เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 19, 2024, 07:42:28 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 15 16 17 [18] 19 20 21 ... 41
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฆ่า2นักท่องเที่ยวอังกฤษที่เกาะเต่า..  (อ่าน 81055 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 84 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #255 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 11:56:12 AM »


โพสล่าสุดของทางเพจCSI LA เริ่มพาดพิงถึงบุคคลๆนี้ครับ
       "ดาบ ตำรวจ อนุเทพ อินทชาติ เพื่อนนายมณตรีวัฒน์ ตำรวจเก็บส่วยพม่าของภาค 8 ทำไมไม่มีใครพูดถึงเขาเลย
This guy name is Anutehp Intachart. He is corrupted police from Precinct 8 Southern District. Just job is to collect and extort money from Burmese labors for Precinct 8. He is a good friend of Mon. It's amazing that nobody mentioned about him."



55555  เรื่อง  " เกาะเต่า "  มันลึก  รวมถึงเลอะ จนใกล้เน่า แล้วอ่ะ ฮา 55555

ถึงขนาด  " นายกอังกฤษ "  เรียกร้อง ขอให้มีการสอบสวนใหม่ 
หรือที่ยายเรียกว่า  ขอให้ " รื้อ " กระบวนการสอบสวน อ่ะ ฮา

หลักฐานต่างๆ ที่  CSI  LA  นำมาเรียบเรียง  ฮา
ยายเชื่อว่าเขา  " ตั้งข้อสังเกตุ " ได้ดี ทีเดียว อ่ะ ฮา

ถ้าจะบอกว่า  "  The Guardian  "  โนเนมอิน ยูเค  ฮา
งันยายจะแนะนำให้ ไปอ่าน  " The Sun "  อะ  ฮา

5555555   " มันแปลก "  ดีนะ  อ่ะ ฮา 555555   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #256 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 11:59:35 AM »

ยายติดใจตอนสุดท้าย  ที่หมอ " ปอน ดริพท์ "  อยากจะขอให้  ทดสอบไม้ชี้ผี อ่ะ ฮา
ยายจำได้ว่า  " อาจารย์  เจษฎา "  เขาเป็นคนกระแทก  แคะเรื่องนี้เป็นคนแรก อ่ะ ฮา
แคะจนโดนอำนาจ  " ลี้ลับ " บีบจนกระทั่งต้อง  หยุด  ตรวจสอบอ่ะ ฮา

5555  ตอนหลัง  หมอปอน ดริพท์  " จนแต้ม " อ่ะ ฮา 555555  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

จำผิดแล้วยาย อาจารย์เจษฎา ไม่ได้โดนบีบจนหยุด

ตอนนั้นเขามีการตั้งกรรมการมาตรวจสอบ จนได้ข้อสรุปต่างหาก


ยายรู้ทุกเรื่อง ช่วยเฉลยหน่อยสิ ว่าเรื่องนี้นิติวิทยาศาสตร์เขาทำไว้ผิดอย่างไร

เอาที่ยายรู้นะ ไม่ใช่อ่านหนังสือพิมพ์



555555  โถจาน  ไอ้เรื่อง  " ตั้งกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบ " เนี่ยะ อ่ะ ฮา 5555
มันเกิดตอนหลัง  จนเรื่องดัง  " ปิดไม่มิด "  แล้ว อ่ะ ฮา

อ.เจษฎา   แกบอก  ถ้าซื้อกับแก  แกขายแค่  " 99 บาท " แค่นั้นอ่ะ ฮา
แกพยายาม  พาสื่อ  ไปพิสูจน์  ข้อเท็จจริง แต่ถูกทาง  " คนซื้อ " เบรค กดดันไปทางคณะ อ่ะ ฮา

55555 จนในที่สุด  ต้อง  " แกะ ใส้ใน "  พิสูจน์  อ่ะ ฮา 55555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #257 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 12:05:03 PM »

ยายติดใจตอนสุดท้าย  ที่หมอ " ปอน ดริพท์ "  อยากจะขอให้  ทดสอบไม้ชี้ผี อ่ะ ฮา
ยายจำได้ว่า  " อาจารย์  เจษฎา "  เขาเป็นคนกระแทก  แคะเรื่องนี้เป็นคนแรก อ่ะ ฮา
แคะจนโดนอำนาจ  " ลี้ลับ " บีบจนกระทั่งต้อง  หยุด  ตรวจสอบอ่ะ ฮา

5555  ตอนหลัง  หมอปอน ดริพท์  " จนแต้ม " อ่ะ ฮา 555555  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก



ยายรู้ทุกเรื่อง ช่วยเฉลยหน่อยสิ
ว่าเรื่องนี้นิติวิทยาศาสตร์เขาทำไว้ผิดอย่างไร

เอาที่ยายรู้นะ ไม่ใช่อ่านหนังสือพิมพ์



555555  แหมจาน  ได้ดีดรี  มาแขนงไหน อ่ะ ฮา 55555

ยายบอกว่า  การได้มาซึ่ง  " หลักฐานทางคดี หรือ  ผล การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ " เนี่ยะ อ่ะ ฮา
การดำเนินการตรงนั้น  ขั้นตอนก็เป็น  " ปกติ "  ดีอ่ะ ฮา

แต่การจะใส่  " ข้อมูล เบื้องต้น " ลงไป  ถ้าข้อมูลนั้นมัน  บิดเบี้ยว เป็นเท็จ ฮา
ผลมันก็จะออกมา  เหมือน  " ตั้งธง "  เอาไว้นั่นแหละ อ่ะ ฮา

5555555  จริงหรือเปล่า อ่ะ ฮา 555555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #258 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 12:25:29 PM »

55555  ทีนี้ย้อนกลับมาดู  " กระบวนการสอบสวน "  สารขัณฑ์พลาดตรงไหน อ่ะ ฮา 55555

ยายมองว่าพลาดตรง  " ปล่อย "  ให้พยานสำคัญ  เอ้าท์ออฟคอนโทรล  หรือ หลุดมือ ไปอ่ะ ฮา
ปล่อยให้  "  ใคร "  เดินทางออกนอกประเทศ  พ้นจากราชอาณาจักรไทย ไปอ่ะ ฮา

5555   พอไปถึง  " ยูเค "  มันพ่น  ยำกระบวนการยุติธรรมไทย  เละเทะ เลยอ่ะ ฮา 55555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #259 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 12:37:51 PM »

55555  ทีนี้ย้อนกลับมาดู  " กระบวนการสอบสวน "  สารขัณฑ์พลาดตรงไหน อ่ะ ฮา 55555

ยายมองว่าพลาดตรง  " ปล่อย "  ให้พยานสำคัญ  เอ้าท์ออฟคอนโทรล  หรือ หลุดมือ ไปอ่ะ ฮา
ปล่อยให้  "  ใคร "  เดินทางออกนอกประเทศ  พ้นจากราชอาณาจักรไทย ไปอ่ะ ฮา

5555   พอไปถึง  " ยูเค "  มันพ่น  ยำกระบวนการยุติธรรมไทย  เละเทะ เลยอ่ะ ฮา 55555 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
ยายหมายถึงฝรั่ง ที่ชื่อนาย ฌอน ใช่มั๊ยครับ ถ้าใช่ยายคิดว่าเขาตั้งใจปล่อยตัวไปรึว่าสอบสวนแล้วไม่เกี่ยวข้องกับคดีถึงปล่อยไปครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #260 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 02:26:53 PM »

คดีฆ่าหั่นศพญีปุ่น ช่อง3 สรายุทธ อ่านข่าวละเอียดยิบ อยากทราบไรอยากรู้ อธิบายจนคนกระจางแจ้ง ทำให้คืดว่า ทำไม คดีเกาะเต่า มันถึงไม่เป็นอย่างนี้บาง คดีก็เป็นคนต่างชาติเหมือนกัน คนก็อยากรู้แบบอะเอียดเหมือนกัน แต่นี้จะ2 เดือนแล้ว การเสนอข่าวกับไม่มี ชี้แจงอะไร ก็เงียบ
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #261 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 03:08:26 PM »

คดีเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ให้ศึกษาได้อย่างดีครับถึงการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยเรา
1 เชอรี่แอนดันแคน
2 ชิปปิงหมู
3 สมชาย นิลละไพจิตร(หายตัว)
4 คุณหนู18ศพ
5 ทายาทกระทิงแดง
6 เอกยุทธ อัญชัญบุตร
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
kok ksn
Full Member
***

คะแนน 54
ออฟไลน์

กระทู้: 436


« ตอบ #262 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 03:20:46 PM »

คดีเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ให้ศึกษาได้อย่างดีครับถึงการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยเรา
1 เชอรี่แอนดันแคน
2 ชิปปิงหมู
3 สมชาย นิลละไพจิตร(หายตัว)
4 คุณหนู18ศพ
5 ทายาทกระทิงแดง
6 เอกยุทธ อัญชัญบุตร


....จ่ายิ้ม......ยัดยาบ้าศพ ที่แถว สกลนคร  ....  ยิงถล่มตู้เย็น ......   เก็บเห็ด ......  ยิงรถนักศึกษาสาว  .....  ฯลฯ   
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #263 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 05:21:54 PM »

คดีเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ให้ศึกษาได้อย่างดีครับถึงการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยเรา
1 เชอรี่แอนดันแคน
2 ชิปปิงหมู
3 สมชาย นิลละไพจิตร(หายตัว)
4 คุณหนู18ศพ
5 ทายาทกระทิงแดง
6 เอกยุทธ อัญชัญบุตร

เชอรี่แอน ดันแคน ถือเป็นบทเรียนสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องระวัง

ส่วนอีก ๕ เรื่อง เป็นเรื่องของ นักการเมืองถ่อยล้วงลูก ลงไปสั่งการ จัดคนลงไปรับผิดชอบ
ไม่เกี่ยวกับการทำงานของ ตร.โดยตรง

จักต้องรู้จริง เข้าใจจริง ๆ เพียงตัดแป๊ะ และรับฟังความเห็นที่ชอบ จริต ตนยังไม่พอ
ทั้ง ๕ เรื่อง เป็นวางคน สร้างข้อเท็จจริง เพื่อจัดการ

เป็นการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ ที่นักการเมืองถ่อย มันชงเรื่องเอง
ใช้คนเลวมาทำงานให้ มันไม่ใช่กระบวนกา่รยุติธรรมอย่างปรกติ
จะมากล่าวหา กระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ได้หรอกครับ.  




บันทึกการเข้า

นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #264 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 06:29:07 PM »

บวกพี่โร๊ด ๑ แต้มครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #265 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 06:44:01 PM »

คดีเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ให้ศึกษาได้อย่างดีครับถึงการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยเรา
1 เชอรี่แอนดันแคน
2 ชิปปิงหมู
3 สมชาย นิลละไพจิตร(หายตัว)
4 คุณหนู18ศพ
5 ทายาทกระทิงแดง
6 เอกยุทธ อัญชัญบุตร

เชอรี่แอน ดันแคน ถือเป็นบทเรียนสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องระวัง

ส่วนอีก ๕ เรื่อง เป็นเรื่องของ นักการเมืองถ่อยล้วงลูก ลงไปสั่งการ จัดคนลงไปรับผิดชอบ
ไม่เกี่ยวกับการทำงานของ ตร.โดยตรง

จักต้องรู้จริง เข้าใจจริง ๆ เพียงตัดแป๊ะ และรับฟังความเห็นที่ชอบ จริต ตนยังไม่พอ
ทั้ง ๕ เรื่อง เป็นวางคน สร้างข้อเท็จจริง เพื่อจัดการ

เป็นการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ ที่นักการเมืองถ่อย มันชงเรื่องเอง
ใช้คนเลวมาทำงานให้ มันไม่ใช่กระบวนกา่รยุติธรรมอย่างปรกติ
จะมากล่าวหา กระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ได้หรอกครับ. 





จริงๆแล้วมันมีข้อที่7ด้วยน่ะครับแต่ผมไม่ได้ตัดมาแปะ เพราะข้อ7.เขาบอกว่าจนมาถึงคดีที่เกาะเต่า ผมกลัวเด๋วโดนหาว่าตั้งธงอีก Grin ไหว้
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #266 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 07:03:20 PM »

คดีเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ให้ศึกษาได้อย่างดีครับถึงการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยเรา
1 เชอรี่แอนดันแคน
2 ชิปปิงหมู
3 สมชาย นิลละไพจิตร(หายตัว)
4 คุณหนู18ศพ
5 ทายาทกระทิงแดง
6 เอกยุทธ อัญชัญบุตร

เชอรี่แอน ดันแคน ถือเป็นบทเรียนสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องระวัง

ส่วนอีก ๕ เรื่อง เป็นเรื่องของ นักการเมืองถ่อยล้วงลูก ลงไปสั่งการ จัดคนลงไปรับผิดชอบ
ไม่เกี่ยวกับการทำงานของ ตร.โดยตรง

จักต้องรู้จริง เข้าใจจริง ๆ เพียงตัดแป๊ะ และรับฟังความเห็นที่ชอบ จริต ตนยังไม่พอ
ทั้ง ๕ เรื่อง เป็นวางคน สร้างข้อเท็จจริง เพื่อจัดการ

เป็นการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ ที่นักการเมืองถ่อย มันชงเรื่องเอง
ใช้คนเลวมาทำงานให้ มันไม่ใช่กระบวนกา่รยุติธรรมอย่างปรกติ
จะมากล่าวหา กระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ได้หรอกครับ. 





http://www.youtube.com/watch?v=IDhpTvWDEmw...
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #267 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 08:25:05 PM »

คดีเชอรี่แอน ตำรวจพลาดและผิดจริง  เป็นบทเรียนให้เห็นไว้แล้ว
คดีเกาะเต่า  ถ้าตำรวจจะทำแบบเดิมอีก   ก็ย่อมรู้อยู่แล้วว่าปลายทางคืออะไร  ทั้งทางการพม่าและอังกฤษ  คงไม่ยอมให้ใครมาหลอกคนของเขาได้ง่ายๆแน่
รวมถึงหน่วยงานเรื่องสิทธิมนุษยชนต่างๆของไทยด้วยที่คอยเฝ้าติดตามเรื่องนี้   

คดีเชอรรี่แอน  มีผู้ต้องหาถูกจับ ๔ คน  และทุกคนให้การปฏิเสธหมด
แต่ตำรวจปั้นพยานเท็จเข้าปรักปรำ  เบิกความจนศาลชั้นต้นเชื่อ  และลงประหารชีวิต จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์  ระหว่างนั่น จำเลยที่ ๑ ถึงแก่ความตาย
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง   และศาลฎีกาพิพากษายืน

ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
ศาลฎีกา

วันที่ ๘ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๖


ความอาญา



   พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ   โจทก์
      
   นางกลอยใจ ดันแคน   โจทก์ร่วม
      
   นายรุ่งเฉลิม หรือเฮาดี้ กนกชวาลชัย   ที่ ๑   จำเลย
   นายพิทักษ์ ค้าขาย   ที่ ๒   
   นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม   ที่ ๓   
   นายธวัช กิจประยูร   ที่ ๔   

เรื่อง   ความผิดต่อชีวิต





โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๒๑ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๕

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลากลางคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลากลางคืนก่อนเที่ยงต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้วัตถุอ่อนนุ่มปิดปากกับจมูกนางสาวเชอรี่ แอน ดันแคน ผู้ตาย และใช้กำลังกายรัดลำคอผู้ตายจนผู้ตายไม่สามารถหายใจและโลหิตหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองไม่ได้จึงสลบหมดสติ แล้วจำเลยทั้งสี่นำผู้ตายไปทิ้งไว้บริเวณที่มีน้ำขัง โดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่แขวงบางจาก เขตพระโขนง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร และตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน จำเลยที่ ๔ เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกในฐานความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๖๖๘/๒๕๒๓ ของศาลอาญา พ้นโทษแล้วภายในเวลาห้าปีกลับมากระทำผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙ (๔), ๘๓, ๙๒ และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๔ ตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ ๔ รับว่า เคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้อง

ระหว่างพิจารณา นางกลอยใจ ดันแคน มารดาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔), ๘๓ ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่ ที่ขอให้เพิ่มจำเลยที่ ๔ นั้น เนื่องจากศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ ๔ แล้ว จึงมิอาจเพิ่มโทษได้ คำขอส่วนนี้ให้ยก

จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์

ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ ๑ ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ ๑ ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๑) ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๑

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวน ประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุ นางสาวเชอรี่ แอน ดันแคน ผู้ตาย เป็นนักเรียนของโรงเรียนพระกุมารเยซูวิทยา (โฮลี่) ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอย ๑๐๑ ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ผู้ตายไปเรียนหนังสือตามปกติ ครั้นเลิกเรียนเวลาประมาณ ๑๔:๔๕ นาฬิกา ได้ขึ้นรถแท็กซี่ที่รอรับอยู่หน้าโรงเรียนออกจากโรงเรียนแล้วไม่ได้กลับบ้าน ต่อมา วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๙ มีผู้พบศพผู้ตายลอยน้ำอยู่ในร่องน้ำในป่าแสมบางสำราญ ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ผลจากการตรวจศพของสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจ ลงความเห็นว่า เชื่อว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะขาดอากาศหายใจ ขาดโลหิตเลี้ยงสมอง ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ร่วมกันฆ่าผู้ตายหรือไม่ ทางพิจารณา โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบว่า เดิมผู้ตายอาศัยอยู่กับโจทก์ร่วมซึ่งเปิดร้านอาหารอยู่ที่ซอย ๑๙ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ต่อมา ย้ายไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านยาย แขวงวัดกัลยาณมิตร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ผู้ตายรักใคร่ได้เสียกับนายวินัย ชัยพานิช ลูกค้าที่มารับประทานอาหารที่ร้านอาหารโจทก์ร่วม นายวินัยพาผู้ตายไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมริเวอร์วิวของนายวินัยที่ตลาดน้อย แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร และเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ผู้ตายศึกษาเล่าเรียน ผู้ตายเคยโต้เถียงกับนายวินัยเรื่องผู้ตายรักใคร่ได้เสียกับนายสมัชชา หรืออ๊อบ โกมลทิส กับเคยมีเรื่องขัดแย้งกับนางสาวสุวิบูล หรือกุ้ง พัฒน์พงษ์พานิช หญิงคนรักของนายวินัย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร่วมประกอบกิจการค้ากับนายวินัย นางสาวสุวิบูลเคยเข้าไปทำลายสิ่งของในห้องพักของผู้ตายจนนายวินัยต้องพาผู้ตายย้ายไปเช่าห้องพักอยู่ที่แกรนด์ทาวเวอร์เกสต์เฮาส์ แขวงคลองตัน เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา นายประเมิน โภชพลัด อาชีพขับรถยนต์รับจ้างสามล้อ ขับรถออกไปทางปากซอยสวนพลู เห็นจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กำลังประคองผู้ตายซึ่งหน้าคล้ายฝรั่งและมีอาการคล้ายคนเป็นลมออกมาจากบริเวณสถานที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานห้างหุ้นส่วนจำกัดควอลิตี้อาคิเท็คแอนด์เมนเทนแนนซ์ของนายวินัย โดยมีจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ยืนขนาบอยู่ด้านหลัง นายประเมินจำหน้าผู้ตายและจำเลยทั้งสี่ได้เพราะนายประเมินได้จอดรถสอบถามจำเลยทั้งสี่ว่า ต้องการรถไปโรงพยาบาลหรือไม่ จำเลยที่ ๓ แจ้งว่า มีรถมาเอง นายประเมินจึงขับรถจากไป วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๙ โจทก์ร่วมแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงว่า ผู้ตายหายไปจากบ้าน และในวันเดียวกันนั้นเอง นางบัวขาว กิ่งแก้ว พบกระเป๋าหนังสือของผู้ตายลอยอยู่ในคลองตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากจุดที่พบศพผู้ตายประมาณแปดถึงเก้ากิโลเมตร พันตำรวจโท สันติ เพ็ญสูตร พนักงานสอบสวน ร่วมชันสูตรพลิกศพและส่งศพผู้ตายไปชันสูตรยังสถาบันนิติเวชวิทยา กับสืบสวนหาตัวคนร้าย วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๙ นายวินัยประกาศทางหนังสือให้รางวัลแก่ผู้ชี้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายและการหายไปของผู้ตาย ในวันเดียวกันนี้ นายประดิษฐ์ กิ่งแก้ว สามีนางบัวขาว แจ้งให้นายวิชัยทราบถึงการพบกระเป๋าหนังสือของผู้ตาย นายวินัยดูกระเป๋าหนังสือแล้วจำได้ว่าเป็นของผู้ตาย จึงพาโจทก์ร่วมไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเป็นมูลเหตุที่ได้พากันไปตรวจดูศพผู้ตายที่สถาบันนิติเวชวิทยาและยืนยันว่าเป็นศพผู้ตาย วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๒๙ นายประเมินสนทนากับพวกเกี่ยวกับหญิงสาวลูกครึ่งที่ถูกฆ่า โดยสงสัยว่า จะเป็นบุคคลเดียวกับหญิงที่นายประเมินพบตรงปากซอยสวนพลูหรือไม่ นายประเมินจึงไปสอบถามโจทก์ร่วม ขอดูภาพผู้ตาย และเล่าเหตุการณ์ที่พบเห็นให้ฟัง โจทก์ร่วมจึงแจ้งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจพานายประเมินไปสอบถามและให้ตรวจดูภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย นายประเมินยืนยันภาพถ่ายของจำเลยทั้งสี่ตามภาพถ่ายหมาย จ. ๒ ว่า เป็นบุคคลที่นายประเมินเห็นอยู่กับผู้ตายในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๙ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมจำเลยทั้งสี่มาสอบสวนดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดให้นายประเมินชี้ตัวคนร้าย นายประเมินชี้จำเลยทั้งสี่ได้ถูกต้อง ปรากฏตามบันทึกการชี้ตัวผู้ต้องหา เอกสารหมาย จ. ๔ ถึง จ. ๗

จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ นำสืบปฏิเสธโดยอ้างฐานที่อยู่

พิเคราะห์แล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่า จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ร่วมกันฆ่าผู้ตาย คงมีนายประเมินเป็นพยานแวดล้อมเพียงปากเดียวที่อ้างว่า เห็นจำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ อยู่กับผู้ตายก่อนผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งตามทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมก็ไม่สามารถทราบได้โดยแน่ชัดว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อใด จึงไม่อาจทราบได้ชัดว่า ตามข้ออ้างของนายประเมินนั้น จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ อยู่กับผู้ตายในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ตายถึงแก่ความตายหรือไม่ เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่นายประเมินเบิกความว่า มีอาชีพขับรถยนต์รับจ้างสามล้อมาสามสิบปี แต่โจทก์และโจทก์ร่วมไม่นำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์รับจ้างสามล้อของนายประเมินมาแสดง ทั้งนายประเมินระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อคันที่ใช้ขับรับจ้างในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ไว้ในชั้นสอบสวนแตกต่างไปจากที่เบิกความไว้ต่อศาล นอกจากนี้ การที่นายประเมินอ้างว่า อยากรู้ว่าหญิงลูกครึ่งที่ตายเป็นคนเดียวกับหญิงลูกครึ่งที่นายประเมินเคยเห็นที่ปากซอยสวนพลูหรือไม่ หลังจากที่การตายของผู้ตายออกเป็นข่าวไปแล้วเกือบหนึ่งเดือน นับว่า เป็นการอยากรู้ที่ผิดปกติ เพราะเป็นการล่วงเลยเวลาอันสมควรมานานแล้ว ทั้งการที่นายประเมินให้ข้อมูลต่อโจทก์ร่วมและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นเวลาหลังเกิดเหตุแล้วเป็นเวลานาน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่ยังไม่ฟังเป็นมั่นคงว่า นายประเมินเห็นจำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา ส่วนพยานแวดล้อมอื่น ๆ ที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบ เช่น จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ เป็นลูกจ้างของนายวินัย และนายวินัยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายเรื่องผู้ตายมีคนรักใหม่ระหว่างอยู่กินกับนายวินัย หรือการที่ผู้ตายมีเรื่องขัดแย้งกับนางสาวสุวิบูล คนรักของนายวินัยก็ดี มิได้บ่งหรือมีเหตุให้เชื่อว่า จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ เป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย ที่โจทก์ร่วมฎีกาอ้างว่า การที่ผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายวินัยและนางสาวสุวิบูลมีความรุนแรงถึงขนาดจ้าง วาน ใช้ให้จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ฆ่าผู้ตายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องมิได้กล่าวถึงสาเหตุที่จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ฆ่าผู้ตาย มิได้กล่าวถึงผู้ที่ใช้ จ้าง วานให้จำเลยดังกล่าวฆ่าผู้ตาย และมิได้ฟ้องผู้ใช้ จ้าง วานมาด้วย ทั้งทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ จ้าง วานให้จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ฆ่าผู้ตาย ข้อฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน



บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #268 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 08:41:35 PM »

ส่วนคดีเกาะเต่านี้ จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวน  และนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ  ให้ผู้สื่อข่าวมวลชนได้ถ่ายภาพไว้ดูด้วย
และยังมี DNA ของพม่าทั้งสองอยู่ในร่างผู้ตายอีก  ที่ตรวจพิสูจน์พบ  
ข้อเท็จจริง  เรื่องราวจึงแตกต่างไม่เหมือนจากเรื่องราวของคดีเชอรี่แอนนัก

หากในชั้นศาล  พม่าทั้งสองจะกลับคำให้การที่เคยรับเป็นปฏิเสธอ้างเหตุที่รับเพราะถูกทำร้าย คงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะ คดีที่ขึ้นศาลก็เห็นในลักษณะแบบนี้อยู่มากๆ หลายคดี ว่า ชั้นถูกจับกุม ถูกสอบสวนรับ   แต่พอขึ้นศาลขอสู้คดี
แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่ศาลฟังจากหลักฐานทั้งหมดแล้วเชื่อ พยานโจทก์ที่สืบมาหรือไม่  ซึ่งตรงนี้ ศาลจะให้โอกาสจำเลยได้ถามค้านทำลายน้ำหนักพยานหลักฐานของโจทก์ที่เอามาสืบ  หรือนำสืบหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้  
ไม่ได้ปิดโอกาสจำเลย

เรื่อง นิติวิทยาศาสตร์ นี้ก็เช่นกัน  จำเลยก็มีสิทธิหาพยานหลักฐานมานำสืบหักล้างได้
เมื่อสืบสู้กันเสร็จแล้ว   ศาลจึงจะชั่งน้ำหนักพยานสองฝ่ายอีกทีว่าฝ่ายใดมีเหตุมีผลรับฟังได้มากกว่ากัน ก่อนที่จะพิพากษาออกมา      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 25, 2014, 08:55:34 PM โดย Navigator 436 » บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
rambo1th
Hero Member
*****

คะแนน 143
ออฟไลน์

กระทู้: 1349


« ตอบ #269 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2014, 08:49:51 PM »

คดีเชอรี่แอน ตำรวจพลาดและผิดจริง  เป็นบทเรียนให้เห็นไว้แล้ว
คดีเกาะเต่า  ถ้าตำรวจจะทำแบบเดิมอีก   ก็ย่อมรู้อยู่แล้วว่าปลายทางคืออะไร  ทั้งทางการพม่าและอังกฤษ  คงไม่ยอมให้ใครมาหลอกคนของเขาได้ง่ายๆแน่
รวมถึงหน่วยงานเรื่องสิทธิมนุษยชนต่างๆของไทยด้วยที่คอยเฝ้าติดตามเรื่องนี้  

คดีเชอรรี่แอน  มีผู้ต้องหาถูกจับ ๔ คน  และทุกคนให้การปฏิเสธหมด
แต่ตำรวจปั้นพยานเท็จเข้าปรักปรำ  เบิกความจนศาลชั้นต้นเชื่อ  และลงประหารชีวิต จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์  ระหว่างนั่น จำเลยที่ ๑ ถึงแก่ความตาย
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง   และศาลฎีกาพิพากษายืน

ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
ศาลฎีกา

วันที่ ๘ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๖


ความอาญา



   พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ   โจทก์
      
   นางกลอยใจ ดันแคน   โจทก์ร่วม
      
   นายรุ่งเฉลิม หรือเฮาดี้ กนกชวาลชัย   ที่ ๑   จำเลย
   นายพิทักษ์ ค้าขาย   ที่ ๒   
   นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม   ที่ ๓   
   นายธวัช กิจประยูร   ที่ ๔   

เรื่อง   ความผิดต่อชีวิต





โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๒๑ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๕

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลากลางคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลากลางคืนก่อนเที่ยงต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้วัตถุอ่อนนุ่มปิดปากกับจมูกนางสาวเชอรี่ แอน ดันแคน ผู้ตาย และใช้กำลังกายรัดลำคอผู้ตายจนผู้ตายไม่สามารถหายใจและโลหิตหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองไม่ได้จึงสลบหมดสติ แล้วจำเลยทั้งสี่นำผู้ตายไปทิ้งไว้บริเวณที่มีน้ำขัง โดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่แขวงบางจาก เขตพระโขนง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร และตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน จำเลยที่ ๔ เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกในฐานความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๖๖๘/๒๕๒๓ ของศาลอาญา พ้นโทษแล้วภายในเวลาห้าปีกลับมากระทำผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙ (๔), ๘๓, ๙๒ และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๔ ตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ ๔ รับว่า เคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้อง

ระหว่างพิจารณา นางกลอยใจ ดันแคน มารดาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔), ๘๓ ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่ ที่ขอให้เพิ่มจำเลยที่ ๔ นั้น เนื่องจากศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ ๔ แล้ว จึงมิอาจเพิ่มโทษได้ คำขอส่วนนี้ให้ยก

จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์

ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ ๑ ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ ๑ ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๑) ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๑

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวน ประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ขณะเกิดเหตุ นางสาวเชอรี่ แอน ดันแคน ผู้ตาย เป็นนักเรียนของโรงเรียนพระกุมารเยซูวิทยา (โฮลี่) ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอย ๑๐๑ ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ผู้ตายไปเรียนหนังสือตามปกติ ครั้นเลิกเรียนเวลาประมาณ ๑๔:๔๕ นาฬิกา ได้ขึ้นรถแท็กซี่ที่รอรับอยู่หน้าโรงเรียนออกจากโรงเรียนแล้วไม่ได้กลับบ้าน ต่อมา วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๙ มีผู้พบศพผู้ตายลอยน้ำอยู่ในร่องน้ำในป่าแสมบางสำราญ ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ผลจากการตรวจศพของสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจ ลงความเห็นว่า เชื่อว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะขาดอากาศหายใจ ขาดโลหิตเลี้ยงสมอง ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ร่วมกันฆ่าผู้ตายหรือไม่ ทางพิจารณา โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบว่า เดิมผู้ตายอาศัยอยู่กับโจทก์ร่วมซึ่งเปิดร้านอาหารอยู่ที่ซอย ๑๙ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ต่อมา ย้ายไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านยาย แขวงวัดกัลยาณมิตร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ผู้ตายรักใคร่ได้เสียกับนายวินัย ชัยพานิช ลูกค้าที่มารับประทานอาหารที่ร้านอาหารโจทก์ร่วม นายวินัยพาผู้ตายไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมริเวอร์วิวของนายวินัยที่ตลาดน้อย แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร และเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ผู้ตายศึกษาเล่าเรียน ผู้ตายเคยโต้เถียงกับนายวินัยเรื่องผู้ตายรักใคร่ได้เสียกับนายสมัชชา หรืออ๊อบ โกมลทิส กับเคยมีเรื่องขัดแย้งกับนางสาวสุวิบูล หรือกุ้ง พัฒน์พงษ์พานิช หญิงคนรักของนายวินัย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร่วมประกอบกิจการค้ากับนายวินัย นางสาวสุวิบูลเคยเข้าไปทำลายสิ่งของในห้องพักของผู้ตายจนนายวินัยต้องพาผู้ตายย้ายไปเช่าห้องพักอยู่ที่แกรนด์ทาวเวอร์เกสต์เฮาส์ แขวงคลองตัน เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา นายประเมิน โภชพลัด อาชีพขับรถยนต์รับจ้างสามล้อ ขับรถออกไปทางปากซอยสวนพลู เห็นจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กำลังประคองผู้ตายซึ่งหน้าคล้ายฝรั่งและมีอาการคล้ายคนเป็นลมออกมาจากบริเวณสถานที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานห้างหุ้นส่วนจำกัดควอลิตี้อาคิเท็คแอนด์เมนเทนแนนซ์ของนายวินัย โดยมีจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ยืนขนาบอยู่ด้านหลัง นายประเมินจำหน้าผู้ตายและจำเลยทั้งสี่ได้เพราะนายประเมินได้จอดรถสอบถามจำเลยทั้งสี่ว่า ต้องการรถไปโรงพยาบาลหรือไม่ จำเลยที่ ๓ แจ้งว่า มีรถมาเอง นายประเมินจึงขับรถจากไป วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๙ โจทก์ร่วมแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงว่า ผู้ตายหายไปจากบ้าน และในวันเดียวกันนั้นเอง นางบัวขาว กิ่งแก้ว พบกระเป๋าหนังสือของผู้ตายลอยอยู่ในคลองตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากจุดที่พบศพผู้ตายประมาณแปดถึงเก้ากิโลเมตร พันตำรวจโท สันติ เพ็ญสูตร พนักงานสอบสวน ร่วมชันสูตรพลิกศพและส่งศพผู้ตายไปชันสูตรยังสถาบันนิติเวชวิทยา กับสืบสวนหาตัวคนร้าย วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๙ นายวินัยประกาศทางหนังสือให้รางวัลแก่ผู้ชี้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายและการหายไปของผู้ตาย ในวันเดียวกันนี้ นายประดิษฐ์ กิ่งแก้ว สามีนางบัวขาว แจ้งให้นายวิชัยทราบถึงการพบกระเป๋าหนังสือของผู้ตาย นายวินัยดูกระเป๋าหนังสือแล้วจำได้ว่าเป็นของผู้ตาย จึงพาโจทก์ร่วมไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเป็นมูลเหตุที่ได้พากันไปตรวจดูศพผู้ตายที่สถาบันนิติเวชวิทยาและยืนยันว่าเป็นศพผู้ตาย วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๒๙ นายประเมินสนทนากับพวกเกี่ยวกับหญิงสาวลูกครึ่งที่ถูกฆ่า โดยสงสัยว่า จะเป็นบุคคลเดียวกับหญิงที่นายประเมินพบตรงปากซอยสวนพลูหรือไม่ นายประเมินจึงไปสอบถามโจทก์ร่วม ขอดูภาพผู้ตาย และเล่าเหตุการณ์ที่พบเห็นให้ฟัง โจทก์ร่วมจึงแจ้งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจพานายประเมินไปสอบถามและให้ตรวจดูภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย นายประเมินยืนยันภาพถ่ายของจำเลยทั้งสี่ตามภาพถ่ายหมาย จ. ๒ ว่า เป็นบุคคลที่นายประเมินเห็นอยู่กับผู้ตายในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๙ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมจำเลยทั้งสี่มาสอบสวนดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดให้นายประเมินชี้ตัวคนร้าย นายประเมินชี้จำเลยทั้งสี่ได้ถูกต้อง ปรากฏตามบันทึกการชี้ตัวผู้ต้องหา เอกสารหมาย จ. ๔ ถึง จ. ๗

จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ นำสืบปฏิเสธโดยอ้างฐานที่อยู่

พิเคราะห์แล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่า จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ร่วมกันฆ่าผู้ตาย คงมีนายประเมินเป็นพยานแวดล้อมเพียงปากเดียวที่อ้างว่า เห็นจำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ อยู่กับผู้ตายก่อนผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งตามทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมก็ไม่สามารถทราบได้โดยแน่ชัดว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อใด จึงไม่อาจทราบได้ชัดว่า ตามข้ออ้างของนายประเมินนั้น จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ อยู่กับผู้ตายในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ตายถึงแก่ความตายหรือไม่ เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่นายประเมินเบิกความว่า มีอาชีพขับรถยนต์รับจ้างสามล้อมาสามสิบปี แต่โจทก์และโจทก์ร่วมไม่นำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์รับจ้างสามล้อของนายประเมินมาแสดง ทั้งนายประเมินระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อคันที่ใช้ขับรับจ้างในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ไว้ในชั้นสอบสวนแตกต่างไปจากที่เบิกความไว้ต่อศาล นอกจากนี้ การที่นายประเมินอ้างว่า อยากรู้ว่าหญิงลูกครึ่งที่ตายเป็นคนเดียวกับหญิงลูกครึ่งที่นายประเมินเคยเห็นที่ปากซอยสวนพลูหรือไม่ หลังจากที่การตายของผู้ตายออกเป็นข่าวไปแล้วเกือบหนึ่งเดือน นับว่า เป็นการอยากรู้ที่ผิดปกติ เพราะเป็นการล่วงเลยเวลาอันสมควรมานานแล้ว ทั้งการที่นายประเมินให้ข้อมูลต่อโจทก์ร่วมและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นเวลาหลังเกิดเหตุแล้วเป็นเวลานาน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่ยังไม่ฟังเป็นมั่นคงว่า นายประเมินเห็นจำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา ส่วนพยานแวดล้อมอื่น ๆ ที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบ เช่น จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ เป็นลูกจ้างของนายวินัย และนายวินัยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายเรื่องผู้ตายมีคนรักใหม่ระหว่างอยู่กินกับนายวินัย หรือการที่ผู้ตายมีเรื่องขัดแย้งกับนางสาวสุวิบูล คนรักของนายวินัยก็ดี มิได้บ่งหรือมีเหตุให้เชื่อว่า จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ เป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย ที่โจทก์ร่วมฎีกาอ้างว่า การที่ผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายวินัยและนางสาวสุวิบูลมีความรุนแรงถึงขนาดจ้าง วาน ใช้ให้จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ฆ่าผู้ตายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องมิได้กล่าวถึงสาเหตุที่จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ฆ่าผู้ตาย มิได้กล่าวถึงผู้ที่ใช้ จ้าง วานให้จำเลยดังกล่าวฆ่าผู้ตาย และมิได้ฟ้องผู้ใช้ จ้าง วานมาด้วย ทั้งทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ จ้าง วานให้จำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ฆ่าผู้ตาย ข้อฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒, ที่ ๓ และที่ ๔ ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน





    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ บ้านเราคนจบนิติศาสตบัญฑิต เยอะมาก ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องตีความตัวบทเข้ากับข้อเท็จจริงไม่มีปัญหาหรอกครับ คนเก่งๆ หนอนหนังสือมีเยอะ ปัญหานี้ไม่น่าห่วง ห่วงก็แต่ปัญหาข้อเท็จจริงเท่านั้น ที่สำคัญ เน้นว่าสำคัญเพราะบ้านเราใช้การใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน  การสืบสวน การสอบสวน แสวงหาพยานหลักฐานจึงสำคัญที่สุด ที่เพื่อนสมาชิกยกเคสฎีกามาให้อ่านนี้ อันนี้คลาสสิคมากสำหรับกระบวนการยุติธรรม  บางครั้งบริสุทธิ์แต่พยานหลักฐานดันมัดแก้ตัวไม่หลุด หาพยานหลักฐานมาหักล้างไม่ได้ก็..................ไป แค่นั้น
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 15 16 17 [18] 19 20 21 ... 41
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.135 วินาที กับ 22 คำสั่ง