ที่ผ่านมามีให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง สำหรับความรักของสามีภรรยาที่ประสบปัญหารักร้าว
บางคู่อาจเคลียร์ปัญหารักและลงเอยแยกทางกันด้วยดี
แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่ยากจะแก้ปมรักร้าว มิหนำซ้ำอาจลุกลามกลายเป็นโศกนาฏกรรมรักที่ไม่อาจย้อนคืนมาได้
เช่น เดียวกับเหตุระทึกขวัญที่เกิดขึ้น ช่วงสายวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะ บรรดาผู้ปกครองต่างพาลูกหลานไปมอบตัวเข้าเรียน ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบาง กะปิ กทม. ซึ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติ
กระทั่ง มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากบริเวณหน้าอาคารสำนักกีฬา ภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้ครูและ เจ้าหน้าที่ในละแวกนั้นต่างวิ่งไปหาต้นเสียงที่สนั่นขึ้น
ก่อนพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นพริอุส ทะเบียนป้ายแดง พ 0373 กทม. จอดอยู่ริมฟุตปาธหน้าซุ้มเทคโนโลยีอาหาร
เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปดูด้านในรถต่างต้องถึงกับผงะ เมื่อพบร่างหญิงสาวถูกยิงล้มฟุบอยู่ภายในรถ
ทราบชื่อ นางสิริกร ไชยราชา อายุ 38 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทบี.อี คอมมิวนิเคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทขายอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร อยู่บ้านเลขที่ 313/17 ซอยเคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม.
เมื่อเริ่มตั้งสติได้ครูและผู้ปกครองจึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
จาก นั้นไม่นานบรรดานายตำรวจต่างเดินทางมาถึงนำโดย พ.ต.อ. ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.โสภณ ยานธรรม รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก
ตรวจสอบสภาพศพพบถูกปืนยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ ความแรงของกระสุนปืนทำให้กะโหลกแตกหลุดหายไปบางส่วน
เบื้องต้นคาดเป็นปืนลูกซองสั้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายนิ้วมือรอบรถและที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน
พร้อม เร่งเช็กกล้องวงจรปิดที่อยู่โดยรอบจุดเกิดเหตุ สามารถจับภาพช่วงเวลา 08.30 น. ขณะนางสิริกรขับรถมาจอดบริเวณดังกล่าว จากนั้นมีผู้ชายลงจากรถเก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งจอดรอห่างออกไป
ก่อนชายดังกล่าวเดินตรงมาที่รถของนาง สิริกรและเปิดประตูออก โดยภาพที่ปรากฏพบทั้งคู่เกิดโต้เถียงกันและชายคนดังกล่าวใช้ปืนยิงใส่นาง สิริกร 1 นัด แล้วเดินไปขึ้นรถบีเอ็มดับเบิลยูขับออกไป
เมื่อ ได้แบาะแสสำคัญจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงนาทีลั่นไก เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังออกติดตามหาคนร้ายรายนี้
ผ่านไปไม่นานเจ้าหน้าที่รับแจ้งคนร้ายเดินทางเข้ามอบตัวที่สน. ร่มเกล้า เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบ
พบนายชาญศักดิ์ เฮียงก่อ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่กลับเป็นสามีของนางสิริกร นั่งรอมอบตัวอยู่ จึงรับตัวกลับมาสอบสวนถึงปมสังหาร
โดย นายชาญศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของกิจการขายรองเท้า และอยู่กินกับผู้ตายมานานกว่า 16 ปี ก่อนมีลูก 2 คน เป็นลูกชายอายุ 12 ปี และลูกสาวอายุ 8 ขวบ
แต่ช่วงหลังประมาณ 6 เดือน ผู้ตายเริ่มตีตัวออกห่างและแยกกันอยู่ จึงพยายามตามง้อขอคืนดี แต่ไม่สำเร็จ
กระทั่ง ก่อนเกิดเหตุขณะพาลูกชายมามอบตัวที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ตายได้ส่งข้อความผ่านไลน์ระบุอยากเจอลูก จึงนัดเจอกันที่หน้าโรงเรียน
เมื่อผู้ตายขับรถมาถึงจึงลงจากรถและเดินเข้าไปหา โดยลูกชายยังรออยู่ในรถ
แต่ เมื่อพบหน้าผู้ตายกลับถูกผลักและต่อว่าด้วยคำรุนแรง ทำให้เกิดอารมณ์โมโห และใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นที่เตรียมมาจ่อยิงเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิต
ก่อนพาลูกชายกลับไปส่งที่บ้าน เพราะไม่อยากให้ทราบเรื่องและเดินทางเข้ามอบตัวดังกล่าว
ส่วนอาวุธปืนลูกซองสั้นที่ใช้ก่อเหตุนั้น นายชาญศักดิ์อ้างว่าเก็บได้เมื่อหลายปีก่อนและใส่ไว้ในรถตลอดเวลา
จาก นั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวนายชาญศักดิ์แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ปิดฉากไปอีกคดีที่มีปมเหตุจากความไม่เข้าใจกันในครอบครัว http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5EWXpOamc0TVE9PQ%3D%3D§ionidพุฒิสรรค์ แก้วบัวดี เรื่อง/ภาพ
สงสารเด็กทั้ง2คนครับ ตราบาปติดตัวน้องๆเขาไปทั้งชีวิต แม่ก็ตาย พ่อก็ติดคุกอย่างน้อยคงเกือบตลอดชีวิต