In Pics : จลาจลปะทุ-มีเสียงปืนดัง 3 นัดหลัง คณะลูกขุนสหรัฐฯ ตัดสิน ตร.ผิวขาวมือยิงวัยรุ่นผิวสีมือเปล่า 12 นัดไม่ผิด แม่เหยื่อยืนรอฟังผลหน้าโรงพักเป็นลมหลังทราบผลเอเจนซีส์ /เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ดาเรน วิลสัน ตำรวจเฟอร์กูสัน ตำรวจผิวขาวเฟอร์กูสันที่ลั่นไกสังหารไมค์ บราวน์ วัยรุ่นผิวสีอายุ 18ปีทั้งที่เหยื่อปราศจากอาวุธถูกตัดสินจากคณะลูกขุนเต็มคณะ 12 คนเมื่อวานนี้(24)ว่าไม่ผิด จากหลักการกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานใช้สิทธิ์ป้องกันตัวเองหากถูกคุกคามถึงแก่ชีวิต ถึงแม้มีหลักฐานนายตำรวจผู้นี้ยิงบราวน์ถึง 12 นัด แต่เจ้าหน้าที่ผู้นี้อ้างว่า ทำตามกระบวนการฝึกและข้อบังคับกฎหมายสหรัฐฯทุกประการ ซึ่งหลังผลมติออกมาทำให้ครอบครัวบราวน์หัวใจสลาย แม่ของเหยื่อเป็นลมทันทีหน้าสถานีตำรวจเฟอร์กูสันหลังได้ฟังคำตัดสิน และทำให้ผู้ประท้วงไม่เห็นด้วยเริ่มขว้างปาสิ่งของ และก่อจลาจลแสดงโกรธแค้นที่ถึงแม้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และครอบครัวของบราวน์จะออกมาขอร้องให้อยู่ในความสงบ และมีเสียงปืนดัง 3 นัด
ในวันจันทร์(24) คณะลูกขุนเต็มคณะ 12 คนในคดีสังหารไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวสีอายุ 18 ที่ถูกดาเรน วิลสันตำรวจผิวขาวเฟอร์กูสันวัย 28 ปียิงจนเสียชีวิตในวันที่ 9เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัดสินให้วิลสันไม่ต้องมีความผิดในคดีนี้ ซึ่งโรเบิร์ต แมคคัลลอก (Robert McCulloch) อัยการเซนต์หลุยส์เคาน์ตีเปิดเผยว่า มติของคณะลูกขุนออกมาจากพยานหลักฐานของคดีไม่ว่าจะมาจากอัยการหรือจากทนายความของผู้เสียหายชี้ว่า การยิงของวิลสันนั้นชอบด้วยกฎหมายรัฐมิสซูรีของเหตุควรแก่การป้องกันตัวเองในช่วงระหว่างที่มีการต่อสู้เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ผิวขาวผู้นี้กำลังติดตามการปล้น
โดยแมคคัลลอกกล่าวเพิ่มเติมว่า พบว่าในระหว่างเกิดเหตุที่มีการใช้กำลังเกิดขึ้นในขณะที่วิลสันนั่งอยู่ในรถตำรวจ และบราวน์ยืนอยู่ด้านนอกหน้าต่างตัวรถพบว่าวิลสันยิงบราวน์ 2 นัดในขณะที่เจ้าหน้าที่ยังนั่งอยู่ภายในรถ และพบว่า บราวน์วัย 18 ปี วิ่งหนีกระสุนไปทางตะวันออก และวิลสันวิ่งไล่ตาม และหลังจากนั้นบราวน์หยุดวิ่ง และหันไปเผชิญหน้ากับวิลสัน ทำให้ตำรวจผิวขาวนายนี้หยุด และบราวน์เดินตรงไปที่วิลสัน เดลิเมล สื่ออังกฤษ รายงานว่า เพราะเหตุนี้ทำให้วิลสันยิงอีก 10 นัดในระยะ 125 หลา (114 ม.) และในหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์พบว่า กระสุน 5-6 นัดนั้นถูกฝังอยู่ในร่างกายของบราวน์
โดยเอเอฟพีรายงานวันนี้(25)ว่า คณะลูกขุนของคดีได้รับฟังการให้ปากคำของพยานที่ยังไม่เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ พบว่า วิลสันหลังจากที่อยู่ภายในรถสายตรวจ และได้ชี้ตัวบราวน์ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยการปล้นร้านขายของชำ ที่บราวน์ได้ซิการ์ 1 กลอ่งติดมือกลับออกจากร้านไป โดยวิลสันสั่งให้บราวน์กลับไปยืนอยู่กับที่บนฟูตบาท ทั้งนี้วิลสันที่อยู่ในรถสายตรวจได้วิทยุแจ้งกับเจ้าหน้าที่คนอื่นว่าพบผู้ต้องสงสัยปล้นร้านค้า หลังจากสังเกตเห็นบราวน์มีกล่องซิการ์อยู่ในมือในขณะเดินคุยกับเพื่อนในเวลา 12.02 น.ของวันเกิดเหตุ
วิลสันถอยรถขวางทางบราวน์และเพื่อไม่ให้เดินต่อ รวมไปถึงปิดทางจราจรทั้งหมดที่มีในบริเวณนั้น แมคคัลลอก อัยการเซนต์หลุยส์เคาน์ตีแถลง
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(25) วิเคราะห์สาเหตุที่ดาเรน วิลสันรอดผลจากข้อกล่าวหาสังหารไมค์ บราวน์ไปได้ทั้งๆที่เป็นผู้ลั่นไกถึง 12 ครั้งใส่ประชาชนมือเปล่าไร้อาวุธ
สื่ออังกฤษรายงานว่า อย่างน้อย 4 ใน 12 ของคณะลูกขุนไม่เชื่อว่าบราวน์จะจริงใจยอมมอบตัวต่อตำรวจด้วยการชูมือขึ้นเหนือศรีษะ หลังจากถูกยิง 2 นัดไปแล้วและถูกไล่ล่าโดยวิลสันพร้อมรถสายตรวจแบบ SUV ของเขาเหมือนอย่างเช่นคำกล่าวอ้างของพยานบางปาก และตามที่ผู้ประท้วงเฟอร์กูสันทั้งหมดอ้าง
โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์เดวิด คลิงเกอร์ (David Klinger )ด้านอาชญวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยมิสซูรี - เซนต์หลุยให้ความเห็นว่า ผลการชันสูตรศพชี้ว่า บราวน์กำลังเคลื่อนที่ขณะที่มือของเขายังชูเหนือศรีษะ โดยร่องรอยกระสุนนั้นมีแนวโน้มลงต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับการให้ปากคำของวิลสัน และเป็นประโยชน์กับเขา ซึ่งพยานที่เป็นเพื่อนของบราวน์เปิดเผยกับเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ ให้สัมภาษณ์ว่า บราวน์เดินเข้าหาวิลสันทั้งๆที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและบาดเจ็บจากพิษบาดแผล แต่ยังเดินหน้าเข้าหาวิลสัน ทั้งๆที่วิลสันเริ่มยิงไปที่เขาไม่หยุด
วิลสันถูกตัดสินตามกฎหมายรัฐมิสซูรีที่อนุญาตให้ตำรวจสามารถใช้อาวุธปืนสังหารผู้ต้องสงสัยได้ใน 2 เหตุผลด้วยกันคือ (1) หากวิลสันเชื่อว่าบราวน์จะเป็นตัวอันตรายทำให้ถึงแก่ชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสต่อตัวเขาหรือต่อผู้อื่น และ (2)หากวิลสันมีความเชื่อว่า หากบราวน์กำลังหลบหนี และสามารถหลบหนีไปได้ บราวน์จะเป็นตัวอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตกับคนอื่นที่พบเขา
ซึ่งสื่ออังกฤษรายงานว่า กฎหมายมิสซูรีนั้นปกป้องชีวิตตำรวจผู้ปฎิบัติหน้าที่และปกป้องการใช้ปืนของตำรวจ เช่น ในกรณีนี้ ซึ่งมีรากฐานมาจากกฎหมายอังกฤษ โดยกฎหมายลักษณะเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่พบในสหรัฐฯ เช่นในกรณีของ เทวอน มาร์ติน วัยรุ่นแอฟริกันอเมริกัน รัฐฟลอริดามือเปล่าไร้อาวุธถูกเจ้าหน้าที่อาสาสมัครระวังภัยชุมชนใช้ปืนปลิดชีพจากข้อต่อสู้ว่ากระทำลงไปเพื่อปกป้องชีวิต เช่นเดียวกับที่วิลสันกล่าวในคำแถลงหลังจากทราบการติดสินแล้วว่า ทุกสิ่งที่กระทำล้วนทำตามขั้นตอนที่ได้รับการฝึกและเป็นไปตามกฎหมายรัฐมิสซูรีที่ระบุไว้
และเดอะการ์เดียนวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า คาดว่าวิลสันคงให้การว่า เขาถูกบราวน์ทำร้ายอย่างสาหัสในขณะที่เขานั่งอยู่ภายในรถสายตรวจ และเป็นผลทำให้ตำรวจผิวขาววัย 28ปีผู้นี้ตัดสินใจใช้ปืนกับบราวน์ที่ถึงแม้วัยรุ่นผิวสีพยายามที่จะหลบหนีก็ตาม เพราะวิลสันเชื่อว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้หยุดบราวน์จากการหลบหนี และไม่ไปทำร้ายคนอื่นได้
โดยคลิงเกอร์กล่าวว่า ถ้าหากบราวน์ใช้กำลังทำร้ายวิลสันที่นั่งภายในรถสายตรวจหรือพยายามแย่งอาวุธจากวิลสัน นั่นเท่ากับทำผิดอาญาขั้นอุกฉกรรจ์ และบราวน์กำลังหลบหนี นั่นเท่ากับเป็นเหตุทำให้วิลสันสามารถใช้เหตุผลในการใช้ปืนยิงบราวน์ได้ ซึ่งในสหรัฐฯโทษอาญาขั้นอุกฉกรรจ์นั้นเกิดขึ้นได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น ไทย เช่น สื่อสหรัฐฯ ซานฟรานซิสโก เอ็กแซมมิเนอร์ รายงานในวันที่ 3 กรกฎาคม 1995 ชายวัย 24 ปี ชาวแคลิฟอร์เนียถูกจับโทษอาญาขั้นอุกฉกรรจ์ใน 2 ข้อหา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการที่มีประทัดดอกไม้ไฟแบบจีนอยู่ในรถ ซึ่งตามกฎหมายรัฐแคลิฟอร์เนียมีโทษสูงสุดจำคุกถึง 3 ปี
และคลิงเกอร์ยังระบุต่อไปว่า ในจุดหนึ่งที่บราวน์หยุดวิ่งหนี และหันมาเผชิญหน้ากับวิลสันโดยการเดินเข้าไปหา ก็เท่ากับว่า คุกคาม และถือเป็นการที่วิลสันใช้อ้างเหตุป้องกันตัวเองให้มีชีวิตรอดจากการคุกคามนี้ได้ (ผู้กระทำผิดในสหรัฐฯจะต้องหยุดอยู่กับที่ ห้ามเคลื่อนไหว และต้องแสดงมือให้เจ้าหน้าที่เห็นตลอดเวลาเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ขัดขืน) อย่างไรก็ตาม หากบราวน์ยอมจำนน และชูมือขึ้นเหนือศรีษะ จะเป็นสาเหตุให้วิลสันไม่สามารถใช้ข้ออ้างปกป้องชีวิตตนเองได้ ซึ่งสถานการณ์เปลี่ยนแปลงทำให้จากที่ชอบด้วยกฏหมายกลายเป็นไม่ชอบ และกลับเปลี่ยนเป็นถูกกฏหมายอีกครั้งเมื่อมีสิ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
และมีรายงานข่าวว่า ครอบครัวบราวน์ที่เฝ้ารอการตัดสินของคณะลูกขึ้นด้านหน้าสถานีตำรวจมิสซูรีแสดงความผิดหวังเมื่อได้ทราบผล โดยเลสลีย์ แมกสแปดเดน (Lesley McSpadden )มารดาของวัยรุ่นผิวสีถึงเป็นลมเมื่อพบว่า ตำรวจมือยิงนั้นไม่มีความผิด แต่ทางครอบครัวได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในภายหลังว่า มีความผิดหวังมากในคำตัดสินที่ออกมา และเรียกร้องให้มีการชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งสื่ออังกกฤษรายงานว่า ในวินาทีที่คำตัดสินออกมานั้น แมกสแปดเดนตะโกนว่า นี่มันผิด!!! ด้านพ่อเลี้ยงของไมค์ บราวน์ ตะโกนด้วยความโกรธว่า เผาแม่..งให้ราบ ซึ่งเจย์ นิกสัน (Jay Nixon)ผู้ว่าการรัฐมิสซูรีประกาศภาวะฉุกเฉิน และสั่งให้ทหารแนชันแนลการ์ด FBI ตำรวจ และส่วนต่างๆเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยสื่อสหรัฐฯ MSNBC News รายงานว่า มีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด และสื่ออังกฤษ เดลิเมลรายงานว่า มีร้านค้าบางแห่งแห่งถูกเผา รวมถึงรถตำรวจ มีการปล้นสะดมร้านค้าเกิดขึ้น เฟอร์กูสันเต็มไปด้วยแก๊ซน้ำตา ควันไฟโขมง และความรุนแรง ส่วนโรงเรียนได้ถูกสั่งปิดในวันอังคาร(25)
นอกจากนี้ เอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ขอให้เฟอร์กูสันและสหรัฐฯยอมรับในผลการตัดสินของคณะลูกขุนเพราะสหรัฐฯเป็นประเทศใช้ยึดหลักยืนอยู่กับกฎหมายและการบังคับใช้ พร้อมยังแสดงความเห็นใจต่อครอบครัวของบราวน์ โดยใช้เหตุผลว่า ครอบครัวบราวน์เป็นผู้สูญเสียมากที่สุดในกรณีนี้ ทางเราทุกคนควรต้องยอมรับทำตามแถลงการณ์ของครอบครัวที่ขอให้มีการแสดงออกอย่างสงบ พร้อมยังส่งสารไปถึงเจ้าหน้าที่ในเฟอร์กูสันทุกฝ่ายให้ใช้ความอดทนและเห็นใจต่อการประท้วงที่แสดงออกถึงความผิดหวัง
แต่ทว่าเอเอฟพีรายงานว่า คำขอของโอบามานั้นไร้ผลเพราะเกิดการปะทะขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงในเฟอร์กูสัน ซึ่งนอกจากรัฐมิสซูรีแล้วมีรายงานว่า มีการประท้วงในอีก 90 เมืองทั่วสหรัฐฯ โดย NBC News รายงานเพิ่มเติมว่า มีผู้ประท้วง 500 คนได้ปิดการจราจรบนถนนไฮเวย์ I580ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมไปถึงมีการรวมตัวของคนจำนวนมากในชิคาโก และในโอ๊กแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย มีการทำลายรถตำรวจ ซึ่งทำให้มีผู้ประท้วงบางส่วนถูกจับกุม มีรายงานการใช้ประทัดดอกไม้ไฟตอบโต้เจ้าหน้าที่รวมถึง บานกระจกของธนาคารในโอ๊กแลนด์ถูกทุบทำลาย
(กลาง)ดาเรน วิลสัน ล่าสุดหลังจากเกิดเหตุบิง (ล่างซ้าย) ไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวสี ได้พูดกับวิลสันในขณะหันกลับ และเดินตรงเข้ามาหาวิลสันทั้งๆที่ถูกยิงว่า "แกมัน...ไอ้หน้าตัว...ที่ยิง"
ร่องรอยบาดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่บยตัวดาเรน วิลสัน
ร่องรอยบาดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่บยตัวดาเรน วิลสัน
รถตำรวจของดาเรน วิลสันในขณะเกิดเหตุ
หลักฐานพยานวัตถุที่ประกอบคำตัดสินคณะลูกขุน
ภาพหลักฐานนิติวิทยาศาสตรจากที่เกิดเหตุ
ปืนของดาเรน วิลสันใช้ยิงในขณะเกิดเหตุ
กระสุนที่ใช้
(มีต่อ)