แผนสันติภาพของปูตินเริ่มได้ผล ล่าสุดอียูสั่งชะลอแซงชั่นรัสเซียและกบฎยูเครนออกไปก่อนมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับรัสเซีย-อียูมาเล่าต่อให้ฟังอีกนิดนะครับ อย่าพึ่งเบื่อกันซะก่อนหละครับเพราะเหตุการณ์
กำลังน่าตื่นเต้นเร้าใจเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ.58 ที่ผ่านมานี้ที่ประชุมสหภาพยุโรปที่เดิมทีมีแผน
จะทำการแซงชั่นรัสเซียต่อไปตามคำแนะนำของรัฐบาลสหรัฐฯและของอังกฤษก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่มี
นายกรัฐมนตรีเยอรมันกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสเดินทางไปของเจรจากับปูตินถึงกรุงมอสโคว์โดยปิดห้องคุยกันเพียง
3 คนเท่านั้น (อ้อที่บางคนบอกว่ามีนักข่าวเดินไปมาหนะ ตอนนั้นเป็นเวลาก่อนการคุยกันะครับ เขาเปิดประตูให้
นักข่าวถ่ายรูปบันทึกวีดีโอประกอบข่าวซะหน่อยจากนั้นก็เชิญนักข่าวหรือใครๆทุกคนออกไปหมดเหลือแต่ผู้นำ 3 ท่าน
นั้นคุยกัน 5 ชั่วโมงเท่านั้นนะ) หลังจากคุยกันแล้วปูตินก็ยื่นแผนสันติภาพมาให้แต่ยังไม่มีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชนใด ๆ
ทั้งนั้นเลย
แต่หลังจากผู้นำเยอรมันนีกับฝรั่งเศสกลับมาแล้วก็มีการปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆต่ออีก ล่าสุดที่ประชุมใหญ่สหภาพยุโรป
28 ประเทศ มีมติให้เลื่อนเวลาการลงมติแซงชั่นรัสเซียออกไปก่อน รอฟังผลการเจรจา 4 ฝ่ายระหว่าง รัสเซีย-เยอรมันนี-
ฝรั่งเศส-ยูเครน กันอีกรอบหนึ่งในวันพุธที่จะถึงนี้ (ก็คือพรุ่งนี้แหละครับ) รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส Laurent Fabius
กล่าวว่า "หลักการของการแซงชั่นเหล่านี้ยังคงอยู่ แต่การดำเนินการให้มีผลสำเร็จได้นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับผลของเจรจาด้วย
ซึ่งเราจะรู้ผลโดยวันจันทร์หน้าและดูว่าการเจรจาที่กรุงมินส์กจะเป็นไปในทิศทางใด" ฝ่ายรัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมัน
Frank-Walter Steinmeier กล่าวว่าการเจรจาที่กรุงมินส์กจะนำไปสู่ก้าวแรกเพื่อระงับไฟสงคราม (การหยุดยิง)
รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ (UK) กล่าวว่าหากการเจรจาแผนสันติภาพสำเร็จ ก้าวต่อไปของอียูก็คือจะต้องหยุด
การแซงชั่นเพื่อป้องการการเรียกร้องจากฝ่ายที่ถูกแซงชั่น งานนี้รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษพูดไม่เหมือนกับที่
นายเดวิด คาเมรอนพูดวันก่อนเลยนะ แบบนี้เขาเรียกว่าอังกฤษกลับลำหันมาเข้าแนวร่วมกับอียูซะแล้ว ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ทางสเปนบอกว่าการแซงชั่นรัสเซียในครั้งที่ผ่านๆ มานี้ทำให้สเปนประสบภาวะวิกฤตตามไปด้วย เพราะทำให้สเปน
สูญเสียรายได้จากการค้าขายกับรัสเซียไม่ต่ำกว่า 7.8 ล้านล้านบาท ส่วนประธานาธิบดี Milos Zeman ของสาธารณรัฐเช็ก
(Czech) เรียกร้องให้มีการยกเลิกการแซงชั่นรัสเซีย โดยกล่าวว่ามันไม่นำมาซึ่งผลที่น่าปรารถนาเลย และมันเปล่าประโยชน์
นายกรัฐมนตรีหนุ่มหล่อของกรีซก็ไม่เห็นด้วยกับการแซงชั่นรัสเซียโดยกล่าวว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนนั้นจะต้องได้รับ
การแก้ไขเบื้องหลังโต๊ะเจรจาต่อรอง แล้วยังกล่าวอีกว่าการเจรจากันที่กรุงมินส์กไม่ความถือเป็นโอกาสสุดท้าย ในช่วงที่อียู
กำลังเลื่อนการแซงชั่นรัสเซียออกไปนั้น ฝ่ายนายกรัฐมนตรีของเยอรมันนีก็บินตรงไปเจรจาสันติภาพกรณีวิกฤตยูเครนต่อ
ที่สหรัฐฯกับนายโอาบาม่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรีของเยอรมันนีเสนอว่าไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนด้านอาวุธ
ให้กับยูเครน และเตือนสหรัฐฯว่าหากสหรัฐฯทำเช่นนั้นผลร้ายที่ไม่คาดคิดก็จะตามมาแน่ ๆ อันนี้เรียกว่ากล่อมแกมขู่นะนี่
แสดงว่าเธออาจจะมีหมัดเด็ดรอโอบาม่าอยู่ก็ได้
ส่วนโอบาม่าหลังจากที่ปรึกษากับทีมงานแล้วบอกว่า หากการเจรจาล้มเหลวสหรัฐฯจะทำทุกวิถีทางซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ
ให้การสนับสนุนอาวุธหนักให้กับยูเครน นี่ก็ขู่จังเลย มันต้องการจะให้เกิดสงครามตัวแทนขึ้นในยูเครนให้ได้จริงๆนะนี่
ตอนนี้ทุกประเทศในยุโรปเริ่มรับรู้ผลของการแซงชั่นรัสเซียแล้วว่า มันไม่ได้ทำร้ายรัสเซียแต่เพียงฝ่ายเท่านั้น
มันยังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอีกด้วย ทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้รัสเซีย อเมริกาหนะหรือ จิ๊บๆ ขนหน้าแข้ง
ไม่ร่วงเพราะอยู่ไกลจากรัสเซียและมีการค้าขายกับรัสเซียน้อยกว่ายุโรปจึงแทบจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
ถ้าเกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนขึ้นจริงๆ อเมริกาจะรวยจากการขายอาวุธอย่างเดียว คนที่ตายมากที่สุดก็คือ
ทหารของยูเครนพลเมืองของยูเครนและยุโรป และรัสเซีย ฝ่ายยุโรปรู้ผลลัพธ์ดีว่ามันจะออกมาเป็นเช่นไร ไม่ว่าใครแพ้
หรือชนะ ทั้งรัสเซียและยุโรปจะยับเยินไม่มีชิ้นดีแน่ ส่วนอเมริกาก็นั่งกระดิกเท้าดูข่าวการถล่มกันระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ผ่านทีวีดาวเทียมสบาย ผู้นำอียูทั้งหลายรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่เวียดนาม และตะวันออกกลางนะ นี่มันบ้านของพวกเรานะ
ก็เลยตัดสินใจว่าไม่เอา ไม่เอาสงครามในยุโรป จึงเริ่มไม่เห็นด้วยกับแผนยุยงให้รัสเซียกับอียูแตกกันเป็นเสี่ยง มีหรือที่
รัฐบาลอเมริกาจะยอม เขาจะต้องคิดแผนการชั่วๆ อะไรซักอย่างไว้ในใจแน่ๆ โดยแผนแรกก็คือทำให้การเจรจา 4 ฝ่าย
ไม่ประสบผลสำเร็จ หรืออาจจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกันรุนแรงมากขึ้นโดยให้ต่างฝ่ายต่างก็
โทษกันไปมาว่าฝ่ายนั้นเริ่มก่อนจึงต้องตอบโต้ให้สาสมอย่างนี้เป็นต้น งานแบบนี้เขาถนัดนักแหละ และใช้ได้ผลมา
โดยตลอดซะด้วย ต้องดูว่างานนี้อียูจะหลงกลด้วยหรือเปล่า หากจำเป็นเพราะอเมริกาดื้อเหลือเกิน อียูก็อาจจะหันมาจับมือ
กับรัสเซียก็ได้ และหากรัฐบาลของยูเครนยังไม่หยุดก่อเหตุโดยหลงคำยุแหย่จะฝั่งอเมริกา อาจจะมีการล้มอำนาจรัฐบาล
ชุดปัจจุบันของยูเครนก็ได้ มันก็ยังพอจะมีหมากอีกหลายตาให้เดินได้อยู่นะ แต่ที่สำคัญก็คืออเมริกากุมอำนาจนาโต้ไว้ใน
มือตัวเองแล้วนี่สิ แต่ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากอียูนาโต้ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน คราวนี้ก็อยู่ที่ความจริงใจของปูตินต่ออียูหละ
The Eyes10/02/2558