16 พฤติกรรมคนละขั้วของคนประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว

[เบิ้ม]

หลาย ๆ คนมักพูดว่า “ความสำเร็จกับความล้มเหลว เป็นของคู่กัน” ดังนั้น หากวันนี้ เราประสบความสำเร็จ พรุ่งนี้ เราอาจเจอแต่ความล้มเหลวก็ได้ แต่ถ้าเลือกได้ ก็คงไม่มีใครเจอความล้มเหลวเป็นแน่ ว่าแต่... ต้องทำอย่างไร เราจึงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่เจอคำตอบที่ต้องการ ลองมาอ่านบทความจาก คุณ nuttaputch ที่อนุญาตให้กระปุกดอทคอมนำข้อมูลจากมาเผยแพร่ให้อ่านกัน

          คุณ nuttaputch เผยว่า นอกจาก พฤติกรรมและอุปนิสัยของเราเองแล้ว ก็ยังมีเรื่องของประสบการณ์ทำงาน รวมถึงทัศนคติในการทำงานอีกด้วย ที่จะเป็นช่วยชี้วัดว่า เราจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวในการทำงาน และใครที่อยากรู้ว่า พฤติกรรมแบบใดบ้างที่มีผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของตนเอง ลองไปดูบทความดี ๆ  ที่คุณ nuttaputch นำมาฝากกันเลยค่ะ

          16 พฤติกรรมคนละขั้วของคนประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว

          LinkedIn เป็นหนึ่งในที่ที่ผมมักใช้เวลาในแต่ละวันพอสมควร ไม่ใช่ว่าเพราะผมจะไปสมัครงานอะไรหรอกนะครับ แต่เพราะมีบรรดานักคิดและคนเก่ง ๆ ใน LinkedIn จำนวนมากแชร์บทความน่าอ่านมากมายโดยเฉพาะเรื่องราวของการทำงานหรือการสร้างทัศนคติให้ประสบความสำเร็จ และวันก่อนผมก็ไปเจอบทความน่าสนใจ (อีกแล้ว) ของ Dave Karpen ที่ว่าด้วยเรื่องความแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งผมว่าน่าสนใจมากเลยขอมาแปลเพื่อแบ่งปันกันนะครับ

           ยอมรับความเปลี่ยนแปลง vs. กลัวการเปลี่ยนแปลง

          การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ปฏิเสธได้ การยอมรับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องยากที่หลาย ๆ คนจะสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ในโลกทุกวันนี้ที่เรามีความเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดด มันจึงจำเป็นมากที่เราจะต้องกล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงและปรับตัว แทนที่จะกลัวและปฏิเสธมัน

           อยากให้คนอื่นประสบความสำเร็จ vs. หวังให้คนอื่นล้มเหลว

          เมื่อคุณอยู่ในองค์กรที่มีคนมากมาย การประสบความสำเร็จหมายถึงทุกคนควรจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ไม่ใช่การหวังว่าใครคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จ ถ้าคุณมีความคิดว่าอยากให้อีกฝ่ายหรืออีกทีมล้มเหลว มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะทำงานร่วมกัน ?

วิธีประสบความสำเร็จ

           ส่งต่อความสุข vs. ส่งต่อความหงุดหงิด

          ในการทำธุรกิจนั้น เป็นเรื่องปรกติที่จะเกิดอารมณ์ขณะทำงาน แต่ถ้าคุณส่งต่อความสุขหรือทำให้คนรอบข้างรู้สึกสนุกร่วมไปกับคุณแล้ว ทีมก็ย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า แต่หากใครส่งค่อความหงุดหงิดให้กับทีมรอบข้างแล้วก็จะยิ่งทำให้คนรอบ ๆ รู้สึกแย่ ไม่มีแรงกระตุ้น และยากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้

          รับผิดชอบกับความล้มเหลว vs. โทษว่าเป็นเพราะผู้อื่น

          คุณสมบัติข้อหนึ่งของการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จนั้นคือการกล้ารับผิด กล้าเป็นคนที่ออกตัวว่าเป็นคนรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้น การโทษคนอื่นไม่ได้นำไปสู่อะไรทั้งนั้นหากแต่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมเสียอีก

          พูดคุยเรื่องของไอเดีย vs. พูดคุยแต่เรื่องคนอื่น

          การเอาแต่พูดคุยว่าคนอื่นเป็นอย่างไร การซุบซิบนินทาไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรทั้งนั้น มีแต่เสียเวลาไปเปล่า ๆ อีกต่างหาก คนที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช้เวลาไปกับการนินทาคนอื่น หากแต่จะเน้นในการแลกเปลี่ยนความคิดหรือหาวิธีที่จะขับเคลื่อนความคิดต่าง ๆ ไปข้างหน้า

วิธีประสบความสำเร็จ

          แลกเปลี่ยนไอเดียและข้อมูล vs. หวงข้อมูล

          การแชร์สิ่งที่มีประโยชน์ให้กับคนอื่นมีแต่จะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่แคร์คนอื่น ยิ่งในยุค Social Media นั้น การแชร์เรื่องราวดี ๆ เป็นส่วนสำคัญของการประสบความสำเร็จ มันยิ่งทำให้คนอื่นสามารถมาร่วมกับคุณในการไปสู่ความสำเร็จได้ แต่การเอาแต่หวงข้อมูลนั้นมีแต่ทำให้คุณเห็นแก่ตัวและคิดถึงผลลัพธ์ในระยะสั้นเท่านั้น

           ให้เครดิตทุกคนที่ทำให้ประสบความสำเร็จ vs. เอาเครดิตจากคนอื่น

          การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องสำคัญในการประสบความสำเร็จ มันจำเป็นมากที่ผู้นำจะต้องไม่เอาเครดิตจากคนอื่น แต่ในทางตรงกันข้ามคือให้พวกเขาถูกได้รับการให้ความสำคัญหรือการให้พวกเขาได้มีเวทีที่จะถูกยอมรับ สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาทำงานอย่างมีใจในระยะยาวและทุ่มเทกับงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย

           ตั้งเป้าหมายชีวิต vs. ไม่ตั้งเป้าหมายชีวิต

          มันเป็นเรื่องยากถ้าคุณจะประสบความสำเร็จโดยที่คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังจะมุ่งเป้าไปที่อะไร การตั้งเป้าหมายของชีวิตเป็นแผนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 10 ปี 3 ปี หรือการวางแผนว่าคุณจะทำอะไร / เป็นอะไรในแต่ละปีนั้น เป็นหนึ่งในสิ่งที่คนประสบความสำเร็จมักทำกันเพื่อให้พวกเขารู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่และสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นทำให้เขาเข้าใกล้ความสำเร็จแค่ไหน

วิธีประสบความสำเร็จ

           จดบันทึก vs. บอกว่าคุณจดบันทึกแต่จริง ๆ ไม่ได้ทำ

          ไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์มักเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันอยู่บ่อย ๆ หลาย ๆ ทีมันมักมาแบบผิดที่ผิดเวลา คนที่ประสบความสำเร็จมักจะรีบจดโน้ตเพื่อบันทึกไอเดียเหล่านั้นอยู่เสมอ ๆ เพื่อไม่ให้ไอเดียเหล่านั้นสูญหายไป และหลาย ๆ ครั้งที่ไอเดียเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดงานดี ๆ หรือทำให้หลาย ๆ คนประสบความสำเร็จได้เลยทีเดียว

          อ่านหนังสือทุกวัน vs. ดูทีวีทุกวัน

          การอ่านหนังสือทุก ๆ วันจะทำให้คุณได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ ๆ อยู่เสมอ การอ่านที่ว่านี้อาจจะรวมไปถึงการอ่านบล็อก การอ่านนิตยสาร หรือหนังสือดี ๆ ซึ่งทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม การดูทีวีส่วนใหญ่มักนำไปสู่การทำให้คุณผ่อนคลาย ได้ความบันเทิง ได้หลีกหนีจากความเครียด แต่คุณแทบจะไม่ได้อะไรจากทีวีที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จสักเท่าไร

           ทำงานด้วยมุมมองที่ปรับตัวอยู่เสมอ vs. ทำงานในมุมมองแบบเดิม ๆ

          ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมักจะมองหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้นไปกว่าเดิม ทำให้งานไปสู่อีกขั้นหนึ่งอยู่เสมอ พวกเขามักมองการทำงานเป็นเหมือนความท้าทายที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแทนที่จะสนใจแค่การสร้างยอดขายหรือทำงานให้เสร็จ ๆ ไปในแต่ละวัน

วิธีประสบความสำเร็จ

           เรียนรู้อยู่เสมอ vs. หยุดที่จะเรียนรู้

          ความรู้ในโลกนี้มีมากมายและยังมีเรื่องราวอีกมหาศาลที่คุณยังไม่ได้รู้ แม้แต่ในสายงานของคุณเองก็ตาม การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองคือวิธีเดียวที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้ คุณจะเหนือกว่าคนอื่นหรือเป็นที่โดดเด่นได้ก็เพราะคุณรู้มากกว่าคนอื่น ถ้าคุณหยุดที่จะเรียนรู้หรือคิดว่าตัวเองรู้แล้ว ในไม่ช้าคุณก็จะเป็นผู้ตามในที่สุด

           กล่าวชมคนอื่น vs. วิจารณ์คนอื่น

          การชมคนอื่นเป็นวิธีที่ดีในการแสดงความห่วงใยคนที่คุณแคร์ การให้คำชมเป็นวิธีในการสร้างพลังงานและกำลังใจให้คนทำงาน ในขณะที่การวิจารณ์คน (แบบไม่ดี) มีแต่จะทำให้คนรู้สึกแย่และไม่ได้นำไปสู่อะไรที่เป็นประโยชน์เท่าไรนัก

           ยกโทษคนอื่น vs เจ้าคิดเจ้าแค้น

          ใคร ๆ ก็ผิดพลาดกันได้ การให้อภัยเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวผ่านความผิดพลาดและทำให้ดีขึ้น แต่การตำหนิ ใส่อารมณ์ หรือตามแค้นก็มีแต่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงไปกว่าเดิมต่างหาก

วิธีประสบความสำเร็จ

           รู้ในสิ่งที่คุณอยากเป็น vs. ไม่รู้ว่าคุณอยากเป็นอะไร

          การทำลิสต์ “To-Be” เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีมากของการตั้งเป้าหมายว่าอนาคตคุณจะเดินไปทางไหน มันทำให้คุณเห็นภาพว่าอนาคตคุณจะเป็นอย่างไรและย้อนกลับมาว่าคุณไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร คนที่ประสบความสำเร็จมักมีภาพในหัวชัดมากว่าพวกเขาอยากเป็นอะไร แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักไม่มีภาพเหล่านี้อยู่ในหัวเลย

          กตัญญูและซาบซึ้งกับสิ่งรอบข้าง vs. ไม่รู้สึกอะไรกับโลกรอบข้าง

          การที่คุณสามารถ “รู้สึก” กับสิ่งรอบข้างทำให้คุณเห็นคุณค่าของความสำเร็จและความสุขมากมายรอบตัว นอกจากนี้คนที่คุณรู้สึกดีมากมักเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ อย่าลืมที่จะขอบคุณและเห็นคุณค่าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของคุณเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเข้าใจคำว่า “ความสำเร็จ” มากขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม


http://money.kapook.com/view85694.html

[cz_dee *รักในหลวง]

วิธีก้าวขึ้นสู่ที่ 1 ที่เด็กบ้านนอกอย่างผมเคยเห็นคือ  ไม่จำเป็นต้องเก่งเพียงแต่ดึงหรือเหยียบคนที่เหนือกว่าเราให้จม  แค่นี้ก็เป็นที่ 1 ได้

[naisomchai]

ฝรั่งคิดมากเกินครับ บางข้อก็มีข้อเถียง ซึ่งต้องคุยในรายละเอียดอีกถึงจะยอมรับได้...

นายสมชายยืนยันเหมือนเดิมครับว่า ศีล สมาธิ แล้วจะเกิดปัญญา... ศีลที่ว่านี่คือศีล 5 นั่นแหละ ลองศึกษาดีๆจะพบว่าครอบคลุมหมดแล้ว เพียงแต่มันมีศีลหลายข้อมันเกยกันอยู่ในพฤติกรรมเดียวกันครับ ประพฤติศีลแล้วก็เหมือนมีวินัยทำให้เกิด"สมาธิ"ไม่ต้องคิดว่อกแว่กเปลืองสมองว่าจะ"ไม่"ทำตัวอย่างไรเช่นไร แล้วจากนั้นก็จะเกิดปัญญาว่าจะ"ต้อง"ทำตัวเช่นไร(เกิดตัวรู้เพราะสมองไม่ว่อกแว่ก)...

เมื่อเกิดปัญญารู้แล้วว่าจะต้องทำตัวเช่นไรในสถานการณ์ใด, สมองเราก็เกิดปัญญาสามารถสร้าง"ศีล"ไปอีกขั้นหนึ่ง(ในเรื่องเฉพาะเจาะจงมากขึ้น)... วางแผนใหม่ว่าจะต้องสร้าง"วินัย"ขั้นสูงขึ้นไปอีกในเรื่องเฉพาะเจาะจงเช่นไร เช่นต้องมีวัตรปฎิบัติว่าจะค้นคว้าเรื่องในสายอาชีพเช่นไร แล้วให้ทำเป็นกิจวัตร(เช่นค้นเรื่องเทคนิคการเล่นหุ้นฯ) เมื่อค้นคว้าประจำสม่ำเสมอ แล้วก็มีความนิ่งเกิดสมาธิ ก็เกิดปัญญา แล้วก็"วนลูป"สร้าง ศีล สมาธิ ปัญญา เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นนึงครับ...

ตัวอย่างข้างบนนั่นเป็นเรื่องของนายสมชายเองซึ่งนั่งอยู่คนเดียวทำงานในบ้าน, ส่วนเรื่องอื่นน้าเบิ้มก็ต้องประยุกติ์ตามท้องเรื่องของเรื่องนั้นเองครับ... แต่ทั้งหมดเกิดจากจุดเริ่มต้นคือศีล 5 เพราะหากไม่เริ่มจากตรงนี้สมองเราจะวุ่นวายสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก...

สมองสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็เหมือนกับโมเลกุลเหล็กไม่ได้เรียงเป็นระเบียบ... ไม่เกิดสนามพลังแม่เหล็กครับ...

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

ฝรั่งคิดมากเกินครับ บางข้อก็มีข้อเถียง
ซึ่งต้องคุยในรายละเอียดอีกถึงจะยอมรับได้...

นายสมชายยืนยันเหมือนเดิมครับว่า ศีล สมาธิ แล้วจะเกิดปัญญา...
ศีลที่ว่านี่คือศีล 5 นั่นแหละ ลองศึกษาดีๆจะพบว่าครอบคลุมหมดแล้ว
เพียงแต่มันมีศีลหลายข้อมันเกยกันอยู่ในพฤติกรรมเดียวกันครับ
ประพฤติศีลแล้วก็เหมือนมีวินัยทำให้เกิด"สมาธิ"ไม่ต้องคิดว่อกแว่กเปลืองสมอง
ว่าจะ"ไม่"ทำตัวอย่างไรเช่นไร แล้วจากนั้นก็จะเกิดปัญญาว่าจะ"ต้อง"ทำตัวเช่นไร
(เกิดตัวรู้เพราะสมองไม่ว่อกแว่ก)...

เมื่อเกิดปัญญารู้แล้วว่าจะต้องทำตัวเช่นไรในสถานการณ์ใด,
สมองเราก็เกิดปัญญาสามารถสร้าง"ศีล"ไปอีกขั้นหนึ่ง(ในเรื่องเฉพาะเจาะจงมากขึ้น)...
วางแผนใหม่ว่าจะต้องสร้าง"วินัย"ขั้นสูงขึ้นไปอีกในเรื่องเฉพาะเจาะจงเช่นไร
เช่นต้องมีวัตรปฎิบัติว่าจะค้นคว้าเรื่องในสายอาชีพเช่นไร แล้วให้ทำเป็นกิจวัตร
(เช่นค้นเรื่องเทคนิคการเล่นหุ้นฯ) เมื่อค้นคว้าประจำสม่ำเสมอ
แล้วก็มีความนิ่งเกิดสมาธิ ก็เกิดปัญญา

แล้วก็"วนลูป"สร้าง ศีล สมาธิ ปัญญา เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นนึงครับ...

ตัวอย่างข้างบนนั่นเป็นเรื่องของนายสมชายเองซึ่งนั่งอยู่คนเดียวทำงานในบ้าน,

ส่วนเรื่องอื่นน้าเบิ้มก็ต้องประยุกติ์ตามท้องเรื่องของเรื่องนั้นเองครับ...
แต่ทั้งหมดเกิดจากจุดเริ่มต้นคือศีล 5 เพราะหากไม่เริ่มจากตรงนี้
สมองเราจะวุ่นวายสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก...

สมองสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ก็เหมือนกับโมเลกุลเหล็กไม่ได้เรียงเป็นระเบียบ...
ไม่เกิดสนามพลังแม่เหล็กครับ...

55555 ยายฮา  จานโฉมชาย (ฮา)  อ่ะ  ฮา 555555 

เมื่อวานเห็น  "เสื้อแดง"  มาเยอะ  แยะเต็มถนนอักษะ  ฮา 

วันนี้มาแปลก  ไม่มี  " สุ จิ ปุ ลิ "  อ่ะ ฮา 55555 

55555 จานโฉมชาย (ฮา)  รับยา  "ช่องสาม"  น๊าาาา อ่ะ  ฮา 

[naisomchai]

55555 ยายฮา  จานโฉมชาย (ฮา)  อ่ะ  ฮา 555555  

เมื่อวานเห็น  "เสื้อแดง"  มาเยอะ  แยะเต็มถนนอักษะ  ฮา  

วันนี้มาแปลก  ไม่มี  " สุ จิ ปุ ลิ "  อ่ะ ฮา 55555  

55555 จานโฉมชาย (ฮา)  รับยา  "ช่องสาม"  น๊าาาา อ่ะ  ฮา  

ยายบ๊าบกลับขึ้นไปอ่านใหม่ ว่า สุ จิ ปุ ลิ มันอยู่ในวัตรปฎิบัติเรื่องศึกษาค้นคว้าอยู่แล้วไง... ใครมันศึกษาค้นคว้าโดยไม่อ่าน/ไม่รับฟัง(สุ) แปลว่ามันนั่งเทียนมั่วเหมือนยายบ๊าบนั่นแหละ มั่วหลายเรื่องแล้ว... ฮา...

เรื่อง นปช. ที่ถนนอักษะนี่ก็เรื่องมั่วล่าสุด... คนเสื้อแดงมีแค่กระหย่อมเดียว ถนนอักษะแค่ 1/4 ถนนยังไม่เต็มพื้นที่เล๊ย, คางคกยังออกมาแก้เกี้ยวว่านี่แค่การซ้อมอ่ะ ของจริงจะนัดใหม่หลังสงกรานต์(มีปัญญาเร้อ)...

คราวนี้นับว่าเป็นเรื่องขายขี้หน้าประชาชีของ นปช. เป็นอย่างมาก... ก็มีอย่างที่ไหน มีคุยโวโอ้อวดว่ามาแยะเหมือนฟ้าถล่มทลาย แต่เอาเข้าจริงมาแค่"แมวตด"กลางทุ่งโล่ง ขยายความได้ว่าแม้แต่เสียงยังไม่มีปัญญาทำให้ดังถึงชาวบ้านแถวนั้นเล๊ย ลมโชยแค่วูบเดียวกลิ่นตดก็หายวับไปกับกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า... ฮา...

แต่ที่มากกว่านั้นคือมวลมหาขยะ!!! คนมันแค่นิดเดียว แต่ขยะมันมหาศาลลอยฟ่องในสระน้ำกลางถนน ลอยตุ๊บป่องเหมือนในสลัมนั่นแหละ... ว๊า...

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

55555 ยายฮา  จานโฉมชาย (ฮา)  อ่ะ  ฮา 555555 

เมื่อวานเห็น  "เสื้อแดง"  มาเยอะ  แยะเต็มถนนอักษะ  ฮา 

วันนี้มาแปลก  ไม่มี  " สุ จิ ปุ ลิ "  อ่ะ ฮา 55555 

55555 จานโฉมชาย (ฮา)  รับยา  "ช่องสาม"  น๊าาาา อ่ะ  ฮา 

ยายบ๊าบกลับขึ้นไปอ่านใหม่ ว่า สุ จิ ปุ ลิ
มันอยู่ในวัตรปฎิบัติเรื่องศึกษาค้นคว้าอยู้แล้วไง...
ใครมันศึกษาค้นคว้าโดยไม่อ่าน/ไม่รับฟัง(สุ)
แปลว่ามันนั่งเทียนมั่วเหมือนยายบ๊าบนั่นแหละ
มั่วหลายเรื่องแล้ว... ฮา...

เรื่อง นปช. ที่ถนนอักษะนี่ก็เรื่องมั่วล่าสุด...
คนเสื้อแดงมีแค่กระหย่อมเดียว ถนนอักษะแค่ 1/4 ถนนยังไม่เต็มพื้นที่เล๊ย,
คางคกยังออกมาแก้เกี้ยวว่านี่แค่การซ้อมอ่ะ ของจริงจะนัดใหม่หลังสงกรานต์(มีปัญญาเร้อ)...

คราวนี้นับว่าเป็นเรื่องขายขี้หน้าประชาชีของ นปช. เป็นอย่างมาก...
ก็มีอย่างที่ไหน มีคุยโวโอ้อวดว่ามาแยะเหมือนฟ้าถล่มทลาย
แต่เอาเข้าจริงมาแค่"แมวตด"กลางทุ่งโล่ง
ขยายความได้ว่าแม้แต่เสียงยังไม่มีปัญญาทำให้ดังถึงชาวบ้านแถวนั้นเล๊ย
ลมโชยแค่วูบเดียวกลิ่นตดก็หายวับไปกับกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า... ฮา...

แต่ที่มากกว่านั้นคือมวลมหาขยะ!!! คนมันแค่นิดเดียว
แต่ขยะมันมหาศาลลอยฟ่องในสระน้ำกลางถนน
ลอยตุ๊บป่องเหมือนในสลับนั่นแหละ... ว๊า...

[naisomchai]

เอารูป "มวลมหาขยะ" มาให้ยายบ๊าบดู...

[naisomchai]

ลองดูต้นหญ้าซิ แห้งเหลืองอ๋อยเลย... ดูแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมแม้แต่หญ้ายังแห้งได้ มันเกี่ยวกันยังไงหว่า...

แต่สรุปได้แน่นอนว่าพวกนี้มันไปอยู่ตรงไหนที่นั่นเดือดร้อนไปหมด แม้แต่ต้นหญ้ายังเฉาแห้งตายเลย... แปลกแต่จริง...

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

ลองดูต้นหญ้าซิ แห้งเหลืองอ๋อยเลย...
ดูแล้วก็ยังไม่เข้าใจ  ว่าทำไมแม้แต้หญ้ายังแห้งได้

มันเกี่ยวกันยังไงหว่า...

แต่สรุปได้แน่นอนว่าพวกนี้มันไปอยู่ตรงไหนที่นั่นเดือดร้อนไปหมด
แม้แต่ต้นหญ้ายังเฉาแห้งตายเลย... แปลกแต่จริง...

5555  " ควายแดง  "  มาสิบตัว  กินหญ้าจนแห้ง   หมดทุ่ง เลยอ่ะ ฮา 

ใจร้ายจัง  ไม่เหลือให้พวก  " หลิ่ม "  บ้างเลย อ่ะ ฮา   

5555  ฮา  จานโฉมชาย (ฮา)  รับยา  "ช่องสาม"  อ่ะ ฮา 55555 

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

เอารูป "มวลมหาขยะ" มาให้ยายบ๊าบดู...

55555  จ๊านโฉมชาย (ฮา)  อ่ะ  ฮา 55555555555  

พวก   เสื้อแดง  ที่ไหน    " พม่า ชัดๆ "   อ่ะ  ฮา  
ยายไปเดิน ตอนดึก  ยังเจอ  แผง  " ขายหมาก "   อยู่เลยอ่ะ ฮา 

บีบีซี  เขาออกข่าวแล้ว  พม่า มา  "  สามพัน  สี่หมื่น  ห้าแสน คน "  อ่ะ  ฮา  


เวที  "กำนัน"  สอาดจริง  ไม่มีขยะ เลยอ่ะ ฮา  
มวลมหาประชาชน  นับแล้ว  มารวมกันทุกทิศ ฮา  

" ห้าล้าน สามหมื่น สี่แสน เจ็ดร้อย สามพันคน"  อ่ะ ฮา  


5555 จานโฉมชาย (ฮา)  รับยา  "ช่องสาม"  อ่ะ ฮา  

[SillyOldMan]

เอารูป "มวลมหาขยะ" มาให้ยายบ๊าบดู...

มากันเป็นแสนจริงๆ....แสนโสโครก 

[ค..ควาย...ใส่ชฎา]

เอารูป "มวลมหาขยะ" มาให้ยายบ๊าบดู...

มากันเป็นแสนจริงๆ....แสนโสโครก 

55555  โถ ตาย ตาย ตาย   อ่ะ  ฮา 555555 

รูปมวยอย่าง   จานโฉมชาย (ฮา)   อย่าง พี่มอม   มือระดับไหน แล้ว อ่ะ ฮา
มาคุยเรื่อง   " ขี้เปียก "  เรื่อง ขี้หมา เรื่อง ขยะ  ทิ้งเรี่ยราด  อ่ะ ฮา
ระดับนี้  เค้าไม่คุย  ไม่อ้าปาก พูดกันแล้ว   อ่ะ ฮา

มันต้องคุยเรื่อง  "นโยบาย ทางการเมือง "  ความถูก ความผิด อ่ะ ฮา
คุยเรื่องใหญ่ ๆ  คุยแล้วร้อง อ๋อ  คุยเรื่องที่เป็น   " ความจริง" ไม่ตอแหละ อ่ะ ฮา
คุยเรื่อง  "ทิศทาง ทางการเมือง"  มันจะเดินไปซ้าย  หรือย้ายไปขวา อ่ะ ฮา

แหมมม .. นี่ดันมาคุยขยะ   เยอะแยะ  เกะกะ รกหูรกตา   หญ้าตาย  ฮา
ยังดีที่ไม่  " บร้า " เรื่อง พม่า  รามัญ มอญ  กินหมาก ในม๊อบ อ่ะ ฮา

ไอ้ขยะพวกนี้ หลักจากม๊อบเลิก  ไม่เกิน " แปดชั่วโมง " จะถูกเก็บเรียบ อ่ะ ฮา
คนจำนวนเยอะแยะ  มันทิ้งกันคนละ สามชิ้น ห้าชิ้น  ถังไม่พอใส่ร๊อกส์ อ่ะ ฮา

อย่าทำตัวเป็นคน " Low grade "  เล้ย อ่ะ ฮา
หาประเด็นไม่ได้ เล่นประเด็น  " ไม่เจอ "  ล่อขยะ เนี่ยะน๊าาา ฮา


5555 เมื่อไหร่  " หลิ่ม " จะ  ปัด ตา นา   ซะที อ่ะ ฮา 

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

 

[SillyOldMan]

เอารูป "มวลมหาขยะ" มาให้ยายบ๊าบดู...

มากันเป็นแสนจริงๆ....แสนโสโครก 

55555  โถ ตาย ตาย ตาย   อ่ะ  ฮา 555555 

รูปมวยอย่าง   จานโฉมชาย (ฮา)   อย่าง พี่มอม   มือระดับไหน แล้ว อ่ะ ฮา
มาคุยเรื่อง   " ขี้เปียก "  เรื่อง ขี้หมา เรื่อง ขยะ  ทิ้งเรี่ยราด  อ่ะ ฮา
ระดับนี้  เค้าไม่คุย  ไม่อ้าปาก พูดกันแล้ว   อ่ะ ฮา

มันต้องคุยเรื่อง  "นโยบาย ทางการเมือง "  ความถูก ความผิด อ่ะ ฮา
คุยเรื่องใหญ่ ๆ  คุยแล้วร้อง อ๋อ  คุยเรื่องที่เป็น   " ความจริง" ไม่ตอแหละ อ่ะ ฮา
คุยเรื่อง  "ทิศทาง ทางการเมือง"  มันจะเดินไปซ้าย  หรือย้ายไปขวา อ่ะ ฮา

แหมมม .. นี่ดันมาคุยขยะ   เยอะแยะ  เกะกะ รกหูรกตา   หญ้าตาย  ฮา
ยังดีที่ไม่  " บร้า " เรื่อง พม่า  รามัญ มอญ  กินหมาก ในม๊อบ อ่ะ ฮา

ไอ้ขยะพวกนี้ หลักจากม๊อบเลิก  ไม่เกิน " แปดชั่วโมง " จะถูกเก็บเรียบ อ่ะ ฮา
คนจำนวนเยอะแยะ  มันทิ้งกันคนละ สามชิ้น ห้าชิ้น  ถังไม่พอใส่ร๊อกส์ อ่ะ ฮา

อย่าทำตัวเป็นคน " Low grade "  เล้ย อ่ะ ฮา
หาประเด็นไม่ได้ เล่นประเด็น  " ไม่เจอ "  ล่อขยะ เนี่ยะน๊าาา ฮา


5555 เมื่อไหร่  " หลิ่ม " จะ  ปัด ตา นา   ซะที อ่ะ ฮา 

ผมไม่คุยในห้องนี้ครับ แขวะ แหวะ ยี้แบบนี้แหละถูกแล้ว 

[naisomchai]

55555  โถ ตาย ตาย ตาย   อ่ะ  ฮา 555555  

รูปมวยอย่าง   จานโฉมชาย (ฮา)   อย่าง พี่มอม   มือระดับไหน แล้ว อ่ะ ฮา
มาคุยเรื่อง   " ขี้เปียก "  เรื่อง ขี้หมา เรื่อง ขยะ  ทิ้งเรี่ยราด  อ่ะ ฮา
ระดับนี้  เค้าไม่คุย  ไม่อ้าปาก พูดกันแล้ว   อ่ะ ฮา

มันต้องคุยเรื่อง  "นโยบาย ทางการเมือง "  ความถูก ความผิด อ่ะ ฮา
คุยเรื่องใหญ่ ๆ  คุยแล้วร้อง อ๋อ  คุยเรื่องที่เป็น   " ความจริง" ไม่ตอแหละ อ่ะ ฮา
คุยเรื่อง  "ทิศทาง ทางการเมือง"  มันจะเดินไปซ้าย  หรือย้ายไปขวา อ่ะ ฮา

แหมมม .. นี่ดันมาคุยขยะ   เยอะแยะ  เกะกะ รกหูรกตา   หญ้าตาย  ฮา
ยังดีที่ไม่  " บร้า " เรื่อง พม่า  รามัญ มอญ  กินหมาก ในม๊อบ อ่ะ ฮา

ไอ้ขยะพวกนี้ หลักจากม๊อบเลิก  ไม่เกิน " แปดชั่วโมง " จะถูกเก็บเรียบ อ่ะ ฮา
คนจำนวนเยอะแยะ  มันทิ้งกันคนละ สามชิ้น ห้าชิ้น  ถังไม่พอใส่ร๊อกส์ อ่ะ ฮา

อย่าทำตัวเป็นคน " Low grade "  เล้ย อ่ะ ฮา
หาประเด็นไม่ได้ เล่นประเด็น  " ไม่เจอ "  ล่อขยะ เนี่ยะน๊าาา ฮา

5555 เมื่อไหร่  " หลิ่ม " จะ  ปัด ตา นา   ซะที อ่ะ ฮา  

คนมันโสโครกน่ะยายบ๊าบ... มันโสโครกทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของมัน โสโครกอีกตรงที่ไม่มีสำนึกสาธารณะ, เรื่องขยะนี่มันก็แค่เรื่องเดียวที่โผล่ออกมาให้เห็น แต่เรื่องโสโครกแบบนี้มีอีกแยะที่ยังอยู่ในสมอง เพียงเพราะเราไม่เห็นในรูปภาพ เลยยังไม่ได้พูดถึง...

เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับรูปภาพก็คือความสำนึกสาธารณะ ว่าขยะคนละแค่ 3 ชิ้น 5 ชิ้นนั่นแหละ หากทุกคนมันเก็บใส่ถุงเอาไว้แล้วเอามารวมกันให้ผู้ดูแลคอยเก็บเป็นระยะๆ ขยะมันก็ไม่มากมายแบบนี้หรอก... ไอ้เรื่องที่ว่าคนอื่นมีหน้าที่เก็บ ฉันก็เลยมีหน้าที่ทิ้ง ใครทิ้งเก่งกว่า ใครเก็บเก่งกว่า ใครชนะคนนั้นเท่ห์ แบบนี้มันเท่ห์แบบโสโครกอ่ะยายบ๊าบเอ๊ยยย(เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้)...

แล้วม็อบอื่นทำไมเขาช่วยกันรักษาความสะอาดได้ เรื่องแค่นี้มันไม่ยากหรอก แต่ทำไมมันไม่ทำ... เพราะเรื่องสำนึกสาธารณะไม่มีอยู่ในหัว, ที่มีอยู่ในหัวก็แค่ทิ้งขยะแล้วกูเปิดตูดแน่บ... ฮา...

เรื่องแบบนี้มันทำให้เห็นในที่สาธารณะแล้วมันยังไม่อายเลย นับประสาอะไรกับในบ้านมันจะโสโครกแค่ไหน แล้วถนนหนทางในซอยบ้านมันจะโสโครกแค่ไหน ก็มันโยนขยะออกนอกรั้วแล้วก็ให้คนที่มีหน้าที่เก็บมาเก็บไปด้วยเหตุผลแบบเดียวกับที่ยายบ๊าบบอกนั่นแหละ... แล้วสำนึกสาธารณะเรื่องอื่นจะเป็นยังไง เรื่องการเคารพกฎหมายจะเป็นยังไง แล้วคนพวกนี้มันมาขับรถบนถนนมันจะเคารพกฎหมายยังไง แล้วเรื่องนโยบายทางการเมืองอย่าไปพูดถึงเลย ใครมือยาวสาวได้สาวเอา จ้องรับแต่ประโยชน์ไม่คิดอะไรไกล โกงได้ก็โกงอย่าให้โดนจับได้ก็เป็นพอ(ที่จริงโดนจับได้มันก็แถ)...

เรื่องนโยบายสาธารณะสำหรับคนกลุ่มนี้ที่เหมาะๆ ก็คือต้องกดมันเอาไว้, คนโง่อย่าให้มันคิด เพราะมันคิดเมื่อไหร่จะสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม(สั่งมันอย่างเดียว)... หากมันอยากได้สิทธิอยากได้เสียงสำหรับออกเสียงเพื่อกำหนดนโยบายสาธารณะ ก็ต้องให้มันพิสูจน์ตัวเองเสียก่อนว่ามันมีส่วนร่วมสร้างสังคม, หากใครนึกไม่ออกก็เรื่องเหวทคะแนนเสียงจากฐานผู้เสียภาษีก็ได้ ดูตัวอย่างที่ US. ก็แล้วกันไง...

ไอ้พวกเสื้อแดงนี่มันโสโครกจริงเชียว...