะไปบอกรัฐบาลก็ช่วยๆกันครับ ความจริงมันอยู่ในข่าวนี้นะผมว่า

http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000011760


รายงานโดย...ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
       
       “ชุมนุมไม่ได้ ตอนนี้ได้สั่ง คสช.ให้ไปดูแล้วว่าเป็นอย่างไรกันแน่ มีปัญหาตรงไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ราคายางแผ่นกิโลกรัมละไม่ถึง 80 บาท ก็จะขอให้ได้ 80 บาท ตอนนี้ทำให้ยางแผ่นได้ที่ 60 บาท ก็จะขอให้ขึ้นราคาน้ำยางเป็น 80 บาท มันได้หรือไม่ขอแบบนี้ ขอต่อไปเรื่อยอย่างนี้ไม่ได้...”
       
       บางถ้อยคำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กล่าวอย่างมีอารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงกรณีเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ เตรียมนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 30 ม.ค.2558 เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ
       
       “เขาคุยกันมาทุกคณะ ทั้งรัฐมนตรี และรองนายกฯ หมดแล้ว เกษตรกรชาวสวนยางต้องไปรวมกลุ่มกันมาพูดคุย ถ้า 10 คนมาฟัง แล้วอีก 1 กลุ่มไปพูดกับสื่อ มันได้หรือไม่ รู้หรือไม่ว่าวันนี้มีเกษตรกรสวนยางกี่กลุ่ม และกลุ่มไหนมาบ้าง และไม่มาบ้าง อย่างนี้จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่...”
       
       น้ำเสียงดุดันที่ถูกเปล่งผ่านริมฝีปากเรียวบางของ พล.อ.ประยุทธ์ ประกอบกับท่าทีที่สามารถมองผ่านภาพเคลื่อนไหวได้จากหลายๆ ช่องทางที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุม เชื่อว่าผู้ที่ติดข่าวสารบ้านเมืองนับล้านๆ คนรับรู้ และเข้าใจความรู้สึกห้วงเวลานี้ของท่านผู้นำประเทศไทยได้ดี
       
       ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าเกษตรกรชาวสวนยางราว 5,000 คน จะออกมาชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง เพราะเขาเข้าใจ สื่ออย่าไปปั่นให้เขาออกมา ถ้าออกมาก็เพราะสื่อต้องไปอธิบายว่า รัฐบาลกำลังทำแบบนี้ กำลังแก้ไขปัญหา ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบเรียบร้อยเพราะต้องใช้เวลา และทำไมไม่นึกถึงอาชีพอื่นบ้าง เขาลำบากเดือดร้อนกันหรือไม่ ทำไมไม่ขอรัฐบาลมาอย่างนั้น ก็ขอรัฐบาลมาให้หมดเลยแล้วกัน ทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ค้าขาย รัฐบาล เงินไม่มีแล้ว เดี๋ยวออกเป็นบัตรอะไรสักอย่าง
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้นายกฯ เป็นความหวังของคนทั้งประเทศ เกษตรกรจึงขอความช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ทำให้ทุกวันนี้ เพราะรู้ว่าเป็นความหวังไง แล้วไม่เห็นใจตนบ้างหรือ
       
       “เมื่อมองว่าผมเป็นความหวังเดียวก็อย่ามาทำลายกัน และจะใจเย็นไม่ได้ ถ้าแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้”

เตะหมูเข้าปากสุนัข..อีกแว้ววว..?! “บิ๊กป้อม” อาสาขี่ 5 เสือ ฉุดยางโลละ 80
แฟ้มภาพ

        จากถ้อยคำของท่านผู้นำนี้ ส่งผลให้ในวันที่ 28 ม.ค.เดียวกัน แกนนำเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพารารายย่อยภาคใต้ 16 จังหวัด ได้ออกมาประกาศจะไม่มีการรวมตัวชุมนุมปิดถนนบริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง แต่แกนนำประมาณ 30 คน จะเดินทางมาร่วมประชุมที่โรงแรมวัฒนาพาร์ค จ.ตรังแทน เพื่อหารือปัญหาที่เกิดขึ้น และกำหนดทิศทางเคลื่อนไหวต่อไป
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้แกนนำชาวสวนยางจะประกาศเหตุผลไม่ได้มาจากท่าทีของท่านผู้นำ มาตรการที่จะจัดการขัดเด็ดขาดของรัฐบาล และ คสช. รวมถึงไม่ได้รู้สึกอะไรต่อการยังคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก และยืนยันว่า หากถึงเวลาก็พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวใหญ่ในลักษณะสมรภูมิควนหนองหงส์ ที่ จ.นครศรีธรรมราชเหมือนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่การลดบทบาทการเคลื่อนไหวแบบหักมุมจบก็เป็นเรื่องที่สังคมเข้าใจได้
       
       สำหรับยางพาราถือเป็นพืชที่มีความสำคัญมาก ทั้งทางเศรษฐกิจ และการเมือง ไม่ต่างอะไรจากพืชชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันสำปะหลัง อ้อย หรือกระทั่งปาล์มน้ำมัน เมื่อเกิดวิกฤตราคาดิ่งเหวก็จะเห็นความเคลื่อนไหวรุกไล่จากฟากเกษตรกร ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็จะควักทั้งมาตรการที่เป็นไม้อ่อน และไม้แข็งออกมาใช้จัดการแก้ปัญหา ซึ่งวิกฤตราคายางตกต่ำระลอกนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ต่อเนื่องยาวนานมาหลายปี แล้วถูกส่งทอดมาแล้วหลายรัฐบาลเช่นกัน
       
       ปัญหาราคายางตกต่ำมีผลกระทบต่อค่าครองชีพ และการดำรงชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง รวมถึงอีกหลากหลายอาชีพที่เกี่ยวเนื่องอย่างยากหลีกเลี่ยง การออกมาเคลื่อนไหวด้วยการชุมนุม ประกาศข่มขู่ หรือประชดประชันด้วยนานารูปแบบมีให้เห็นต่อเนื่อง หลายพื้นที่ของภาคใต้เริ่มสำแดงการโค่นต้นยางขายเพื่อหันไปปลูกพืชชนิดใหม่ก็มีให้เห็นแล้ว ขณะที่ก็มีชาวสวนยางถึงขั้นตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการฆ่าคนในครอบครัว และกระทำอัตวินิบาตกรรมตามกันไปก็มีแล้ว ซึ่งก็เพิ่งเป็นข่าวครึกโครมไปหมาดๆ ไม่ต่างจากเรื่องข้าว หรือพืชเศรษฐกิจการเมืองอื่นๆ
       
       ก่อนหน้าที่วิกฤตราคายางตกต่ำจะทำให้ท่านผู้นำโกรธถึงขั้นออกอาการพลุ่งพล่านต่อหน้าสื่อครั้งนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็พยายามเดินหน้าหาทางแก้ปัญหาให้มาต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนไปแล้วหลายหมื่นล้านบาท หรือกระทั่งเดินเกมการเมืองทั้งใน ครม.และเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงผ่านหลายๆ ฝ่ายที่เป็นพันธมิตรการเมืองที่มีอยู่มากมาย
       
       และที่สังคมกำลังเป็นที่จับตามองใกล้ชิดก็เห็นจะเป็นการใช้บริการทีมงานหลวงลุงกำนันน้ำมันปาล์ม และอดีตแกนนำ กปปส. ซึ่งถึงวันนี้พระสุเทพ ปภากโร และคณะก็ยังคงเดินสายทัวร์ตามวัดต่างๆ ในภาคใต้ เพื่อขอร้องให้ชาวสวนยางหยุดเคลื่อนไหวต่อต้านรับบาลยังไม่เสร็จสิ้น รวมถึงก่อนหน้าก็เคยส่งเกี้ยวเชิญ นายอำนวย ปติเส ที่เชื่อว่าเข้าใจปัญหาราคายางตกต่ำดีมาช่วยรัฐบาล ด้วยการแต่งตั้งให้นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น

เตะหมูเข้าปากสุนัข..อีกแว้ววว..?! “บิ๊กป้อม” อาสาขี่ 5 เสือ ฉุดยางโลละ 80
แฟ้มภาพ

        ทว่า ที่เป็นที่จับตามอง และเป็นข่าวโครมครามไปแล้วคือ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นั่งหัวโต๊ะประชุมร่วมกับพ่อค้ายางรายใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วภาคใต้ที่รู้จักกันในนาม 5 เสือวงการยางไทย ก่อนจะออกมาแถลงเสียงดังฟังชัดว่า...
       
       ในอีก 1 เดือนข้างหน้า ราคายางจะถีบตัวขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 80 บาท เพราะผู้ค้ายางรายใหญ่รับปากแล้วว่า จะทำการลุยซื้อยาง โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ใช้เงินกู้เพื่อใช้ในการชี้นำตลาดให้ราคายางสูงขึ้น
       
       หากการที่ พล.อ.ประวิตร เพียงแค่นั่งเจรจากับบรรดาพ่อค้ายางแล้วสามารถทำตามประกาศได้จริง เรื่องนี้ถือว่าจะช่วยแก้หน้ารัฐบาลได้อย่างมาก เพราะเป็นเวลา 2-3 เดือนมาแล้ว ที่นายอำนวย พยายามปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่งต่อการแก้ปัญหาราคายางให้เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 60 บาท แต่ที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยเป็นผลสัมฤทธิ์
       
       เกษตรกรทั้งเจ้าของสวน และลูกจ้างตัดยางยังคงถูกยึดบ้านบ้าง รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์บ้าง หรือถูกไล่บี้เรื่องหนี้สิน โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ต้องทนอยู่กันอย่างเสดสาต่อเนื่องกันมานานนับเดือนนับปีแล้ว
       
       อย่างไรก็ตาม หากจับความจากคำพูดที่มากด้วยอารมณ์เรื่องการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำครั้งล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ข้างต้นที่ระบุว่า ก่อนหน้านี้ราคายางแผ่นกิโลกรัมละไม่ถึง 80 บาท ก็จะขอให้ได้ 80 บาท ตอนนี้ทำให้ยางแผ่นได้ที่ 60 บาท ก็จะขอให้ขึ้นราคาน้ำยางเป็น 80 บาท มันได้หรือไม่ขอแบบนี้ ขอต่อไปเรื่อยอย่างนี้ไม่ได้
       
       ทั้งนี้ จึงดูเหมือนต้องการชี้ว่า รัฐบาลทำราคาให้ขึ้นมาถึงกิโลกรัมละ 60 บาท ตามมาตรการที่นายอำนวย รับปากไว้แล้ว ยังจะมาขอให้ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 80 บาทอีกหรือ??
       
       จากคำพูดทำให้ดูเหมือนบรรดาเกษตรกรชาวสวนยางที่ออกมาเคลื่อนไหว ที่ออกมารวมตัวกันเรียกร้องต่อรัฐบาล ล้วนมีพฤติกรรมไม่ต่างจาก “ลูกอีช่างขอ” หรืออะไรทำนองนั้นหรือไม่!!
       
       เกี่ยวกับเรื่องราคาตามคำกล่าวของท่านผู้นำนั้น มีสิ่งที่ของทำความเข้าใจเกี่ยวกับที่มา-ที่ไปของ “ตัวเลขราคายาง” รวมถึงการทำความเข้าใจ “วิถีชีวิต” ของเกษตรกรชาวสวนยาง และคนตัดยางอีกด้วยว่า พวกเขาเหล่านั้นขายยางได้ราคาตามที่กล่าวอ้างไว้หรือไม อย่างไร?!
       
       เบื้องแรกต้องเข้าใจว่า ชาวสวนยางประกอบด้วยคน 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือ เจ้าของสวนยาง ซึ่งมี 2 ประเภทคือ เจ้าของสวนรายเล็กที่ทำหน้าที่ตัดยางเอง กับเจ้าของสวนรายใหญ่ ที่จ้างลูกจ้างเป็นผู้ตัดยางแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน
       
       เจ้าของสวนทั้งรายเล็ก และรายใหญ่นั้น ส่วนใหญ่นำน้ำยางที่กรีดมาได้ไปทำ “ยางแผ่นดิบ” หรือไม่ก็ขายเป็น “น้ำยางสด” พวกเขาไม่ได้ทำเป็น “ยางแผ่นรมควัน” เจ้าของสวนเหล่านี้ไม่รู้จัก “ตลาดกลางยาง” และไม่สามารถนำยางแผ่นดิบ และน้ำยางสด หรือแม้กระทั่ง “ขี้ยาง” เข้าไปขายในตลาดกลางยางได้ กล่าวคือ ใครอยู่ที่หมู่บ้านไหน ตำบลไหน อำเภอไหน พวกเขาก็ขายให้กับร้านรับซื้อยาง หรือจุดรับซื้อน้ำยางสดที่นั่น

เตะหมูเข้าปากสุนัข..อีกแว้ววว..?! “บิ๊กป้อม” อาสาขี่ 5 เสือ ฉุดยางโลละ 80
เอกสารการขายยางของชาวสวนและคนตัดยางในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งจะมีราคาที่ขายได้จริงกำกับไว้ในแต่ละวันที่นำยางไปขายให้กับพ่อค้าในพื้นที่ จากวันที่ 29/12/2557 ราคาที่ขายได้อยู่ที่ 26.28 บาท/กก. เป็นในวันที่ 07/01/58 อยู่ที่ 34.68 บาท/กก.

         
       ขณะที่การแก้ปัญหาของรัฐบาลจะเน้นย้ำใน “ราคาที่ตลาดกลางยาง” ซึ่งเป็นรับซื้อเฉพาะยางแผ่นรมควันชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 โดยตลาดกลางยาง 3 แห่งในภาคใต้ ทั้งที่หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ต่างก็เป็นตลาดของ “นายทุนเจ้าของโรงรมยาง” ผู้ซึ่งซื้อยางแผ่นดิบจากชาวสวนเพื่อนำไปแปรสภาพเป็นยางแผ่นรมควัน และเป็นตลาดของ “สหกรณ์” ต่างๆ ที่รับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรมาผลิตเป็นยางแผ่นรมควัน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งขายที่ตลาดกลางยางอีกทอดหนึ่ง
       
       โดยที่ตลาดกลางยาง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ สิ่งที่ผู้คนเห็นกันจนชินตาคือ จะมีรถบรรทุกยางแผ่นที่ผ่านการรมควันแล้ววิ่งเข้าไปขาย ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุก 10 ล้อ 6 ล้อ หรือแม้แต่รถกระบะ 4 ล้อ แต่ไม่เคยเห็นมอเตอร์ไซค์ของคนตัดยางนำผางแผ่นดิบไปขายที่ตลาดกลางแต่อย่างใด
       
       เมื่อสังคมดูข่าวทางสื่อต่างๆ ซึ่งได้เห็นความอึกทึกที่ตลาดกลางยางแต่ละแห่งแล้วทึกทักเอาว่า พวกที่นำยางไปขายในตลาดกลางยางนั้นๆ คือ บรรดาเกษตรกร คนตัดยาง หรือเจ้าของสวนยาง โดยพวกเขานำยางไปขายได้ในราคากิโลกรัมละ 60 บาทอย่างที่เป็นข่าว เรื่องนี้จึงไม่เป็นความจริง
       
       ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงคือ ในขณะที่ราคายางแผ่นรมควันในตลาดกลางยางขายได้ราคากิโลกรัมละประมาณ 60 บาท ชาวสวนยางที่เป็นคนตัดยางตัวจริง เสียงจริง ยังก้มหน้าก้มตาขายยางให้แก่ร้านรับซื้อยางในหมู่บ้าน ในตำบล หรืออำเภอกิโลกรัมละประมาณ 46 บาท และล่าสุด ราคาน้ำยางสดขายได้เพียงกิโลกรัมละ 38 บาทเท่านั้น นี่คือข้อเท็จจริงที่ชาวสวนยางได้รับ
       
       จึงเป็นที่เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจความคิดของบรรดาเสนาบดี และเหล่าผู้นำชาวสวนยางที่บางคนตัดยางไม่เป็น และบางคนไม่มีสวนยางแม้แต่ต้นเดียว แต่มีผลประโยชน์อื่นๆ ในการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อชาวสวนยางที่ออกมากล่าวถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ทำให้ราคายางสูงขึ้นด้วยการให้ซื้อยางในตลาดกลางยาง เพื่อเป็นการชี้นำตลาด โดยหวังดึงให้ราคายางแผ่นดิบ และน้ำยางสดมีราคาแพงขึ้น
       
       แม้ที่ผ่านมา มีการซื้อยางในราคาสูงขึ้นโดยใช้กลไกตลาดกลางยางและสหกรณ์เพื่อชี้นำราคา แต่ก็ยังพบว่า ราคายางแผ่นดิบและน้ำยางสดที่ชาวสวนยางขายได้ กลับไม่ได้กระเตื้องขึ้นตามราคารับซื้อที่ตลาดกลางยาง และที่สหกรณ์แต่อย่างใด ขณะที่กลุ่มทุนเจ้าของโรงรมต่างได้รับอานิสงส์จากการทุ่มเงินเป็นหมื่นๆ ล้านบาทตามนโยบายมูลภัณฑ์กันชน และนโยบายอื่นๆ อีกหลายรูปแบบชนิดรวยกันจนพุงปลิ้น
       
       ในประการต่อมา นอกจากเจ้าของสวนยาง และลูกจ้างตัดยางจะไม่ได้อานิสงส์อะไรเลยจากราคายางกิโลกรัมละ 80 บาท ในอีก 1 เดือนข้างหน้าตามคำประกาศิตของ พล.อ.ประวิตร แล้ว เวลานี้ฤดูกาลก็กำลังย่างกรายเข้าสู่หน้าแล้ง หรือฤดูยางผลัดใบ ซึ่งจะเริ่มราวเดือนมีนาคม 2558 เมื่อถึงเวลานั้นชาวสวน และคนตัดยางกลับมีแต่จะต้องขาดรายได้กันจำนวนมากและถ้วนหน้า เนื่องเพราะไม่สามารถที่จะตัดยางได้ในหน้าแล้ง
       
       แต่สำหรับกลุ่มนายทุน หรือเจ้าของโรงรมยางแล้ว เวลานี้หากพวกเขาไล่ซื้อยางแผ่นดิบกิโลกรัมละ 46 บาท และน้ำยางสดกิโลกรัมละ 38 บาท จากชาวสวนยางตุนไว้ เมื่ออีก 1 เดือนราคาทะยานไปที่กิโลกรัมละ 80 บาท ตามการการันตีของ พล.อ.ประวิตร ส่วนต่างของกำไรมีจึงแต่จะทบเท่าทวีคูณเพิ่มพูนขึ้น
       
       ดังนี้แล้ว นโยบายในการแก้ปัญหาราคายางทั้งหมดทั้งปวงที่รัฐบาลชุดนี้ได้พยายามทำมาตลอด ซึ่งสังคมต่างเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำอย่างจริงใจแล้วนั้น แต่สุดท้ายแล้วเป็นการทำเพื่อชาวสวนยาง หรือคนตัดยางตัวจริง หรือทำเพื่อนายทุนที่ยึดกุมกลไกของการตลาดไว้ในมือกันแน่
       
       หรือว่าชาวสวนยาง และลูกจ้างตัดยางยังต้องกลายเป็น “เหยื่อ” ของระบบกลไกการแก้ปัญหาราคายางต่อเนื่องไป เป็น “บ่อเงินทอง” กลุ่มทุนได้มีโอกาสควักล้วงเองผลประโยชน์ เป็น “บันได” นักแสวงหาตำแหน่งได้เหยียบก้าวไต่ขึ้นไปสู่ที่สูงยิ่งๆ ขึ้น และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนานเท่านาน
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
คมขวาน รักในหลวง
"จากดินแดนที่ราบสูงแห่งใบขวาน ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเล(ถ้านั่งเครื่อง) ข้ามภูเขา สู่ดินแดนแห่งด้ามขวาน "
Hero Member
*****

คะแนน 1830
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19896


ดนตรี คืออาภรณ์ของปราชญ์


เว็บไซต์
« ตอบ #717 เมื่อ: มกราคม 30, 2015, 09:11:52 PM »

        แถวบ้านผม
หน้าฝนที่ผ่านมาตกเยอะ
น้ำท่วมขัง  บางใบร่วงแบบกระท่อนกระแท่น
ฤดูยางผลัดใบปีนี้  ยังงงว่ามันจะผลัดใบยังไง
เพราะใบส่วนหนึ่งเพิ่งแตกใบใหม่  ต้นยางเองก็คงงงตัวเองเช่นกัน ครับ
บันทึกการเข้า

คลิ๊ก ทริปจักรยาน   "บินเดี่ยว ทางไกล ตามใจฝัน"     ลูกอิสาน พลัดถิ่น  จากแดนดิน  "ไหปลาแดก"  เร่ร่อน รอนแรม เดินทางดั้นด้น  มาสู่  "โคนต้นสะตอ"
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #718 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2015, 10:04:35 AM »

ยางพาราสามารถนำไปส่งเสริมให้ปลูกที่อื่นได้ แล้วทำไมไม่ลองให้มีการนำพืชเศรษฐกิจอื่นมาปลูกในภาคใต้บ้าง ปรับปรุงสายพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ในภาคใต้ นักวิชาการเกษตรก็มีเยอะน่าจะช่วยกันได้นะครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #719 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2015, 01:16:44 PM »

ยางพาราสามารถนำไปส่งเสริมให้ปลูกที่อื่นได้ แล้วทำไมไม่ลองให้มีการนำพืชเศรษฐกิจอื่นมาปลูกในภาคใต้บ้าง ปรับปรุงสายพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ในภาคใต้ นักวิชาการเกษตรก็มีเยอะน่าจะช่วยกันได้นะครับ

ชาวสวน ชาวเกษตร ต้องช่วยคิดด้วยรึเปล่าครับว่าควรปลูกอะไรกัน ตอนนี้เจอวิกฤตแล้ว รอบบ้านเขาปลูกกันหมดต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว  Grin Grin Grin ถ้าขอรัฐไม่ช่วยก็ไม่พอใจแน่นอน
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
หน้า: 1 ... 45 46 47 [48] 49
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.098 วินาที กับ 22 คำสั่ง