ใช้แนวทางเดียวกับพี่ธำรงครับ ตอนเริ่มกลับมาวิ่งใหม่ๆ จะต้องวิ่งทุกวัน ห้ามหยุด เป็นเวลา ๑ เดือนครับ ผมกลับมาเริ่มวิ่งโดยที่ต้องวิ่งบนลู่ เพราะผมไม่ชอบวิ่งบนลานจอด ฮ. ครับ วันแรกก็วิ่งได้ไม่ถึง ๑๐ นาทีก็หมดแรง เลยเดินไปเรื่อยๆ วันต่อมาก็พยายามวิ่งไปให้ได้ สิบนาที ความเร็วไม่ต้องมากครับ แล้วก็เพิ่มเวลาขึ้นมาเรื่อยๆครับ หลังจากพ้น ๑ เดือนไปแล้วก็วิ่งวันละ ๓๐ นาที อาทิตย์ละ ๔ วันครับ
อีกอย่างคือการหายใจ ช่วงสิบนาทีแรกของการวิ่งผมพยายามที่จะไม่หายใจทางปากเพราะจะทำให้เหนื่อยเร็วและจุกได้ครับ สิบนาทีแรกผมจะอมน้ำไว้ในปากแล้ววิ่งทำให้เราหายใจทางจมูกอย่างเดียว พอเลยสิบนาทีไปก็กลืนน้ำหายเหนื่อยวิ่งต่อไปได้อีกครับ
ปล. ผมวิ่งตามสาวๆไม่ค่อยได้ครับ เพราะ ผบ. ท่านไปวิ่งด้วยครับ
ผมไม่เหมือนชาวบ้านเลย สมัยเด็ก วิ่งนับเสาไฟฟ้าเรื่อยๆ พอใกล้หมดแรง ใช้แผน"ผลัดวันประกันพรุ่ง"
เล็งเสาไฟฟ้าข้างหน้า แล้วบอกตัวเองว่า ให้ถึงเสาหน้า ค่อยหยุด พอใกล้ถึงก็เล็งผ่านไปเสาถัดไป
แล้วก็บอกว่า ขออีกเสาค่อยหยุด ทำแบบนี้ไป ไปไม่เกิน4เสาไฟฟ้า ร่างกายจะปรับอุณหภูมิใหม่ ร้อนขึ้น
ลมหายใจกลับมานิ่งขึ้น ไปต่อได้เรื่อยๆ จัดลมหายใจตามความต้องการของร่างกาย มีหายใจทางปาก ถามว่าคอแห้งมั้ย
น้อยครับ กลืนน้ำลายเป็นระยะๆ ช่วยได้ ไม่เหมือนปั่นจักรยาน ความเร็วทำให้ลมเข้าลำคอเร็ว คอแห้งกว่าเยอะ
การจัดจังหวะลมหายใจมีผลกับการออกกำลังและการทำความรู้จักตัวเอง อย่าฝืนกับความต้องการของร่างกาย
แต่ขออย่าหยุดวิ่ง ที่เหลือปล่อยไปตามความต้องการในขณะร่างกายเหนื่อย จัดระเบียบลมหายใจได้ ที่เหลือไม่ยาก
อย่าไปหลงทางกัับจังหวะการเต้นของหัวใจ เริ่มวิ่งใหม่ๆ มักจะหายใจตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ยิ่งเหนื่อยครับ
หายใจลึกๆไปดีกว่า
ข้างบนคือเทคนิคแบบบ้านๆของผมสมัยเยาวัย
ข้างล่างเป็นปัจจุบัน
Running Breathing technique คำนี้มีคนเอาเข้ากูเกิ้ลเยอะครับ ลองเสริชหาดู
http://www.runnersworld.com/running-tips/lung-power?page=single