การรุกคืบขยายเขตปฏิบัติการ และลัทธิความเชื่อแบบ "สุดโต่ง" ของกลุ่ม Islamic State in Iraq and Syria (ISIS) หรือ "ไอซิส" หรือ "ไอเอส" สร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลก เพราะในปัจจุบันนอกจากการพยายามปลูกฝังแนวความคิดสุดโต่งให้แก่แนวร่วมในตะวันออกกลาง และเอเชียกลางแล้ว
รายงานการข่าวของฝ่ายความมั่นคงในหลายประเทศยังระบุตรงกันว่า กลุ่มไอเอสมีความพยายามที่จะ "ปักธง" ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นทั้งพื้นที่เคลื่อนไหว และพื้นที่เป้าหมายของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือกลุ่ม "เจไอ"
ทั้งนี้ แต่เดิมกลุ่มไอเอสมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังแนวความคิดแบบสุดโต่งให้กลุ่มเยาวชนในตะวันออกกลาง และเอเชียกลางเป็นหลัก โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมาย เช่น การเผยแพร่ภาพการฝึกเด็กอายุประมาณ 10-13 ปี ที่มีการฝึกการป้องกันตัว และฝึกอาวุธในเขตอิทธิพลของกลุ่มไอเอสในพื้นประเทศซีเรีย
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังพื้นที่อิทธิพลของกลุ่มไอเอสถูกสหรัฐอเมริกา และชาติพันธมิตรโจมตีอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดการขยายอิทธิพลของกลุ่มไอเอส ดังนั้น กลุ่มไอเอสจึงพยายามที่จะขยายแนวร่วมไปยังภูมิภาคอื่นๆ ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เคยมีกระแสข่าวว่า มีแนวร่วมบางส่วนเข้ามาร่วมรบกับกลุ่มไอเอสในซีเรียมาแล้ว
จากการข่าวดังกล่าวทำให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสอย่างใกล้ชิดมากขึ้น หลังจากกลุ่มไอเอสเริ่มเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเป็นภาษามาเลเซีย และอินโดนีเซียมากขึ้น
ล่าสุด กลุ่มไอเอสเผยแพร่คลิปวิดีโอที่มีเด็ก และเยาวชนอย่างน้อย 20 คนทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เรียนหนังสือ สวดมนต์ กินอาหาร และฝึกอาวุธกับการป้องกันตัวในเขตที่ไอเอสยึดครองอยู่ โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวมีชื่อว่า "การศึกษาในคาลิฟะห์" โพสต์โดยฝ่ายสื่อภาษามาเลย์ของทางกลุ่ม ทั้งยังระบุด้วยว่า เป็นแค่วิดีโอตัวอย่าง ส่วนวิดีโอตัวยาวจะตามมาในภายหลัง
นอกจากนี้ ยังมีภาพชุดพิเศษที่ระบุว่า เป็นนักเรียนสถาบันอับดุลลาห์ อัซซัม อะคาเดมี ซึ่งใช้ภาษามาเลย์ในการเรียนการสอน และตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งบ่มเพาะของลูกหลานนักรบไอเอสจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง อับดุลลาห์ อัซซัม เป็นแกนนำทางความคิดที่ได้รับอิทธิพลมาจาก โอซามา บิน ลาเดน อดีตผู้นำอัลกออิดะห์ โดยสถาบันนี้ตั้งขึ้นเมื่อปีกลาย และเติบโตอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยจึงจับตาความเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากพื้นที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล้กับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของไทยรายหนึ่งยอมรับว่า เมื่อกลุ่มไอเอสเปลี่ยนเป้าหมายมาในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของไทย ทำให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยตื่นตัวกันมากขึ้น เพราะมีโอกาสที่กลุ่มไอเอสจะขยายฐานเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยข่าวได้เกาะติดการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสมาตั้งแต่เคลื่อนไหวในตะวันออกกลาง และยิ่งให้ความสนใจมากขึ้นหลังจากเริ่มปฏิบัติการอย่างโหดเหี้ยมมากขึ้นในระยะหลัง
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการรายงานข่าวว่า เด็ก และเยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสที่มีการเผยแพร่เป็นคลิปวิดีโอภาษามาเลเซีย และอินโดนีเซีย
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงคนเดิมย้ำว่า หน่วยข่าวความมั่นคงพยายามติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสอย่างใกล้ชิด ว่าจะเผยแพร่แนวความคิดเข้ามาในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือในประเทศไทยหรือไม่ มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในเรื่องนี้มาตามขั้นตอนตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องให้เกาะติดความเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
สำหรับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอส ส่วนในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ค่อนข้างระวังเป็นอย่างมาก โดยมีการขอความร่วมมือมายังประเทศไทยให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าจะมีการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเข้าไปยังมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งฝ่ายไทยพยายามที่จะตรวจสอบอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่พบการเคลื่อนไหว
ทุกประเทศในอาเซียนประสานการข่าวอย่างใกล้ชิด โดยที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุด คือ การเผยแพร่ความคิดในโลกออนไลน์ ซึ่งยังมีอยู่ไม่มาก มีเพียงการโพสต์ข้อมูลที่ยังไม่เป็นเชิงอุดมการณ์ แต่มีการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนปฏิบัติการของกลุ่มไอเอส โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น แต่จากการตรวจสอบลึกลงไปยังไม่มีการชักชวนหรือปลุกระดมอะไรกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของไทยแสดงความวิตกกังวลต่อการรุกคืบของกลุ่มไอเอสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะหาก "จุดติด" ขึ้นมาจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก จึงต้องตรวจสอบรายละเอียดในด้านต่างๆ อย่างเข้มข้น ทั้งในเรื่องการเผยแพร่แนวความคิด และการให้ทุนสนับสนุน หรือกลุ่มแนวร่วมต่างๆ แต่ยังไม่พบข้อมูลที่เชื่อมโยงโดยตรงกับกลุ่มไอเอส
http://www.io-pr.org/index.php?name=news&file=readnews&id=1049