ว่างๆคุยเรื่องรถกันดีกว่าครับ

[เบิ้ม]

กำลังมาลองปาปอดครับ

[เบิ้ม]

งานสวยกว่าที่คิดไว้มากครับ ภายในอลังมาก วัสดุดูดี หนังนุ่มไปหมด ปุ่ม สวิส ระบบต่างๆเยอะแยะมากมากมาย

ภายนอกคิดว่าหน้าสวย ไฟท้ายก็เท่ห์ดี(ตอนแรกกังวลว่าจะไม่สวย แต่ไม่ติเลยครับ สวยงาม)  

เบาะหนังนุ่มมาก นั่งสบาย ปรับไฟฟ้าหมด พวงมาลัยหนังนุ่มมือมาก(ผมเคยจับของบางยี่ห้อรถล้านกว่า หนังแข็งกระด้างมากจนคิดในใจ นี่หรือรถล้านกว่า?)     ส่วนวงเลี้ยวแคบ เบาสบาย

ลองทางลูกรัง กึ่งออฟโร๊ดนิดๆ นุ่มนวล แทบไม่รู้สึกถึงว่ากำลังขับทางลูกรังเลย ในรถมันเงียบจริงๆไม่มีเสียงเครื่อง เสียงช่วงล่างเข้ามาในตัวรถเลย   คันเร่งนิ่มมาก แตะพุ่ง แรงแบบแทบไม่ต้องออกแรงเหยียบ   ไม่กระชากด้วย  สมูทมากๆ

ลองทางลูกรัง เสียงในรถเงียบมาก ไม่มีเสียงรบกวนเลย เงียบ นุ่ม(เหมือนนั่งโซฟาดีๆแอร์เย็นๆ)  ไม่มีกระเด้งกระดอนเลย นั่งสบายจริงๆ ผิดกับบางยี่ห้อเคยลองกระด้างกว่ามาก  มิตซูทำดีจริงๆ ไม่เสียงดายเงินเลย อยากให้มาไวๆครับ  

 

[rute - รักในหลวง]

+1 ให้คนเห่อของใหม่ครับ...

[สุพินท์ - รักในหลวง]

OK.ครับท่านผู้การ..ไหน ๆ ก็..(รักคุณเข้าแล้ว)..จะลองฟัดกะมันซักหลาย ๆ ตั้ง
นี่แหละที่เขาว่าไม่เจียมตัว..ความรู้ทางช่างผมสั้นกว่าหางอึ่งซะอีก
หน้าทองขาวเป็นยังไงยังไม่รู้จักเลย..(โฮ) 

ตัวในภาพ  เป็นหน้าทองขาวของรถ 4 สูบ  ถ้า 6 สูบ แกนตรงกลางจะมีลูกเบี้ยว 6 อัน
ทำหน้าที่เป็นสวิทช์ตัดต่อไฟแรงต่ำ (12 โวลท์) เข้าคอยล์  แกนลูกเบี้ยวจะหมุนครึ่งหนึ่งของรอบเครื่องยนต์  เครื่องหมุน 1,500 รอบ แกนลูกเบี้ยวจะหมุน 750 รอบ  ส่งผลให้หน้าทองขาวเปิด/ปิด 3,000 ครั้ง/นาที ถึงต้องคอยเอาจารบีหล่อลื่นไงครับ

รถรุ่นใหม่ก็ยังใช้หลักการเดิม  แต่ไม่ต้องใช้แรงทางกลเปิดปิดสวิทช์ ใช้เซ็นเซอร์อิเลคโทรนิคส์แทน   ทนทานขึ้น ลดการดูแลลงไปหลายพันเท่าตัว  และประหยัดน้ำมันมากขึ้น เพราะใช้คอมพิวเตอร์มาจัดจังหวะไฟจุดระเบิดให้เหมาะสมกับจังหวะเร่งเครื่อง รวมทั้งให้สัมพันธ์กับประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิงที่กำลังใช้งานอยู่

[BIG BERETTA]

 ค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่ในยุโรป และญี่ปุ่น กำลังทดสอบการจุดระเบิดโดยใช้แสงเลเซอร์อยู่ เมื่อสำเร็จก็จะยกเลิกการใช้หัวเทียนในการจุดระเบิดแล้วละครับ  

  คุณจอย เย็นนี้ที่แม๊กซ์แวลูถนนคู้บอน มีกิจกรรมรวมตัวมอเตอร์ไซค์กว่าสองร้อยคันนะครับ เห็น รปภ. บอก แต่ไม่ทราบว่าเป็นรถประเภทใดครับ

                                                                      

                              
     อีกไม่นานนี้ เราอาจจะได้เห็นเครื่องยนต์ของรถยนต์จุดระเบิดด้วยเลเซอร์ แทนที่จะใช้หัวเทียนแบบแต่ก่อน

ทีมวิจัยเตรียมรายงานการค้นพบในงานประชุมเลเซอร์และอิเล็กโตร-ออปติก ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เพื่อรายงานว่า เลเซอร์สามารถจุดระเบิดให้ส่วนผสมน้ำมัน-อากาศในเครื่องยนต์เข้าสู่กระบวนเผาไหม้ได้อย่างไร และสุดท้าย อาจจะได้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการปล่อยมลภาวะ โดยใช้หลักการคือ จุดระเบิดให้มากกว่าส่วนผสมของน้ำมัน-อากาศ

ปัจจุบัน ทีมวิจัยอยู่ระหว่างการคุยกับโรงงานผลิตหัวเทียน และอาจนำไปสู่ความเป็นไปได้ที่จะมีการผลิตเป็นชิ้นส่วนจริงๆจังๆในอนาคต

แนวความคิดเรื่องการใช้เลเซอร์แทนหัวเทียนนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แม้หัวเทียนจะเป็นเทคโนโลยีที่แทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยนับตั้งแต่มีการคิดค้นเมื่อ 150 ปีที่แล้ว

หัวเทียนนั้นมีหน้าที่ในการจุดระเบิดส่วนผสมของน้ำมันกับอากาศที่อยู่ใกล้กับ"ช่องสปาร์ค"ของหัวเทียน ทำให้กระบวนการเผาไหม้เป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และโลหะที่ใช้ในการจุดระเบิดก็จะค่อยๆเสื่อมสภาพไปช้าๆตามกาลเวลา



แต่การจุติของเลเซอร์ขนาดเล็กนั้นก็ทำให้แนวความคิดเรื่องการใช้เลเซอร์ในการจุดระเบิดกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับความเป็นไปได้ที่มากขึ้นในเชิงปฏิบัติ

ทีมวิจัยจากโรมาเนียและญี่ปุ่นได้สาธิตระบบดังกล่าวที่จะที่ลำแสงเลเซอร์เพียงแค่ 2-3 ตัวในกระบอกสูบของเครื่องยนต์ โดยยิงไปที่กระบอกสูบของเครื่องยนต์ที่ระดับความลึกที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของการเผาไหม้และหลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพด้วยการเวลา

อย่างไรก็ตาม ระบบยังจำเป็นต้องเลเซอร์ที่ให้คลื่นพลังงานสูงระดับเดียวที่หัวเทียนใช้ในการจุดระเบิด ดังนั้น จึงต้องมีการจัดการพลังงานที่ใช้ในการจุดระเบิดเครื่องยนต์ให้ดี

"ที่ผ่านมา เลเซอร์ที่ว่าน่าจะตอบโจทย์ก็มีข้อจำกัดเพราะมีขนาดใหญ่ ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่เสถียร" ทาคุโนริ ทาอิระ แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ โอคาซากิ ประเทศญี่ปุ่นกล่าว

"นอกจากนี้ ยังติดตั้งให้ห่างจากเครื่องยนต์มากไม่ได้ เพราะลำแสงของมันอาจจะไปทำลายเส้นใยแก้วนำแสงที่นำส่งลำแสงเลซอร์เองไปยังกระบอกสูบ"

ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาวิธีการใหม่ที่จะแก้ปัญหานี้ โดยใช้เลเซอร์ที่ทำมาจากผงเซรามิคที่ถูกบีบอัดให้มีขนาดเท่ากับหัวเทียนที่ใช้ในกระบอกสูบ

อุปกรณ์เซรามิคนี้มีคุณสมบัติเป็นเลเซอร์ในตัวมันเองด้วย โดยจะรวบรวมพลังงานจากเลเซอร์ที่พลังงานต่ำและบีบอัดมาที่ส่งมาตามเส้นใยแก้วนำแสง และปลดปล่อยคลื่นพลังงานในระยะเวลา 0.0000000008 วินาที

เซรามิคชนิดนี้มีความแข็งแรงทนทานมากกว่าคริสตัลที่ใช้ในเลเซอร์พลังงานสูงเสียอีก แถมยังจัดการกับความร้อนภายในเครื่องยนต์เผาไหม้ได้ดีกว่าอีกด้วย

ทีมวิจัยกำลังอยู่ระหว่างการอภิปรายกับเดนโซ่ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ เพื่อให้เทคโนโลยนี้มีการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป

[BIG BERETTA]

 ช่อง3SD ถ่ายทอดสด การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ โมโต จีพี เวลา 11.50 น.ครับ

      

[เบิ้ม]

+1 ให้คนเห่อของใหม่ครับ...

  ขอแลบลิ้นทีครับพี่หมอ     +ทอนครับ   


ของเค้าดีจิงครับ  ผมว่าชนะฟอจูนเน่อใหม่ขาดลอย   

[carrera]

Test Drive กันเต็มที่เลยไหมครับ น่าเอาไปลองลุยที่ลื่นๆดู

[carrera]

                                                                     

                             
     อีกไม่นานนี้ เราอาจจะได้เห็นเครื่องยนต์ของรถยนต์จุดระเบิดด้วยเลเซอร์ แทนที่จะใช้หัวเทียนแบบแต่ก่อน

ช่วงนี้เห็นที่จุดบุหรี่แบบใช้ไฟ แรงมากครับ น่าจะคล้ายกัน

[TakeFive]

                                                                     

                             
     อีกไม่นานนี้ เราอาจจะได้เห็นเครื่องยนต์ของรถยนต์จุดระเบิดด้วยเลเซอร์ แทนที่จะใช้หัวเทียนแบบแต่ก่อน

ช่วงนี้เห็นที่จุดบุหรี่แบบใช้ไฟ แรงมากครับ น่าจะคล้ายกัน

เท่าที่ทราบ การทำงานของ Laser มันทำความร้อนได้แค่เป็นจุด focus เล็กๆไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการจุดจะเบิดของ mixture(ไอดี+น้ำมัน)ไม่สม่ำเสมอได้อย่างไร เพราะอย่างหัวเทียนแบบโบราณๆมีระยะวาปไฟมากกว่าเยอะ ยังพบปัญหาในจุดนี้เลย

[carrera]

เท่าที่ทราบ การทำงานของ Laser มันทำความร้อนได้แค่เป็นจุด focus เล็กๆไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาเรื่องการจุดจะเบิดของ mixture(ไอดี+น้ำมัน)ไม่สม่ำเสมอได้อย่างไร เพราะอย่างหัวเทียนแบบโบราณๆมีระยะวาปไฟมากกว่าเยอะ ยังพบปัญหาในจุดนี้เลย

ผมไม่ทราบหรอกครับว่าเขาใช้เทคโนโลยี่อย่างไร แต่ทำให้จุดระเบิดแบบหลายเคี่ยวในหัวเดียวกันก็เคยเห็นที่หัวเทียนมีสองเขี้ยว เหมือนเครื่องแต่ก่อนมีทวินปลั๊ก แต่เราทำให้มันอยู่ในหัวเดียว

[R2D2]

โฟล์ครุ่นนี้ยังใช้จานจ่ายระบบหน้าทองขาว กับคอยล์ที่มีโอกาสเสียได้  และช่างรุ่นใหม่ไม่รู้จัก  ร้านอะไหล่ทั่วไปก็ไม่มีขาย  จึงควรซื้อติดรถไว้  หาของโฟล์คไม่ได้ ก็เทียบเบอร์ซื้อจากร้านอะไหล่เบ็นซ์
ตอนวัยรุ่น  ผมเคยใช้โฟล์คอยู่ราวสิบปี วิ่งไม่เกินสองแสน กม.  จำได้ว่าเปลี่ยนทองขาว-คอนเด็นเซอร์ไปไม่ต่ำกว่า 30 ชุด  ต่อมาช่วงสร้างตัว ใช้โตโยต้ารุ่นโซลูน่า ระบบจุดระเบิด เป็น CDI ใช้อยู่ยี่สิบปี ราวแปดแสน กม. ระบบจุดระเบิดไม่เคยรวน เปลี่ยนหัวเทียนทุกแสน กม. เปลี่ยนสายหัวเทียน 1 ครั้ง เพราะเริ่มแตกลายงา
-อาการที่เสียของระบบจุดระเบิดโบราณแบบนี้คือสตาร์ทไม่ติดใช่ไหมครับ หนักหนาถึงขนาดเครื่องดับกลางทางไหม(เจ้าของรถบอกว่าเคยซ่อมใหญ่เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 1,600 ซีซี.เมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นเครื่องไม่เคยดับกลางทางเลย แต่มันไม่วิ่งทางไกล ออกจากบ้านแต่ละครั้งอย่างมากก็ 30 กม.) รถเดิม ๆ ไม่มีแอร์ครับ
-ได้ยินว่าระบบเบรคก็โบราณ(ดรัมเบรค) ตัวนี้ซ่อมยากไหมครับ เจ้าของเขาวิ่ง 80 กม./ชม.ไม่ได้ยินเสียงบ่นว่าเบรคไม่อยู่ครับ

[rute - รักในหลวง]

คุณเบิ้มเปลี่ยนรุ่นไปเอา gls 4*2 ดีกว่าครับ...>>>http://community.headlightmag.com/index.php?topic=46819.0

[เบิ้ม]

คุณเบิ้มเปลี่ยนรุ่นไปเอา gls 4*2 ดีกว่าครับ...>>>http://community.headlightmag.com/index.php?topic=46819.0

1892+     หูยย.....ประหยัดกว่าเยอะเลย แถมแรงกว่าด้วย  


แต่ไม่ทันละครับ จองแล้ว ศูนย์บอกยกเลิกก็คืนเงินให้ ไม่ว่ากัน คนจองเยอะครับ  


แต่ยังไงคันต่อไปต้องหา4x4ครับพี่หมอ   ไว้ลุยทรายชายทะเล  ลุยป่านิดๆครับ เข็ดแล้วเวลาติดทรายติดหล่มครับ  

[เบิ้ม]

จนท.ทดสอบอากาศในรถสองแม่ลูกตายปริศนา ทำการวัดปริมาณก๊าซขณะติดเครื่องยนต์ พบปริมาณก๊าซเพิ่มสูงขึ้นกว่า 5 เท่า

วันนี้ (21 ต.ค. 58) พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีสองแม่ลูกนอนตายปริศนาในรถยนต์ โดยได้นำรถคันที่เกิดเหตุ ไปส่งให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ กองบังคับการตำรวจจราจร ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดซึ่งจากการประเมินด้วยสายตา ก็พบชิ้นส่วนที่ชำรุดปรากฏให้เห็นชัดเจน  และเพื่อความชัดเจนว่าภายในห้องโดยสาร มีก๊าซจากท่อไอเสียไหลเวียนเข้าไปจริงหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญจึงทดลองด้วยการติดเครื่องยนต์ นำอุปกรณ์วัดค่าปริมาณก๊าซ ไปวางไว้บริเวณที่นั่งด้านหน้า และด้านหลัง จากนั้นปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานไปได้ประมาณ 20 นาที จึงไปนำเครื่องมือทั้ง 2 มาดูผล ก็พบความชัดเจนว่ามีค่าปริมาณก๊าซเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณเบาะหลัง จากตัวเลข 20 PPM สูงขึ้นเกือบ 100 PPM หรือกว่า 5 เท่า

อย่างไรก็ตาม แม้ระดับปริมาณก๊าซที่เป็นอันตราย ตามหลักวิชาการแล้ว จะต้องมีค่าสูงตั้งแต่ 200 PPM ขึ้นไป แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้สรุปได้ เพราะร่างกายแต่ละคน สามารถรองรับปริมาณก๊าซได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นผลการตรวจสอบที่ได้จึงต้องนำไปขอความเห็นนักวิชาการมาประกอบ ก่อนนำไปใช้ประกอบในสำนวนคดี

นอกจากนี้ อีกข้อมูลสำคัญที่ต้องได้รับคำยืนยันให้ชัดเจน คือ ผลการผ่าชันสูตรพลิกศพของ 2 แม่ลูก ที่ยังต้องรอรายงานผลการตรวจจากห้องแล็บของสถาบันนิติเวช เพื่อนำคำตอบที่ได้มาสรุปให้ชัดว่าปมเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่
http://news.voicetv.co.th/thailand/274797.html